ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    God Liked

    ลำดับตอนที่ #2 : จุดเริ่มต้นของการผจญภัย

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.พ. 56


    ตอนที่ 2 จุดเริ่มต้นของการผจญภัย

     

                    สก็อตยังคงมาทำงานที่โรงแรมตามปกติ  แต่ที่ไม่ปกติคือ  เขาเริ่มอยากจะลาออกจากงานที่นี่แล้ว

    ลองไปสมัครเป็นนักล่าสมบัติดูสักครา  เสียดายที่วันนั้นตั้งใจไปแล้วกลับมากลางคัน


                    “ชาไม่เย็นเลยคุณช่วยไปอุ่นให้ทีได้มั๊ย” เสียงแรกของแขกโต๊ะหน้า  ทำให้สก็อตตื่นจากความ

    ฝันค้างกลางวันชั่วคราว  แขกเรียกหาสก็อตแล้วหันไปสนทนากับคู่สนทนาบนโต๊ะต่อไป


                    สก็อตเคลื่อนตัวนอบน้อมเข้ามาใกล้  ไม่มีใครสนใจการมาของเขา  สก็อตเอื้อมมือแตะแก้วชา 

    “ลองชิมใหม่ดูครับคุณผู้ชาย” สก็อตพูดก่อนถอยห่างไปหนึ่งก้าว  ชายดังกล่าวเงยหน้าขึ้นมองเขา  ก่อนจะ

    ยกแก้วขึ้นมาจิบ


                    “อื้ม  อุ่นกำลังพอดีเลย  เอ๊ะ  เมื่อกี้ยังเย็นชืดอยู่เลย  สงสัยลิ้นเพี้ยน  ขอบคุณนะ” เขายิ้มให้สก็อต

    แล้วรับประทานอาหารต่อไป


                    …..มันใช้ได้จริงๆด้วย…..หลายวันมานี้  สก็อตลองมาหลายครั้งพบว่า  อาภรณ์พระเจ้าของเขา

    มันทำได้เพียงให้น้ำอุ่นขึ้นเท่านั้นเอง
    ……


            ช่วงเวลาพักงาน  ปกติสก็อตไม่ค่อยสนทนากับเพื่อนร่วมงานเท่าไหร่นัก  “ลินช์  นักล่า

    สมบัติเขารับสมัครอยู่เหรอ  เห็นหัวหน้าบอกมา”

     

           ลินช์สูบบุหรี่อยู่ที่ระเบียงหันมาตอบสก็อต  “ลมอะไรพัดแกมาคุยกับฉันวะ  เมื่อก่อนคุย

    กันแค่คำสองคำ  ตั้งแต่นายขอซื้อรองเท้าต่อจากฉันนายก็ไม่มาคุยกับเราจริงจังอีกเลย”

     

                    สก็อตยิ้มเขินๆ
     

                    “นายจะเอาชีวิตไปทิ้งรึไง  ต้องเป็นพวกบ้าบิ่นพอเท่านั้นแหล่ะ  ถึงจะเลือกเป็นนักล่าสมบัติ” ลินช์

    ตอบ


                    “เพราะอะไรนายถึงพูดแบบนั้น” สก็อตยิงคำถาม


                    “เฮ้อ  ข้างนอกมันอันตรายมากรู้รึเปล่า  นายเคยได้ยินพวกมีพลังวิเศษมั๊ย  ต้องเก่งระดับนั้นถึงจะ

    เอาตัวรอดได้  ไม่งั้นเจอสัตว์ประหลาด  ไปบุกตะลุยฝ่าอันตราย  ค้นหาสมบัติในตำนานบ้าบออะไรนั่น  ฉัน

    ยอมเป็นลูกจ้างในโรงแรมดีกว่า  อายุยืนกว่าเยอะเลย” ลินช์พูดตอบ


                    “แล้วถ้าจะสมัครจริงๆ  ต้องทำยังไง” สก็อตถามต่อ


                    “นี่นายเอาจริงเหรอเนี่ย  เข้าไปสิเขาให้สมัครฟรีล่ะมั้งช่วงนี้  คนสมัครก็พอเยอะอยู่  แต่พอข่าวนั้น

