คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : รักบทแรก
บทที่ 1
ความรักอาจจะมองด้วยตาเปล่า…………..ไม่เห็น
ความรักอาจไม่ใช่น้ำเย็น………………..ในธารใส
ความรักอาจไม่ใช่สายฝนชุ่มฉ่ำ……………….ให้หัวใจ
แต่จะพบความรักได้…………………….ถ้าใช้หัวใจมอง
บนโลกใบนี้ที่แสนกว้างใหญ่ มีผู้คนอาศัยอยู่มากมายทุกๆคนต่างมีภาระหน้าที่ ต่างมีความฝันเป็นของตัวเอง แต่จะมีใครสักคนไหมท่ามกลางผู้คนนับล้าน เพียงคนๆเดียวเท่านั้นที่เป็นคนรัก เป็นคู่แท้ที่ตามหากันมานาน เป็นอีกครึ่งชีวิตที่เหลืออยู่ เราจะหาเขาเจอไหมคนๆนั้น คนที่จับมือไปด้วยแม้หนทางข้างหน้ามีหลายๆสิ่งรออยู่ แล้วคุณล่ะเจอคนที่ใช่สำหรับคุณแล้วหรือยัง ?
“ เฮ้อจะมีไหมนะคนแบบนั้นสำหรับชั้นนะ” เสียงหญิงสาววัยยี่สิบห้านามว่าพบรักพ้อออกมาอย่างเซ็งๆ
“ถอนหายใจทำไมย่ะ แม่พบรัก สาวน้อยช่างฝันประจำแผนก” เสียงกมลาพี่ใหญ่แห่งแผนกศิลป์เอ่ยทักลูกน้องสาวคนสนิทอย่างขำๆ
“แหมพี่กบก้อ พบแค่อ่านบทความเรื่องความรักแล้ว มันรู้สึกหดหู่ใจ ชอบกลนี่ค่ะ” พบรักทำหน้าตาเหงาๆพลางถอนหายใจออกมาเป็นระยะ
“แหมทำไมย่ะ แกอยากมีความรักนักหรือไงไหนแกบอกว่าชาตินี้แกจะเกาะคานเป็นเพื่อนพี่ไงจ๊ะ” กมลาว่าด้วยความหมั่นไส้พลางยีหัวพบรักอย่างเอ็นดู
“โธ่ พี่กบก้อ พบก็แค่เพ้อๆไปเรื่อยไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ พบตั้งใจไว้แล้วว่าชาตินี้พบจะไม่ขอมีความรักเด็ดขาด เห็นเพื่อนแต่ละคนแล้ว โอ๊ย พบล่ะไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวหรอกค่ะ” หญิงสาวบอกด้วยสายตามุ่งมั่นโดยที่เธอเองไม่มีวันได้รู้เลยว่าอีกไม่นานนี้ความรักที่เธอหลีกเลี่ยงมาตลอดจะวิ่งมาชนจนเธอล้มไม่เป็นท่าเลยทีเดียว
“เจ้าประคุณ” กมลายกมือไหว้เหนือศีรษะอย่างไม่ค่อยจะเชื่อ
“ขอให้มันจริงเถอะจ๊ะพี่จะคอยดู แล้วนี่ก็รีบๆไปประชุมเถอะจ๊ะอันนี้เขาเรียกชีวิตจริงไม่ใช่ความฝันไม่ทำงานไม่มีเงินกินข้าวนะจ๊ะ” กมลาบ่นแต่ก็ไม่วายประชดประชันตามประสา
“ค่า พี่กบพบกำลังจะไปเดี๋ยวนี้แล้วค่ะ ไม่กล้าไปสายหรอกคะกลัวพี่กบหักเงินเดือน”
ถึงเจ้าหล่อนจะไม่ได้สวยเฉียบ แต่ก็น่ารักน่าเอ็นดูไม่ได้ขี้เหร่ อะไร ตรงกันข้ามกับมีบุคลิกร่าเริงสดใส มีน้ำใจจนใครๆที่ได้อยู่ใกล้ชิดหลงรักเอาง่ายๆ ดูอย่างเธอเองสิทั้งรักทั้งเอ็นดูพบรักเหมือนน้องสาวแท้ๆก็ไม่ปาน จนบางครั้งลูกน้องในแผนกพากันแซวเสมอว่าพบรักเป็นลูกรักพี่กบเสมอ จะมีก็แต่พวกหนุ่มๆเท่านั้นแหละที่คุณเธอจะวางมาดแสนหยิ่งเป็นเจ้าหญิงเย็นชาจนเข็ดขยาดกันเป็นแถว
เวลา 13.00น.
ครืด….ครืด…….ครืด
เสียงโทรศัพท์มือถือของพบรักดังขึ้นสักพักก่อนที่เจ้าตัวจะละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อมารับโทรศัพท์ พลางเหลือบตามองนาฬิกาข้างโต๊ะ เพราะเวลานี้ปกติไม่เคยมีใครโทรมานี่หน่า
“ฮัลโหล พบรักค่ะ”
“รู้แล้วครับว่าคุณพบรักรับสาย” เสียงนุ่มทุ้มของชายหนุ่มตอบกลับมาอย่างกวนๆ
“อ้าวพี่ธีเองหรือค่ะ พบก็ว่าแล้วเชียวว่าใครนะที่โทรมาผิดเวลา”
“โธ่ พี่ธีขอโทษค่ะ พี่ก็แค่คิดถึงน้องสาวตัวเองแล้วก็ว่าจะชวนมาเที่ยวที่ไร่วันหยุดยาวที่จะมาถึงนี้เอง”ชายหนุ่มบอกน้ำเสียงน้อยใจ
“พบล้อเล่นค่ะ พี่ธีอย่างอนไปเลยนะเดี๋ยวหน้าเหี่ยวไม่รู้ด้วยนะ” หญิงสาวง้ออารมณ์ดี
“ว่าแต่พบมาได้ไหมเอ่ย คุณแม่ก็บ่นแต่คิดถึงน้องพบ บอกว่าอยากเจอ บ่นทุกวันจนพี่เริ่มน้อยใจแล้วรู้ไหมว่าคุณแม่ ไม่รักพี่รักแต่พบคนเดียว” เขาแกล้งว่าอย่างตัดพ้อ
“แหมพี่ธี ก็พูดเกินไปนะค่ะแม่ใหญ่ท่านก็แค่ เอ็นดูพบเท่านั้นเองค่ะ” หญิงสาวปลอบ
