คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Prologue Chapter for Digimon Savers
Title : The (Boys') Marry (1st Episode ; Beginning of Final Sovereign)
Chapter : Prologue Chapter for Digimon Savers
Author : NaR!eZ-Narilada
Message from N`Nae :
+ 8 Feb 2010 +
- เก็บหอมรอมริบ.. ปั่นทีละเล็กทีละน้อย เกือบยี่สิบวันได้แค่นี้แหละค่ะ - -
- ขอโทษจริง ๆ ที่ทำตามสัญญาไม่ได้ค่ะ สอบวันที่ 15 นี่แล้ว ยัยเนยังดองงานอยู่เลย
- ขอโทษมากมายที่ไม่สามารถอ่านนิยายของหลาย ๆ ท่านได้.. (ทวงเม้นต์ไว้ก่อนได้ค่ะ ไว้จะบินตามไปหลังสอบเสร็จ)
(ปล. ไว้จะมาแก้ลงแบบเวิร์ดให้ทีหลังน่อ.. ยัยเนพิมพ์ใน notepad)
+ 5 Mar 2010 +
- แก้ลงเวิร์ดจ้า - -
•´¯`•.¸¸.•´¯`•.¸¸.•´¯`•.¸¸.•´¯`•.¸¸.•´¯`•.¸¸.•´¯`•.¸¸.•´¯`•.¸¸.•´¯`•.¸¸.•´¯`•.¸¸.•´¯`•.¸¸.•
ช่วงเช้าของวันที่ 3 สิงหาคม ค.ศ. 2006
"ดิจิตอลฮาร์โมไนเซอร์ไม่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์อีกแล้ว ตัวนายเองก็รู้ดีที่สุดไม่ใช่เหรอไงกัน ล้มเลิกโครงการที่จะซ่อมแซมมันเถอะ ลองกลับไปคิดดูก็แล้วกันนะ มาซารุไปโลกดิจิตอลเพื่ออะไร พวกเราทั้งหมดต่างก็รู้ดี แต่ถ้าหากนายคิดจะไขว่คว้าเป้าหมายของนายฉันก็จะไม่ห้ามหรอกนะ แต่อย่าลืมล่ะ ทุกครั้งที่ดิจิตอลฮาร์โมไนเซอร์ทำงานหนึ่งครั้ง ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ก็ตาม ผลลัพธ์ได้ออกมาแน่นอนคือรอยร้าวของดิจิตอลเกทที่ยังไม่สามารถซ่อมแซมให้สมบูรณ์ได้"
"คุณพูดอะไรของคุณ..."
"มีหลายวิธีที่จะไปโลกดิจิตอล ตอนนี้เราค้นพบวิธีการเดินทางไปสู่โลกดิจิตอลผ่านระบบเชื่อมต่อเน็ตเวิร์คของสองโลกแล้ว เพราะฉะนั้นดิจิตอลฮาร์โมไนเซอร์ก็ไม่จำเป็นต่อพวกเราอีก เพราะฉะนั้น..."
"นี่คุณพูดอะไรของคุณกันห๊าาา!!!..."
เสียงซ่าดังขึ้นตามมาติด ๆ พร้อมกับร่างเปียกโชกของชายหนุ่มผมบลอนด์ทองอ่อนที่ผุดลุกผุดนั่งบนเตียง คู่สีอควอมารีนกระพริบปริบ ๆ เงยหน้าขึ้นมองเหนือศีรษะก็เห็นถังน้ำใบเขื่องสีแสบตาที่มีน้ำหยดลงมาติ๋ง ๆ
"...คุณนั่นแหละแพล่มบ้าอะไรอยู่ 'คุณเนิร์ดสไตน์' โหวกเหวกโวยวายแต่เช้าน่ารำคาญสุด ๆ เลยรู้มั้ยคุณน่ะ"
พอมองไปยังข้างเตียงก็เห็นร่างเพรียวบางแสยะยิ้มอยู่ นัยน์ตาสีสว่างจ้องมองจิก ๆ เหมือนกับกำลังด่าทางสายตาอยู่ มือสองข้างจับถังน้ำแน่น ถ้ามองดี ๆ จะเห็นว่าถังน้ำนี่กำลังถูกเล็บของคนถือจิกจนเป็นรอยเล็บเลยทีเดียว
"อะไรกัน 'เธอ' เองหรอกเหรอ?"
