คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : น้ำแข็งกลางใจ
บทที่ 5
������������������
� � � � วันนี้เป็นวันที่เดินทางไปสัมมนาที่หัวหิน ดังนั้นเช้าตรู่วันนี้พนักงานทุกคนจึงมารวมตัวกันที่หน้าบริษัทแต่เช้าเพื่อขึ้นรถตู้ที่ทางบริษัทเตรียมไว้ให้ เช่นเดียวกับพบรักที่ก็มาขึ้นรถที่บริษัทเหมือนกันโดยที่เมธีอาสาขับรถมาส่งที่บริษัท
“ส่งพบแคนี้ก็ได้ค่ะพี่ธี ไม่ต้องช่วยยกกระเป๋าไปเก็บที่รถให้หรอกค่ะ พบเกรงจ้าย เกรงใจ” หญิงสาวกล่าวน้ำเสียงทะเล้น
“นี่ขนาดเราเกรงใจพี่นะ ยังขนกระเป๋ามาตั้งสองสามใบ ถ้าไม่เกรงใจพี่คงต้องถือของให้เราจนแขนพี่ยาวกว่าขาแน่ๆเลย” เมธีบ่นน้ำเสียงเอ็นดูพลางใช้มือข้างหนึ่งซึ่งไม่ถือของยีผมเธออย่างหมั่นเขี้ยว
“แหมๆ หยอกกันน่าเอ็นดูแต่เช้าเลยนะค่ะพี่น้องคู่นี้ พี่ละอิจฉาจริงเลยมีพี่ชายหล่อๆแบบพ่อเลี้ยงเนี้ย” เสียงกมลาเอ่ยแซวพบรักพร้อมกับส่งสายตาหวานเยิ้มไปให้เมธีอย่างจงใจ
������� พบรักซึ่งรู้ดีว่า กมลาแค่อยากแกล้งเมธี เพราะพี่ชายของเธอมักจะขยาดการจีบซึ่งๆหน้าของกมลา เวลาเจอหน้ากันแต่ละครั้งเพื่อนสาวรุ่นพี่คนนี้มักจะทำท่าราวกับจะกลืนกินพี่ชายเธอเสมอจนเมธีไม่ค่อยกล้ามาหาเธอที่บริษัทนัก ตอนนี้ก็เช่นกัน ดูสิพี่ชายเธอทำท่าทางราวกับกินยาขมก็ไม่ปานใจหนึ่งก็ขำ แต่อีกในหนึ่งก็สงสารอดไม่ได้ที่เธอจะออกโรงปกป้องเมธีเช่นทุกครั้ง
“หยุดมองพี่ชายพบด้วยสายตา อยากกินได้แล้วพี่กบเดี๋ยวพี่ชายพบก็สึกกันพอดี” พบรักปรามกมลาขำๆพลางไปกอดแขนเมธีอย่างเป็นเจ้าของ จนเมธีต้องหันไปส่งยิ้มให้อย่างขอบคุณ
ขณะเดียวกันไม่ไกลนักตุลาการเดินมากับสิตางค์พอดี โดยตุลาการและสิตางค์จะขึ้นรถสำหรับผู้บริหารอีกคันตามไป เมื่อทั้งสองเดินมาใกล้สิตางค์ก็เดินตรงไปทักทายพบรักกับเมธีทันทีตุลาการซึ่งเดินมาด้วยก็จำใจเดินไปด้วยอย่างเสียมิได้
“สวัสดีค่ะพ่อเลี้ยงเมธีชั้นสิตางค์เป็นเจ้านายของพบรัก และนี่นายตุลย์เพื่อนสิตางค์ �เราเคยเจอกันที่งานเลี้ยงเมื่อคราวที่แล้วไม่ทราบว่าพ่อเลี้ยงจำได้ไหมค่ะ” สิตางค์กล่าวแนะนำตัวอย่างเป็นกันเอง
“อ๋อ ครับจำได้แต่ผมไม่ทราบว่าคุณเป็นเจ้านายยัยพบด้วย” เมธีตอบกลับอย่างสุภาพพลางสังเกตผู้ชายที่อยู่ข้างๆเธอที่เอาแต่จ้องน้องสาวของเขา จนยัยตัวแสบที่พูดเจื้อยแจ้วเมื่อครู่ยืนนิ่ง เกาะแขนเขาแน่นจนน่าสงสัย หรือสองคนนี้เคยมีเรื่องอะไรกันมาก่อนหรือเปล่าเมธีขบคิดอย่างสงสัย จนเสียงของพบรักดังขึ้นอีกครั้งเขาจึงละความคิดเมื่อครู่ลง
“พี่ธี ที่พบเล่าให้ฟังเมื่อคืนนี้ไงว่าเจ้านายพบอยากไปเที่ยวที่ไร่แล้วพบบอกให้คุณสิตางค์ไปพักที่เรือนรับรองหลังใหม่ของเราไงค่ะ” หญิงสาวหันไปพูดกับเมธีพร้อมกับส่งยิ้มหวานๆไปอ้อนอย่างที่ทำทุกวัน
“พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ค่ะ ดีซะอีกพี่จะได้ถือโอกาสให้คุณสิตางค์ประชาสัมพันธ์ให้” เมธีพูดอย่างอ่อนโยนพลางโอบไหล่พบรักเข้ามาหาตน เพื่อต้องการดูปฏิกิริยาบางอย่างจากผู้ชายคนนั้น ซึ่งก็เป็นอย่างที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆคุณสิตางค์แม้เขาจะปิดบังความโกรธไว้ภายใต้หน้าตาที่นิ่งเฉยนั้น แต่แววตาของเขากับแสดงออกมาตรงข้ามกัน ฮึดูก็รู้ผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดาแน่ คงต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลกับน้องเขาเป็นแน่ หรือจะเป็นคนที่เป็นสาเหตุให้เมื่อเดือนก่อนน้องเขาร้องไห้อย่างทุกข์ตรม ไม่ได้การละ เขาต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว เมธีคิดอย่างกังวล
“แล้วเรือนรับรองนี้ ใช่เรือนหอของพ่อเลี้ยงหรือเปล่าเอ่ย” สิตางค์ทอดน้ำเสียงถามอย่างแซวๆ ซึ่งก็เข้าทางเมธีพอดี
“อันนี้คุณสิตางค์คงต้องไปถามยัยพบเองครับว่าจะอนุญาตให้ผมทำเป็นเรือนหอหรือเปล่า คือผมไม่กล้าขัดใจแม่เลี้ยงคนนี้หรอกครับ” เมธีเอ่ยเป็นนัย ตั้งใจพูดกำกวมเพื่อให้คนบางคนเข้าใจผิดและก็ได้ผลดังคาด ตุลาการถึงกับทนอยู่ต่อไม่ไหวรีบขอตัวไปนั่งรอที่รถทันที สิตางค์เห็นท่าไม่ดีจึงขอตัวและรีบตามตุลาการไปด้วยความสงสัย
�
“คุณเมธีจะแต่งงานหรือค่ะแล้วแต่งกับใคร แต่งเมื่อไหร่ แล้วทำไมพบไม่เคยเล่าให้พี่ฟัง”คล้อยหลังสิตางค์กมลาก็รัวถามเมธีอย่างงุนงง
“เปล่าครับ ผมแค่หมายความว่าถ้าผมต้องแต่งงานซึ่งคงอีกนาน แล้วจะใช้เรือนรับรองหลังใหม่เป็นเรือนหอ ผมก็ต้องขออนุญาตยัยพบก่อนเพราะเรือนหลังนี้คุณแม่ใหญ่ท่านยกให้ยัยพบไปแล้วขืนผมไปใช้โดยพลการมีหวังทั้งสองคนแม่ลูกได้แหกอกผมแน่” เมธีอธิบายยิ้มๆภายในใจนึกขำยิ่งนักที่ทำให้ตุลาการล่าถอยไปได้
“โธ่ คุณเมธีแล้วก็ไม่บอกตั้งแต่แรก กบงี้ใจเสียหมดคิดว่าจะอกหักซะแล้วอุตส่าห์หวังว่าจะได้เป็นแม่เลี้ยงอย่างยัยพบบ้าง” กมลากล่าวงอนๆแต่สายตากลับมองเมธีอย่างหยาดเยิ้ม
“พี่กบก็แซวพบไปได้ ที่กรุงเทพไม่มีใครเรียกพบว่าแม่เลี้ยงหรอกค่ะ มีแต่คนงานในไร่นั้นแหละที่เรียกพบบอกตั้งไม่รู้กี่ครั้งแล้วจนตอนนี้พบก็เลยเฉยๆอยากเรียกอะไรก็ตามใจ” พบรักบอกอย่างระอา
“ก็พบเป็นน้องสาวพี่ ให้คนงานเรียกแบบนั้นนะถูกแล้ว ว่าแต่สายแล้วพบไปขึ้นรถเถอะพี่ก็จะกลับแล้วเหมือนกัน ไว้อีกสองวันพี่มารับนะ” เมธีพูดพลางดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ
“งั้นพบไปก่อนนะ ถึงแล้วจะโทรบอกไปล่ะ” หญิงสาวบอกพร้อมกับโบกมือลาด้วยท่าทางสดใส
��������
� ซึ่งขณะที่ตุลาการที่นั่งมองผ่านกระจกรถด้วยความหงุดหงิด พลางเข่นเคี้ยวในใจอย่างโมโห ฮึฝากไว้ก่อนเถอะพบ คุณแน่มากนะที่กล้าควงไอ้หมอนั้นมาเปิดตัวต่อหน้าชั้น แถมไอ้พ่อเลี้ยงนั้นยังประกาศโต้งๆว่าเป็นเจ้าของอยากรู้นักถ้า แกรู้ว่าผู้หญิงที่แกเฝ้าถนอมอยู่นะ ตกเป็นของชั้นแล้วแกยังจะกร่างได้อีกไหม
������������� เมื่อทุกคนมาถึงโรงแรมที่พัก พนักงานส่วนใหญ่ก็พากันตื่นตาตื่นใจกับความหรูหราโอ่โถงของโรงแรม พอเช็คอินเสร็จทุกคนก็พากันไปพักผ่อนกันตามอัชฌาศัย จะมีก็แต่พบรักเท่านั้นที่ยังไม่ได้ห้องพัก โดยพนักงานต้อนรับให้เหตุผลว่าเพราะเธอรายชื่อตกหล่นจึงไม่ได้เตรียมห้องพักไว้ให้ ซึ่งกมลาเห็นว่าคงไม่เป็นไรถ้าจะให้พบรักมาอยู่ที่ห้องเดียวกับตนและจริยา พบรักเองก็ตัวนิดเดียวนอนเบียดๆกัน คงพอได้อยู่ และในขณะที่สิตางค์และตุลาการกำลังจะไปเช็คอินเหมือนกัน ทราบเรื่องเข้าเธอจึงให้พบรักพักห้องอีกห้องหนึ่งซึ่งว่างพอดีเนื่องจากตุลาการจองไว้เผื่อเพื่อนที่จะมาด้วยกันแต่เขา ยกเลิกกะทันหัน แต่ในความเป็นจริงแล้วตุลาการจงใจไม่ใส่ชื่อพบรักในรายชื่อพนักงานจึงทำให้เธอไม่ได้ห้องพักที่เป็นชั้นเดียวกับพนักงานคนอื่นๆ และต้องมาอยู่ห้องสำหรับผู้บริหารที่เขาจองเผื่อเธอตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก
“คุณสิตางค์ค่ะให้พบอยู่กับพวกพี่กบพี่จ๋าก็ได้ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” พบรักบอกด้วยท่าทีเกรงใจ
“ไม่เป็นไรหรอกพบ ห้องนั้นไหนๆก็ว่างอยู่แล้ว ชั้นจะได้ไม่เสียค่าห้องไปฟรีๆเธอไปอยู่นะดีแล้วเชื่อชั้นเถอะ” สิตางค์บอกอย่างตัดสินใจแล้ว
“พี่ก็ว่าดีออกนะพบ ห้องผู้บริหารคงจะกว้างดี อีกอย่างตลอดทางที่มาเธอก็บ่นว่าเวียนหัวไม่ใช่เหรอสงสัยจะเมารถ รีบไปพักผ่อนเถอะจะได้ดีขึ้น ถ้ายังไงก็นอนยาวไปเลยก็ได้อาหารก็สั่งไปกินบนห้องเอา ดูสิหน้าซีดเป็นไก่ต้มเลยวันนี้คงไม่มีอะไรหรอก พรุ่งนี้ตอนสายๆถึงจะเริ่มสัมมนา ” กมลาบอกน้ำเสียงห่วงใยพลางลูบเนื้อลูบตัวหญิงสาวอย่างเอ็นดู
������������� พบรักเองก็เริ่มเวียนศีรษะมาอีกจึงไม่คิดอะไรอีก พอเช็คอินเสร็จก็ขึ้นห้องล้มตัวลงนอนทันที การกระทำดังกล่าวไม่อาจรอดพ้นสายตาของตุลาการไปได้ ตอนนี้เขาจะปล่อยให้เธอพักผ่อนไปก่อน เพราะเห็นด้วยกับกมลาที่ว่าพบรักดูไม่ค่อยสบายตัวนัก ไว้ตอนค่ำๆเขาค่อยมาจัดการก็ยังไม่สาย ทั้งนี้สิตางค์เองจะได้ไม่สงสัยอะไรเขาอีกเพราะแค่เรื่องห้องที่เขาจอง เธอก็สักซะเขาเกือบหลุดปาก �ดีที่เขาไหลได้ไม่งั้นแผนการครั้งนี้คงล่มไม่เป็นท่า จวบจนเวลาค่ำเขาก็จัดการให้พนักงานไปบอกกมลาว่า พบรักสั่งให้มาบอกว่าคืนนี้จะไม่ลงมาเพราะต้องการพักผ่อน ซึ่งกมลาเองทีแรกก็อดสงสัยว่าทำไมพบรักไม่ใช้โทรศัพท์โทรมาบอกตน แต่จริยาก็ชวนเธอออกไปท่องราตรี ทำให้เธอหยุดสงสัยและลืมไปในที่สุด
20.00 น.
