ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fan Fic] Digimon Series : Birdie Sweetheart

    ลำดับตอนที่ #9 : Chapter : 01 .. Foreigner Cousin - ผู้มาเยือนจากแดนไกล

    • อัปเดตล่าสุด 18 มี.ค. 53


     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

    Title : The (Boys') Marry (1st Episode ; Beginning of Final Sovereign)

    Chapter : 01 .. Foreigner Cousin - ผู้มาเยือนจากแดนไกล

    Author : NaR!eZ-Narilada

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

     

              ช่วงสายของวันที่ 7 สิงหาคม ค.ศ. 2006 หลังพิธีเปิดงานเทศกาล

     

     

              ณ จุดรวมพลมัธยมต้นปี 3 , สถานที่จัดคาเฟ่ขนมหวาน

     

     

                "เอาล่ะ วันนี้ก็ขอความกรุณาทุก ๆ คนด้วยนะคะ!"

     

     

                "ขอความกรุณาด้วยช่วยกันครับ!"

     

     

                "ขอความกรุณาด้วยเช่นกันค่ะ!"

     

     

                สิ้นเสียงของผู้คุมงานฝ่ายกิจการนักเรียนมัธยมต้น นักเรียนมัธยมต้นปี 3 แต่ละคนต่างก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ที่ได้รับมอบมอบหมายกันทันที ดังนั้นพื้นที่บริเวณหน้าไฮสคูลโอไดบะเซ็นเตอร์ตรงประตูทางทิศตะวันออกจึงเป็นซุ้ม 'คาเฟ่ขนมหวาน' ที่ค่อนข้างกินบริเวณพื้นที่ตรงนั้นพอสมควร

     

     

                เพราะไม่ใช่แค่มีบริการจากนักเรียนภายในโรงเรียนอย่างเดียว แต่มีบริการพิเศษชนิดว่าเอามาล่อคนโดยเฉพาะ นั่นก็คือจะมีของหวานบางส่วนที่ 'จ้าวแห่งเบเกอรี่' เป็นคนทำขาย ชื่อของคน ๆ นั้นเป็นที่รู้จักกันไปทั่วในนามของ 'มัทซึดะ ทาคาโตะ'

     

     

                "คุณนี่ร้ายกาจนะครับ ร้ายกาจจริง ๆ ..." เสียงกระซิบกระซาบส่งไปถึงเด็กสาวที่อายุมากกว่าตัวเองที่กำลังยืนมองซุ้มเพื่อนของตัวเองย่างชื่นชม เจ้าตัวได้ยินดังนั้นก็ยิ้มหวาน เหลือบมองเด็กชายในชุดพนักงานเบเกอรี่ครบเซ็ท แต่ก็ยังคงความเป็น 'เทมเมอร์' ด้วยการห้อยดีอาร์คไว้ที่คอ

     

     

                "แหม ฉันก็ไม่ได้ร้ายกาจอะไรนักหรอกค่ะ พอดีว่ามีเหตุจำเป็นเผื่อตอนนั้นคุณปฏิเสธ เลยต้องขู่ไว้ก่อนนะคะ พวกเราไม่ได้เจตนาร้ายอะไรกับพวกเทมเมอร์อย่างคุณแน่นอน.. ลองโทรจิตไปถามโอเมก้าสิคะ ฉันรู้ว่าตอนนี้เขาอยู่รีลเวิร์ลแล้วล่ะ และฉันขอยืนยันอีกครั้งนะคะ ว่า 'พวกเรา' ไม่ได้มีเจตนาร้ายกับเทมเมอร์อย่างพวกคุณแน่ พวกเราแค่อยากแลกเปลี่ยนข้อมูลค่ะ รับทราบแล้วก็เลิกหน้าบึ้งสักทีนะคะ เดี๋ยวจะเรียกลูกค้าไม่ได้เอา"

     

     

                มิยาโกะพูดยาว ทาคาโตะก็เหลือบมองแล้วถอนหายใจยิ้ม ๆ เป็นเชิงว่าก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก

     

     

                "ครับ ๆ ผมจะพยายามเชื่อสิ่งที่คุณบอกผมเมื่อครู่นี้"

     

     

                "ขอบคุณนะคะ แล้วฉันจะมาบอกอีกทีตอนเย็นหลังเลิกงานเทศกาลนะคะว่าจะได้พบกับเด็กอีกกลุ่มตอนไหน"

     

     

                ...

     

     

                ในขณะเดียวกันตรงบริเวณประตูโรงเรียนทางทิศใต้

     

     

                "หวาว ๆ นั่นใครน่ะ น่ารักน่าหยิกชะมัดเลย ผิวนี่อมชมพูเชียว ลูกผู้ดีจากที่ไหนเนี่ย"

     

     

                "ดูสิเธอ เส้นผมสีบลอนด์ทองประกายนั่นทำเอาฉันอิจฉาเลยล่ะ แต่ช่วยไม่ได้เพราะเค้าน่ารักจริง ๆ "

     

     

                "แล้วป้ายที่อกชุดเมดนั่นอะไรน่ะ นั่นคนของคาเฟ่ขนมหวานไม่ใช่หรือ?"