เมื่อนึกถึงแม่ใหญ่หรือคุณนายสมฤทัยแห่งไร่กุหลาบชื่อดังของเชียงรายพบรักก็อดคิดถึงอดีตไม่ได้ ก็ครั้งที่เรียนอยู่มหาลัย ปี 2 คุณแม่ใหญ่ได้มาเยี่ยมพี่ธีที่คอนโดในกรุงเทพ แล้วบังเอิญเข้ามาพบกับภาพที่ พบรักกำลังแกล้งเมธี ซึ่งภาพที่เห็นก็ชวนคิดไปไกลมันเป็นภาพที่เธอกำลังจี้เอวชายหนุ่ม แต่คุณนายสมฤทัยคิดว่าทั้งสองกำลังกอดกันอยู่ คุณนายสมฤทัยถึงกับโกรธตัวสั่นตวาดเสียงดังลั่นหาว่าพี่ธีพาผู้หญิงมาอยู่กินด้วยกัน เธอและเมธีต้องใช้เวลาอธิบายเรื่องนี้อยู่หลายวัน กว่าแม่ใหญ่จะยอมฟัง จนได้รู้ว่าพบรักเป็นลูกสาวของนายอนพและดาราเพื่อนสมัยเด็กของสามีนาง ประกอบกับตลอดระยะเวลาที่นางพักอยู่กับลูกชาย พบรักก็มาคอยดูแล พาไปเที่ยวเปิดหูเปิดตา ช่างประจบเอาใจจนในที่สุดคุณนายสมฤทัยหลงรักหัวปรักหัวปรำ ถึงขนาดให้พบรักเรียกท่านว่าแม่ใหญ่ หลังจากที่เธอเรียนจบท่านก็ขอรับพบรักเป็นบุตรบุญธรรม คุณนายสมฤทัยนั้นทั้งรัก ทั้งห่วงพบรักเหมือนกับลูกของตัวเองเพราะนางเองเมื่อตอนคลอดเมธีได้ไม่นาน สามีก็มาตายจากทิ้งไว้แต่ความเสียใจ อีกทั้งนางยังเคยหวังว่าอยากได้ลูกสาวไว้คอยดูแลยามชรา แล้วตัวของพบรักเองก็คอยดูแลนางเองไม่ต่างไปจากแม่แท้ๆของตัวเองเลย
“พบรัก พบรัก พบรักฟังพี่ธีอยู่หรือเปล่า”ชายหนุ่มเอ่ยเตือนเมื่อเห็นคู่สนทนาเงียบหายนานผิดปกติ
“ค่ะ ค่ะ พี่ธีว่าอะไรนะคะ พอดีพบฟังไม่ทันค่ะ”
“โธ่เอ๋ย ยัยเด็กบ๋อง ปล่อยให้พี่พูดคนเดียวอยู่ได้ตั้งนาน พี่แค่จะบอกเราว่าตกลงวันหยุดยาวนี้พบจะมาที่ไร่ของเราไหม พี่จะได้ส่งตั๋วเครื่องบินไปให้”เขาถามอย่างใจเย็น
“อ๋อ พบไปได้ค่ะ พี่ธีพอดีวันหยุดนี้คุณพ่อ คุณแม่ต้องไปต่างจังหวัดพอดีเลย พบเองก็ไม่อยากอยู่เฝ้าบ้านด้วย” หญิงสาวบ่นเซ็งๆ
“ดีเลยคะน้องพบ งั้นพี่ให้เลขาส่งตั๋วไปให้เลยนะ แล้วไงอาทิตย์หน้าเจอกันนะ บายจ๊ะ”
“สวัสดีคะ แล้วเจอกันนะค่ะ”หญิงสาวกล่าวลาด้วยใบหน้าเปี่ยมสุขในใจภาวนาให้ถึงวันหยุดไวๆ
“นี่เป็นอะไรไปจ๊ะ แม่กระต่ายน้อยช่างฝันคุยกับใครจ๊ะ ยิ้มหน้าบานเชียว”กมลาเอ่ยทักอารมณ์ดี
“อ๋อ พี่ธี พี่ชายพบงัยค่ะ คนที่เมื่อก่อนคอยมารับมาส่งพบที่ทำงานไงค่ะ”
“ใช่คนที่ หล่อๆ ขาวๆ ตี๋อินเทร์นใช่ไหม พี่จำได้ไม่เคยลืมเลยล่ะ”กมลากล่าวนัยน์ตาชวนฝัน
พบรักส่ายหัวยิ้มๆกับท่าทางเกินจริงของกมลาพลางพูดว่า”พอดีวันหยุดยาว ที่กำลังมาถึงนี้ พี่ธีชวนพบไปค้างที่ไร่นะค่ะ”
“ดีจังเลยนะได้ไปเที่ยวต่างจังหวัด พี่นี่สิมีงานด่วนเข้ามาพอดีเลย แผนที่วางไว้เลยล่มไม่เป็นท่าเลย” กมลาบ่นด้วยสีหน้าเซ็งสุดขีด
“อ้าวงานอะไรค่ะ พี่กบให้พบช่วยไหม”เธอเสนออย่างมีน้ำใจ
“ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ พบ มันก็งานนิทรรศการสินค้าเกษตรบริษัทคุณตุลาการที่กำลังจะจัดเดือนหน้าไงพอดีมันมีปัญหานิดหน่อย พี่เอามาแก้ 2 รอบแล้วนะคุณตุลย์ยังไม่พอใจเลย เรื่องมากสุดๆ” กมลาทำหน้าเบื่อ
“ถ้ามีอะไรให้พบช่วย พี่กบบอกมาได้เลยนะค่ะ พบยินดี” หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงใจ
“ขอบใจจ๊ะ แม่สาวน้อย แต่เธอไปเที่ยวให้สบายใจเถอะจ๊ะแล้วอย่าลืมของฝากพี่ด้วยแล้วกัน” กมลากล่าวติดตลก
“พี่กบจะเอาอะไรเป็นพิเศษไหมค่ะ หรือจะเอาชากุหลาบเหมือนเดิมดีค่ะ”พบรักถามอย่างรู้ใจ
“อืม” กมลาครางในลำคอพลางทำท่าใช้ความคิดก่อนจะส่งยิ้มหวานไปให้พบรักอย่างเจ้าเล่ห์แล้วพูดว่า
“ชาที่ให้มาคราวที่แล้วพี่ยังกินไม่หมดเลย คราวนี้พี่ขอเป็นพี่ธีของพบเป็นของฝากได้ไหมจ๊ะ”
“โธ่พี่กบค่ะ ถ้าพี่ธียอมพบจะจับพี่ธีผูกโบใส่กล่องไปวางให้ พี่กบถึงบ้านเลยค่ะ” พบรักว่าพลางส่ายหัวขำๆ“แหมถ้าได้อย่างนั้น ก็ดีสิจ๊ะ แล้วพี่จะรอของฝากชิ้นนี้นะจ๊ะ แต่ตอนนี้พี่ขอตัวไปประชุมก่อนแล้วกัน”