� �พบรักซึ่งนอนหลับตั้งแต่ช่วงบ่ายรู้สึกตัวตื่นมาอีกครั้งเพราะอาการคลื่นไส้ เธอจึงรีบเข้าห้องน้ำอาเจียนออกมาจนเนื้อตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อ พลางคิดในใจว่า คงเป็นเพราะเมารถแน่ๆเลยเธอถึงย่ำแย่ขนาดนี้ เพราะปกติเธอเองก็ไม่ค่อยจะถูกกับการเดินทางไกลๆสักเท่าใดนัก
“เฮ้อ ดูสภาพชั้นสิ หน้ามันเยิ้ม ตัวเหม็นเหงื่อขนาดนี้ อาบน้ำก่อนดีกว่าค่อยลงไปหาอะไรกิน” พบรักบ่นกับตัวเองเสร็จก็จัดการลงไปแช่ในน้ำอุ่นพร้อมกับเปิดเพลงคลอเบาๆอย่างสบายอารมณ์
������ ในขณะที่เธอกำลังผ่อนคลายกับการแช่น้ำอุ่นอยู่นั้นตุลาการก็ขอตัวขึ้นมาพักผ่อนก่อนโดยเขาให้เหตุผลกับสิตางค์ว่ารู้สึกเพลียๆเหมือนจะไม่สบาย สิตางค์เห็นว่าวันนี้ตุลาการก็ดูไม่ค่อยพูดนักอาจจะไม่สบายจริง จึงไม่สงสัยปล่อยเขาไปตามสบาย และเมื่อแยกตัวจากสิตางค์แล้ว แทนที่เขาจะตรงไปที่ห้องของตนเองตามที่อ้างเขากลับเดินไปอีกทางซึ่งเป็นห้องของพบรัก ก่อนจะใช้คีย์การ์ดสำรองเปิดประตูเข้าไปอย่างง่ายดาย เรื่องแค่นี้มีหรือคนอย่างเขาจะจัดการไม่ได้ และทันทีที่เขาเข้ามาภายในห้องเขาก็ต้องพบกับความว่างเปล่า หรือว่าเธอจะลงไปแล้ว เขาคิด แต่เมื่อเดินเข้าไปในห้องนอนของเธอเขาก็ได้ยินเสียงเพลงแว่วมาจากห้องน้ำ เขาจึงรู้ว่าพบรักน่ากำลังจะอาบน้ำอยู่ จึงนั่งรอเธออยู่ที่เตียงอย่างใจเย็น
� � � � � � �พบรักที่กำลังอาบน้ำอย่างสบายอารมณ์อยู่นั้น ไม่รู้เลยว่าบัดนี้ได้มีบุคคลที่เธอไม่ต้องการเจอหน้ามากที่สุดได้รุกรานเธอมาถึงในห้องนอนแล้ว เธอจึงใจเย็นอาบน้ำอย่างมีความสุขไม่นานเมื่อเธอเริ่มรู้สึกหิว จึงรีบขึ้นจากน้ำโดยมีเพียงแค่ชุดคลุมเท่านั้น พร้อมกับเดินไปเพื่อจะหยิบเสื้อผ้าจากกระเป๋าเดินทางที่วางอยู่ปลายเตียง แต่เมื่อหญิงสาวเดินออกมาก็ต้องพบกับความตกใจอย่างกะทันหัน ไวเท่าความคิดพบรักเตรียมวิ่งหนีเข้าไปหลบที่ห้องน้ำ ทันทีที่รู้ว่าคนที่ยืนอยู่ข้างระเบียงคือตุลาการ แต่มีหรือที่เขาจะไม่รู้ว่าเธอคิดจะทำอะไร ทันทีที่หญิงสาวหันหลังกลับเขาก็ก้าวขายาวๆของเขาไม่กี่ก้าวก็คว้าตัวเธอมากอดไว้ได้อย่างถนัดถนี่ พลางพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยว่า
“เห็นหน้าผมแค่นี้คุณถึงกลับจะวิ่งหนีเชียวหรือทีเมื่อเช้าคุณยังกล้าพาไอ้เมธีมาเปิดตัวเลยไม่ใช่หรือครับแม่เลี้ยง”
�
“คุณทำบ้าอะไรของคุณ ปล่อยชั้นเดี๋ยวนี้นะ คุณไม่กลัวคุณสิตางค์รู้หรือไง” หญิงสาวตวาดเขาเสียงเขียวพร้อมกลับพยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดที่รัดแน่น
“สตางค์เขาจะว่าอะไรผมได้ อีกอย่างนะผมแค่จะมาเตือนคุณว่าอย่าได้คิดท้าทายผมอีก ไม่ว่าคุณกับมันจะรักกันมากแค่ไหน แต่ตราบใดที่คุณยังเป็นที่ต้องการของผม ผู้ชายหน้าไหนก็ไม่มีวันแตะต้องคุณได้จำไว้” เขาพูดด้วยท่าทางข่มขู่พร้อมกับจับเธอหันหน้ามาเผชิญหน้ากับเขามือทั้งสองข้างบีบแขนหญิงสาวแน่นจนเป็นรอยแดง
“คุณไม่มีสิทธิมาแตะต้องตัวชั้น ผู้ชายเพียงคนเดียวที่ชั้นรักและเทิดทูนคือพี่ธีคนเดียวเท่านั้นจำไว้” พบรักตะโกนใส่หน้าเขาอย่างสุกลั้น สายตาที่มองเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกลียดราวกับเขาเป็นไส้เดือน กิ่งกือก็ไม่ปาน
อาการดังกล่าวทำให้ตุลาการทั้งโกรธระคนน้อยใจ เขามันเลวอะไรนักหนาเธอถึงให้อภัยไม่ได้ ทั้งๆที่ลึกๆแล้วในใจเขานั้นต้องการรับผิดชอบต่อการกระทำที่ผ่านมา แต่เธอก็ช่างทิฐินักไม่เคยสนใจใยดีต่อคำขอโทษจากเขาเลย มีทางไหนอีกไหมที่เขาจะไปแทนที่คนของเธอได้เขาคิดอย่างเจ็บปวด
“แล้วที่ผ่านมาล่ะพบ เรื่องของเราคุณไม่เคยแคร์มันเลยใช่ไหม” เขาถามน้ำเสียงน้อยใจ สายตาที่ส่งไปให้เธอนั้นมีแววแห่งความสำนึกผิด แต่เพียงวูบเดียวก็กับมาเย็นชาดังเดิม
“ชั้นบอกคุณแล้วไง ว่าที่ผ่านมาให้มันจบๆกันไป คุณกับชั้นต่างก็มีคนของตัวเอง อย่าเอาความผิดพลาดเพียงแค่ครั้งเดียวมาผูกมัดกันไว้ดีกว่า” เธอกล่าวน้ำเสียงเย็นชาใบหน้างามเมินไปอีกทางอย่างถือตัว
“คุณคิดว่าผู้ชายคนนั้น จะรับได้หรือว่าคุณไม่ได้เหมือนเดิมอีกต่อไป คุณกลายเป็นของผมก่อนมัน” เขาโต้กลับด้วยน้ำเสียงเย็นชาไม่แพ้กัน
“พี่ธีเป็นคนดีเขารักชั้นอย่างไม่มีเงื่อนไข ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกลับชั้นความรักของพี่ธีจะคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง บางทีอาจจะเพิ่มขึ้นกว่าเดิมก็ได้” เธอพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ แววตาสื่อถึงความรักที่มีต่อเมธีอย่างเปี่ยมล้น จนตุลาการทนฟังต่อไปไม่ได้ ก็ในเมื่อเขาไม่อาจครอบครองเธอใครก็อย่าหวังจะครอบครองเธอเช่นกัน จบจากที่พบรักพูดตุลาการก็ผลักเธอไปที่เตียงอย่างแรงไม่ทันที่ เธอจะได้ลุกขึ้นเขาก็ตามลงไปกอดเธอเอาไว้แน่น �พลางพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยว่า