     

     

                "เอ้ย! ทำไมหน้าตาเด็กคนนั้นเหมือนกัปตันไดสึเกะเลยอ่ะ"

     

     

                "นั่นสิเธอ โครงหน้านี่ใช่เลยนะ หรือว่าไดสึเกะคุงจะเป็นเมดอยู่ที่คาเฟ่ขนมหวานกันล่ะนั่น!?"

     

     

                "โอ๊ย! ไม่ใช่หรอก ถ้าไดสึเกะคุงมาเดินแต่งชุดเมดอย่างนี้ก็ต้องเห็นประธานนักเรียนเดินคุมสิ"

     

     

                เสียงซุบซิบเป็นชุมชนชาวเม้าท์ทันตาเห็นเมื่อมีคน ๆ หนึ่งย่างก้าวผ่านประตูโรงเรียนเข้ามา มันก็ออกจะเป็นเรื่องปกติธรรมดาทั่วไปน่ะนะที่เห็นคนที่มีสง่าราศีหรือดูดีกว่าตัวเองเดินผ่านมาก็จะเอ่ยปากชมบ้างล่ะ แซวบ้างล่ะ แต่ที่เจ้าคนถูกซุบซิบรับไม่ได้คือเรื่องที่ซุบซิบนี่ดันมีคนเดาถูกนี่สิ..

     

     

                "อ้าว~ ไดอาน่าจัง มาอยู่ตรงนี้เองหรือ? ฉันตามหาแทบแย่เลย นึกว่าจะหลงทางแล้ว"

     

     

                ละครแหลสดถูกสร้างขึ้นทันทีเมื่อคนเป็นเพื่อนเดินมาเจอเข้าให้ 'ไดอาน่า' ยิ้มรับเด็กสาวที่ส่งเสียงทักมาแล้วตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ทำคนอื่นแทบละลาย

     

     

                "ไม่หรอกค่ะ พี่ไดสึเกะส่งแผนที่ให้ไดอาน่าดูแล้วล่ะ ไดอาน่าคิดว่าตัวเองคงไม่หลงหรอก.. กระมังคะ.."

     

     

                หลาย ๆ คนหลงไปกับน้ำเสียงหวานใสของเด็กสาววัยแรกแย้มคนนี้ แต่ก็มีหลายคนที่ชะงักไปเพราะบทสนทนาระหว่างสองสาวนี่เหมือนกัน ดังนั้นเสียงซุบซิบจึงดังขึ้นมาอีกระลอก แถมดังกว่าเดิมเป็นเท่าตัวเลยด้วย

     

     

                "ต๊ายเธอ! เรียกไดสึเกะคุงว่าพี่ด้วยล่ะ หรือว่าเด็กคนนี้เป็นน้องสาว?"

     

     

                "แต่ชื่อไดอาน่านั่นไม่ใช่ชื่อคนญี่ปุ่นนะ จะเป็นไปได้ไงเล่า!"

     

     

                "อะไรกัน หน้าตาเหมือนกันปานนั้นจะให้บอกเป็นคนรู้จักธรรมดาเหรอ บ้าเกินไปแล้ว"

     

     

                "โอ๊ย!! ส่งใครไปถามสักคนสิ มาเถียงกันแบบนี้ทำไมหา~"

     

     

                "นี่ฮิคาริจัง.. คิดถูกแล้วหรือที่ให้ฉันเดินโทง ๆ มาแบบนี้น่ะ"

     

     

                เสียงกระซิบดังจากเด็กสาวผมบลอนด์ทอง ฮิคาริยิ้มหวานกระซิบข้างหูกลับไป

     

     

                "ไม่ต้องห่วง..ตอนแรกเดินพรีเซ้นต์ตัวเองไปก่อน ช่วงบ่ายค่อยไปที่คาเฟ่ขนมหวาน จากนั้นค่อยเริ่มละครฉากสองนะจ๊ะ"

     

     

                'ไดอาน่า' รับคำด้วยความไม่เต็มใจแต่ก็ยิ้มออกมาปกปิดไว้ เด็กสาวกล่าวลาฮิคาริ และทันทีที่ไม่มีใครคอยขวาง ก็มีคนใจกล้าคนหนึ่งมาฉุดข้อมือของเจ้าตัวไว้ ไดอาน่าหันกลับไปมองช้า ๆ ทำหน้าทำตาบ้องแบ๊วแล้วถามกลับไปซื่อ ๆ "มีอะไรหรือคะ?"