พอได้ยินประโยคนี้ ความอดทนสุดท้ายก็ขาดสะบั้น เจ้าคนอารมณ์เสียโยนของในมือทิ้งไป เท้าเปล่า ๆ เหยียบย่ำขึ้นมาบนเตียง มือสองข้างที่เป็นอิสระเอื้อมไปกุมไหล่สองข้างของคนตัวใหญ่กว่าแล้วออกแรงเขย่าจนเตียงสั่นกึก ๆ
"อะไรกัน! อะไรกัน!! อะไรกัน!!!? นี่คุณทักคนที่ปลุกคุณด้วยประโยคหยาบคายแบบนี้เหรอไงกันหา!!? ไอ้เจ้าขุนนางไร้มารยาท ไอ้คุณชายน่ารำคาญ ไอ้เนิร์ดสไตน์งี่เง่า ไอ้หมอปากเสีย อ..ไอ้... ไอ้......โอ๊ย! ทำไมคุณไม่สร้างชื่อเสียให้ตัวเองบ้างห๊ะไอ้อัจฉริยะสมองขี้เลื่อย!!!.. คนอุตส่าห์จะมาปลุกไปทำงานแต่กลับโดนทักกลับด้วยประโยคนี้.. คอยดูเหอะ สักวันคุณจะต้องตื่นมาในสภาพที่น่าอดสู!"
ชายหนุ่มยิ้มเจื่อน ๆ พยายามแงะมือคนตัวเล็กกว่าให้หลุดออก.. แต่พับผ่าสิ เด็กอะไรแรงเยอะชะมัด..
"อ..เออ ๆ ๆ .. ป..ปล่...ปล่อยฉันสัก...ท..ที ........... อ.. อิ...อิคุ...อ.. อิคุโตะ!"
แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล เพราะหลังจากประโยคนั้นชายผมบลอนด์ก็เหมือนจะถูกเขย่าแรงกว่าเดิมอีก
"พอเถอะค่ะอิคุจัง ท่านพี่เองเพิ่งได้นอนเมื่อตอนตีสี่กว่า ๆ ตอนนี้ท่านพี่คงยังง่วงอยู่น่ะค่ะ.. หากท่านพี่ 'ตื่นสาย' แล้วรบกวนการทำงานของอิคุจังกับคนอื่น ๆ หนูก็ต้องขอโทษแทนท่านพี่จริง ๆ นะคะ เดี๋ยววันนี้หนูจะบอกให้ท่านพ่อกวดขันท่านพี่มากกว่านี้เองค่ะ จะบอกท่านย่าด้วย อิคุจังไม่ต้องกลัวนะคะ เพราะต่อไปท่านพี่จะไม่มีโอกาสได้ 'ตื่นสาย' อีกแล้วล่ะค่ะ.."
เจอไม้นี่เข้าไปทำเอา 'อิคุโตะ' ถึงกับหยุดชะงักไปดื้อ ๆ เลยทีเดียว ก็แหม.. ไอ้คนพี่น่ะมันเจนโลก(?)ก็จริงอยู่ แต่คนน้องเนี่ยสิ ไม่คิดเลยว่าภายนอกเรียบร้อย ๆ แบบนี้ แต่ภายในน่ะโหดชนิดที่ผู้ชายยังขยาด เพราะจากประสบการณ์ที่อิคุโตะเคยเห็นโทม่าประสบกับ 'การกระทำของคุณน้องสาว' แต่ละครั้งนี่มันก็...