“ก็ดี ในเมื่อคุณก็ไม่เคยเห็นว่าผมเป็นคนดี ผมก็จะเลวอย่างที่คุณต้องการ อยากรู้นักว่ามันยังจะรักคุณอีกหรือเปล่าถ้ามันรู้ว่าผู้หญิงของมันถูกผมตีตราจองไปหมดทั้งตัวแล้ว”
“อย่านะ ปล่อยชั้นไปเดี๋ยวนี้ คุณมันไม่ใช่คน ไม่ใช่ลูกผู้ชาย ” เธอกล่าวผลุสวาทใส่เขาอย่างโกรธแค้น
“ฮึๆ แล้วคุณจะได้รู้ว่าผมมันใช่ลูกผู้ชายหรือเปล่าผมจะพิสูจน์ให้คุณเห็นเดี๋ยวนี้แหละ”
พูดจบชายหนุ่มก็มอบจุมพิตอันแสนดุดันแก่เธอ เขาระบายความคับข้องใจความน้อยใจเสียใจผ่านจุมพิตนี้ หญิงสาวเองก็พยายามเบี่ยงหน้าหนีการลงทัณฑ์นี้อย่างสุดกำลัง จนกระทั่งเธอก็สามารถหลุดพ้นจากการจุมพิตที่แสนป่าเถื่อนนี้ได้ แต่เพียงแค่ชั่ววินาทีเดียวเท่านั้นเขาก็โน้มตัวลงมาใหม่ พบรักตัดสินใจเอียงหน้าหลบเขาไปอีกทางทำให้ตุลาการจูบลงมาที่ซอกคอพอดี ซึ่งนั้นสร้างความพอใจให้แก่เขาไม่น้อย �แต่เมื่อเขาได้ยินเสียงสะอื้นกับเนื้อตัวที่สั่นเทาของคนในอ้อมกอดสติที่ขาดไป ก็กับมาเขาหยุดการกระทำทั้งหมด ทำแต่เพียงกอดเธอไว้อย่างอ่อนโยนแทนการขอโทษ �ไม่นานเธอร้องไห้จนเหนื่อยอ่อนหลับไปในที่สุด
� � � � � � “โอ้ก โอ้ก ” เสียงอาเจียนของพบรักดังขึ้นกลางดึกจนตุลาการสะดุ้งตื่น
“เอ๊ะ พบ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” ตุลาการตะโกนถามพลางเดินไปที่ห้องน้ำ
“โอ้กๆ ๆ ” หญิงสาวกำลังโก่งคออาเจียนอย่างน่าสงสาร
“พบคุณไม่สบายเป็นอะไรหรือเปล่า” ตุลาการถามพร้อมกับลูบหลังให้เธออย่างไม่รังเกียจ
“ไม่รู้สิ แค่เวียนหัว อยากอ้วก” พบรักตอบน้ำเสียงอ่อนแรง และเธอก็พยายามลุกขึ้นไปล้างหน้าแต่เธอก็รู้สึกหน้ามืดกะทันหัน จนต้องนั่งฟุบลงกับพื้นทันทีโชคดีที่ตุลาการรับไว้ทัน ศีรษะเธอจึงไม่ฟาดกับชักโครก ตอนนี้หน้าตาของหญิงสาวซีดเซียวและเต็มไปด้วยเหงื่อ ตุลาการเห็นท่าไม่ดีจึงอุ้มเธอขึ้นแล้วพาไปนอนพักที่เตียง หลังจากนั้นก็จัดการเช็ดตัวให้เธอ แล้วจึงไปอุ่นนมในตู้เย็นให้เธอดื่มรองท้อง
“พบ พบ คุณลืมตาหน่อยเถอะผมอุ่นนมมาให้กำลังร้อนๆเลยทานสักหน่อยนะจะได้มีแรง” เขาพูดพร้อมกับช่วยประคองเธอนั่งพิงหัวเตียง
แต่ทันทีที่พบรักได้กลิ่นนม เธอก็ใช้มือดันแก้วนมในมือเขาออกทันที
“ไม่เอาคุณ ชั้นเหม็น” พบรักบอกพลางเอามือปิดจมูกแน่น
ตุลาการเห็นว่าพบรักไม่ได้แกล้ง จึงลองดมนมในแก้วดูบ้างแต่กลิ่นและรสชาติก็ปกติดีทุกอย่าง เขาจึงคะยั้นคะยอ ให้เธอลองดื่มดู� พบรักซึ่งเริ่มรู้สึกเวียนหัวจึงจำใจรับนมในแก้วมาดื่มอย่างเสียไม่ได้ แต่พอนมในแก้วเข้าปากไปเพียงนิดเดียว อาการคลื่นไส้ก็จู่โจมทันที จนเธอต้องหันไปหยิบถังขยะข้างหัวเตียงมาอาเจียนแทบไม่ทัน
“นี่พบ ตกลงคุณเป็นอะไรกันแน่ อาการคุณไม่ดีเลยไปโรงพยาบาลเถอะ” ตุลาการถามอย่างห่วงใย
“ไม่เป็นไร ชั้นเป็นแบบนี้มาสองสามวันแล้ว พอสายๆก็ดีขึ้นเอง” พบรักปฏิเสธน้ำเสียงแหบพล่า พลางนอนหลับตาแน่น
“คุณอยากทานอะไรอีกไหม อาเจียนออกมาหมดท้องคงว่าง” เขายังคงถามเธอพร้อมกับใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าตาให้เธอ
“ถ้าจะกรุณา คุณช่วยหยิบกระปุกสีขาวๆในกระเป๋าให้ชั้นทีสิ”
“ได้ รอเดี๋ยวนะ” แล้วตุลาการก็หยิบของมาให้เธอแม้จะสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร
“ทันที่ที่ตุลาการส่งของมาให้ พบรักก็ลืมตาขึ้นเปิดฝาแล้วหยิบของในกระปุกใส่ปากทันที ไม่นานอาการคลื่นไส้ก็เริ่มดีขึ้น ” จนตุลาการอดไม่ได้ที่จะถาม
�
“พบนั้นคุณกินอะไรนะ อาการดูดีขึ้นนะ ”
“นี่นะเหรอ”เธอชูวัตถุในมือขึ้นพร้อมกับตอบไปว่า
“มะขามแก้ว” พูดเสร็จเธอก็หยิบกินต่ออย่างเอร็ดอร่อย อดไม่ได้ที่ตุลาการขอลองชิมดูบ้าง แต่ทันทีที่รสชาติของมันสัมผัสที่ปลายลิ้นเขาก็ต้องบ้วนทิ้งแทบไม่ทัน พร้อมกับทำหน้าขยาดๆกับพบรักแล้วพูดขึ้นว่า
“นี่คุณกินเข้าไปได้ยังไงเปรี้ยวขนาดนี้ ไม่กลัวท้องเสียหรือไง”
“ไม่ ก็อร่อยดีออก อีกอย่างชั้นก็กินแบบนี้มาหลายวันแล้วไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย” พบรักตอบน้ำเสียงห้วน
������� ตุลาการเองซึ่งสังเกตพบรักอยู่ ก็เริ่มสงสัยในอาการแปลกของเธอนัก เขาก็ไม่ใช่คนโง่ที่จะดูไม่ออกว่าอาการของเธอคล้ายกับอาการคนแพ้ท้องแต่ก็ไม่มั่นใจนัก เพราะมันอาจจะไม่ใช่ก็ได้บางทีเธออาจจะแค่เป็นโรคกระเพาะแต่ทำไมต้องกินอะไรเปรี้ยวด้วยนี่สิที่เขาคิดไม่ตก เห็นทีงานนี้คงต้องให้ยัยสตางค์ช่วยอีกแรง เขานั่งรอจนกระทั่งพบรักนอนหลับ แล้วเหลือบไปมองนาฬิกาที่หัวเตียงเห็นว่าเป็นเวลา 05.30 น. เขาจึงลุกกลับไปที่ห้องอย่างเงียบปล่อยให้เธอได้พักผ่อนตามสบาย
