ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รับวิจารณ์นิยายครับ

    ลำดับตอนที่ #3 : วิจารณ์งานชิ้นแรกMIRACLE BLOOD กุญแจแห่งสายเลือดผู้พิทักษ์ เรียบง่ายสไตล์คนๆ หมา

    • อัปเดตล่าสุด 13 มี.ค. 52


    สำหรับคนที่อ่านบทวิจารณ์แล้วไม่พอใจก็เป็นเรื่องส่วนบุคคลครับ

    แต่ถ้าอ่านแล้วชอบก็ขอบคุณ

    ถ้าอ่านแล้วอยากวิจารณ์บ้าง ก็ตามสบายครับ แต่ไม่สนับสนุนนะ (อ้าว!)

     

    วิจารณ์งานชิ้นแรก

    MIRACLE BLOOD กุญแจแห่งสายเลือดผู้พิทักษ์

    เรียบง่ายสไตล์คนๆ หมาๆ

     

     

    หวังว่าทุกท่านจะไม่พิศวง คนๆ หมาๆ ที่ผมได้เกริ่นไปหรอกนะ

     

                แหงล่ะ ก็ตัวเอกของเรื่องทั้งสี่คนเป็นทั้งคนทั้งหมานี่นา

     

                จะว่าครึ่งคนครึ่งหมาก็ไม่ใช่ เพราะตอนแรกพวกเขาเกิดมาก็ปุบปับเป็นสุนัขเลย พอถูกดูดเข้ามาอยู่อีกโลกหนึ่ง (ตาม STEP หนังแฟนตาซีส่วนใหญ่ เขาจะหาวิธีเข้าไปอีกโลกแบบแปลกใหม่กว่าเดิมได้ไหมหนอ) หมาน้อยๆ ทั้งสี่ตัวก็กลับกลายเป็นคนเดินดินเสียอย่างนั้น

     

                แถมยังเข้าไปเรียนในสถานศึกษาแห่งหนึ่ง

     

                โอ้ว ท่านทั้งหลายอย่าเพิ่งบ่นว่าพล็อตซ้ำซากเลย ผมยังไม่ทราบว่าต่อไปนิยายเรื่องนี้จะได้เค้าแฮร์รี่และกลิ่นบารามอสมาเสริมเพิ่มหรือเปล่า อย่างไรก็ช่าง แฮร์รี่ไม่ใช่ต้นแบบนิยายแนวโรงเรียนเสียทีเดียว นิยายแนวโรงเรียนนี้ไม่ได้เริ่มต้นจากแฮร์รี่ พอตเตอร์เสียหน่อย จะว่าไปนิยายแนวโรงเรียนผู้วิเศษเล่มแรกที่ผมเคยอ่านก็เป็นของเออร์ชูลา โครเบอร์ เลอ กวิน ในชุดพ่อมดแห่งเอิร์ธ ซี โดยตัวเอกชื่อเก็ด เดินทางไปศึกษาที่เกาะโร้ค มีคนที่ไม่ชอบหน้าเป็นอาจารย์วิชาสอนเรื่องการปลุกชีพคนตาย (คล้ายๆ เสนป) เรื่องนี้เกิดก่อนแฮร์รี่หลายสิบปีทีเดียว

     

                แต่ก็ไม่เห็นมีใครว่าแฮร์รี่ลอกพล็อตสักคน

     

                เราอาจนำพล็อต โรงเรียน นี้มาละเลงเล่นยังไงก็ได้ อย่าไปอคติกับมันเลย (โอ๊ย! โรงเรียนอีกแล้ว) ผมคิดว่าหากเรื่องนี้สามารถใช้โรงเรียนเป็นชุดเชื่อม (เล็กๆ น้อยๆ) ก่อนจะนำไปสู่ไคลแมกซ์โดยไม่ให้ตัวเอกเฉาตายในโรงเรียนนั้นเหมือนแฮร์รี่ ก็คงน่าดูเหมือนกัน

     

                นอกเรื่องมามากแล้ว เห็นได้ชัดว่าผู้แต่ง ทำการบ้าน มาดีมาก (อุตส่าห์ลงทุนวาดแผนที่นี่นะ) สำนวนในเรื่องนั้นเรียบๆ ง่ายๆ ไม่มีอะไรโดดเด่น อาศัยแค่บรรยายได้เหมือนและถ่ายทอดความรู้สึกได้อยู่ในระดับหนึ่ง สำนวนนั้นเป็นแบบตะวันออกไม่ใช่แนวฝั่งตะวันตก เหมาะกับคนบ้านเรา ซึ่งผมกำลังมองหา เสน่ห์ ในเรื่องนี้