"..อิคุจังลงมาเถอะค่ะ.. เอาล่ะท่านพี่คะ ตอนนี้ก็ช่วยลงมาจากเตียงแล้วกรุณารีบทำภารกิจของตัวเองให้เสร็จด้วยนะคะ อย่าให้คนอื่น ๆ รอนานสิคะ แบบนี้น่ะมัน......... ฯลฯ "
เมื่ออิคุโตะยอมเลิกรา เด็กสาวก็สั่งพี่ชายพร้อมทั้งบ่นจู้จี้จุกจิกสารพัดจนอิคุโตะต้องหนีหลบออกมาอยู่นอกห้องของโทม่าแทน เมื่อมาถึงห้องนั่งเล่นก็ทิ้งตัวนั่งปุ๊กลงบนโซฟาสีฟ้าอ่อน มือเรียวเอื้อมไปหยิบรีโมทโทรทัศน์แล้วกดเปิดหาช่องรายการที่น่าสนใจ..แต่ขอโทษที ดูเหมือนว่าเช้านี้จะไม่มีอะไรให้ดูน่ะนะ..
"ชิ.. เบื่อชะมัดเลยเช้านี้ ไม่มีอะไรให้ทำแล้วรึไงน้าา~"
ถอนหายใจยาวแล้วเอียงตัวนอนบนโซฟา เหลือบมองไปทางห้องครัวแล้วเกิดนึกสะกิดใจเมื่อเห็นควันลอยออกมาพร้อมกลิ่นหอมชวนน่าลิ้มลอง.. ว่าแต่ใครมาทำอาหารนะ คุณรีลีน่ากับโทม่าก็อยู่ในห้องนอน เราก็อยู่ตรงนี้ แล้วห้องนี้มันอยู่กันแค่ 3 คนเองไม่ใช่เหรอไงกัน?... อิคุโตะคิดดังนั้นก็กระเด้งตัวขึ้นจากโซฟา ย่องไปทางห้องครัวอย่างเงียบเชียบ
สิ่งแรกที่อิคุโตะเห็นคือบุคคลสองคนที่(น่าจะ)ช่วยกันทำอาหาร คนนึงผมสีน้ำตาลเปลือกไม้หม่นแกมเหลืองยาวเลยไหล่มาประมาณคืบครึ่ง ส่วนอีกคนผมสีน้ำตาลแดงประกายยาวถึงเอว.. แอบมองได้เพียงครู่เดียวคนที่ตัวเล็กกว่าก็หันมาทางอิคุโตะแล้วยิ้มหวาน ส่วนอิคุโตะตอนนี้ชะงักนิ่งไปแล้ว..
"ไงอิคุโตะ ไม่สิ ต้อง 'อิคุจัง' สินะ.. สบายดีมั้ย?"
น้ำเสียงที่คุ้นเคยเปล่งออกมาทักทาย คนถูกทักยิ้มหวานตอบกลับแล้วเดินเข้าไปกอดเอวแน่น
"หูย.. เรียกอิคุโตะเหมือนเดิมดีกว่าน่า อีกอย่างนายหายไปไหนมาเนี่ยมาซารุ หายไปตั้ง 4 ปีเลยนะ! ฉันล่ะคิดถึงนายชะมัดเลยล่ะ ขนาดไปตามหาในดิจิตอลเวิร์ลก็ไม่เจอ ไหงจู่ ๆ ถึงมาโผล่ที่ห้องของฉัน คุณรีลีน่า แล้วก็โทม่าได้ล่ะเนี่ย"
"เรื่องมันยาวน่ะอิคุโตะคุง อีกอย่างที่มาซารุต้องมาที่นี่ก็เพราะตอนนี้ดิจิตอลเวิร์ลมันมีปัญหานิดหน่อย เลยต้องอพยพคนมาที่รีลเวิร์ลก่อน"
อีกคนที่ยืนข้าง ๆ มาซารุเป็นฝ่ายตอบแทน มือใหญ่เอื้อมไปปิดแก๊ส ใช้ทัพพีคนอาหารในหม้อแกงอยู่พักหนึ่ง อิคุโตะหันมายิ้มให้ชายอีกคนแล้วเอียงคอตอบกลับ
"ไม่นิดหน่อยแล้วมั้งปัญหาเนี่ย.. ท่าทางคงจะเกี่ยวกับดิจิตอลเกทอีกล่ะสิท่า ให้ตายสิน้าา~ คราวหลังน่ะเลิกข้ามมิติโดยการใช้พลังตัวเองแหกกำแพงมิติได้แล้ว เพราะทำแบบนี้บ่อย ๆ น่ะสิดิจิตอลเกทถึงได้ร้าวจนซ่อมให้สมบูรณ์ไม่ได้น่ะ"
"สมแล้วที่อยู่โลกดิจิตอลมาตั้ง 10 ปี เซ้นส์ของนายนี่มันแม่นจริง ๆ เลยพับผ่าสิ แต่ผิดไปนิดนึงตรงที่ปัญหาเนี่ยไม่ได้เกี่ยวกับดิจิตอลเกทเลยสักนิด แต่เกี่ยวกับตัวพวกอิคุโตะคุงต่างหาก.."