     

     

                เอียงคอ 45 องศาเพิ่มความ 'โมเอะ' ให้กับตัวเองตามคำสอนที่ได้รับมา ริมฝีปากเล็กที่เคลือบด้วยลิปกลอสคลี่รอยยิ้มออกมา แม้ว่าในใจจะกำลังสบถก่นด่าไอ้เจ้าคนที่มาฉุดข้อมือตัวเองไว้อย่างลืมนิสัยอินโนเซนต์กันไปเลยทีเดียว

     

     

                "คือผมขอรบกวนถามอะไรคุณสักหน่อยได้มั้ยครับ พอดีหลาย ๆ คนเขาคาใจกันน่ะ" พอรู้สึกอีกทีไดอาน่ากับเด็กชายก็กลายเป็นจุดศูนย์กลางของวงล้อมนี้ไปเรียบร้อย.. เล่นแบบนี้เอาไมค์มาจ่อปากถามกันเลยดีมั้ย!?

     

     

                "ไม่ต้องก็ได้ค่ะ ไดอาน่าได้ยินที่ทุกคนซุบซิบกันแล้ว อย่างแรกเลยฉันชื่อโมโตมิยะ ไดอาน่าค่ะ เป็นลูกพี่ลูกน้องทางฝ่ายพ่อของพี่ไดสึเกะ อายุเกือบจะสิบห้าแล้ว ลูกครึ่งญี่ปุ่นอเมริกา ได้ข่าวว่าโรงเรียนพี่ไดสึเกะมีงาน ก็เลยบินจากอเมริกามาญี่ปุ่นค่ะ อีกอย่างไดอาน่าก็ช่วยงานอยู่ที่คาเฟ่ขนมหวานด้วย มีอะไรก็ไปเยี่ยมได้ที่นั่นนะคะ.. ยังไงตอนนี้ไดอาน่าขอตัวนะคะ พอดีคุณไทจินัดเอาไว้นะค่ะ ต้องขออภัยนะคะที่ไม่สามารถอยู่ตอบคำถามต่อได้"

     

     

                ไม่ต้องตอบคำถามหรอกแม่คุณเอ๋ย.. แค่ถามยังไม่มีโอกาสได้ถามเล๊ย!

     

     

                ...

     

     

                ชั้น 4 , ไฮสคูลโอไดบะเซ็นเตอร์

     

     

                "ไทจิ..กล้องส่องทางไกลจะเจ๊งแล้วเว๊ย!"

     

     

                มือเรียวกระชากคอเสื้อเชิ้ตสีขาวของอีกฝ่ายจนตัวลอย ก่อนจะโดนโยนไปกระแทกบนโซฟาตัวเขื่อง เจ้าคนถูกจับโยนสบถยาวร้อยแปดจนคนฟังเอียน อย่าว่าแต่คนเลย อีกสอง 'ตน' ในห้องก็เอือมด้วยเช่นกัน

     

     

                "พอเหอะน่าไทจิ ปล่อย ๆ ไดสึเกะไปบ้างเถอะ หมอนั่นไม่ใช่เด็กตัวกระเปี๊ยกแล้วน่า ..แต่ก็อย่างว่าแหละ แบบนี้ไงยามาโตะถึงบ่นให้ฟังบ่อย ๆ ว่านายน่ะมันไอ้คนติดเด็ก เลิกติดไดสึเกะแล้วทำตัวให้เป็นผู้นำหน่อยได้มั้ยเนี่ย อย่าลืมว่าเย็นนี้ต้องเจอพวกเทมเมอร์แล้ว สงสัยอะไรก็รีบ ๆ นึกซะ พอถึงเวลาจะได้ถามได้ไม่ติดขัดเสียเวลาพวกเขา"

     

     

                "เอาน่าโอเมก้า มีเวลาเจอพวกเทมเมอร์อีกเกือบ ๆ อาทิตย์ รีบร้อนถามไปวันเดียวก็เท่านั้นแหละ" มาซารุขัดด้วยความรำคาญใจ..แหม ก็พอนึกถึงหน้าไอ้เจ้าเด็กตาสีเลือดที่เป็นหนึ่งในเทมเมอร์ผู้ครองตำแหน่งรอยัลไนท์ทีไรจิตใจมันรวนเรไม่ปกติทุกที จะว่าเกลียดขี้หน้าก็ไม่ใช่ จะว่าหมั่นไส้ก็ไม่เชิง .. แต่โดยรวมคือคิดถึงทีไรมันหงุดหงิดฟ่ะ!!

     

     

                "ก็จริง แต่ว่านะไทจิ นอกจากครอบครัวไดสึเกะ นาย ฮิคาริ พวกรอยัลไนท์ พวกมาซารุ กับพวกทาคุยะแล้ว... นายไม่คิดจะบอกเรื่องที่เกิดขึ้นนี้กับคนอื่นเลยเหรอ อย่างยามาโตะหรือโคจิโร่ไรงี้.."

