คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : สายฝนในฤดูหนาว
บทที่ 4
1 เดือนต่อมา
เฮ้ ไชโย เสียงโฮ่ร้องดีใจภายในแผนกศิลป์ ดังขึ้นในสายวันหนึ่งพอดีกับ พบรักกำลังเดินมาที่แผนกของตนพอดี หมู่นี้พบรักรู้สึกไม่ค่อยสบายนัก คงเพราะช่วงนี้งานของเธอยุ่งมากจนเธอพักผ่อนไม่พอรู้สึกอ่อนเพลียเป็นประจำโดยเฉพาะอาทิตย์ที่ผ่านมา เธอเอาแต่นอนทั้งวัน เมื่อคืนเธอก็เข้านอนตั้งแต่ สองทุ่มแต่เธอกลับตื่นสาย เข้าบริษัทเกือบ เก้าโมงเช้า ดีนะที่แผนกเธอไม่จำกัดเวลาเข้างานไม่งั้นเธอคงโดนไล่ออกไปแล้ว และนี่ที่แผนกมีอะไรกัน ส่วเสียงเจี๊ยวจ้าวกันดังมาถึงหน้าลิฟต์เชียว และเมื่อพบรักเดินมาถึงโต๊ะทำงาน เธอก็พบกับโปรชัว สีสันสะดุดตาวางอยู่บนโต๊ะ เธอจึงหยิบขึ้นมาดู พอดีกับกมลาเดินเข้ามาพอดี เธอจึงชูโปรชัวในมือ พลางถามอย่างสงสัยว่า
“นี่มันอะไรกันค่ะ”
“แหมแม่คุณ มาสายก็อย่างนี้เนี้ยแหละ พลาดข่าวสำคัญไปเลย คืออย่างนี้ยัยพบพอดีทางบริษัทเรากับคุณตุลย์นะจะมีการจัดสัมมนาให้กับพนักงานของทั้งสองบริษัทเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้กัน แล้วรู้อะไรไหมจ๊ะสาวน้อย คราวนี้เราไปสัมมนากันที่หัวหิน 3 วัน 2 คืนเชียวนะ ที่สำคัญทุกอย่างฟรี โดยเฉพาะโรงแรมที่พักในโปรชัวนี้นะเขาว่ากันว่า หรูหราซะไม่มี แต่ที่ได้อยู่ฟรีก็เป็นเพราะเจ้าของโรงแรมนี้คนที่ชื่อเมฆานะ เป็นเพื่อนซี้กับคุณตุลย์เลยนะพวกเราเลยพลอยสบายไปด้วย” กมลาอธิบายเจื้อยแจ้วหน้าตาบ่งบอกว่าพึงพอใจกับงานครั้งนี้เป็นที่สุด
“แล้วเขาไปกันวันไหนล่ะคะ เพื่อพบไม่ว่าง” เธอถามน้ำเสียงเบื่อๆ ก็เพราะมีชื่อใครบางคนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเลยทำให้เธอไม่อยากไปสัมมนาแม้แต่น้อย
“สุดสัปดาห์นี้จ๊ะ แต่พี่ขอบอกเธอไว้ก่อนเลยนะจ๊ะว่างานนี้ห้ามเบี้ยว คุณสิตางค์สั่งมาเองเลยใครเบี้ยวเจอหนักแน่” กมลาขู่กำชับพบรักพลางทำท่าหวาดกลัวเสียเต็มประดา
“แหมพี่กบ สุดสัปดาห์นี้คุณแม่ใหญ่กับพี่ธี จะมาค้างที่กรุงเทพนี่คะ พบก็เลยอยากอยู่กับคุณแม่ใหญ่คิดถึงจะแย่ไม่ได้เจอตั้งเกือบ 2 เดือนแล้ว” พบรักบ่นอย่างเสียดาย
“ไม่รู้แหละ ยังไงๆพบก็ต้องไปเพราะรายชื่อพนักงานที่ได้ร่วมสัมมนาในครั้งนี้คุณตุลย์เป็นคนคัดเลือกเองเลยนะ โชคดีจะตายไปใครๆเค้าก็อยากไปมีแค่ไม่กี่คนเองที่ได้ไปอีกอย่างนะถือซะว่าไปพักผ่อนหมู่นี้พบเองก็ดูเสียวๆไปเจอธรรมชาติสักหน่อยจะได้สดชื่นเชื่อพี่เถอะ” กมลาบอกอย่างแนะนำ เสร็จก็เดินกลับไปที่ห้องทำงานของตนทิ้งให้พบรัก ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างเจ็บใจ นี่ต้องเป็นฝีมือเขาแน่ๆเธอไม่เห็นว่ามันจะสำคัญขนาดที่ไม่ไปไม่ได้ซะหน่อยนี่คงมีแผนอะไรแน่ๆ เพราะตั้งแต่วันที่เจอเขาที่ห้างวันนั้น เธอก็ไม่เจอเขาอีกเลย
12.00 น.