ร่างโปร่งถอดผ้ากันเปื้อนลายน่ารักออกไปแขวนไว้ข้างผนัง นัยน์ตาสีเขียวฮาเซลชวนหลงใหลเหลือบมองผู้เปรียบเสมือนน้องชาย ตัวสั่นนิดหน่อยราวกับคนจะร้องไห้ ริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันแน่นสะกดสายตาอิคุโตะไม่ให้ละสายตาไปไหน มาซารุเดินเข้าหาอิคุโตะ ย่อตัวลงให้อยู่ในระดับสายตาอีกฝ่ายแล้วเอื้อมมือสองข้างบีบไหล่อีกฝ่ายแน่น
"เฮ้... มาซารุ? .."
"ห...เห็นหน้านายแล้วมันนึกถึงเจ้าเด็กตาแดงเลือดนั่นชะมัดเลย ให้ตายสิ.. ไอ้บรรพบุรุษเลือดเอ๊ย.."
มือสองข้างยังคงบีบไหล่อิคุโตะแน่นไม่ปล่อย ส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปยังคู่ฮาเซลตัวพ่อแล้วก็ได้รับกลับมาแต่เพียงท่ายักไหล่ราวกับปลอบใจว่า 'ทน ๆ ไปหน่อยเหอะน่า'
"มาซารุพูดถึง 'ดยุค' อยู่น่ะ จำได้ใช่มั้ยว่าตอนที่รอยัลไนท์บุกรีลเวิร์ลน่ะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เหมือนหมอนั่นจะอาละวาดมากไปหน่อยตอนยังถูกอิกดราชิลตนก่อนควบคุม ตอนนี้ถึงจะหลุดจากการควบคุมแล้วมาซารุก็ยังหาเรื่องแกล้งเขม่นหมอนั่นอยู่ ในตอนแรกเห็นหน้าตาใส ๆ หารู้ไม่ว่านั่นน่ะไปเล่นของสูงเข้าให้แล้ว"
คนฟังพยักหน้ารับไปเป็นช่วง ๆ สึงุรุถอนหายใจเฮือก สะบัดมือครั้งเดียวร่างของลูกชายก็ลอยหวือเข้ามาหาราวกับว่ากำลังถูกสิ่งที่มองไม่เห็นฉุดตัวอยู่ อิคุโตะทรุดตัวลงนั่งกับพื้นทันทีที่มือแกร่งหลุดออกจากไหล่.. อะไรกันนะ ทำไมมาซารุดูแรงเยอะขึ้นผิดปกติล่ะเนี่ย!?