     

                แต่ยังหาได้ไม่ชัดเจนนัก

     

                ดูอย่างอุ้ยเสี่ยวป้อ เราพบเสน่ห์จากจอมทะเล้นที่วาดลวดลายในพระราชวังจนแม้แต่ขันทีองครักษ์น้อยใหญ่ต้องยอมแพ้ เอาตัวละครโนเนมผสมกับคนจริงๆ ในประวัติศาสตร์จนแยกไม่ออกว่าเหตุการณ์ไหนมีจริงเหตุการณ์ไหนเมคออกมา เยี่ยมยอดจริงๆ

     

                ดูอย่างอย่างชาร์ลีกับโรงงานช็อกโกเลต พล็อตเขาง่ายมาก แต่ใครจะไปรู้ว่า การท่องเที่ยวไปในโรงงาน ช่างวิเศษมหัศจรรย์ขนาดนั้น

     

                ดูอย่างบารามอส เฟรินเข้าไปในโรงเรียน แต่ไม่ได้ไปเรียน เข้าไปขโมยเจ้าชายหน้าตาเฉย เสน่ห์ของเรื่องคือความแพรวพราวของเฟริน ความวิปริตของเพศตัวเอง (ตรงไปไหมเนี่ย ^^) คำคมสอนใจที่แทรกไว้อย่างแยบยล ฯลฯ

     

                แต่สำหรับเรื่องนี้ ตัวละครมีมิติที่แบนราบเกินไป หากผมบอกว่าพล็อตคือ หมาสี่ตัวที่ถูกดูดไปพิทักษ์กุญแจ ณ อีกโลกหนึ่ง และกำลังไปเรียนในสถานศึกษาแห่งหนึ่ง  นั่นหมายความว่าครอบคลุมถึงตอนที่ 7 ของเรื่องไปแล้ว แทบอ่านผ่านๆ ไปได้เลย (เราอาจหยุดใส่ใจกับอาวุธของแต่ละครสักประเดี๋ยวก็ได้) เพราะเราคงเดาได้ว่าพอตัวเอกถูกดูดไปก็ต้องเจอกับหน้าม้าคนหนึ่งทำหน้าที่บรรยายสถานที่ให้ว่านี่คือที่ไหน อะไรเป็นอะไร จากนั้นก็เตรียมของเข้าเรียนตามขั้นตอนพื้นฐาน

     

                ถ้าเหตุการณ์เหล่านี้สามารถสอดแทรกอะไรน่าระทึก จะเป็นเสน่ห์ที่เต็มเปี่ยมในนิยายเรื่องนี้ได้เลยครับ คิดเล่นๆ นะ

     

    ให้ตัวเอกตัวใดตัวหนึ่งมีหน้าตาเหมือนเจ้าชายในเรื่องอย่างกับแกะแล้วโดนลักพาตัวไป เรื่องวุ่นๆ เลยตามมาเพราะหมาที่ไหนจะรู้กฎบ้านกฎเมือง วุ่นวายซักตอนสองตอน งงงวยว่าเกิดอะไรกับชีวิต คนสนิทเจ้าชายก็มาบรรยาย (ซึ่งเราจะสามารถนำข้อมูล เมือง วิถีชีวิต อะไรก็ได้ใส่ไปในช่วงนั้นโดยดูไม่เป็นการยัดเยียด)

     

                การบรรยายผมว่าอยู่ในระดับดีทีเดียว เหลือแต่การขัดเกลากับประสบการณ์ หากแต่งมากเรื่องกว่านี้สำนวนก็จะกระชับขึ้น เลือกใช้คำได้ โดน ขึ้นและทำให้เรื่องสนุกขึ้น เราข้ามประเด็นนั้นไป เวลาจะเป็นตัวช่วยในเรื่องนี้เองโดยอัตโนมัติ (ถ้าคุณยังมุ่งมั่นแต่งต่อไป)

     