“พบ เที่ยงแล้ววันนี้ไปหาอะไรกินกันเถอะ หิวจะแย่” กมลาพูดพลางลูบท้องประกอบ
“เราไปกินก๋วยเตี๋ยวหมูมะนาวร้านข้างๆออฟฟิตดีไหม พี่กบพบได้ข่าวว่ารสชาติจัดจ้านใช้ได้เลย ” เธอเสนออย่างกระตือรือร้น
“เอางั้นก็ได้จ๊ะ พี่ก็อยากกินอะไรแซบๆอยู่เหมือนกัน” กมลาบอกอย่างเห็นด้วย แล้วสองสาวเพื่อนซี้ก็จัดการเก็บของและลงไปกินอาหารที่ร้านดังกล่าวทันที ดีที่พวกเธอลงมาไว คนจึงไม่เยอะมากสองสาวจึงได้อาหารที่สั่งอย่างรวดเร็ว
“นี่ๆ พบพี่ชิมดูแล้วเปรี้ยวดีจริงๆไม่ต้องใส่มะนาวเพิ่มนะเดี๋ยวจะกินไม่ได้” กมลาแนะนำอย่างหวังดี พบรักเห็นดังนั้นจึงตักน้ำซุปในชามของตนชิมดูบ้าง แต่เธอกลับรู้สึกว่ายังไม่ได้รสชาติอย่างที่ต้องการ จึงเติมน้ำมะนาวลงไปเกือบ 3 ช้อน
“อืม ค่อยยังชั่วหน่อย พี่กบของพบต้องเปรี้ยวประมาณนี้ถึงจะอร่อย อยากกินมาหลายวันแล้วแต่คนเยอะรอไม่ไหว เพิ่งจะได้กินวันนี้เอง” พบรักบอกพลางกินอย่างเอร็ดอร่อย กมลาเห็นท่าทางการกินของพบรักแล้ว จึงขอชิมน้ำซุปในถ้วยบ้างว่าจะอร่อยแค่ไหนเชียว เท่าที่เขาปรุงมาเธอก็ว่าจัดจ้านแล้วนะ แต่แม่ตัวดียังเติมอีกจะกินได้หรือเปล่า
“ไหนชิมหน่อยสิ ว่าอร่อยไหม ” พูดจบกมลาก็ตักน้ำซุปในชามพบรักขึ้นมาชิมทันทีแต่เมื่อรสชาติของน้ำซุปสัมผัสกับลิ้น กมลาก็แทบสำลักต้องดื่มน้ำตามไปทันที พลางบอกว่า
“ตายแล้ว ยัยพบแกกินเข้าไปได้ยังไง เปรี้ยวขนาดนี้ก่อนปรุงทำไมแกไม่ชิมให้ดีก่อน อย่างนี้ไม่ต้องสั่งใหม่หรือไงย่ะ เสียดายของจริงๆ ถ้าขืนแกกินเข้าไป มีหวังตอนบ่ายแกได้วิ่งเข้าห้องน้ำไม่ทันแน่ ” กมลาเตือนอย่างหวังดี
“ก็ไม่เปรี้ยวเท่าไหร่นี้ค่ะ กำลังดีเลย อร่อยจะตายไปพี่กบ” พบรักว่าพลางกินต่ออย่างเอร็ดอร่อยซดน้ำซุปในชามจนเกลี้ยง ทิ้งให้กมลามองอย่างขยาด ภายในใจคิดว่า ไม่นานหรอกยัยพบต้องได้วิ่งเข้าห้องน้ำไม่ทันแน่ๆ แต่สิ่งที่กมลาคิดกลับผิดคาด เพราะเมื่อขึ้นมาที่ออฟฟิตขณะที่สองสาวกำลังเดินเข้ามาชงกาแฟดื่ม ก็พบกับตุ๊กตา นักศึกษาฝึกงานกำลังกินมะม่วงน้ำปลาหวานอยู่ จึงชวนสองสาวร่วมวงด้วยกันว่า
“อ้าว พี่กบ พี่พบ ทานมะม่วงด้วยกันสิค่ะ ตุ๊กเก็บมาจากที่บ้านกำลังกินเลยค่ะ” ตุ๊กเอ่ยชวนอย่างกระตือรือร้น