"ก็นะ... ดยุคอายุ 14 เท่านายนั่นแหละ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือผ้าโพกหัวสีขาว เสื้อคอกลมแขนยาวเลยศอกหน่อย ๆ สีฟ้า ผ้ากันเปื้อนสีเหลืองอ่อน กางเกงขาสามส่วนสีเทา แล้วก็รองเท้าที่ใส่ในบ้านสีเขียวนั่นมากกว่า เพราะดยุคใส่ชุดที่คล้าย ๆ กัน มาซารุเลยมีปฏิกิริยากับอิคุโตะคุงมากเป็นพิเศษน่ะสิ"
"อายุ 14 งั้นเหรอ หมายความว่าดยุคที่เป็นรอยัลไนท์อารมณ์ร้ายนั่นเป็นมนุษย์?"
"เปล่าหรอก ดยุคน่ะเป็นแค่มนุษย์ที่บังอาจมาล่วงเกินและอาจเอื้อมถึงพลังของดิจิเอนเทลอิคิจนทำให้สามารถผนึกพลังของผลึกแห่งการกำเนิดลงไปในร่างพาร์ทเนอร์ ถือว่าเป็นการฝืนความสามารถในการวิวัฒนาการของตัวพาร์ทเนอร์เอง แถมยังฝ่าฝืนกฎธรรมชาติโดยการเปลี่ยนแปลงร่างเนื้อให้กลายเป็นข้อมูลดิจิตอลแบบถาวรอีกต่างหาก.. แบบนี้เรียกว่ามนุษย์ได้ที่ไหนล่ะ เพราะสถานะในตอนนี้ของเขาก็ไม่ใช่ทั้งมนุษย์แท้และดิจิมอนแท้ .. ให้ตายสิ เหมือนเจ้าพวกตัววุ่นวายสี่คนนั่นเลย.."
...
แล้วหลังจากนั้นสักพัก รีลีน่าก็สามารถลากตัวโทม่าออกมาได้สำเร็จ แวบแรกที่สองศรีพี่น้องตระกูลนอร์ชไทน์เห็นสองพ่อลูกไดมงต่างก็นิ่งอึ้ง อิคุโตะเลยเป็นฝ่ายคลายความสงสัยให้ แต่พออธิบายจบสองพี่น้องกลับบอกว่าที่นิ่งไปไม่ใช่เพราะสงสัยหรอก แต่เพราะหน้าตาที่เปลี่ยนไปมากทำให้ตกใจมากกว่า อิคุโตะปรายตามองสองพ่อลูกแล้วลองพิจารณาบ้างก็พบว่ามันเป็นความจริง และเมื่ออยู่กันพร้อมหน้า สึงุรุก็อธิบายถึงสาเหตุที่มายังรีลเวิร์ลทันที
"ซอเวอเรนตนสุดท้ายเหรอ.."
"ใช่ ก็อย่างที่บอกไป เรื่องลำดับชั้นในดิจิตอลเวิร์ลน่ะ ซอเวอเรนถือเป็นผู้ที่มีอำนาจรองจากอิกดราชิล ซอเวอเรนที่พวกเรารู้จักกันอยู่ก็เหมือนสัตวในเทวตำนานทางแถบตะวันออกในทวีปเอเชียของรีลเวิร์ล.. นั่นก็คือประเทศจีน ซอเวอเรนประกอบไปด้วยผู้พิทักษ์ 4 ทิศ อันได้แก่ ฉวนอู่ทิศเหนือ จูเชว่ทิศใต้ จินหลงทิศตะวันออก ไป๋หู่ทิศตะวันตก แต่ทว่าความจริงมันไม่ใช่แบบนั้น ยังมีอีกจุดหนึ่ง นั่นก็คือทิศกลาง.. ไม่สิ ต้องเรียกว่าจุดศูนย์กลางของสี่ทิศ จุดนั้นเจ้าพวกตัววุ่นวายบอกว่าหวงหลงเป็นคนดูแล"
สึงุรุอธิบาย โทม่ากับรีลีน่าที่ยังไม่ค่อยรู้เรื่องราวของประเทศแถบตะวันออกมากเท่าที่ควรก็นั่งรับฟังเงียบ ๆ
"จะบอกว่าซอเวอเรนตนสุดท้ายหรือหวงหลงคือผู้พิทักษ์ประจำจุดศูนย์กลางสินะคะ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ต้องตามหาเขาแล้วพากลับไปยังโลกดิจิตอลว่าอย่างงั้น?"