    ออกมา  ก็ไม่มีใครกล้าไปสมัครเลย  ฉันก็เคยลองสมัครเล่นๆมาแล้วเหมือนกัน”


                    ทำเอาสก็อตตื่นเต้นกับเรื่องเล่านี้ของลินช์


                    “ข่าวอะไร  แล้วนายเคยเป็นนักล่าสมบัติด้วยงั้นเหรอ” สก็อตถามอย่างสนอกสนใจ


                    “เออสิ  เคยสมัครแต่ทำภารกิจตามล่าสมบัติพื้นฐานไม่สำเร็จ  เลยไม่เป็นมันละ  เลยมาสมัครเป็น

    บริกรที่นี่ไงล่ะ  ส่วนไอ้ข่าวนั่นอ่ะนะ  มันมีข่าวว่า  มีพวกโจรปล้นนักล่าโจรสลัดอีกทีน่ะ  พวกนี้มันร้ายจริง 

    เรียกพวกนั้นว่า แบนดิโต้ อะไรเนี่ยล่ะ” ลินช์ตอบก่อนจะหันมองอีกฝ่าย


                    “นายเอาจริงเหรอ” ลินช์ถามย้ำอีกครา


                    “อืม  ฉันเอาจริง  จะทำอะไรบางอย่างให้นายดู  ตามฉันมาข้างใน” สก็อตเดินนำเข้าไปในห้องครัว


                    แก้วใบหนึ่งรินน้ำเปล่าเกือบเต็มแก้ว  พนักงานส่วนใหญ่ออกไปพัก  ลินช์มองสก็อตอย่างแปลกใจ 

    สก็อตบอกให้ลินช์ดื่นน้ำในแก้วดู  เอานิ้วชี้จุ่มไปในแก้ว 


                    “มันก็เฉยๆ  ไม่เย็น  ไม่ร้อน  ทำไมเหรอ”


                    “นายดูนี่นะ”  สก็อต  หยิบแก้วขึ้นมา  ปรากฏถุงมือไหมพรมสีน้ำตาลปรากฏขึ้น  นานกว่าที่สก็อ

    ตจะวางแก้วลง  ทำเอาลินช์ตกตะลึง 


                    “เฮ้ย  นายมีพลังวิเศษนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่”


                    “ลองสัมผัสน้ำในแก้วใหม่”


                    ลินช์เอานิ้วชี้จุ่มลงไป  แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง  จนต้องลองดื่มลงไป  “นี่มันอุ่นมากเลยนะนี่

    นาย”


                    “ใช่  ฉันจะลาออกจากที่นี่  ไปเป็นนักล่าสมบัติ” สก็อตตอบอย่างจริงจัง


                    ลินช์พูดขัดขึ้น  “แต่ แค่ทำให้น้ำอุ่นเนี่ยนะ  ความสามารถพิเศษนาย  ออกไปข้างนอกนายตายอยู่ดี 

    ถ้าเป็นลูกจ้างที่นี่  อย่างน้อยก็ทำงานเร็วขึ้น  ไม่ต้องเอาเครื่องดื่มไปอุ่น  แค่นั้น”


                    ….จริงอย่างที่ลินช์ว่า  มันจะทำอะไรได้  กับความสามารถแค่นี้….แต่เอาน่ะ  ลองดู  ถ้าเป็นไม่ได้

    ก็แค่หางานใหม่ทำ


                    “ฉันตัดสินใจแล้ว”สก็อตพูดอย่างจริงจังอีกครั้ง


                    “ได้  เอาก็เอา  ตามนั้น  ขออวยพรให้นายโชคดี”

                   

     

    ตึกสมาคมนักล่าสมบัติ


                    ตึกสูงระฟ้าสีขาว  ด้านหน้าเป็นเรือนหินอ่อน  ประดับประดาด้วยของล้ำค่านานาชนิด  ที่นี่มีการคุ้ม

    กันอย่างแน่นหนาและปลอดภัย  ยากที่วายร้ายใดๆจะเล็ดรอดเข้ามาได้  สก็อตเดินทางมาตามแผนที่นั้นอีก

    ครั้ง  เขาลาออกจากการเป็นบริกรไปเรียบร้อย  บอกกับคุณลุงว่าจะออกมาหางานทำใหม่  แต่ไม่ได้บอกว่า