“พี่ขอตัวจ๊ะ ไม่ไหวกลัวท้องไส้จะพัง เพิ่งกินอะไรเปรี้ยวๆมาด้วย ขืนต่ออีกมีหวังต้องหามพี่ส่งโรงพยาบาล”กมลาปฏิเสธ ส่วนพบรักเข้าไปร่วมวงทันทีที่เอ่ยชวน แถมยังกินโดยไม่จิ้มอะไรกินเปล่าๆน่าตาเฉย
“พี่พบไม่เปรี้ยวหรือไง ไม่จิ้มน้ำปลาหวานเลย นี่มันมะม่วงสามฤดูนะค่ะ” ตุ๊กเอ่ยเตือนพลางมองพบรักกินด้วยท่าทางขยาด
“ยัยพบลิ้นแกต้องมีปัญหาแน่ๆ เลยกินอะไรก็ไม่ค่อยรู้รส ระวังท้องเสียนะแกจะหาว่าพี่ไม่เตือน” กมลาส่ายหน้าระอาก่อนจะเดินไปทำงานต่อ ทิ้งให้พบรักกับตุ๊กตาจัดการกับมะม่วงอย่างเอร็ดอร่อยก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงานของตน
ครืดๆๆๆ เสียงโทรศัพท์ของพบรักดังขึ้นขณะที่เธอกำลังจะเลิกงาน
“ฮัลโหล พี่ธี ว่าไงค่ะ”พบรักเอ่ยน้ำเสียงร่าเริง
“ใกล้เลิกงานยังจ๊ะ พี่จะโทรมาจะบอกว่าวันมะรืนนี้นะพี่จะแวะมารับพบที่ออฟฟิตเลยให้พบเอากระเป๋าเสื้อผ้าเตรียมมาได้เลย พี่บอกอานพ กับอาดาราให้แล้ว”
“อ๋อ ได้ค่ะพี่ธี แต่พบค้างได้สองวันนะค่ะ พบมีสัมมนาที่ต่างจังหวัดต่อ”
“ไม่เป็นไรจ๊ะ แค่พี่เห็นน้องสาวของพี่ ร่าเริงเหมือนเดิมแล้วพี่ก็ดีใจมากแล้วละ เอาเป็นว่าอีกสองวันเจอกันนะค่ะ” เมธีเอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยน
หลังจากวางสายจากเมธีแล้วพบรักกำลังเก็บของเพื่อกลับบ้าน ตุ๊กตานักศึกษาฝึกงานประจำแผนก ก็ตรงเข้ามาหาพบรักพร้อมกับท่าทางสะบัดสะบิ้งทันที
“พี่พบ พี่พบ ตุ๊กมีเรื่องจะเม้าให้ฟัง คือยังงี้เมื่อกี้ตุ๊กเข้าห้องน้ำอยู่ พอกำลังจะออกตุ๊กก็ได้ยินพี่ที่เป็นเลขาคุณสิตางค์คุยกับพี่จ๋าว่าคุณตุลย์กับคุณสิตางค์เขากิ๊กกันอยู่ หมู่นี้คุณตุลย์เลยแวะมาที่บริษัทบ่อยๆอ้างว่ามาเรื่องงาน แต่จริงๆแล้วมันเป็นแค่ข้ออ้าง” ตุ๊กตาเล่าอย่างออกรสออกชาติ
เรื่องราวที่ตุ๊กตาถ่ายทอดให้พบรักฟังนั้นราวกับตอกย้ำรู้สึก ความโกรธแค้นในใจเธอยิ่งนัก เขาทำเป็นไม่สนใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่พอเธอกำลังจะตั้งต้นชีวิตใหม่เขาก็มาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ มาคอยตอกย้ำความสัมพันธ์ของเขาและเธอไม่ปล่อยเธอไปเริ่มต้นใหม่กับใคร แต่ตัวเขาเองกับไม่เคยแคร์อะไรเลยยังใช้ชีวิตเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่เธอสิที่ต้องทุกข์ใจแค่ไหนเขากลับไม่เคยรับรู้เลย