กมลาพูดด้วยใบหน้าเคลิ้มฝันก่อนจะรีบขยับแฟ้มในมือให้เข้าที่แล้วจึงเดินเข้าห้องประชุมไป
ณ ห้องประชุมบริษัทส่งออกผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรเทพนิมิตผล จำกัด
บรรยากาศภายในห้องเต็มไปด้วยความตึงเครียดเนื่องจากแผนงานที่ วางไว้ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเท่าที่ควร อีกทั้งเวลาในการจัดงานก็กระชั้นเข้ามาทุกที งานนิทรรศการแสดงผลผลิตทางการเกษตรของบริษัทเขาก็กำลังมาถึง ภายใต้ใบหน้าที่ดูอบอุ่น อ่อนโยนในยามปกติ แต่คงมีไม่กี่คนที่รู้ว่าในเวลาทำงานนั้นตุลาการ หรือคุณตุลย์ ประธานกรรมการใหญ่แห่งบริษัทส่งออกผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรเทพนิมิตผล จำกัด จะดูเคร่งขรึมจริงจัง ก็ดูอย่างบรรยากาศภายในห้องประชุมตอนนี้สิ ถ้าใครเผลอทำเข็มตกคงดังสะท้อนไปทั้งห้อง และก็คงไม่มีใครคิดว่า ชายหนุ่มวัย 34 ปี รูปร่างสูงกำลังดี ผิวขาวจัด หน้าตาหล่อเหลาดวงตามีแววของความมุ่งมั่นจริงจัง หน้าตาเกลี้ยงเกลาไร้หนวดเครา มุมปากมีลักยิ้มชวนหลงใหล ในยามปกติจะมีสีหน้าอ่อนโยนส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นิดๆ ท่าทางขี้เล่น แต่งตัวภูมิฐานดูดี แต่เมื่ออยู่นอกเวลางานกับเพื่อนกินเพื่อนเที่ยว ก็ไม่ต่างกับเพล์บอย เจ้าสำราญจนผู้หญิงทั้งหลายต้องยอมสยบ บางทีเขายังเคยถูกสิตางค์เพื่อนสาวคนสนิทเหน็บแนมเลยว่าเขาเป็นนักบุญซาตาน เพราะเขาไม่เคยปฏิเสธผู้หญิงที่เข้ามาแต่เขาก็ไม่เคยให้ความรักกับใครเช่นกัน แต่ว่าเวลานี้คุณตุลย์ของสาวๆในบริษัทกำลังทำหน้าเครียด พร้อมอาละวาดหากใครขัดใจแม้เพียงนิดเดียว ดวงตาที่เคยขี้เล่นบัดนี้กลับดูดุดันด้วยความไม่พอใจ ที่งานสำคัญของบริษัทไม่คืบหน้าเท่าที่ควรจะเป็น ทั้งๆที่ผ่านมางานภายใต้การกำกับดูแลของเขา ประสบความสำเร็จทุกงาน นับตั้งแต่เขาขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานเมื่อ 5 ปีก่อนซึ่งเป็นวันที่เขาไม่เคยลืมเลยว่า แม่ผู้อ่อนโยนของเขาต้องมาจากไปก่อนเวลาอันควร เพียงเพราะพ่อของเขาขอหย่าขาดจากแม่และยังยักยอกเงินในบริษัทไปพร้อมกับผู้หญิงคนใหม่ นั้นทำให้แม่ของเขาผิดหวังเสียใจจนล้มป่วย เพียงไม่นานท่านก็จากไปด้วยโรคหัวใจกำเริบตกจากบันไดลงมาเสียชีวิต ในวันที่เขาเรียนจบกลับมาพอดี ในขณะเดียวกันที่บริษัทก็ประสบปัญหาอย่างหนักเนื่องจากพ่อของเขายักยอกเงินไปใช้กับผู้หญิงคนใหม่ ทำให้เขาแทบล้มทั้งยืนไหนจะเรื่องแม่ไหนจะบริษัทหากวันนั้นเขาไม่ได้กำลังใจและเงินทุนก้อนใหญ่ของสิตางค์ หรือยัยสตางค์ตัวแสบพี่สาวข้างบ้านที่เป็นทั้งเพื่อนและพี่ที่ช่วยฉุดรั้งเขาขึ้นมาจากห้วงทุกข์ มอบเงินทุนจำนวนหนึ่งให้เขามากอบกู้บริษัททั้งๆที่ไม่มีใครเชื่อมั่นเลยว่าเขาจะทำได้ ตอนนี้เขากลายเป็นผู้บริหารหนุ่มไฟแรง ที่สังคมกำลังจับตามอง ด้วยวัยเพียง 34ปีแต่กลับนำพาบริษัทที่กำลังล้ม กลับมามีผลกำไรหลายร้อยล้านต่อปีได้
“เอ่อ คุณตุลย์ครับ ผมคิดว่าที่งานในครั้งนี้ล่าช้าอาจเป็นเพราะเอเจนซี่ที่เราจ้างมา ทำงานล่าช้า แล้วงานก็ยังไม่เป็นที่พอใจของคุณตุลย์อีก งานเลยไม่คืบหน้าเท่าที่ควรครับ” เสียงหนึ่งในผู้เข้าประชุมเสนอความคิดเห็นอย่างเกรงใจ
“คุณคิดอย่างนั้น เหรอคุณวิทูร” ตุลาการใช้น้ำเสียงเน้นย้ำพลางมองอย่างจับผิดและพูดต่ออีกว่า
“แต่ผมกลับคิดว่าเป็นเพราะคนบางคนแอบทำอะไร บางอย่างกับงานในครั้งนี้หรือเปล่า อย่างเช่นเสนองบที่คลาดเคลื่อนกับเอเจนซี่ การเปลี่ยนสเปกของบางอย่างโดยที่ไม่แจ้งบริษัท”
“คุณตุลย์ไปทราบอะไรมาหรือครับ” เขาถามอย่างหวาดระแวง