������� และในขณะที่ตุลาการกำลังจะออกจากห้องของพบรัก กมลาซึ่งเดินออกมาจากลิฟต์พอดี โดยตั้งใจจะไปปลุกพบรักดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกัน ก็เห็นตุลาการพอดี แต่ด้วยสัญชาติญาณกมลาจึงเบี่ยงตัวหลบที่มุมบันไดข้างลิฟต์ได้อย่างรวดเร็ว จนกระทั่งตุลาการเดินเข้าไปในห้องที่อยู่ถัดไปอีกห้องแล้วซึ่งเป็นห้องของเขาเอง กมลาจึงเดินออกมา ใช้มือทาบอกด้วยความแปลกใจพลางบ่นพึมพำออกมาว่า
“มันไม่จริงใช้ไหมเนี้ย ยัยพบเอ้ย คุณตุลย์ก็ช่างกล้าทั้งที่มากับคุณสิตางค์แต่คุณกับมาทำอย่างนี้กับยัยพบได้ยังไงนะ” กมลามองไปที่ประตูห้องพบรักอย่างสงสารก่อนที่จะตัดสินใจกลับไปที่ห้องของตัวเองตามเดิม
� � แล้วการสัมมนาก็สิ้นสุดลง โดยที่เย็นนี้จะมีการจัดปาร์ตี้กันที่หาดทรายหน้าโรงแรม ตลอดระยะเวลาตุลาการเฝ้าสังเกตอาการของพบรักมาโดยตลอด ซึ่งมันก็ทำให้เขาจับสังเกตได้หลายๆข้อ ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ทานอาหารพบรักมักจะกินแต่อาหารรสจัด ยิ่งพวกผลไม้เปรี้ยวทั้งหลายเธอจะขนซื้อมากมายไปหมด และในบางครั้งเธอก็มักจะมีอาการวิงเวียนบ่อยๆ กิจกรรมต่างๆเธอก็ไม่ค่อยออกไปร่วมสนุกอ้างว่าไม่สบาย จนเขาเคยได้ยินพนักงานบางคนซุบซิบว่าพบรักอาการอย่างกับคนท้อง ดูอย่างตอนนี้สิเขาเห็นเธอนั่งกินมะม่วงไม่หยุดปากทั้งๆที่เพื่อนร่วมวงเธอพากันเบ้หน้าหนี ขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้น เขาก็ต้องสะดุ้งสุดตัว จะเพราะอะไรนะเหรอ ก็ยัยสตางค์ตัวแสบนะสิ หยิกแขนเขาจนแดงเป็นเปื้อนขนาดนี้
“เฮ้ย เป็นบ้าอะไรของเธอหยิกมาได้ เจ็บชะมัด” เขาบ่นเป็นหมีกินผึ้งพลางลูบแขนปอยๆ
“ชั้นก็นึกว่าแกกำลังจะกินคุณพบ ก็เลยเรียกแกก่อนที่คุณพบเธอจะละลาย เห็นนายมองมาตั้งหลายวันแล้ว ระวังพ่อเลี้ยงเมธีเขามาแหกอกเอาหรอก มองขนาดนี้นะ” สิตางเอ่ยเหน็บแนม พร้อมกับส่งสายสายจับผิดตุลาการ � � � จนเขาทนไม่ไหวจึงตัดสินใจเล่าเรื่องของพบรักกับเขาให้หล่อนฟัง เพราะยังไงเขาก็ตั้งใจขอความช่วยเหลือจากสิตางค์อยู่แล้ว ครั้นเรื่องราวทั้งหมดได้ถูกตุลาการถ่ายทอดออกมาแล้ว สิตางค์ก็ต้องเอามือทาบอกอย่างตกใจเพราะคาดไม่ถึงว่าตุลาการจะทำกับผู้หญิงได้ขนาดนี้ เธอทั้งผิดหวังเสียใจ และสงสารพบรักนักหนา ปมในใจของเขามันมากจนขาดความผิดชอบชั่วดีเชียวหรือ ทั้งๆที่ผ่านมาเธอพยายามดึงเขาจากอดีตที่เจ็บปวดไม่นึกเลยว่ามันจะสูญเปล่า แล้วไหนจะคู่รักของพบรักอีกเล่าที่เขากับเธอกำลังจะแต่งงานกัน และถ้าอาการผิดปกติของพบรักเป็นอย่างที่สงสัย โธ่จะต้องมีคนเจ็บปวดกันอีกสักเท่าไหร่กัน เมื่อนึกถึงข้อนี้แล้ว สิตางค์ถึงกับน้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ร้อนถึงตุลาการที่ต้องช่วยซับน้ำตาให้และคอยปลอบโยนสิตางค์อย่างอ่อนโยน ด้วยรู้ว่าเรื่องที่เขาทำสร้างความผิดหวังให้เธอแค่ไหน� แต่ภาพดังกล่าวได้สร้างความเข้าใจผิดให้พบรักเช่นกัน �ดูสิเขากับคุณสิตางค์ก็รักกันมากมายขนาดนี้ แล้วเขายังจะตามมาระรานกับเธอเพื่ออะไรกัน หรือเขาเห็นเธอเป็นที่ระบายอารมณ์ใคร่ ไม่มีหัวจิตหัวใจ
กรุงเทพฯ
“พี่กบวันนี้พบลางานครึ่งวันนะค่ะ จะไปส่งพี่ธีกับคุณแม่ใหญ่ที่สนามบิน”
“อ้าวพ่อเลี้ยงจะกลับแล้วหรือเนี้ย อยากตามไปส่งจังเลยแต่ติดที่พี่ต้องเข้าประชุมนี้สิ ” กมลากล่าวเซ็งๆ
“ไม่เป็นไรค่ะพี่กบ พบจะบอกพี่ธีให้ว่าพี่กบ คิดถึง” พบรักบอกพร้อมทำท่าทางเจ้าเล่ห์
“แหมๆ ต้องอย่างนี้สิพบ งั้นรีบไปเลยนะพี่อนุมัติให้หยุดได้” กมลาบอกอย่างอารมณ์ดี
� � � ไม่นานพบรักก็ตามมาถึงที่สนามบิน หญิงสาวกอดลาคุณนายสมฤทัยอย่างออดอ้อน ส่วนเมธีก็ได้แต่ยืนมองยิ้มๆเช่นเคย ก่อนขึ้นเครื่องไม่วายที่คุณนายสมฤทัยต้องบังคับแกมข้อร้องให้พบรักไปตรวจร่างกาย เนื่องจากตลอดระยะเวลาที่นางได้อยู่กับลูกสาวคนนี้ พบรักดูซีดเซียวผิดปกติข้าวปลาอาหารก็ไม่ค่อยจะกิน อดไม่ได้ที่นางจะเป็นห่วงเช่นนี้
“พบอย่าลืมที่แม่สั่งรู้ไหมลูก ส่งแม่เสร็จก็รีบไปหาหมอซะ แล้วพรุ่งนี้แม่จะให้พี่เขโทรมาถามว่าตกลงเราเป็นอะไรกันแน่” นางบอกน้ำเสียงห่วงใย
“ค่ะ คุณแม่ เดินทางโดยสวัสดีภาพนะค่ะ แล้วว่างๆพบจะขึ้นไปเยี่ยมคะ” หญิงสาวรับปากเพราะก็เห็นด้วยกับที่แม่ใหญ่พูด แต่ลึกๆในใจเธอก็ภาวนาขอให้อาการที่เธอเป็นนั้น มันแค่การเจ็บป่วยธรรมดาไม่ใช่อย่างที่เธอคิด เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นจริงเธอคงไม่มีหน้าไปพบใครได้อีก พอคุณนายสมฤทัยกับเมธีเข้าห้องรับรองผู้โดยสารไปแล้ว พบรักก็ขับรถออกจากสนามบินไปที่โรงพยาบาลต่อทันที
“เชิญคุณพบรักที่ห้องตรวจค่ะ” เสียงพยาบาลสาวเรียกพบรักอย่างสุภาพ