ขณะที่พบรัก กำลังคิดอยู่นั้นเสียงของผู้ชายคนนั้นกับผู้หญิงคนหนึ่งกำลังหัวเราะกันอย่างอารมณ์ดี ก็ดังเข้ามาในโสตประสาทของเธอพอดี เธอจึงหันไปมองตามเสียงโดยอัตโนมัติ ภาพที่เห็นคือตุลาการกำลังเดินไปพร้อมกับคุณสิตางค์ทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างสนิทสนม บางครั้งเขาก็เอียงหูไปฟังสิ่งที่คุณสิตางค์พูดอย่างไม่แคร์สายตาพนักงานที่มองไปอย่างใคร่รู้ เมื่อเดินไปถึงที่ประตูเขาก็เปิดประตูให้อย่างสุภาพแลดูทะนุถนอมคุณสิตางค์ยิ่งนัก แต่กลับเธอเขาปฏิบัติไม่ต่างจากทาสที่เขาจะทำอย่างไรก็ได้ จนกระทั่งคนทั้งสองเดินออกไปจนสุดสายตาแล้ว ตุ๊กตาก็สะกิดแขนเธอ แล้วพูดว่า
“พี่พบ ตุ๊กว่าเขาสองคนต้องเป็นแฟนกันแน่ๆเลย ดูสิคุณตุลย์ดูแลคุณสิตางค์ไม่ห่างเลย เวลาเขาสองคนเดินด้วยกันก็ดูเหมาะสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก ถ้าตุ๊กได้เจอผู้ชายอย่างคุณตุลย์นะพี่พบ ตุ๊กจะจับไม่ปล่อยเลยคอยดูเถอะ” ตุ๊กตาจีบปากจีบคอพูดอย่างเพ้อฝัน
“ผู้ชายที่ดูภายนอกว่าสุภาพ อ่อนโยนข้างในเขาอาจจะเป็นซาตานก็ได้นะ” พบรักเตือนอย่างหวังดี
“แหมพี่พบค่ะ ใครจะเป็นยังไงตุ๊กไม่รู้หรอกนะค่ะแต่กับคุณตุลย์ตุ๊กเชื่อว่าเขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรสักหน่อย พี่พบอย่าเหมารวมสิคะ” ตุ๊กออกรับแทนคนที่ตนปลื้มด้วยน้ำเสียงเชื่อมั่น
“สักวันนะตุ๊กถ้าตุ๊กเจออะไรๆ มากกว่านี้ตุ๊กจะรู้ว่าสิ่งที่ตาเห็นบางทีมันก็ไม่จริงเสมอไปหรอก” พบรักเอ่ยเตือนอย่างหวังดีเพราะเธอเองก็พลาดมาแล้ว เธอจึงไม่ต้องการให้ผู้หญิงคนไหนต้องตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกันกับเธอ
“พี่พบคิดมากไปหรือเปล่าค่ะ เราคงไม่โชคร้ายขนาดนั้นหรอก แล้วอีกอย่างคุณตุลย์ก็แสนดีออก”
“ฮึ เขานะแหละผู้ชายสารเลว” พบรักครางในลำคออย่างเหลืออด
“ค่ะ พี่พบว่าอะไรเลวๆค่ะตุ๊กฟังไม่ทัน” ตุ๊กตาถามอย่าง งงๆ
“เปล้า พี่ไม่ได้ว่าใครพี่แค่บอกว่าเรานะเหลวไหล ใครจะรักจะชอบใครก็ปล่อยเขาไปเถอะ ตอนนี้รีบกลับบ้านกันดีกว่า อย่ามัวแต่คุยกันเลยเดี๋ยวกลับช้ารถติดตายเลย” พบรักแก้ตัวพลางตัดบทเปลี่ยนเรื่องทันทีก่อนที่เธอจะหมดความอดทน เผลอด่าเขาออกมาให้ยัยเด็กช่างเม้าท์นี้สงสัยจนความลับแตกออกมาเปล่าๆ