“เปล่าหรอกครับคุณวิทูร ผมมันก็แค่เดาเล่นๆสนุกๆนะครับ ใครจะไปกล้าทำอะไรเลวๆแบบนั้น จริงไหมครับ คุณวิทูร” เขาถามเสียงหยันพลางหรี่ตามองวิทูรอย่างจับผิด
“ใช่ครับใครจะไปกล้ากัน” เขาพูดด้วยน้ำเสียงติดขัดไม่กล้าสบตาตุลาการ
“งั้นวันนี้พอแค่นี้ก่อนแล้วกัน ผมมีธุระข้างนอก” เขาบอกแล้วลุกจากห้องประชุมไปทันที
ลับหลังชายหนุ่มยังมีสายตาคู่หนึ่งมองตามเขาไปด้วยความเครียดแค้นชิงชัง เขากำมือแน่น ขบกรามอย่างระงับอารมณ์ พร้อมกับพูดตามหลังของชายหนุ่มไปอย่างชิงชังว่า
“ระวังตัวไว้ให้ดีเถอะไอ้ตุลย์ ไอ้หน้าอ่อน แล้วมึงจะรู้ว่ามึงไม่ได้ฉลาดเป็น คนเดียวหรอกนะ ถ้ามึงพลาดเมื่อไหร่กูไม่เอามึงไว้แน่ ไอ้เด็กเมื่อวานซืน”
“ท่านคิดว่าคุณตุลย์จะรู้อะไรไหมครับ” วิทูรถามนาย อย่างขลาดกลัว
“มันอยู่ไม่ได้นานนักหรอก” พูดจบชายสูงวัยก็ยกโทรศัพท์สั่งการใครบางคนทันที
“ไอ้โชคเย็นนี้ แกเข้ามาหาอั๊วหน่อยมีงานให้ทำ” พูดจบชายสูงวัยก็ยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียมแล้วเดินจากไปทันที
ณ บริษัทเอนเตอร์เทนเม้นจำกัด
ตุลาการก้าวลงมาจากรถพร้อมกับยกโทรศัพท์กรอกเสียงทะเล้นไปว่า “ฮัลโหล ไอ้สตางค์ครับ กระผมมาถึงบริษัทคุณแล้วนะครับ กรุณาลงมารับผมด้วยครับคุณพี่สาว”
“อ้าย ! นายตุลย์อย่ามาเรียกชั้นว่าพี่สาวนะ ชั้นแค่เกิดก่อนนายไม่กี่เดือนเองนะ”สิตางค์โต้กลับอย่างเจ็บใจ
“โธ่ๆๆ เข้าใจแล้วครับคนที่แก่กว่าผม แค่ 11 เดือน ตอนนี้กระผมมาถึงแล้วไม่ทราบว่าผู้บริหารระดับสูงจะออกมาพบผมได้ไหมครับ” เขาถามกลับอย่างกวนๆ
“ชิ ได้ย่ะแต่ขี้เกียจลงไป นายขึ้นมารอชั้นที่ห้องประชุมชั้น 9 นะชั้นมีเรื่องจะปรึกษา” ท้ายประโยคน้ำเสียงของสิตางค์จริงจังจนตุลาการนึกสงสัย เขาจึงรีบวางสาย แล้วก้าวเข้าลิฟต์ทันที ขณะที่ลิฟต์กำลังจะปิดฉับพลันประตูประตูก็เปิดออกอีกครั้ง จนเขาต้องเงยหน้าจากแผงตัวเลขในลิฟต์มองบุคคลที่มาใหม่ ทันที
“ขอโทษค่ะ รอด้วย” หญิงสาวหยุดยืนอย่างหอบๆในมือถือข้างของพะรุงพะรัง
ตุลาการเห็นจึงช่วยกดลิฟต์ให้พลางถามว่า “ชั้นไหนครับ”
“ชั้น 8 ค่ะ” หญิงสาวตอบพลางส่งยิ้มขอบคุณไปให้ ตุลาการได้มองรอยยิ้มนั้นพลันก็รู้สึกประทับกับรอยยิ้มจริงใจนั้นทันที และเมื่อลิฟต์ปิดลงทำให้ทั้งสองคนอยู่ในลิฟต์ตามลำพังตุลาการแอบสำรวจผู้หญิงตรงหน้าอย่างสนใจ พลางคิดในใจว่า
ผู้หญิงคนนี้ตัวเล็กน่ารักดี แต่งตัวก็เหมือนตุ๊กตา สงสัยอายุไม่น่าจะเกิน 20 พอดีกับที่ลิฟต์เปิดพอดี หญิงสาวคนดังกล่าวจึงออกจากลิฟต์ ทิ้งไว้แต่กลิ่นหอมจางๆ จนตุลาการอดคิดไม่ได้ว่าจะดีแค่ไหนนะถ้าได้ดมใกล้ๆ
ก๊อกๆๆๆ
“เข้ามานั่งก่อนสิตุลย์” เสียงสิตางค์เชื้อเชิญ
“เอ๊ะ ทำไมวันนี้คุณสิตางค์คนสวย สาวเปรี้ยวแห่งปีของเราทำไมทำหน้าเครียดจัง”ตุลาการทักอย่างอารมณ์ดี
“ถ้านายฟังเรื่องที่ชั้นกำลังจะเล่า นายจะยิ้มไม่ออกคอยดู” สิตางค์บอกด้วยท่าทีจริงจัง
“แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ ใช่เรื่องงานที่ทำให้บริษัทผมหรือเปล่า”เขาถามอย่างคาดเดา
“ใช่เลย ล่ะ แล้วนายรู้อะไรไหมตุลย์ ที่งานคราวนี้ไม่ราบรื่น ไม่ได้เป็นที่ฝ่ายชั้นส่งงานช้า แต่เป็นเพราะสินค้าบางตัว แล้วก็อุปกรณ์บางอย่างสเปกไม่ตรงกับที่แจ้งมาในตอนแรก แถมงบก็ผิดปกติ” เธออธิบายอย่างหนักใจ
“ผมรู้สตางค์ ตอนนี้ผมกำลังสาวต้นตออยู่ ใกล้จะสำเร็จแล้วล่ะรับรองพวกมันไม่มีทางรู้แน่ๆว่าผมจะใช้แผนนี้จัดการพวกมันจนกระอักเลือด” เขาบอกอย่างสะใจ
สิตางค์ได้แต่ส่ายหน้าเป็นห่วงตุลาการกับความถือดีของเขาพลางเตือนเขาอย่างหวังดีว่า
“ชั้นรู้ว่านายเก่ง แต่นายก็ควรระวังตัวบ้างคนเรามันพลาดพลั้งกันได้ ชั้นเป็นห่วงนายมากนะ”
ตุลาการมองสบตากับสิตางค์อย่างขอบคุณกับความหวังดีพลางพูดว่า