     

     

                "อย่าเลยโอเมก้า ตอนนี้ตามหาอีกสองคนที่มีพลังของหวงหลงก่อนดีกว่า จากนั้นก็รีบ ๆ ตามหาอีกสิบคนที่ดันได้รับพลังของซึซึจิไปจนสลับเพศ แล้วก็ตัวแทนของโฮลี่สโตนอีกเจ็ดค........"

     

     

                "พูดง่ายดีนะวี~ แต่มันทำได้ง่ายที่ไหนกัน จริงอยู่ว่าพวกนั้นมันเจาะมาแล้วว่าอยู่ที่ญี่ปุ่นชัวร์ แต่ญี่ปุ่นก็ใช่ว่าจะเล็กเหมือนสิงคโปร์ซะหน่อย หาอยู่เดือนนึงจะเจอหรือเปล่ายังไม่รู้เลย"

     

     

                มาซารุเหน็บแหนม เจ้าของเรือนผมสีฟ้าประกายยืนยักไหล่ไม่ใส่ใจ ก่อนจะร้องว้าวเมื่อสายจะดันไปเจอะกับคนบางคนที่ดูมีออร่าสะดุดตา มือก็กวักเรียกโอเมก้าที่นั่งขัดสมาธิให้ลุกขึ้นมามองด้วยกัน นัยน์ตาสีฟ้าสดจ้องมองแล้วก็ต้องอุทานตาม

     

     

                "โอ้ อย่าบอกนะว่าเจ้าเด็กผมทอง ๆ นั่นคือไดสึเกะน่ะ? อะไรมันจะน่ารักจนแผ่รังสีความโมเอะกระแทกตาได้ขนาดนั้น ดูแล้วคงเป็นฝีมือของพวก.... ฉันคิดว่าน่าจะเป็นพวกทาคุยะ"

     

     

                ไทจิตบมือดังฉาดใหญ่ ชี้นิ้วไปทางโอเมก้าแล้วยิ้มยิงฟัน "นายนี่ลางสังหรณ์แม่นจริงโอเมก้า! แต่ว่าน้า~... เมื่อไหร่พวกทาคุยะจะมาซักทีเนี่ย!"

     

     

                "เห็นว่าเช้านี้ทำธุระ แต่ก็บอกว่ายังไงวันนี้จะมาให้เห็นหน้าแน่ ๆ เขาบอกมางี้" เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลแดงตอบ ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาทำลายความเงียบอีกครั้ง

     

     

                "อย่าลืมนะ ตอนแรกก็เจอกับพวกเทมเมอร์ช่วงเย็น พอถามอะไรกันไปพอสมควรแล้วก็หาเรื่องไล่คนอื่นซะ แล้วเรียกให้เทมเมอร์ในตำนานอยู่กันแค่นั้น..ว่าแต่มีใครรู้จักพวกฉันกับพวกทาคุยะบ้างเนี่ยนอกจากนาย ฮิคาริ แล้วก็ไดสึเกะน่ะ"

     

     

                "ไม่มีแล้ว พูดเหมือนนายโผล่ให้เห็นตัวที่รีลเวิร์ลนักนี่ ได้ข่าวว่าย้ายสำมะโนครัวไปอยู่ดิจิตอลเวิร์ลแล้ว ส่วนพวกทาคุยะใคร ๆ ก็รู้จัก พวกนั้นน่ะศิลปินกลุ่มนะ แต่เรื่องนั่นช่างมันเถอะ สรุปก็คือคนที่รู้เรื่องนี้ก็มีแต่พวกนาย พวกทาคุยะ เทมเมอร์ในตำนานสี่คน พวกรอยัลไนท์ พวกซอเวอเรน พวกรุ่นแรก ไดสึเกะ ฮิคาริ แล้วก็ฉันใช่มั้ย?"

     

     

                มาซารุพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะลุกขึ้นมองผ่านกระจกบ้างเมื่อเห็นอีกสองตนยังไม่ยอมกลับมานั่งสักที

     

     

                "ไหนดูซิว่าจิบิสึเกะมันจะน่ารักแค่ไหนจนพวกนายยังมองกันตาค้าง.. โอ้.. ไทจิเอ๋ย~ นายเคยบอกว่าไดสึเกะน่ะใสซื่อบริสุทธิ์อินโนเซนต์ใช่มั้ย? งั้นนายลองวิ่งลงไปแอบลอบมองดูนะว่าตอนนี้จิบิสึเกะกำลังทำอะไรอยู่ แต่ช่วยแอบแบบไม่มีใครเห็นตัวด้วยนะ ฉันอยากจะให้นายพิสูจน์ว่าสิ่งที่นายพูดน่ะมันจริงหรือเฟคกันแน่"

     

     

                ไทจิพยักหน้างง ๆ แต่มือก็คว้าชุดและอุปกรณ์ปลอมตัวไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำก่อนจะเปิดประตูเดินลงบันไดไป

     

     

                "กะจะทำให้ไทจิใจแตกสลายหรือมาซารุ ถ้าหมอนั่นลงไปเห็นไดสึเกะในสภาพแบบนั้นน่ะนะ รับรองได้โวยจนงานเทศกาลพังเละไม่มีชิ้นดีแน่ ๆ .."