รุ่งขึ้นขณะที่พบรักยืนอยู่ในลิฟต์ และประตูลิฟต์กำลังจะปิดแต่ก็มีมือข้างหนึ่งกั้นไว้ จึงทำให้ประตูที่กำลังจะปิดเปิดกว้างอีกครั้ง โดยมีชายหญิงหน้าตาดีคู่หนึ่งเดินเข้ามา นั้นก็คือตุลาการและสิตางค์ ตอนนี้จึงทำให้บรรยากาศในลิฟต์ดูตรึงเครียดขึ้นมาตะหงิดๆเพราะทันทีที่ก้าวเข้ามาในลิฟต์ตุลาการก็หยุดพูดทันทีแถมยังทำหน้ายักษ์อย่างไม่มีสาเหตุ ส่วนผู้หญิงที่อยู่ในลิฟต์ก็ทำหน้าบึ้งหันไปอีกทางเหมือนกัน เธอจึงรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสงครามเย็นโดยที่เธอยืนขั้นกลางเอาไว้ สิตางค์เห็นท่าไม่ค่อยดีจึงเอ่ยชวนพบรักคุยกลบบรรยากาศ อรึมครึม
“สวัสดีจ๊ะ พบรัก” สิตางค์ทักทายอย่างเป็นกันเอง
“สวัสดีค่ะคุณสิตางค์” พบรักเอ่ยทักกลับอย่างมีมารยาท
“แหมชื่อ ของพบรักนี่น่ารักดีจังเลยมีความหมายอะไรพิเศษหรือเปล่าจ๊ะ” สิตางค์ชวนคุยอย่างเป็นกันเอง
พบรักเห็นว่าสิตางค์มีอัชฌาศัยดี เธอจึงส่งยิ้มไปให้พลางตอบคำถามของสิตางค์
“ขอบคุณค่ะ มันก็ไม่ได้มีความหมายพิเศษอะไรหรอกค่ะ คุณพ่อแค่ตั้งชื่อนี้ไว้เตือนความจำ” พบรักอธิบายยิ้มๆ
“เตือนความทรงจำอะไรหรือจ๊ะ” สิตางค์ซักต่ออย่างสนใจ ข้างๆกันตุลาการก็แอบฟังไปด้วยอย่างสนใจไม่แพ้กันแต่แกล้งทำเป็นสนใจอ่านประกาศที่ติดอยู่ในลิฟต์แทน
“ก็คุณพ่อท่าน เคยเล่าให้ฟังว่าตอนที่ท่านเจอคุณแม่ครั้งแรกก็เหมือนท่านได้พบกับความรักครั้งแรก แล้วตอนที่พบเกิดครั้งแรกที่ท่านอุ้มพบ ท่านก็พบกับความรักอีกครั้ง ท่านจึงตั้งชื่อพบว่าพบรักเพื่อเตือนตัวเองว่าให้รักษาความรักทั้งสองครั้งนี้ไว้ให้ดีที่สุด” พบรักอธิบายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ตุลาการเมื่อได้ยินก็อดยิ้มตามไม่ได้ แต่ต้องทำเป็นขรึมไว้ก่อน ขัดกับสิตางค์ที่ชอบเพ้อฝันอยู่แล้วเมื่อได้ยินที่พบรักเล่าถึงกับยิ้มไม่หุบบอกกับพบรักด้วยหน้าเคลิ้มฝันว่า
“ว้าว โรแมนติกจัง คุณแม่พบโชคดีจังที่เจอผู้ชายแบบคุณพ่อ ชั้นเองก็อยากเจอผู้ชายแบบนี้บ้างจัง แล้วพบละจ๊ะหาเจอแล้วหรือยังเอ่ย” ประโยคหลังสิตางค์หันมาถามพบรักอย่างแซวๆ ขณะที่ตุลาการเองก็อยากรู้เหมือนกัน