“ผมรู้ ผมจะระวังตัวแล้วกัน ว่าแต่ตอนนี้ก็ใกล้เวลาเลิกงานแล้วเราไปหาอะไรกินก่อนกลับบ้านกันดีกว่า เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง” ท้ายประโยคตุลาการเอ่ยชวนสิตางค์อย่างหาทางเปลี่ยนบรรยากาศ
“ต๊าย วันนี้ฝนท่าจะตกนายตุลย์ ชวนชั้นดินเนอร์ ถามจริงวันนี้นายไม่ไปหลอกฟันใครหรือย่ะ พ่อรูปหล่อ” สิตางค์กอดอกมองตุลาการอย่างจับผิด
“แหมอย่ามองผมร้ายๆ แบบนั้นสิครับ ผมก็แค่อยากชวนเพื่อนฝูงไปดินเนอร์ นานๆทีเราจะได้เจอกันซะที”เขาอธิบายอย่างเซ็งๆ
“โธ่เอ๋ย ชั้นก็แค่สงสัย ปกติพอเลิกงานปุ๊บ นายก็หายหัวไปกับเพื่อนเพล์บอยของนายทุกที” เธอว่าอย่างประชดประชัน
“คุณสิตางค์ครับ ผมเป็นผู้ชายนะเรื่องอย่างว่า มันก็ต้องมีบ้างเป็นของธรรมดา อีกอย่างผู้หญิงพวกนั้นก็ออกจะชอบ” เขากล่าวอย่างดูแคลน
ตุลาการทำหน้าเหม็นเบื่อกับคำเทศนาเดิมๆของสิตางค์ก่อนจะตัดบทสนทนาด้วยการส่งยิ้มหวานกระชากใจไปให้พลางพูดว่า “ครับผมคุณพี่ ก่อนที่จะบ่นกระผม ตอนนี้เราไปหาอะไรกินก่อนดีไหมครับ เชิญคุณพี่ไปรอผมที่รถได้เลยนะครับ กระผมขอตัวเข้าห้องน้ำไปล้างหูสักครู่นะครับแล้วจะตามลงไป”เขาว่ากวนๆพลางโค้งคำนับสิตางค์อย่างล้อเลียน
“ย่ะ เร็วๆนะชั้นจะรอ ถล่มเจ้ามือ” สิตางค์ว่าอย่างหมั่นไส้กับท่าทีของตุลาการแล้วจึงคว้ากระเป๋าถือออกจากห้องทำงานไปรอเขา
ห้องน้ำ
ขณะที่เขากำลังล้างมืออยู่นั้น ก็มีชายสองคนเดินเข้ามาทำธุระส่วนตัวพลางพูดคุยกันเสียงดังว่า
“เอก นายจำยัยพบรัก เด็กแผนกพี่กบได้ไหมวะ”
“เออจำได้ มีอะไรวะไอ้โต้ง น้องเขาก็น่ารักดีนี่หว่า”
“เชอะ ข้าว่านังเด็กนี่เล่นตัวชะมัด น่าตาก็งั้นๆทำเป็นเล่นตัว” เขาว่าอย่างหมั่นไส้
“อ้าวทำไมวะ หรือว่าเอ็งจีบเขาไม่ติด”
“เปล่า”เขาแก้ตัวเสียงสูง
“ข้าแค่คุยด้วย ชวนไปกินข้าวทำเป็นหยิ่งไม่พูดด้วย อิโธ่ใครๆก็รู้ว่าตอนเรียน มหาลัย ดอดขึ้นคอนโดผู้ชายประจำ เขารู้กันทั้งคณะ ยังมีน่ามาแอ๊บอีก” เขาว่าพลางเบ้ปากหมั่นไส้
“จริงดิ แต่ข้าว่าน้องเขาก็ดูเรียบร้อยดีนี่หว่า” เอกพูดอย่างไม่ค่อยเชื่อ
“โธ่ เอ็งมันอ่อนต่อโลกไม่ทันมารยาผู้หญิงหรอก แต่ตอนนี้เรารีบออกกันไปก่อนเถอะคืนนี้มีงานเลี้ยงวันเกิดพี่จ๋า มีลาบปากแหงๆ อย่ามัวไปพูดถึงยัยเด็กพบรักเลย เซ็งว่ะ” เขาว่าพลางรีบออกจากห้องน้ำไปทิ้งให้ตุลาการรู้สึกสนใจกับบทสนทนาดังกล่าว พลางคิดในใจว่า ชื่อพบรักซะด้วยแต่ท่าทางกร้านโลกไม่เบา หากได้เห็นผู้หญิงคนนี้เขาคงไม่พลาดที่จะลองสานสัมพันธ์กับเจ้าหล่อนดูบ้าง หากเป็นเขาไม่ว่าผู้หญิงหน้าไหนก็ยากที่จะปฎิเสธ เขาคิดอย่างเข้าข้างตัวเอง
“พบรัก พบรักน้องรักของพี่” เสียงกมลาออดอ้วนดังมาแต่ไกล
“มีอะไรค่ะพี่กบ” พบรักถามอย่างสงสัย
“วันนี้วันเกิดพี่จ๋า แผนกข้าง ๆพบไปเป็นเพื่อนพี่หน่อยสิ”กมลาพูดพลางส่งสายตาอ้อนวอน
“พี่จ๋า จัดงานที่ไหนค่ะ พบจะได้แต่งตัวไปถูก”
“จัดที่ผับซอยข้างๆบริษัทนี่เองไม่ไกลหรอก และเรื่องแต่งตัวพบไม่ต้องห่วงนะ พี่เตรียมชุดไว้ให้แล้ว”กมลาบอกอย่างหมายมั่น
“แล้วพี่กบเอาชุดมาจากไหนค่ะ” พบรักหรี่ตามองอย่างจับผิด
“ตอบตรงๆเลยนะ ชุดพี่เองแหละพอดีซื้อมาแล้วแบบว่า ตัวมันเล็กไปนิดหนึ่งนะ พี่เลยคิดว่าพบน่าจะใส่ได้ แต่พบต้องไปแต่งตัวห้องพี่นะ บ้านพบกับคอนโดพี่มันคนละทางกัน ขืนไปๆมาๆงานเริ่มก่อนจะไม่ดี” กมลาวางแผนเสร็จสับไม่รอการตัดสินใจของพบรักตามเคย พบรักจึงได้แต่เออ ออ ไปคิดซะว่านานๆทีได้ไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาบ้างก็ดีเหมือนกัน และแล้วสองสาวคู่ซี้ก็ลงลิฟต์ไปด้วยกันอย่างรวดเร็ว ซึ่งเมื่อลิฟต์ปิด ตุลาการก็เดินออกมาจากห้องน้ำมาถึงหน้าลิฟต์พอดี คลาดเคลื่อนกับสองสาวอย่างพอดี