     

     

                "อ้ะไม่ต้องห่วง.. วีช่วยทำตามที่ตกลงกันไว้ด้วยนะ ฉันล่ะอยากรู้นักว่าถ้าไอ้หมอนั่นเจอสถานการณ์แบบนั้นจะทำยังไง"

     

     

                เจ้าของนัยน์ตาสีทับทิมแดงกระพริบตาปริบ ๆ แล้วถอยหายใจ ก่อนจะใช้พลังที่อิกดราชิลได้มอบไว้ให้เพื่อทำงานนี้โดยเฉพาะ ทันทีที่ใช้พลังเสร็จ โอเมก้าก็หันกลับมามองวีแล้วเบิกตากว้างกับภาพลักษณ์ตรงหน้าที่เห็น ไม่ทันที่เจ้าคนผมเงินจะได้ถามอะไร มาซารุก็สะบัดมือไล่อีกฝ่ายให้วิ่งลงบันไดตามไทจิไป

     

     

                "นั่นมัน.. อย่าบอกนะว่า..."

     

     

                "พลังนั่นพ่อฉันให้มาโดยเฉพาะเพื่องานนี้เลยนะ เดี๋ยวจะมีอีกสองตนที่ต้องทำแบบนั้นเหมือนกัน ไม่ต้องห่วง"

     

     

                "ใครพูดว่าห่วงกัน.. แต่ว่านะ ไอ้สิ่งที่อิกดราชิลตนนี้ทำน่ะมันเคยมีอะไรดีที่ไหน... สงสารไดสึเกะจริง ๆ เลยแฮะ"

     

     

                ...

     

     

                ในขณะที่มาซารุไล่วีลงมานั้น ไดสึเกะในคราบของไดอาน่าก็...

     

     

                "โอ๊ะ.. อย่านะคะ เดี๋ยวไดอาน่าโดนคุณไทจิดุเอา" นัยน์ตาสีฟ้าสดประกายวิบวับเมื่อมีลูกค้า(จนน่าฆ่าทิ้ง)บางคนมาแต๊ะอั๋งลูบโน่นลูบนี่จนขนลุก แต่เหมือนตั้งแต่เริ่มเดินเสิร์ฟมา ไอ้หมอนี่รู้สึกจะลวนลามมากกว่าคนอื่น(จนน่าฆ่าทิ้ง).. ไดอาน่าเหลือบมองตรงบริเวณที่ถูกลูบคลำ ... หน็อยไอ้ลามกนี่..ดูหน้าก็รู้ว่ามีลูกเมียแล้วยังมาเล็มหญ้าอีกเรอะ!?

     

     

                "ไม่หรอก ไอ้เด็กประธานนั่นจะทำอะไรฉันได้ ครูสอนคณิตศาสตร์อย่างฉันน่ะแค่เอาเรื่องเกรดขู่หน่อยก็หงอแล้ว แหงสินะ ก็วิชานี้ผ่านยากกันจะตาย ฮ่า ๆ .."

     

     

                วูบหนึ่งที่ไดอาน่าเอื้อมมือขึ้นหน้าศีรษะอีกฝ่ายหมายจะชกให้หายยั้วะสักทีสองทีเมื่อคนตรงหน้าดันมาหาเรื่องดูถูกรุ่นพี่ที่เคารพรัก แต่ก็เปลี่ยนใจเป็นอย่างอื่นแทนเมื่อนึกถึงสิ่งที่จะตามมาถ้าเกิดตนไปเผลอชกลูกค้าที่เป็นครูในไฮสคูลโอไดบะเข้า..

     

     

                ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่ดันมารับออร์เดอร์ในที่ค่อนข้างลับตาคน ด้านนึงก็ผนังอิฐ ด้านนึงก็ต้นไม้ค่อนข้างทึบ แต่ที่โชคร้ายสุด ๆ คงไม่พ้นไอ้เจ้าชุดเมดที่ใส่อยู่เนี่ยแหละ ไม่รู้จะออกแบบมาให้เซอร์วิสลูกค้าผู้ชายทำไมนักหนา แม้ว่าความจริงมันก็ไม่ต่างจากชุดเมดทั่วไปเท่าไหร่คือเสื้อเชิ้ตคอปกแข็งแขนสั้นสีขาวที่ตรงไหล่ทำเป็นทรงดอกบัวตูมมีระบายลูกไม้ยั้วะเยี้ยะ ตรงเอวก็คาดด้วยผ้าหนังบางอย่างคล้าย ๆ กับโอบิของกิโมโนแต่มีชายผ้าหนังสีดำยาวลงมาเป็นกระโปรงชั้นนอก..แน่นอนว่ายาวแค่ประมาณยี่สิบเซ็นติเมตร มีกระโปรงด้านในทำจากผ้าชนิดเดียวกันกับเสื้อที่ยาวเลยผ้าหนังไปเพียงไม่ถึงสิบเซ็นติเมตร ยังดีที่ว่าสวมถุงน่องที่ยาวเลยชายกระโปรงสีขาวขึ้นมากับรองเท้าและถุงมือหนังที่ค่อนข้างแข็งเป็นพิเศษ ซึ่งมีไว้ทำร้ายลูกค้า(?)โดยเฉพาะ..ถามจริง ๆ เหอะว่าชุดเมดรุ่นแรกมันยาวลากพื้นเลยไม่ใช่หรือไง ทำไมรุ่นนี้ถึงได้ทำให้มันสั้นนักเล่า!