    งานที่ว่านี่มันคือ  การเป็นนักล่าสมบัติ  หากพูดความจริงออกไปคุณลุงคงคัดค้านเป็นแน่


                    โต๊ะรับสมัครนักล่าสมบัติมือใหม่  มีป้ายไม้ประกาศวางอยู่  สก็อตเดินอย่างระแวดระวังเข้ามา 

    ด้านข้างเป็นป้ายประกาศงานต่างๆ  มีตั้งแต่  ระดับเบื้องต้น  ชั้นกลาง  และชั้นสูง  รวมทั้งข่าวประกาศต่างๆ 

    หากจะอ่านให้หมดทั้งป้ายประกาศคงต้องใช้เวลานานซักหลายชั่วโมงกว่าจะอ่านหมดนี่


                    สก็อตมองมันเพียงผ่านตา  เดินตรงมายังโต๊ะเล็กๆ  มีตะกร้าวางใบสมัครอยู่ในนั้น  บุคคลผู้หนึ่ง

    ก้มควานหาของบางอย่าง  เห็นเพียงบั้นท้ายโผล่มา  สก็อตชะเง้อมอง  พลางเคาะโต๊ะสองครั้งเรียก


                    “ผมมาสมัครเป็นนักล่าสมบัติครับ”


                    หญิงสาวสะดุ้งตัวพรวดออกมา  “เจอแว่นแล้ว”


                    ….เธอก้มลงไปหาแว่นนั่นเอง


                    ที่หน้าอกมีชื่อปักอยู่  “เฟลิซ” คงเป็นชื่อของเธอ


                    “หา  ว่าอะไรนะ”


                    “ผมมาสมัคร”


                    “เอาเลย  สมัครเลย” สก็อตยังพูดไม่จบประโยคเฟลิซก็ยื่นใบสมัครให้กับเขาแล้ว  เรียกว่า

    ยัดเยียดมากกว่า  หรือว่าข่าวที่ว่าจะเป็นจริงอย่างที่ลินช์เล่ามา  ที่นี่ร้างคนมากเลย  เรียกว่าแทบไม่มีใครเลย

    มากกว่า


                    สก็อตงงๆ กับท่าทีของเธอ  แต่เขาก็กรอกใบสมัครจนเสร็จ


                    “เอาล่ะ  ทีนี้  นั่งลงแล้วฟังฉันอธิบาย” เฟลิซพูด  สก็อตนั่งลงตรงข้ามเธอตามที่สั่ง


                    เฟลิซขยับแว่นตาอันหนาเตอะของเธอแล้วเริ่มอธิบาย  “นักล่าสมบัติคือบุคคลที่อิสระ  มีหน้าที่

    ค้นหาสมบัติ  ตามหาคน  อะไรก็ตามที่อยู่บนไลเซนส์บนกระดานนั่น  คน  สัตว์  สิ่งของ  ล้วนแล้วแต่เป็น

    สมบัติ  สมบัติทั้งที่มีเจ้าของและไม่มีเจ้าของ  พูดง่ายๆ  งานโคตรจับฉ่าย”


                    สก็อตฟังไปคิดไป  “นี่มันไม่เห็นตรงกับเรื่องเล่าปู่ซักกะนิด”


                    เฟลิซพูดอธิบายต่อ  “สมาคมนักล่าสมบัติจะเป็นผู้ออกไลเซนส์ให้  ไลเซนส์คือใบอนุญาตเพื่อ

    ทำการหาสมบัตินั้นๆ  การซื้อไลเซนส์ต้องใช้เงินจำนวนหนึ่งตามใบประกาศนั้นๆ  สมาคมนักล่าสมบัติจะตี

    ราคางานนั้นๆให้  เมื่อทำสำเร็จนำสมบัติหรือใบไลเซนส์มาขึ้นเงินที่สาขาประจำเมือง”


                    สก็อตนั่งฟังนิ่งเหมือนก้อนหินไม่มีผิด


                    “นายกระดุกกระดิกได้นะ  เป็นก้อนหินหรือเปล่าเนี่ย”