                น่าแปลกที่ตัวเอกที่เดิมเป็นสุนัขแล้วกลายเป็นคน สามารถปรับตัวได้อย่างง่ายดาย หลังจากโหวกเหวกโวยวายสองสามประโยคก็เรียนรู้ได้ เข้าใจว่าหมามันฉลาด (บอกไว้ตอนต้นเรื่องแล้วใช่ไหมล่ะ) แต่ผู้แต่งสามารถเอาจุดนี้มาทำเป็นจุดเด่นของเรื่องได้ เหมือนกับแฮร์รี่ที่ลุ่มหลงกับชีวิตใหม่ที่ต้องพึ่งพาเวทมนตร์ ควอทด์ (หนึ่งในตัวเอก) ก็น่าจะลุ่มหลงกับอิสรภาพการได้ยืนสองขาเสียบ้าง

     

                เราสามารถใส่มุขลงไป "ฉันไม่ถนัดในการยืนฉี่สองขาเลย" อะไรทำนองนี้ก็ได้

     

                หรือไม่ก็สามารถบ่งบอกทางอ้อมว่าใครที่ทะเล้นที่สุดในกลุ่มได้

     

    "ถึงว่าสิ" ...(เอาชื่อหนึ่งในหมาสี่ตัวที่ตั้งใจจะให้เป็นตัวตลกที่สุด) ฝืนยิ้ม "ฉันพยายามไล่งับหางตัวเอง แล้วก็กัดบั้นท้ายเข้าเต็มเปา"

     

    การบรรยายอุปนิสัยทางอ้อมนี้ทำให้ผู้อ่านรู้สึกดีกว่าบอกออกมาตรงๆ ว่านายนี่นิสัยแบบนี้นะ นายนั่นนิสัยแบบนั้นนะ นอกจากประหยัดหน้ากระดาษบรรทัดที่เหลือยังเอาไปทำอะไรได้ตั้งเยอะ

     

    หรือไม่ก็ตัวเอกของเรารักในอาหารคนขึ้นมา "ฉันเพิ่งรู้ว่าซุปอร่อยกว่าอาหารหมาอีก" หนึ่งในนั้นอยากเป็นกุ๊ก เราสามารถโยงจุดนี้ไปในส่วนสุดท้ายในเรื่องได้ เช่นตัวเอกซักตัวโดนยาพิษไม่ฟื้น นี่เลยทำอาหารด้วยมิตรภาพกรอกปาก สุดท้ายมันก็ฟื้น แหม น่าประทับใจตายชัก (ล้อเล่นน่า)

     

                ใส่อารมณ์ขันแบบนี้ลงไปจะทำให้เรื่องดูไม่จืดนะครับ เพราะเท่าที่ดูช่วงแรกค่อนข้างขาดอารมณ์ขัน เข้าใจว่าเป็นช่วงอินโทรเข้าการผจญภัย ต้องใส่ข้อมูลมากหน่อย หลังจากนี้คงดำเนินการเต็มที่แล้วล่ะ

     

                ไม่ใช่ว่าผมจับผิดนะ แต่ตอนนี้กำลังเค้นเอาความไม่ดีของเรื่องมาให้มากที่สุด ก่อนจะตบด้วยคำชม (คงไม่ใช่ทำนองตบหัวแล้วลูกหลังหรอกนะ ผมไม่อยากชมก่อนแล้วตำหนิทีหลัง แล้วก็ไม่อยากทั้งชมทั้งตำหนิปนกันด้วย มันทำให้ผู้เขียนที่พยายามปรับปรุงเรื่องจำแนกไม่ออกว่าต้องแก้ดีหรือเปล่าฟระ?)

     

                แต่ผมก็ประทับใจในพล็อตอย่างยิ่งทีเดียว ไม่เคยที่จะคิด แหม... เอาหมาเป็นคน ดีครับ มันทำให้ผมรู้สึกอยากอ่านขึ้นมา อยากรู้ว่าจะเป็นอะไรต่อไป มีการนำอาวุธประจำตัวมามอบให้ ผมหวังว่าผู้แต่งสามารถบรรยายถึง การเติบโต ของหมาทั้งสี่ตัวทั้งด้านร่างกายและจิตใจให้เห็นหน่อยนะ

     