“เป็นยังไงบ้างคะหมอ ผลตรวจร่างกาย ตกลงดิชั้นป่วยเป็นอะไรมากไหมค่ะ” พบรักถามน้ำเสียงตื่นเต้น
“คุณพบไม่เป็นไรมากหรอกครับ มันก็แค่อาการปกติทั่วไปของคุณแม่ แต่ในท้องแรกอาจจะมีอาการแพ้ได้มากแต่พอผ่านไปสักพักอาการก็จะดีขึ้นเองครับ” คุณหมอวัยกลางคนตอบกลับพร้อมกับส่งยิ้มให้อย่างแสดงความยินดี
� � � แต่ทันทีที่พบรักรู้แน่ว่าตัวเธอตั้งครรภ์ ก็ราวกับโลกทั้งใบกำลังถล่มตรงหน้าและเหมือนมีน้ำแข็งมาเกาะกุมหัวใจจนเธอรู้สึกหนาวเหน็บจับขั้วหัวใจ �สิ่งที่ภาวนามาตลอดทางสูญเปล่า เธออยากจะหายตัวไปจากโลกนี้นัก กรรมอะไรกันที่ทำให้เธอต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้ บัดนี้ใจของเธอเหมือนกับว่าเต้นแผ่วลงไปทุกที ใบหน้างามซีดเผือด เนื้อตัวเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง ทำยังไงดี เธอจะทำยังไงดี
“คุณครับๆ เป็นอะไรหรือเปล่า”เสียงคุณหมอปลุกเธอจากภวังค์
“เปล่าค่ะ พอดีดิชั้นดีใจไปหน่อยคะ แล้วชั้นท้องกี่เดือนค่ะหมอ” เธอฝืนส่งยิ้มไปให้แต่เป็นยิ้มที่แห้งแล้งเต็มที
“คุณตั้งครรภ์ได้เจ็ดสัปดาห์แล้วครับ เดี๋ยวหมอจะสั่งยาบำรุงไปให้คุณไปรอรับยาได้เลยครับ” คุณหมอตอบพลางยิ้มให้เธออย่างใจดี
� � � เมื่อรับยาแล้ว เธอก็ขับรถกลับบ้าน ด้วยอาการเหม่อลอย พอถึงบ้านก็ตรงขึ้นไปบนห้องนอนทันทีสร้างความแปลกใจให้ อนพและดารานักว่าลูกสาวท่านเป็นอะไร เมื่อมาถึงเตียงนอนเธอก็ล้มตัวลงนอน ปล่อยน้ำตาไหลออกมาอย่างทุกข์ตรม เฝ้าแต่กล่าวโทษโชคชะตาที่เล่นตลกกับชีวิตเธอ ครั้นจะให้เธอใจร้ายขนาดเอาเด็กออก เธอก็ทำไม่ได้ อย่างน้อยเด็กคนนี้ก็เป็นลูกของเธอเหมือนกัน แต่จะให้เธอบอกกับทุกคนว่าอย่างไรที่อยู่ๆเธอก็ท้องขึ้นมาทั้งๆที่ยังไม่ได้แต่งงาน แล้วพ่อแม่เธอล่ะจะทนได้หรือกับเสียงนินทาว่าร้าย �ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งมองไม่เห็นหนทางออกเลย พลันเธอก็คิดได้ว่าวิธีที่ดีที่สุดตอนนี้คือเธอต้องหลบไปที่ไหนสักที่ ก่อนไปที่ๆไม่มีใครรู้จักไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่มีแค่เธอกับลูกเท่านั้น เมื่อคิดได้ดังนั้นพบรักก็ตัดสินใจเก็บกระเป๋าเดินทางเงียบๆ แล้วเขียนจดหมายเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พ่อและแม่ถึงความจำเป็นที่เธอต้องจากไปโดยไม่บอกใครวางไว้ที่หัวเตียง แล้วเช้ามือเธอค่อยออกเดินทาง
7.00น.
� � �ในขณะที่พบรักกำลังจะวางจดหมายลาออกลงที่โต๊ะของกมลา เจ้าตัวก็เดินมาที่ห้องของตัวเองพอดี พร้อมกับมองพบรักอย่างแปลกใจ ก็เธอมาในชุดพร้อมเดินทางกับกระเป๋าใบโต
“พบจะไปไหน แล้วนั้นจดหมายอะไร”กมลาถามอย่างสงสัย
“พบมาลาออกคะ แต่จะไปไหนพบยังบอกไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี” พบรักอธิบายน้ำเสียงสั่นเครือแววตาแดงเรื่อ เพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก กมลาเห็นท่าไม่ดีจึงประคองให้พบรักนั่งลง รอจนพบรักทำใจได้ เธอจึงถามออกไปตรงๆอย่างที่สงสัย
“ใช่เรื่องคุณตุลย์ใช่ไหม เล่าให้พี่ฟังเถอะเพื่อเราจะหาทางออกได้” กมลาบอกอย่างหวังดี
“พี่กบรู้ได้ยังไงคะ” พบรักสบตากมลาถามอย่างสงสัย
“พี่เห็นคุณตุลย์ ออกมาจากห้องพบตอนเช้า วันที่ไปสัมมนาที่นี้บอกพี่ได้หรือยังว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
เมื่อได้ยินดังนั้นพบรักก็ตัดสินใจถ่ายทอดเรื่องราวทั้งหมดให้กมลาฟัง รวมถึงเรื่องที่เธอตั้งท้องด้วย พอฟังจบกมลาก็ดึงพบรักมากอดปลอบอย่างสงสาร ในใจรู้สึกผิดกับน้องไม่น้อยถ้าไม่ใช่เพราะเธอทิ้งน้องไว้ตามลำพัง และไม่เอ๊ะใจเรื่องที่เด็กเสิร์ฟคนนั้นบอก พบรักคงไม่ต้องตกนรกทั้งเป็นแบบนี้ กมลาจึงตัดสินใจว่าจะชวนเหลือพบรักให้ดีที่สุดเพื่อช่วยบรรเทาความผิดบาปในใจ
“พบอย่าร้องไห้เสียใจไปเลย พี่ไม่นึกเลยว่าผู้ชายที่ท่าทางอ่อนโยนแบบคุณตุลย์จะเลวได้ขนาดนี้ พบไม่ต้องกลัวไป เอาอย่างนี้แล้วกันพบไปอยู่บ้านพี่ที่นครสวรรค์ก่อนแล้วกัน พี่จะโทรบอกเด็กที่บ้านให้ ส่วนเรื่องงานพี่จะจัดการให้เอง ” หลังจากตกลงกันได้แล้วกมลาก็วาดแผนที่ให้พบรักอย่างละเอียด พร้อมกับโทรบอกคนที่บ้านให้เสร็จสับ
“ขอบคุณมากคะพี่กบ ถ้าพบไม่ได้พี่กบพบคงไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี” พบรักพนมมือไหว้กมลาอย่างซาบซึ้งใจ
“ไม่ต้องขอบคุณพี่หรอกพบ ส่วนหนึ่งมันก็เป็นความผิดของพี่ ถ้าช่วยได้พี่เต็มใจ ต่อไปนี้พบจะได้หมดทุกข์หมดโศกเสียที” กมลาจับมือพบรักอย่างปลอบโยน แววตาสื่อถึงความจริงใจที่เปี่ยมล้น