     

     

                "วัยรุ่นสาว ๆ นี่ดีกันจริงนะเนี่ย จับตรงไหนแตะตรงไหนก็นิ่มไปหมด..สวรรค์!"

     

     

                น้ำเสียงอันน่ารังเกียจ(สำหรับไดอาน่าในตอนนี้)ดังขึ้นเบา ๆ ชายวัยกลางคนก็รวบเอวเด็กสาวที่เริ่มดิ้นขัดขืนลงมานั่งตักก่อนจะใช้แขนซ้ายล็อกเอวไว้แน่น ส่วนมืออีกข้างก็ล้วงเข้าไปใต้กระโปรง จากนั่นก็ค่อย ๆ ไล้ตามต้นขาเนียนขึ้นมา

     

     

                อารมณ์วูบวาบที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ไดอาน่าไม่รู้หรอกว่านั่นคืออะไร (ก็อินโนเซนต์ขนาดนั้น..) แต่สิ่งที่เด็กสาวผมบล็อนด์ทองรับรู้ได้ในตอนนี้คือความรู้สึกถึงบางสิ่งที่อยู่ภายใต้แก้มก้นของตนที่มันเริ่มขยายตัวขึ้นเรื่อย ๆ ตามความรู้สึกของเด็กสาว แม้ดั้งเดิมว่าตัวเองจะเป็นคนอินโนเซนต์แค่ไหนแต่เรื่องของผู้ชายที่เป็นเพศจริง ๆ ของตนนั้นตนก็ย่อมรู้ดี..

     

     

                'ซวยเช็ดแล้วมั้ยเล่า! รู้งี้ยอมไปอยู่กับรุ่นพี่ไทจิดีกว่า ไม่นึกเลยว่าผู้ชายสมัยนี้มันจะตื่นตัวไวอะไรขนาดนั้น .. แต่ปัญหาคือก็เพราะรุ่นพี่ไทจินั่นแหละไม่ยอมปล่อยผมไปเจอโลกภายนอก พอมาเจอแบบนี้เข้าก็ไม่รู้จะทำยังไงดี แถมอยู่ในร่างนี้มันก็....เฮ้ย!'

     

     

                ความคิดในใจอันเป็นต้องสะดุดไปเมื่อตำแหน่งของมือที่เริ่มไล้ไปตามขาเนียนเริ่มลุกล้ำเข้ามาโดยพละการ ความรู้สึกขนลุกวาบไปทั่วร่างเกิดขึ้นเมื่อมือกร้านลูบไล้เข้าไปที่ตำแหน่งลับสำหรับผู้หญิง อารมณ์ร้อนวูบวาบเกิดขึ้น พลันนั้นเสียงครางอ่อน ๆ ก็หลุดรอดออกมา

     

     

                "ถ้าฉันจับตรงนี้ล่ะ...อาา..รู้สึกอย่างไรบ้างสาวน้อย?..."

     

     

                เด็กสาวผมบล็อนด์แทบจะหยุดหายใจเมื่อปลายนิ้วกดเน้นย้ำลงมาตรงจุดลับ จากที่เนิบนาบก็ค่อย ๆ เร่งจังหวะขึ้นจนร่างของชายวัยกลางคนเองก็สั่นไหว ไดอาน่ากัดฟันแน่นกลั้นเสียงครางที่เกิดจากอารมณ์วาบหวาม แต่ก็ทำได้ไม่มาก ดีที่ว่าตอนนี้เสียงจากรอบด้านเริ่มดังเซ็งแซ่จนกลบเสียงครางไปซะสนิท

     

     

                จากนิ้วเดียวก็เริ่มเป็นสองนิ้วสามนิ้วตามลำดับ  จากที่พยายามไม่ให้แผ่นหลังแนบชิดกับอีกฝ่าย แต่ตอนนี้กลับกระแทกตัวปะทะเข้ากับอกของอีกฝ่ายซะเอง ในสมองก็เริ่มคิดหาทางว่าควรจะทำอย่างไรดีจึงจะหลุดพ้นจากไอ้แก่บ้ากามนี่ จังหวะของนิ้วที่กระแทกเข้ามาก็เริ่มเร็วขึ้นเรื่อย ๆ และยิ่งเร็วเท่าไหร่สมองก็ยิ่งตื้อจนขาวโพลนขึ้นเท่านั้น

     

     

                "นี่ไอ้แก่ แกจะทำอะไรน้องสาวฉันเหรอ?"