"มันขัดแย้งกันอยู่นะครับด็อกเตอร์ไดมง ในเมื่อสิ่งที่พูดกันอยู่คือ 'สิ่งที่เป็นข้อมูลดิจิตอลในโลกเน็ตเวิร์ค' แล้วจะเป็นไปได้ยังไงครับที่สิ่งที่เป็นข้อมูลดิจิตอลในโลกเน็ตเวิร์คจะสามารถกลายเป็น 'สิ่งที่เป็นกายหยาบในโลกที่เกิดจากสสาร' ถ้าเป็นอย่างนั้น..."
เห็นคุณด็อกเตอร์อายุน้อยตรงหน้าพูดอย่างนั้น ด็อกเตอร์อายุมากก็ยิ้มหวานเอ่ยขัดทันที
"แล้วถ้าอย่างนั้นโลกเน็ตเวิร์คไม่ใช่สสารเหรอไงโทม่า?"
ได้ยินดังนั้นก็เป็นอันว่าข้อสงสัยของโทม่าพลันหายเกลี้ยง เจ้าตัวเลยนั่งนิ่งปล่อยให้เจ้าคนรู้ดีเป็นคนอธิบายไปเรื่อย ๆ
...
ช่วงเย็นของวันที่ 4 สิงหาคม ค.ศ. 2006
ณ ห้องของโมโตมิยะ , โอไดบะแมนชั่น , โอไดบะ , เนริมะ , โตเกียว
"ก...เกือบไปแล้วยัยฮิคาริ... ถ้าเธอเข้ามาเร็วกว่านี้อีกนิดเดียวล่ะก็ความลับได้กระจายแหงแซะ.."
นัยน์ตาสีฮาเซลออกไปทางเขียวเหลือบมองสองพี่น้องที่เหมือนกำลังนั่งเถียงอะไรบางอย่างกันอยู่ คนพี่เกาะขอบประตูห้อง(ที่ไม่ใช่ของตัวเอง)แน่น ชะเง้อคอมองบุรุษสองสตรีหนึ่งที่นั่งอยู่กลางห้องด้วยสายตาหวาดระแวง
"ขอโทษค่ะพี่ ไม่คิดว่าพี่จะเก็บไว้เป็นความลับให้แค่หนู พี่ พวกทาคุยะ แล้วก็พวกพี่มาซารุรู้นี่คะ"
"เอ่อ.. ไทจิ เลิกเกาะขอบประตูแล้วไปคุยกันก่อน ปล่อยจิบิสึเกะไปเถอะ หมอนั่นถึงจะอินโนเซนต์แต่ก็แก้สถานการณ์เฉพาะหน้าเก่ง(กว่านายอีก)นะ ได้ยินมาว่าอยู่ชมรมการแสดงมา 2 ปีกว่า ๆ แล้วนี่ แบบนั้นยิ่ง.."
"แบบนั้นยิ่งน่าห่วงเลยล่ะมาซารุ! ตอนนี้เจ้านั่นเป็นผู้หญิงแล้วนะ!!"
"อ...ไอ้คนขี้หวงเอ๊ย บอกให้มาคุยกันก่อนไงเล่า"
ร่างโปร่งเกือบฉุนขาด มือเรียวกระชากคอเสื้อคนอายุไล่เลี่ยกันแล้วฉุดยื้อให้เดินตามกันไปอีกห้องด้วยอาการทุลักทุเล ฮิคาริมองตามหลังพี่ชายตัวแสบไปแล้วส่ายหน้า มองมาอีกทางก็เห็นเด็กสาวรุ่นน้องสองคนกำลังนั่งจิบชาญี่ปุ่นอยู่อย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร
"นี่รีลีน่าจังจ๊ะ.. อิคุโตะคุงนี่เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ 1 สิงหาเลยหรือเปล่า?"