“ค่ะ ต่อไปนี้พบจะเข้มแข็งเพื่อลูก พบจะต้องมีชีวิตใหม่” พบรักบอกน้ำเสียงหนักแน่นแววตามุ่งมั่นที่จะทำตามอย่างที่พูด ไม่นานพบรักก็ออกจากบริษัทมุ่งหน้าสู่นครสวรรค์ทันที� ซึ่งรถของเธอก็สวนทางกับรถของสิตางค์ที่หน้าบริษัททำให้สิตางค์มองตามไปอย่างสงสัย เมื่อจอดรถเรียบร้อยแล้ว สิตางค์ก็เห็นกมลาเดินหน้าเครียดมาที่ห้องเธอพร้อมกับจดหมายลาออกของพบรัก แต่พอถามเหตุผลกมลากลับตอบอย่างมีพิรุจ หลายข้อแล้วรีบออกไปทันที งานนี้คงต้องมีอะไรบางอย่างแน่ๆสิตางค์คิดอย่างมั่นใจ แต่เธอคงต้องเก็บเรื่องนี้ไว้ก่อนเพราะตอนนี้โครงการสำคัญของเธอกับตุลาการใกล้สำเร็จแล้ว คาดว่าไม่เกินหนึ่งอาทิตย์ทุกอย่างน่าจะลงตัว เมื่อถึงคราวนั้นเธอจะจัดการเรื่องนี้อีกที
� � � � �“วันนี้ก็สองวันแล้วสินะที่เรากับลูกมาอยู่ที่นี่ อะไรๆก็ยังไม่เข้าที่ดีนะที่พี่กบหาเด็กมาคอยอยู่เป็นเพื่อน ถึงจะชอบแวบหายไปบ่อยๆ แต่โดยรวมแล้วก็พอพึงพาได้” พบรักคิดขณะที่นั่งมองออกไปที่แม่น้ำเจ้าพระยาที่ระเบียงบ้าน
“กริ้งๆๆ” เสียงโทรศัพท์ภายในบ้านดังขึ้น พบรักจึงละความคิดมองไปในบ้านเห็นเด็กแจ๋ววิ่งไปรับโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว
“ฮัลโหลค่ะ บ้านคุณกมลาคะ”
“แจ๋วนี่ชั้นเอง ไปตามยัยพบมาคุยกับชั้นหน่อยสิ”
“ค่ะคุณกบ รอสักครู่นะค่ะ”
“คุณพบค่ะ คุณกบโทรมาจะพูดด้วยค่ะ”
“จ๊ะ ขอบใจมากแจ๋วมีอะไรจะทำ ก็ไปเถอะ”
“งั้นแจ๋วขอไปดูละครต่อนะค่ะ ถ้ามีอะไรคุณพบก็เรียกแจ๋วนะค่ะ”
“อืม มีอะไรชั้นจะบอก ”
“สวัสดีคะพี่กบ มีอะไรหรือเปล่าค่ะ” พบรักถามอย่างสงสัยเพราะเมื่อวานพี่กบก็เพิ่งจะโทรมา
“คือพบ วันนี้พ่อกับแม่พบมาหาพี่ที่ออฟฟิต ถามว่าพี่รู้ไหมว่าพบไปไหน ท่านรู้เรื่องหมดแล้ว แต่พี่ก็ไม่ได้บอกอะไรท่านไปหรอกนะ บอกแต่ว่าพบปลอดภัยดี ตอนนี้ขออยู่เงียบๆคนเดียวสักพักก่อน” กมลาบอกน้ำเสียงหนักใจ
“โธ่ คุณพ่อคุณแม่ พบเป็นลูกที่แย่จริงๆ” หญิงสาวครางอย่างเสียใจ
“แต่มันมีอีกเรื่องที่พี่ยังไม่ได้บอก ” กมลาบอกน้ำเสียงลังเล
“มีอะไรพี่กบ ก็บอกมาเถอะค่ะ มันคงจะไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว” พบรักบอกอย่างท้อแท้ใจ
“ก็คุณพ่อ คุณแม่พบโทรไปหาพบที่ไร่ แล้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้ทางนู้นฟัง คุณเมธีกับนายแม่เลยตกใจมาก เมื่อวานคุณเมธีเลยขึ้นมากรุงเทพด่วนเลย เย็นนี้เขาบอกว่าจะมาหาพี่ที่ออฟฟิต พบจะให้พี่จัดการเรื่องนี้ยังไงดีจ๊ะ” กมลาบอกน้ำเสียงเจือไปด้วยความกังวล
“เอาอย่างนี้แล้วกัน พี่กบช่วยกันไม่ให้พี่ธีกับคุณตุลย์พบกันทีนะค่ะ พบกลัวพี่ธีจะไปเรียกร้องให้เขารับผิดชอบพบ พบไม่อยากให้เขารู้ว่าพบท้อง พบไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเขาอีก” พบรักพูดอย่างตัดสินใจแววตาเปี่ยมไปด้วยความเข้มแข็ง ถ้ากมลามีโอกาสได้เห็นใบหน้าของหญิงสาวตอนนี้คงอดรู้สึกทึ่งกับความเด็ดเดี่ยวเข้มแข็งของเธอไม่ได้
“พบไม่คิดจะบอกเขาหน่อยหรือ อย่างน้อยเขาก็เป็นพ่อของเด็กนะ พี่ว่า ”
“พอเถอะค่ะพี่กบ ผู้ชายอย่างเขาไม่มีสิทธิ์ของความเป็นพ่อหรอกค่ะ” เธอแย้งขึ้นมาก่อนที่กมลาจะพูดอะไรมากไปกว่านี้
“เฮ้อ ยัยพบเอ่ยพี่จะบอกอะไรแกไว้อย่างนะ ความใจแข็งนะเป็นสิ่งที่ดี แต่จะมีประโยชน์อะไรถ้าจะมาใช้ในการเอาชนะกัน คนที่ต้องเจ็บปวดกับเรื่องนี้ไม่ได้มีแค่แกกับเขานะ อย่าลืมว่าเด็กต้องการทั้งพ่อและแม่จะดีกว่าไหมถ้าแกจะลองหันหน้าเผชิญกับปัญหาร่วมกันแล้วทำเพื่อลูก” กมลาแนะนำด้วยความหวังดี
“ขอบคุณค่ะพี่กบ แต่พบขอทำใจสักระยะก่อนนะค่ะ เพราะไม่ว่าจะยังไงพบก็จะไม่ทำให้ลูกต้องเสียใจหรอกค่ะ พบสัญญา” หลังจากนั้นทั้งสองสาวก็พูดคุยกันอีกสักพักก่อนที่พบรักจะวางสาย จากกมลา แล้วโทรไปหาเมธีอธิบายเรื่องราวทั้งหมดและขอทำใจสักระยะ ซึ่งเมธีก็เข้าใจดีแต่ก็ไม่วายบ่นน้อยใจที่พบรักไม่ยอมเล่าอะไรให้ฟัง จนเรื่องราวมันรุกรามขนาดนี้ ซึ่งพบรักเองก็รับปากว่าต่อไปนี้จะไม่ทำให้ทุกคนต้องเดือดร้อนเพราะเธออีก� ก่อนจะวางสายจากเมธีแล้วเข้าไปพักผ่อนในห้องนอนคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ แล้ว พล่อยหลับไปในที่สุด
� � � ในขณะเดียวกันที่บริษัทของตุลาการ มีปัญหาการคอรัปชั่นให้เขาต้องคลี่คลายเป็นการด่วน จึงทำให้ช่วงนี้เขายุ่งมาก ไม่มีเวลาไปพบปะกับใครเลย บางวันเขาต้องค้างที่บริษัทโหมงานหนักมาเป็นอาทิตย์แล้ว จนกระทั่งวันนี้ปัญหาเริ่มคลี่คลายเขาสามารถ รวบรวมหลักฐานเอาผิดคนที่รวมมือกันโกงบริษัทของเขาได้ตอนนี้กำลังยื่นฟ้องต่อศาล ซึ่งก็ทำให้เขามีเวลามากขึ้น วันนี้ตอนบ่ายเขาจึงตั้งใจจะไปหาพบรักที่บริษัทเสียหน่อย อย่างไรวันนี้เขากับเธอต้องมีเรื่องที่ต้องคุยกัน แต่เมื่อเขาย่างเท้ามาที่แผนกของเธอเขากับไม่พบเธอแม้แต่เงา พอถามกับเพื่อนร่วมงานเธอทุกคนก็บอกเป็นเสียงเดียวว่าเธอลาออกได้สองอาทิตย์แล้ว แต่ไม่มีใครรู้ว่าเธอลาออกไปเพราะอะไร เขาจึงมุ่งหน้าไปที่ห้องของสิตางค์อย่างรีบเร่ง แล้วเปิดประตูเข้าไปทันที