                    สก็อตเกาหัวแกรกๆ  เฟลิซก็เริ่มอธิบายต่อไป


                    “นักล่าสมบัติมีหลายระดับ  เริ่มต้นคือขั้นแรกของคุณ  คือนักล่าสมบัติฝึกหัด  จะต้องทำภารกิจ

    ในไลเซนส์นี่ให้ครบ  เมื่อทำสำเร็จนายจะได้เลื่อนขึ้นเป็นนักล่าสมบัติเบื้องต้น  และเมื่อมีสินทรัพย์ครบ

    หนึ่งแสนจะขึ้นเป็นนักล่าสมบัติชั้นกลาง  และกว่าจะเลื่อนขึ้นเป็นนักล่าสมบัติชั้นสูงได้ต้องมีสินทรัพย์เกิน

    สิบล้านขึ้นไปและตอนนั้นจะอนุญาตให้ตั้งทีมนักล่าสมบัติขึ้นมาได้”


                    เฟลิซถอนหายใจเหนื่อย  “นี่อธิบายแบบนี้มาตั้งหลายรอบแล้วนะ  ท่องได้หมดแล้วเนี่ย  แต่ช่วงนี้

    ไม่ค่อยมีใครอยากเป็นนักล่าสมบัติกันนักหรอก  ไม่มีใครอยากเอาชีวิตไปทิ้งอีกแล้ว”


                    ….อาจจะเป็นข่าวกลุ่ม  แบนดิโต้  ที่ว่านั่นจริงๆ…..


                    “เตรียมใจมาแล้วสินะ” เฟลิซประสานมือเท้าคาง  เลื่อนใบไลเซนส์ให้กับสก็อต


                    “ครับ” สก๊อตตอบสั้นๆ

       “นี่เป็นไลเซนส์สำหรับนักล่าสมบัติฝึกหัดสำหรับคุณ  คุณสก็อต
     

       ในใบไลเซนส์มี 3 ภารกิจให้ทำ  หนึ่งตามหาแมวที่หายไปของคุณนายวิคกี้  เงื่อนไข  เมื่อหา

    เจอให้คุณนายเซ็นรับทราบในใบไลเซนส์เพื่อยืนยันภารกิจ
     

    ภารกิจที่ 2กำจัดหัวหน้าอันธพาลที่ระรานในตรอกดินเหนียวนำฟันหน้าของอันธพาลนั้นมา

    ส่งเพื่อยืนยันภารกิจ

     

    ภารกิจที่ 3ไล่ผีร้ายในหอระฆังร้านย่านชานเมืองเมื่อเสียงระฆังดังกังวานอีกครั้ง  นับว่านั่น

    เป็นการยืนยันภารกิจ

     

    …. “เมื่อทำสำเร็จ  กลับมาที่นี่อีกครั้ง  คุณจะได้เป็นนักล่าสมบัติเบื้องต้นเต็มตัวขอให้โชคดี”
     

    เฟลิซอวยพร  สก็อตรับมันมาก่อนจะโค้งขอบคุณก่อนไป
     

    “เฮ้  แล้วนาย  เอ่อ  คุณสก็อต  คุณทำอะไรได้บ้างมั๊ย  แบบเชี่ยวชาญอาวุธ  หรือมีพลังวิเศษอะไร

    ทำนองนั้น” เฟลิซยิงคำถามสุดท้ายก่อนที่เขาจะออกจากเรือนหินอ่อนไป

     

    สก็อตหันมายิ้มกว้าง  พูดกับเธอ  “ลองชิมกาแฟในแก้วผมสิครับ  แล้วจะรู้เอง”
     

    สก็อตพูดทิ้งท้ายเดินหันหลังลับหายไป  เฟลิซรู้ดีว่ากาแฟเย็นในแก้วที่วางอยู่เธอเป็นคนเสริฟให้

    ระหว่างอธิบายงาน  สิ่งที่ทำให้เฟลิซลุกจากที่นั่ง  วิ่งออกไปชะเง้อหาชายเมื่อครู่ที่เธอคุยด้วย  แต่ตอนนี้ไม่

    เห็นตัวแล้ว

     

    ควันอุ่นๆลอยจากแก้วกาแฟ  ….ที่เมื่อครู่นี้  มันยังมีน้ำแข็งเต็มแก้วอยู่เลย

    …..จบตอน

                   

                    

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×