     

     

                เสียงคุ้นเคยของไดอาน่าดังขึ้นจากด้านหลัง แต่มันก็ไม่ดังมากจนถึงกับเรียกคนอื่นให้หันมามอง และอย่างน้อยมันก็ทำให้เจ้าผู้ชายบ้ากามคนนี้หยุดการกระทำที่ถือเป็นการทำอนาจารต่อเด็กอายุต่ำกว่าสิบห้าปีลง

     

     

                '..ไอ้น้ำเสียงแบบนี้..มันเป็นน้ำเสียงของเขาตอนยังเป็นเพศชายอยู่ชัด ๆ ! แล้วตอนนี้เขาก็เป็นเพศหญิง แล้วไอ้เสียงแบบนั้นล่ะมัน....?'

     

     

                ..พอเหลือบมองขึ้นไปก็เห็นเด็กชายที่มีใบหน้าคุ้นตาแบบสุด ๆ กำลังกระซิบคำพูดข้างใบหูชายวัยกลางคนอยู่

     

     

                "ฉันจะนับถึงสาม ถ้าแกยังไม่ยอมปล่อยตัวน้องสาวฉันจากอ้อมแขนแก ฉันจะเชือดแกตรงนี้ซะ!"

     

     

                ไม่ต้องรอนับถึงสาม พอไดอาน่าได้สติ มือไม้แขนขาก็เริ่มทำงานอัตโนมัติ ศอกขวาถูกกระทุ้งกระแทกเข้าที่ท้องน้อยของชายวัยกลางคน ด้วยปฏิกิริยาของร่างกายมนุษย์ แขนซ้ายนั่นก็ปล่อยตัวเด็กสาวโดยอัตโนมัติ และไม่ต้องปล่อยเวลาให้เสียไปโดยเปล่าประโยชน์ ไดอาน่าลุกขึ้นพรวด ก่อนจะเอี้ยวตัวใช้เท้าซ้ายถีบยันเข้าให้กลางลำตัว

     

     

                ถามว่ารุนแรงขนาดไหน? ก็รุนแรงพอขนาดที่สามารถทำให้ทั้งเก้าอี้ทั้งคนตัวใหญ่กระเด็นถลาไปไกลจากตำแหน่งถีบเกือบ ๆ สิบเมตรนั่นล่ะ และพอเกิดเสียงดังขึ้นคนก็เริ่มมุง ภาพที่เห็นคือชายคนหนึ่งล้มหงายอยู่บนพื้นโดยมีเก้าอี้ล้มอยู่ข้าง ๆ แต่ยังคงมีสติอยู่ กับเด็กสาวที่ถูกเด็กชายรวบเข้าไปกอดอย่างทะนุถนอม โดยที่เด็กทั้งสองคนหน้าตาเหมือนกันราวกับแกะโคลนนิ่ง

     

     

                "อ๊ะ..นั่นไดสึเกะคุงนี่ ส่วนคนข้าง ๆ ก็คงเป็นน้องสาวที่เขาลือกันมาเมื่อกี๊หรือเปล่า?.."

     

     

                เสียงพูดคุยกันเซ็งแซ่ แต่ประโยคที่ได้ยินแล้วสะดุดใจมากที่สุดคงไม่พ้นประโยคที่เดาว่าไดสึเกะกับไดอาน่าเป็นพี่น้องกัน ไดสึเกะตัวจริงได้แต่ยิ้มแหย ๆ นึกถึงเรื่องเมื่อเช้าทีไรก็ยั๊วะไม่หาย แต่ที่น่าแปลกใจคือแค่ภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมงข่าวลือเรื่อง 'น้องสาวไดสึเกะ' ที่มันแพร่กระจายเร็วซะยิ่งกว่าจรวด

     

     

                "เอาล่ะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วก็ขอพูดไว้ตรงนี้เลยก็แล้วกัน"

     

     

                'ไดสึเกะ' เอ่ยปากออกแนวกึ่งตะเบ็งเสียงเพื่อให้ดังกลบเสียงซุบซิบทั้งหลาย เมื่อเห็นว่าสภาพแวดล้อมเริ่มเงียบแล้วเจ้าตัวก็พูดต่อโดยแขนข้างหนึ่งก็ยังโอบไดอาน่าเอาไว้อยู่

     

     