ณ ผับชื่อดังย่านสถานบันเทิงของกรุงเทพ
ท่ามกลางผู้คนมากมายที่กำลังเบียดเสียดกันอยู่ข้างใน บ้างก็กำลังโยกย้ายไปตามจังหวะดนตรีที่ดังกระหึ่มอยู่อย่างเมามัน จริยา หรือ จ๋าเจ้าของวันเกิดก็เห็นกมลาเข้าพอดี จึงตะโกนเรียกเสียงดังแข่ง กับเสียงดนตรีทันที
“ไอ้กบ ไอ้กบ ทางนี้ๆ” จริยาตะโกนเรียกพลางกวักมืออย่างไม่อายใคร
“แหมไอ้บ้าจ๋า เรียกเสียงดังคนอื่นมองชั้นเป็นตาเดียว หมดแล้ว”
“โธ่ ก็ชั้นเห็นแกเดินกันยัยพบออกมาจากพวกหนุ่มๆ แล้วสงสารก็เลยอยากช่วย เออว่าแต่แกเถอะนึกยังไงจับยัยพบแต่งตัวล่อตะเข้มาที่แบบนี้นะ” จริยาว่าพลางมองพบรักอย่างเห็นใจ แต่ใช่ว่าพบรักแต่งตัวแบบนี้แล้วมันดูไม่นะตรงกันข้ามชุดนี้มันทำให้พบรักดูเป็นสาวร้อนแรง น่าค้นหาขนาดเธอเป็นผู้หญิงด้วยกันเห็นแล้วยังน้ำลายไหลเลย แล้วผู้ชายล่ะจะขนาดไหน
“ถ้าชั้นรู้ว่า ยัยพบใส่แล้วเซ็กซี่ขนาดนี้ ชั้นไม่ให้ใส่มาหรอกย่ะ”กมลาว่าเคืองๆ
“พบใส่ชุดนี้แล้วน่าเกลียดมากเลยเหรอ พี่จ๋า ก็พี่กบนะสิเอาชุดที่ตัวเองใส่ไม่ได้มาให้พบใส่”พบรักว่าอย่างงอนๆ
“มันก็ไม่น่าเกลียดหรอกพบ แต่พบใส่แล้วสวยกว่าพี่ๆก็เลยอิจฉา แต่จะว่าไปนานๆทีพบแต่งตัว อย่างนี้บ้างก็ดีนะ แปลกตาดี” จริยาอธิบายอย่างใจดีพลางเชิญชวนให้สองสาวดื่มเหล้าในมือ
ขณะเดียวกันเอกกับโต้งสองหนุ่มที่นินทาพบรักในห้องน้ำก็เหลือบมาเห็นพบรักพอดี
“เฮ้ยๆไอ้เอกแกดูยัยพบสิ” โต้งสะกิดเอกพลางพยักเพยิกไปทางโต๊ะของพบรัก “วะ วันนี้แต่งตัวชวนขึ้นเตียงจริงๆสงสัยจะเลิกแอ๊บแล้ววะ”
“เออวะ สงสัยจะจริงปกติเห็นแต่งตัวมิดชิด วางมาดอย่างกับผู้ดี วันนี้เปิดทั้งหน้า ทั้งหลังเลยวะ ข้าเห็นแล้วน้ำลายไหลเลยวะ” พูดจบสองหนุ่มก็ชนแก้วกันหัวเราะเสียงดังไม่เกรงใจใคร
เป็นเวลาเดียวกับที่ตุลาการซึ่งมาถึงได้สักพักแล้วหลังแยกกับสิตางค์หลังอาหารเย็น เนื่องจากเขามีนัดกับเมฆาที่ผับแห่งนี้ต่อ และเขากับเมฆาก็ได้ยินเรื่องที่โต้งกับเอกพูดคุยกันอยู่พอดี
“ตุลย์นายได้ยิน เรื่องที่ไอ้สองคนนี้คุยกันหรือเปล่าวะ”เมฆถามตุลย์ด้วยน้ำเสียงมีเลศนัย
“เรื่องอะไรวะ” ตุลาการแกล้งไขสือ ทั้งที่จริงเขาได้ยินมาตั้งแต้ต้นแล้ว
“โธ่ไอ้ตุลย์ ก็เรื่องแม่สาวชุดดำโต๊ะนั้นไงวะ” เมฆพูดพลางชี้ไปที่พบรัก
เมื่อตุลาการหันไปตามที่เมฆบอกเขาก็พบกับหญิงสาวคนหนึ่งเธออยู่ในชุดเดรสสั้นสีดำ มันเป็นชุดเดรสแบบคล้องคอและผ่าลึกเห็นเนินอกขาวนวล ส่วนด้านหลังก็เว้าลึกเกือบถึงเอวคอดกิ่ว หญิงสาวแต่งหน้าโทนสีอ่อนแต่เน้นริมฝีปากด้วยสีสันจัดจ้านน่าจูบ เส้นผมถูกดัดเป็นลอนหลอมๆเกล้าขึ้นปล่อยปอยผมคลอเคลียกับต้นคอขาวผ่อง อีกทั้งชุดเดรสสีดำนี้เมื่ออยู่ในร่างของเจ้าหล่อนแล้วยิ่งทำให้ผิวของเธอดูขาวลออตา เวลาเธอขยับเปลี่ยนอิริยาบถ ชุดก็ร่นขึ้นจนเห็นเรียวขากลมกลึง ภาพที่ตุลาการเห็นทำให้เขาถึงกับตกอยู่ในภวังค์ อะไรกันนี่ผู้หญิงคนนี้ช่างยั่วยวนซะเหลือเกิน หากเจ้าหล่อนเป็นอย่างที่ไอ้สองคน นั้นพูดจริงเห็นทีคืนนี้เขาคงต้องลองดูหน่อยแล้วกัน
“ไอ้ตุลย์ เฮ้ยไอ้ตุลย์”เสียงเมฆปลุกเขาออกจากภวังค์
“มีอะไรไอ้เมฆ อยู่ใกล้แค่นี้แกจะตะโกนทำไมวะ” เขาถามอย่างอารมณ์เสียที่ถูกขัดจังหวะ
“โธ่ไอ้ตุลย์ ข้ารู้หรอกนะว่าแกคิดอะไรอยู่ มองตาเป็นมันเชียวนะแก รู้จักหรือไงวะ” เมฆถามพลางจิบเหล้าในมือ
“พูดมากวะไอ้เมฆ ข้าไม่รู้จักเขาหรอก เคยแต่ได้ยินมาว่าเขาชื่อพบรัก ทำงานอยู่บริษัทของยัยสตางค์ แต่วีรกรรมนี่สิไม่เบาเท่าไหร่ดูจากการแต่งตัวก็น่าจะรู้” ขณะที่พูดตุลาการก็มองพบรักไม่วางตา