พบรักเห็นอาการอยากรู้อยากเห็นของตุลาการที่ซ่อนเอาไว้ภายใต้ท่าทางนิ่งเฉย แต่แววตากับไหวระริก เธอจึงแกล้งตอบสิตางค์ไปว่า
“พบก็คิดว่าพบเจอเขาแล้วนะค่ะผู้ชายคนนั้น”พบรักตอบพลางสังเกตปฏิกริยาของตุลาการที่แววตาส่อความอยากรู้อยากเห็นอย่างปิดไม่มิด ขณะเดียวกันตุลาการก็ลุ้นระทึกในใจว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นใคร
“ใครเอ่ย สตางค์รู้รักหรือเปล่า” สิตางค์ถามอย่างใคร่รู้
“เขาชื่อเมธีค่ะ พบกับพี่ธีเรารู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยแล้วค่ะแต่พบไม่แน่ใจว่าคุณสตางค์จะรู้จักพี่ธีหรือเปล่า” พบรักตอบน้ำเสียงสดใส
“ใช่คนที่เคยมารับส่งพบบ่อยๆหรือเปล่าจ๊ะ ถ้าใช่ชั้นก็พอรู้จักนะ เขาเป็นพ่อเลี้ยงทำไร่กุหลาบชื่อไร่สมฤทัยอยู่ทีเชียงรายใช่ไหมจ๊ะ”
“พบไม่ยักกะรู้นะค่ะ ว่าคุณสิตางค์จะรู้จักพี่ธีด้วยรายนั้นวันๆหมกอยู่แต่ในไร่ หาตัวยากจะตาย” พบรักบอกพลางนึกถึงเมธีจนต้องยิ้มออกมา จนตุลาการที่แอบฟังอยู่เริ่มกรุ่นๆ พอดีกับที่ประตูลิฟต์เปิด ทั้งสามคนจึงเดินไปคุยไปต่อ
“ถ้าวันหลังคุณสิตางค์ไปเที่ยวที่เชียงราย บอกพบได้นะค่ะ พบจะพาไปค้างที่ไร่ ตอนนี้เราทำรีสอร์ทด้วยนะคะ หน้าหนาวทีแขกจะแน่นมากเลยค่ะ แต่ถ้าคุณสิตางค์จะไปพบจะพาไปค้างที่บ้านส่วนตัวของพบเองค่ะ” พบรักชวนอย่างอารมณ์ดี พลางเหลือบตามองตุลาการที่ตอนนี้หน้าตาบอกว่าหงุดหงิดเป็นที่สุด
“ว้าวดีจังเลย ถ้าสิตางค์ไปจะให้สิตางค์บอกพนักงานว่ายังไงดีคะ” สิตางค์ถามอย่างตื่นเต้น
“บอกว่าแม่เลี้ยงพบ ลูกสาวคุณนายสมฤทัยบอกมาก็แล้วกันค่ะพบจะโทรไปบอกพนักงานไว้ก่อน” พบรักบอกอย่างอวดๆโดยหวังให้ตุลาการเข้าใจผิดคิดว่าเธอกับเมธีเป็นคนรักกัน
“คุณพบเป็นถึงแม่เลี้ยง แสดงว่าคุณพบกับคุณเมธีกำลังจะมีข่าวดีหรือเปล่าเอ่ย แถมคุณนายสมฤทัยยังมอบตำแหน่งลูกสาวให้อีก ไม่นานสตางค์คงต้องหาพนักงานใหม่แน่ๆเลย” สิตางค์บอกอย่างเสียดายในขณะเดียวกันตุลาการก็ใกล้หมอความอดทนเต็มที มิน่าล่ะเจ้าหล่อนถึงไม่ต้องการให้เขารับผิดชอบ ก็คุณเธอเป็นถึงว่าที่เมียพ่อเลี้ยง ไหนเลยจะสนใจพ่อค้าอย่างเขาละ