                "เด็กสาวคนนี้..คือน้องสาวของผม อันที่จริงก็ไม่อยากประกาศตัวอะไรหรอกนะ แต่นี่ถือเป็นคำสั่งห้ามเลยก็แล้วกัน เอ๊ะ!? แต่ปกติพูดไปก็ไม่มีใครฟังผมนี่นา เอาแต่ฟังรุ่นพี่ไทจิ.. โอเค! นี่คือคำสั่งห้ามของผม!! ผมขอสั่งห้ามไม่ให้ผู้ชายคนไหน ๆ ก็ตามมาจีบ มาเจ๊าะแจ๊ะ หรือมาลวนลามกับน้องสาวผมเด็ดขาด... สำหรับคุณคนที่อยากฝ่าฝืนก็ไม่เป็นไร แต่ผมขอรับรองเลยว่าวันนั้นแหละคุณจะเห็นไอ้เด็กอินโนเซนต์คนนี้กลายเป็นพญามารจองล้างจองผลาญคุณแน่!"

     

     

                ส่งคำขู่ออกไปพร้อมนัยน์ตาสีเปลือกไม้ที่จิกกัดคนมองมาเต็มที่จนมาดอินโนเซนต์ไม่เหลือ ก่อนจะสาวเท้าไปยังชายวัยกลางคนที่ลุกขึ้นนั่งลูบหลังตัวเองป้อย ๆ ... ไดสึเกะย่อตัวให้อยู่ในระดับสายตาเดียวกันก่อนจะเชยคางอีกฝ่ายด้วยนิ้วเรียว ริมฝีปากบางเหยียดเป็นเส้นตรงก่อนจะแสยะยิ้มเย็นเมื่ออีกฝ่ายหันมาสบตา

     

     

                "เจ็บใช่มั้ยครับที่น้องสาวผมถีบคุณมาซะเต็มแรง?.. ขอโทษล่วงหน้านะครับ พอดีน้องสาวผมเพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก หวังว่าคุณคงจะไม่โกรธหรือทำโทษอะไรเธอ อ๊ะ! ไม่สิ เมื่อกี๊คุณครูเองก็เพิ่งจะลวนลามน้องสาวผมไปนี่ครับ.. บอกไว้ก่อนว่าผมหวงน้องสาวคนนี้มากพอ ๆ กับที่รุ่นพี่ไทจิหวงผมเลยล่ะครับ เพราะฉะนั้น....."

     

     

                ไดสึเกะวางมือและชันตัวลุกยืน ใบหน้าเรียวก้มมองคุณครูในโรงเรียนตัวเองด้วยแววตาออกจะสมเพชเวทนาหน่อย ๆ

     

     

                "...ต่อให้เป็นใครใหญ่มาจากไหน ถ้ามันคนนั้นมายุ่งวุ่นวายกับน้องสาวผมโดยไม่ได้รับอนุญาตล่ะก็มันตายหยังเขียดแน่ ๆ แล้วก็ฝากกระจายข่าวด้วยนะครับ ช่วยลือกันไปให้ทั่วโรงเรียนทั่วเนริมะเลยก็ได้ และสุดท้าย... คุณครูก็จะเป็นเหยื่อคนแรกนะครับที่จะเดี้ยงเพราะมายุ่งกับน้องสาวของผม..."

     

     

                ...

     

     

                .. หลังจากเหตุการณ์ชุลมุนที่คาเฟ่ขนมหวานนี่เอง ทำให้ภาพพจน์อินโนเซนต์ของไดสึเกะหายวับไปกับตา และได้ภาพพจน์ใหม่มาคือ 'ไอ้ซิสค่อนจอมซาดิสม์' ..

     

     

                ...

     

     

                "ว่าแต่ทำไมไม่ตอบโต้ไปบ้างล่ะห๊ะไดสึเกะ! ยอมโดนไอ้แก่นั่นลวนลามได้ยังไง!!"

     

     

                "ก็ไม่รู้นี่นา ปกติเวลาเด็กผู้หญิงเค้าโดนลวนลามฉันไม่รู้หรอกว่าพวกเด็กผู้หญิงเขาทำกันยังไง"

     

     

                "นายนี่มันอินโนเซนต์จริง ๆ คอยดูนะไดสึเกะ เดี๋ยวฉันจะเปลี่ยนพฤติกรรมนายให้หายอินโนเซนต์เอง!"

     

     

                "ไม่ต้องหรอกวี แค่นายประกาศตัวในสภาพของฉันไปแบบนั้นก็ไม่มีใครเชื่อว่าฉันอินโนเซนต์แล้วล่ะ"

     

     

                "เอ๊ะ..นายพูดแบบนี้แสดงว่านายไม่ได้อินโนเซนต์ตั้งแต่แรกแล้วอ่ะดิ!?"

     

     

                "หืม?.. เมื่อกี๊นายพูดว่าอะไรนะ?.."

     

     

                "เอิ่ม... เปล่า ๆ ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่บอกว่าวันนี้อากาศมันหนาวแปลก ๆ น้า~"

     

     

                "........."

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×