“ถ้าจริงอย่างที่เอ็งพูดคืนนี้ เรามาพนันกันหน่อยไหมว่าใคร จะได้แม่สาวชุดดำคนนั้นไปนอนกอด มีข้อแม้ว่าใครแพ้ต้องเลี้ยงเหล้าคนที่ชนะเดือนนึงนะโว้ย” เมฆาท้าอย่างคึกคะนอง
“ตกลง” ตุลาการรับปากอย่างหมายมั่นบวกกับฤทธิ์สุราที่ดื่มเข้าไปทำให้เขาตอบตกลงอย่างง่ายดาย
ในขณะที่พบรักและรุ่นพี่สาวทั้งสองคนกำลังสนุกสนานกันอยู่อย่างสุดเหวี่ยง สามสาวทั้งดื่มทั้งเต้นอย่างร่าเริงอยู่นั้น พบรักไม่มีทางรู้เลยว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้ชีวิตของเธอจะเปลี่ยนไปอย่างคาดไม่ถึง เธอจะต้องเรียนรู้กับน้ำตาและความเจ็บปวดมากมายนัก กว่าจะพบกับคุณค่าของความรัก
“เฮ้ย นี่มันแก้วที่ห้าแล้วนะ พอได้แล้วเดี๋ยวก็เมาปลิ้นหรอก” เสียงกมลาเบรกพบรักเสียงหลง จะไม่ให้เธอห้ามยังไงไหว ก็ดูซิทั้งยัยจ๋า ยัยพบ ชนแก้วกันจนไม่เหลือสภาพคนแล้ว
“โธ่พี่กบขา แค่นี้ม่ายเมาม่ายเมา หรอกคะ พบยังต่อได้อีก อึก แฮ่ ขอโทษทีค่า” พูดยังไม่ทันขาดคำหญิงสาวก็เรอออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
“นี่นะเหรอคนไม่เมา ตาหวานฉ่ำ พูดยานคางขนาดนี้เนี้ยนะ” กมลาได้แต่ส่ายหน้าระอาพลางกุมศีรษะน้องกับเพื่อนช่างทำให้เธอลำบากจริงๆ ก็ดูจากสภาพแล้วคงต้องที่เธอที่ต้องรับภาระไปส่งแน่ๆ
“แล้วนี่ไอ้จ๋า หายไปไหนแล้วล่ะเนี่ย ว่าพบรักเมาหนักแล้วแต่รายนั้นนักกว่าอีก ดูซิถึงกับอ้วกเข้าห้องน้ำแทบไม่ทัน ต้องไปดูหน่อยแล้ว เดี๋ยวไปทำเลอะเทอะอีก” ว่าแล้วกมลาก็หันไปบอกพบรักที่ตอนนี้นั่งเอาศีรษะพิงก้าวอี้อย่างหมดแรง
“พบ พบ นั่งรอพี่ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวพี่ไปลากไอ้จ๋า จากห้องน้ำก่อนแล้วเราค่อยกลับบ้านพร้อมกันนะ ห้ามไปไหน กับใครล่ะเข้าใจไหม”
“ค่า พี่กบ อึก”
กมลาจำต้องรีบไปตามจริยา อย่างห่วงหน้าพะวงหลัง แต่จะทำอย่างไรได้คนอื่นๆที่มางานของจริยาก็ทยอยกลับกันไปหมดแล้ว แต่ก่อนที่เธอจะไปเธอก็หันไปสั่งบริกรคนหนึ่งว่าฝากดูแลพบรัก ก่อนที่เธอจะไปที่ห้องน้ำ
เป็นเวลาเดียวกันที่ตุลาการและเมฆาได้โอกาสเหมาะพอดี ทั้งสองจึงไม่รีรอรีบเดินตรงไปหาพบรักที่ตอนนี้นั่งอยู่คนเดียว และทำตามแผนที่ได้พนันกันไว้ทันที
“สวัสดีครับ มาคนเดียวหรือครับ ให้พวกผมนั่งเป็นเพื่อนไหมครับ” เมฆาเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่แววตากับกวาดมองเรือนร่างเธออย่างสำรวจพลางยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
พบรักซึ่งตอนนี้สติเริ่มพล่าเลือน พยายามลืมตาขึ้นมาอย่างยากเย็น พลางเพ็งมองชายหนุ่มทั้งสองอย่างสงสัย
ตุลาการและเมฆาเห็นว่าพบรักคงกำลังเมาได้ที่ เป็นโอกาสเหมาะที่พวกเขาจะได้ทำความรู้จักกับเธอไม่ยากนัก เขาจึงแสร้งแนะนำตัว อย่างเป็นมิตร
“สวัสดีครับผมชื่อตุลย์ครับ ส่วนนี่เพื่อนผมชื่อเมฆครับ และในโอกาสที่เราได้รู้จักกัน ผมขออนุญาตเลี้ยงเหล้าคุณสักแก้วได้ไหมครับ” ตุลาการพูดด้วยท่าทีเป็นมิตร น้ำเสียงสุภาพ
พบรักเห็นว่าคงไม่มีอะไร ชายสองคนนี้ก็ดูเป็นสุภาพบุรุษไม่ได้มาวุ่นวาย แทะโลมเธอเหมือนกับพวกวัยรุ่นสองสามคนที่แล้ว เธอจึงรับแก้วเหล้าในมือของตุลาการมาดื่มรวดเดียวหมดแก้ว แล้วพูดว่า
“ช้าน กินหมดแล้ว ขอบคุณมาก แต่ตอนตอนนี้ช้านจะกลับแล้ว ขอตัวล่ะ” พูดจบพบรักก็รีบลุกขึ้นแต่ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ จึงทำให้หญิงสาวเซล้มลงทันทีที่ลุกขึ้น โชคดีที่ตุลาการคว้าตัวเธอไว้ได้ทัน เมฆเห็นว่าเหยื่อสาวกำลังจะหลุดลอยไปเขาจึงใส่บางอย่างลงไปในแก้วน้ำดื่ม แล้วส่งให้เธออย่างหวังดี แล้วพูดว่า
“ผมว่าคุณเมามากเลยนะ ดื่มน้ำก่อนนะครับจะได้ดีขึ้น แล้วคุณค่อยกลับ”