“มันก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ พอดีพบอยู่สองบ้านทั้งบ้านพ่อแม่ที่กรุงเทพ และก็บ้านคุณแม่ใหญ่ เวลาพบไปค้างที่ไร่พวกคนงานก็เรียกพบเหมือนเรียกพี่ธีก็เท่านั้นเอง เดี๋ยวเย็นๆพี่ธีก็มารับพบถ้าโชคดีคงพบกัน”
“เป็นผู้หญิงภาษาอะไร หอบหอบผ่อนไปอยู่บ้านผู้ชาย” ตุลาการโพล่งออกมาอย่างหมดความอดทน
“เอ๊ะ นายตุลย์หุบปากมอมๆของนายเดี๋ยวนี้นะ ” สิตางค์หันไปตวาดตุลาการเสียงเขียว
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณสิตางค์คนนอกอาจไม่เข้าใจ แต่ถ้าคนที่สนิทกันเขารู้ค่ะว่าอะไรเป็นยังไง ขอตัวก่อนนะค่ะ” พูดจบพบรักก็เดินจากไปทันที ทิ้งให้ตุลาการอารมณ์บูดอยู่ข้างหลังอย่างทำอะไรไม่ได้
“นี่นายตุลย์เกิดบ้าอะไรขึ้นมา ฮะถึงไปว่าเขาแบบนั้น อีกอย่างเขาจะไปอยู่กับใครก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกับนายเลย” สิตางค์บ่นอย่างไม่เข้าใจ
“ทำไมจะไม่เกี่ยวก็ในเมื่อเขาเป็น อืม เขาเป็น” ตุลาการเอ่ยอย่างส่อพิรุจ
“เป็นอะไรย่ะ” สิตางค์ถามพลางหรี่ตามองเขาอย่างจับผิด
“เปล้า ผมแค่จะบอกว่าเขาเป็นผู้หญิง ไม่เอาแล้วเราอย่ามาเถียงเรื่องไร้สาระอยู่เลยสตางค์รีบไปทำงานเถอะเดี๋ยวเย็นๆ ผมจะมารับ พรุ่งนี้ที่อู่จะส่งรถไปให้ที่บ้าน” ตุลาการแก้ตัวได้อย่างหวุดหวิด พลางเปลี่ยนเรื่องทันที
และเมื่อเวลาเย็นมาถึง เขาก็ได้มารับสิตางค์ตามที่บอกไว้ แต่สิตางค์ได้กลับไปกับเพื่อนอีกคนก่อนแล้วตุลาการจึงไปรับเก้อ แต่ขณะที่เขากำลังวนรถกลับ เขาก็เห็นพบรักก้าวเข้าไปในรถผู้ชายคนหนึ่งด้วยท่าทางดีอกดีใจ เขาจึงตัดสินใจขับรถตามไปทันที และแล้วรถที่พบรักนั่งมาก็หยุดนิ่งตรงคอนโดหรูแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มคนขับดูหล่อเหล่าใช่เล่นนี่นะหรือพ่อเลี้ยงเมธี แล้วชายคนนั้นก็ เดินลงมาเปิดประตูให้เธออย่างเอาใจ แล้วจึงรับกระเป๋าเดินทางใบย่อมมาถือให้อย่างดี ภาพที่เห็นดูก็รู้ว่าทั้งสองคนคงมาค้างด้วยกันที่คอดโดนี้ ดูสิหัวร่อส่อกระสิก จนน่าหมั่นไส้ เธอเป็นสมบัติของชั้นในเมื่อชั้นยังไม่เบื่อ ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิแตะต้อง คอยดูเถอะชั้นจะเอาคืนเธออย่างสาสม ตุลาการคิดอย่างหงุดหงิดเสร็จ เขาก็ทุบพวงมาลัยอย่างโมโหแล้วขับรถออกไปเสียงดังสนั่น
ความคิดเห็น