                ผมคิดว่าพล็อตเริ่มได้แหวกแนวแปลกใหม่แล้ว การบรรยายที่ดีเป็นทุนเดิมสามารถปรับให้ดีขึ้นได้แน่นอน สำนวนยิ่งแต่งยิ่งเก่ง เรื่องนี้ไม่มีอะไรน่าห่วงแล้ว ถ้าคุณสามารถทำให้เรื่องเดินต่อไปโดยทิ้งไคลแมกซ์เป็นระยะ ทุกหน้าห้ามว่างเปล่าไร้ประโยชน์ แฟนตาซีแนวนี้คำสนทนาสักสิบประโยคสมควรทิ้งปมไว้สักคำสองคำ ปล่อยมุขเข้าไปเพื่อไม่ให้เครียด เพราะการบรรยายแบบนี้เหมาะกับกลุ่มวัยรุ่น ไม่ใช่วัยทำงาน แน่นอนว่าต้องใช้ 1.ความรัก 2.ความฮา 3.ความมันส์ มีสามอย่างนี้ดึงดูดวัยรุ่นได้ดีที่สุด

     

                เรื่องนี้มีเค้าโครงที่ดี แค่การบรรยายเรียบง่ายไปหน่อย หลายท่านอาจมองว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่ผมว่าไม่ใหญ่หรอกครับ ผู้แต่งมีหัวจินตนาการอยู่แล้ว มั่นใจว่าสำนวนของท่านจะพัฒนาขึ้นพอถึงคราวรีไรท์เรื่องก็จะทำให้เรื่องนี้กลายเป็นดักแด้ที่กลายเป็นผีเสื้อไปในทันที

     

                เพียงแต่พบคำผิดประปรายครับ น้อยมาก ลองไปเช็คดูนะ แทบไม่มีเลย

     

                อ้อ... บทนำที่เกริ่นมาน่าสนใจดีครับ ทว่า ได้แก่ ทั้งหลายน่ะไม่ต้องหรอกนะ

     

                อาทิ แต่ก่อนนั้นมีดินแดน ได้แก่ ดินแดนนั้น ดินแดนนี้ ดินแดนโน้น

     

                อาวุธ ได้แก่ 1.บลาๆๆ

                                        2.บลาๆๆๆ

                                                    3.บลาๆๆๆ

     

                เรียงลงมาเป็นพรืดเหมือนข้อมูลอะไรบางอย่าง

     

                ถ้าจะนำไปตีพิมพ์สามารถทำได้ครับ แต่จะให้นิยายนี้ดัง สำนวนการเขียนแบบ เรียงได้แก่ ลงมาแบบนี้คงยาก เราสามารถค่อยๆ ใส่ข้อมูลนั้นลงในหัวผู้อ่านทีละนิด อย่างประนีประนอม ค่อยๆ ชักจูงไป ไม่สมควรใส่ทีเดียวเป็นทางการ หากทำสมควรแยกออกมาเป็นสารานุกรมอีกเรื่องเลยจะดี

     

                ปรับแก้ไม่กี่อย่างนิยายนี้ก็จะสมบูรณ์แล้วครับ ดูจากที่ผมวิจารณ์อาจดูอาจมีมาก แต่ไม่หรอกครับ หากสามารถปรับแก้ตามนั้นได้ และเหลือจุดอีกเล็กๆ น้อย ซึ่งต้องใช้ประสบการณ์เป็นครู นิยายก็จะค่อนข้างไร้ช่องโหว่ทีเดียว

     

                สรุป เป็นนิยายอ่านง่ายๆ สบายๆ แฝงด้วยการความน่ารักเหมาะกับทุกเพศทุกวัยที่ต้องการคลายเครียดครับ

     

                ไม่อยากลงคะแนนนะเพราะคิดว่านิยายนี้อ่านเพราะใจรัก อ่านนิยายก็เหมือนคบผู้หญิงแหละครับ ผมไม่ได้ซื้อนิยายเพราะแฟนพันธุ์แท้เยอะ จำนวนคนอ่านเยอะ บทวิจารณ์เยอะ แต่ผมซื้อเพราะผมชอบ เช่นเดียวกับหญิงสาวที่ผมรักเพราะเธอใช่! ไม่ใช่เพราะเธอสวยและมีคนมารุมจีบเยอะกว่าใคร

     

                10 ของผมอาจเป็นแค่ 5 ของหลายๆ คนก็ได้ ดังนั้นไม่ฟันธงลงคะแนนจ้า

     

                ปล.แอดเป็นเพื่อนหน่อยก็ดี เหงามาก ^_^

                ปล.2.สู้ๆ นะครับ ทั้งเจ้าของเรื่องและทุกคนที่รักในการแต่งนิยาย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×