“โครม” เสียงเปิดประตูเข้ามาอย่างแรงจนสิตางค์ที่กำลังอ่านรายงานการประชุมต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างหงุดหงิด
“สตางค์ทำไมไม่บอกผมว่า พบเขาลาออกไปแล้ว แล้วตอนนี้เขาไปอยู่ที่ไหนกับใคร ” ตุลาการยิงคำถามรัวจนสิตางค์หมั่นไส้จึงแกล้งตอบไปว่า
“เห็นเขาว่าจะลาออกไปแต่งงานกับพ่อเลี้ยงเมธี นี่ก็คงปลายๆเดือนนี้แหละชั้นก็ว่าจะไปเหมือนกันอยากไปพักผ่อนที่ไร่คงสดชื่นน่าดู” สิตางค์ลอยลอยตาตอบอย่างอารมณ์ดี แต่ตุลาการกลับโมโหจนหน้าแดงกร่ำ ทุบโต๊ะสิตางค์เสียงดัง พร้อมกับพูดน้ำเสียงแข็งกร้าวว่า
“ ปัง”
“พบรัก จะแต่งงานกับผู้ชายหน้าไหนไม่ได้ทั้งนั้น เขาเป็นเมียผมแล้วจะไปแต่งงานได้ยังไง ผมไม่ยอมเด็ดขาด� ”
“แล้วพบเขายอมรับว่าเป็นเมียนายหรือไง อีกอย่างนายจะไปห้ามอะไรเขาได้เขามีพ่อเลี้ยงเมธีที่แสนจะสมบูรณ์แบบอยู่แล้วทั้งคน” สิตางค์แหนบเข้าให้
“ผมไม่สน ยังไงพบก็แต่งงานไม่ได้ ถ้าแต่งผมจะไปฉุดแล้วพาหนีไปให้ไกลเลย” ตุลาการบอกด้วยความดื้อดึง อดไม่ได้ที่สิตางค์จะย้อนกลับไปว่า
“หลังจากนั้น แกก็จะจับเธอไปขังไว้ที่กระท่อมกลางป่า ใช้เขาทำงานสารพัด แกล้งเขาต่างๆนานาทำทุกอย่างให้เขาเสียใจแบบนี้ใช่ไหมย่ะ”
“คุณรู้ได้ไง ว่าผมคิดแบบนี้” ตุลาการถามงงๆ
“โธ่ๆ พ่อคุณก็นี้มันเป็นละครชัดๆ เขาทำมาตั้งหลายเวอร์ชั่นหลายรอบ แล้วย่ะนายไม่เคยดูหรือไง” สิตางค์สายหน้าระอามองดูเขากึ่งๆสม �เพชกึ่งๆสงสาร จึงยอมบอกความจริงไปว่า
“เขาไม่ได้ลาออกไปแต่งงานหรอก แต่ลาออกไปไหนทำอะไรชั้นก็ไม่รู้ เพราะคนที่เอาจดหมายลาออกมาให้ชั้นเป็นพี่กบ” สิตางค์เฉลยหน้าตายแต่แววตาสั่นระริกอย่างขบขันที่ได้แกล้งชายหนุ่ม
“นี่ทีหลังอย่ามาอำกันอย่างนี้ได้ไหม สตางค์ผมตกใจหมด” ชายหนุ่มโอดอย่างหงุดหงิด
“ถ้าชั้นไม่ทำแบบนี้ จะได้เห็นพ่อพระเอกละครตบจูบหรือย่ะ ที่นายเป็นแบบนี้แสดงว่ารักเขาเข้าแล้วสินะ” สิตางค์บอกน้ำเสียงเจ้าเล่ห์พลางหรี่ตามองเขาอย่างล้อๆ
“อะไร รัก รักอะไร ไม่มี้ คิดมาก”เขาปฏิเสธเสียงสูงหลบสายตาสิตางค์เป็นพัลวัน
“ไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยชั้นก็รู้ว่าหัวใจนายรู้จักความรักแล้วก็พอ” สิตางค์พูดพร้อมกับใช้นิ้วจิ้มไปที่อกของชายหนุ่มยิ้มๆ
“แล้วเรื่องนี้เราจะจัดการยังไงดีล่ะ”
“ก็ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย ใช้นี่สิทุกอย่างก็ง่ายเอง” เธอใช้นิ้วชี้เคาะที่ศีรษะเบาๆก่อนจะบอกอย่างมีแผนการพร้อมกับวางกระดาษแผนหนึ่งให้เขา
เมื่อเขารับมาแล้ว อ่านไปได้สักพักก็ยิ้มออกมาอย่างเข้าใจ ไม่มีครั้งไหนเลยที่เพื่อนเขาคนนี้จะทำให้ผิดหวัง เรื่องทุกอย่างที่เธอจัดการจะประสบความสำเร็จอย่างดีเสมอ ดูนี่สิข้อมูลเกี่ยวกับพบรักอย่างละเอียดตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบันแต่เมื่ออ่านไปได้สักพักสิ่งที่ทำให้เขาสะดุดก็คือ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับไอ้พ่อเลี้ยงนั้น เขาจึงเงยหน้าสบตากับสิตางค์ทันที ซึ่งเธอเองก็พยักหน้าแล้วพูดว่า
“ตอนแรกชั้นก็ตกใจ อยู่เหมือนกันไม่คิดว่าพบจะเป็นลูกบุญธรรมคุณนายสมฤทัยนั้นก็แสดงว่าพบกับพ่อเลี้ยงเป็นพี่น้องกัน”
“แล้วที่ผ่านมาหมายความว่ายังไง”เขาถามงงๆ
“สงสัยพบกับพ่อเลี้ยงต้องการให้นายเข้าใจผิดมั้ง นายจะได้เลิกยุ่งกับน้องเขา” สิตางค์บอกอย่างขำๆ
“หนอย ยัยตัวแสบคิดว่าจะหนี คนอย่างนายตุลย์พ้นเหรอคอยดูชั้นจะตามเธอมาให้ได้” ตุลาการบอกอย่างเจ็บใจ
“แล้วข้อมูลนี่ มีแค่นี้เหรอ”
“เปล่า ชั้นกำลังให้นักสืบตามดูพี่กบอยู่ เพราะชั้นคิดว่าพี่กบน่าจะรู้ดีที่สุดว่าพบรักไปหลบที่ไหน คงอีกอาทิตย์กว่าคุณกิตตินักสืบที่ชั้นจ้างจะกลับมาพร้อมกับข่าวดี” สิตางค์บอกอย่างมั่นใจ
“ถ้าคุณกิตติกลับมาคุณช่วยให้เขาไปหาผมที่บริษัททีนะ ผมจะกลับไปเคลียร์งานให้เสร็จ แล้วค่อยตามหาเขาสักที” ตุลาการบอกอย่างหมายมั่นและกลับไปทันที ทิ้งให้สิตางค์มองตามไปด้วยใบหน้ายิ้มๆ ใครว่าซาตานไม่มีหัวใจ เธอว่าวันนี้เธอได้เห็นหัวใจซาตานแล้วนะแถมเป็นสีชมพูซะด้วยสิ
“ติ๊ดๆๆ” เสียงข้อความโทรศัพท์ของพบรักดังขึ้นในเช้าวันหนึ่ง เธอจึงกดอ่านข้อความทันที
“พบ พี่กับคุณแม่เป็นห่วงเรามากนะ ช่วยรับโทรศัพท์พี่หน่อยเถอะ”
เมื่ออ่านข้อความจบพบรักก็น้ำตาคลอด้วยความซาบซึ้งใจในความหวังดีของทุกคน เธอจึงตัดสินใจว่าจะไม่หนีปัญหาอีกแล้ว เธอต้องจบเรื่องนี้เสียทีหมดเวลาของความอ่อนแอแล้ว ว่าแล้วเธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรไปหาเมธี บอกที่อยู่ของบ้านกมลาให้เมธีทราบ ว่าเธออยู่ที่ไหน
�
ความคิดเห็น