พบรักซึ่งนั่งพิงเก้าอี้อยู่รีบ รับน้ำในมือเมฆา อย่างไว้ใจ พลางจิบเข้าไปอึกใหญ่ เมฆาเห็นดังนั้นก็ยิ้มมุมปากอย่างสมใจ แต่เมื่อผ่านไปครู่หนึ่งพบรักก็เริ่มรู้สึกว่า อาการปวดศีรษะเริ่มมากขึ้น แล้วก็รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว หูได้ยินเสียงแว่วๆคล้ายเสียงของเมธียิ่งนัก เธอจึงค่อยๆลืมตา
“อ้าว พี่ธี มาได้ งายเนี้ย คิดถึงจังเลย” พูดจบพบรักก็เอนศีรษะลงไปซบไหลตุลาการอย่างสนิทสนม
“เขาเป็นอะไรของเขาว่ะเนี่ย” ตุลาการหันไปถามเมฆาอย่างสงสัย
“สงสัยคิดว่าแกเป็นคู่ขา เขามั้ง” เมฆตอบยิ้มๆ
เมฆซึ่งรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับพบรัก เขาจึงรีบฉวยโอกาสทันที
“คุณครับ คุณคนสวย ไปต่อกับผมไหมครับแล้วค่อยกลับบ้านกัน” เขาว่าพลางลูบแขนกลมกลึงของหญิงสาวอย่างจาบจ้วง
“ปล่อยชั้นนะ ปล่อย” พบรักสะบัดแขนหนีเมฆาอย่างรังเกียจ แล้วหันไปกอดแขนตุลาการแน่นพลางส่งสายตาหวานฉ่ำไปหาตุลาการแล้วพูดว่า
“พี่ธี ขา พาพบกลับบ้านทีสิ พบง่วง พบปวดหัว” หลังจากพูดจบสติของเธอก็หลุดลอยไปทันที ทิ้งให้ตุลาการกอดเธอไว้ในอ้อมกอดอย่างสนิทสนม
“แกเห็นแล้วใช่ ไหมว่ะว่าเจ้าหล่อนเลือกใคร เสียใจด้วยนะเพื่อนคืนนี้เธอเป็นของชั้นวะ”ตุลาการบอกอย่างผู้ถือชัยชนะ
“ได้ไงว่ะ ไอ้ตุลย์” เมฆาโอดอย่างเซ็งๆ
“แกก็เห็นนี่หว่าว่าผู้หญิงเขาเลือกข้าเอง” ตุลาการบอกพลางเหลือบตามองพบรักที่ตอนนี้นอนซบอยู่ที่อกของเขา
“เออ วันนี้เป็นวันของแก แกอย่างให้ชั้นทำอะไรก็บอกมาแล้วกัน เซ็งว่ะ” เมฆาบอกและขอตัวกลับบ้านทันที
ทางด้านตุลาการหลังจากที่เมฆาแยกกลับไปแล้วเขาก็พยุงพบรักขึ้นและประคองเดินออกไปที่รถบ้างเช่นกัน แต่ก่อนอื่นเขาต้องจัดการอะไรบางอย่างก่อน พลันเขาก็เหลือบไปเห็นบริกรคนหนึ่งเข้า เขาจึงเดินไปหาและฝากข้อความถึงเพื่อนของหญิงสาวว่า
“น้องๆ พี่ฝากบอกเพื่อนของคุณพบรักที นะว่าคุณพบรักเธอปวดหัวมากขอกลับไปกับพี่ธีก่อน” พูดจบตุลาการก็หยิบธนบัตรจำนวนหนึ่งใส่มือ บริกรหนุ่มอย่างรู้ทัน และกับมาพาพบรักไปทันที ก่อนที่เพื่อนของเธอจะกับมา
ขณะเดียวกันกมลาก็พาจริยาออกมาจากห้องน้ำอย่างลุลักทุเล พลางบ่นมาตลอดทาง
“เหล้านะจะกินอะไรกันนักกันหนา กินจนไม่เหลือสภาพคนเลยจริงๆ แถมยังจะอ้วกให้ชั้นลูบหลังเกือบชั่วโมงอีก ป่านนี่ยัยพบไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง เฮ้อกรรม” กมลาบ่นพลางกวาดสายตามองหาพบรักอย่างห่วงใย
แต่เธอก็พบแต่ความว่างเปล่าไร้ วี่แววของรุ่นน้องสาว เธอจึงรีบวางจริยาลงแล้วไปถามบริกรที่ฝากดูพบรักทันที
“น้องๆ น้องเห็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ใส่ชุดเดรสสีดำ ที่พี่ฝากดูได้ไหม” เธอถามอย่างร้อนรน
“อ้อ เห็นครับ พี่เขาเพิ่งกลับไป เมื่อตะกี้นี้เองครับ”
“หา กลับไปแล้ว กลับไปกับใคร” กมลาอุทานเสียงหลง
“กลับไปกับกับผู้ชายที่หล่อๆ ขาวๆ ชื่อธีๆ อะไรนี่แหละครับ” บริกรหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“พี่ธีนะเหรอ แล้วพี่ธีมาได้ยังไงกัน ไหนว่าอยู่เชียงรายจะส่งตั๋วมาให้ยัยพบไม่ใช่หรือไง” กมลาถามต่ออย่างสงสัย
“แต่ผมก็เห็นพี่ผู้หญิงเขาเรียกว่า ผู้ชายคนนั้นว่า พี่ธีๆ นะครับ” บริกรหนุ่มตอบตามที่ตุลาการสั่งไว้อย่างไม่ผิดเพี้ยน โดยไม่สนใจว่าใครจะเป็นอย่างไร
กมลาเมื่อได้ยินน้ำเสียงหนักแน่น ของบริกรหนุ่มก็คลายความสงสัย พลางคิดในใจว่า บางทีเมธีอาจมีธุระด่วนต้องมากรุงเทพก็เป็นได้ และอาจมาพบกับพบรักพอดี ดีนะที่เธอไม่อยู่ไม่งั้น จากสภาพเมาปลิ้นของยัยพบ พี่ธีของมันบ่นเธอยับแน่ คิดได้ดังนั้นกมลาก็หันมาลากจริยากลับห้องอย่างสบายใจ โดยหารู้ไม่ว่าตอนนี้พบรักกำลังตกอยู่ในเงื้อมือ ซาตานในคราบนักบุญ
ความคิดเห็น