เด็กสาวผมบลอนด์ทองหันมายิ้มให้ คู่อะควอมารีนจางกระพริบปริบ ๆ อย่างน่ารัก
"ค่ะ รู้สึกตอนที่หนูเผลอเข้าห้องนอนผิดไปเข้าห้องของอิคุจังตอนตีสามก็เห็นเป็นผู้หญิงไปแล้วล่ะค่ะ ตอนแรกหนูล่ะคิดว่าอิคุจังจะพาใครเข้าห้องนอนด้วยซ้ำไปตอนแรก ก็เลยรีบกลับไปนอนห้องตัวเอง แต่พอตอนเช้าก็ได้ยินเสียงร้องของอิคุจังดูหวาน ๆ แหลม ๆ ขึ้นผิดปกติก็เลยพอเดาได้น่ะค่ะ"
"โห.. นี่เธอเดาฉันได้ขนาดนั้นเลยเหรอ"
"แหม อยู่ร่วมบ้านเดียวกันมาเกือบสี่ปีนะคะ จะไม่ให้รู้ได้ยังไง ไม่มีใครหรอกค่ะที่พอเวลาตกใจแล้วจะร้องว่า 'เฮ้ย! นี่มันอะไรกันเนี่ย! เมอคิวเร่ลงโทษอะไรฉันอีกเนี่ยห๊า!' หรอกค่ะ..."
ฮิคาริได้ยินแบบนั้นก็เสหน้าไปทางอิคุโตะแล้วถามอย่างไม่แน่ใจเป็นเชิงว่าร้องอย่างนั้นจริง ๆ เหรอ
"ไม่ถึงขนาดนั้นซะหน่อย... แต่พอตกใจแล้วมันนึกถึงตอนถูกเมอคิวเร่ทำโทษจริง ๆ นี่นา ตอนนั้นล่ะทรมานอย่าบอกใครเชียว.. อะไรนะ ผิดนิดผิดหน่อยจับโยนลงน้ำเย็น.. ชิชะ.."
เสียงหวานสบถยาวเหยียด ได้ยินแบบนี้อีกสองสาวก็อดหัวเราะคิกออกมาไม่ได้
"ให้ตายสิ ตอนเป็นผู้ชายก็ว่าบ่นเก่งแล้วนะ ตอนเป็นผู้หญิงนี่บ่นเก่งกว่าเดิมอีก จริงสิ ความจริงแล้วอิคุจังก็เรียนอยู่ที่เดียวกับชิกะจังนี่นา ทำไมถึงมาอยู่ที่ห้องของรีลีน่าจังได้ล่ะ"
"อ้อ นั่นน่ะเหรอ ตอนแรกฉันอยู่คอนโดใกล้ ๆ ไฮสคูลนั่นแหละ แต่วันดีคืนดีพ่อแม่เป็นอะไรไม่รู้ ถึงได้เกิดบ้าส่งฉันมาอยู่กับรีลีน่าและโทม่านั่นล่ะ พอถามเหตุผลก็บอกว่าจะได้ฝึกไปโรงเรียนไว ๆ .. เหตุผลบ้าบออะไรกันนะ.."
"แต่อิคุจังก็ได้ฝึกจริง ๆ นี่คะ ถ้าปัจจุบันรีลเวิร์ลไม่ยอมรับดิจิตอลเวิร์ลล่ะก็ สิ่งที่อิคุจังทำคงเป็นเรื่องที่น่าประหลาดในสายตาชาวบ้านน่าดูเลยล่ะค่ะ เพราะไม่มีใครหรอกนะคะที่จะไปโรงเรียนด้วยการกระโดดเหยียบตามหลังคาบ้าน เสาไฟ ไม่ก็ตามที่สูง ๆ แถมกระโดดที่นี่ไกลอีกต่างหาก ถ้าหนูไม่รู้จักอิคุจังคงจะคิดว่า 'ไอ้บ้าตนหรือคนไหนมากระโดดเหยียบหลังคาบ้านเนี่ย' ล่ะค่ะ ..."
ความคิดเห็น