คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Prologue Chapter for Digimon Adventure 02
Title : The (Boys') Marry (1st Episode ; Beginning of Final Sovereign)
Chapter : Prologue Chapter for Digimon Adventure 02
Author : NaR!eZ-Narilada
Message from N`Nae :
+ 1 Jan 2010 +
- รีไรท์ค่ะ แก้ไขเนื้อหาไปเยอะเลย (อัพฉลองปีใหม่..วู๊~)
- ตอนแรกเป็นบทนำของพวก 02 เพื่อเปิดเรื่อง อดทนรออีก 4 ตอนนะคะ ถึงจะเริ่มเนื้อหาจริง ๆ (บทนำของพวก 01 03 04 05)
(- ปล. ตอนนี้แต่งเสร็จแล้วดองไว้นานมาก (ตอนนี้ยัยเนก็ยังไม่ว่างอยู่ดีค่ะ) อนึ่ง..เพิ่งนึกออกว่าแต่งเสร็จไปแล้ว เลยเอามาลง)
•´¯`•.¸¸.•´¯`•.¸¸.•´¯`•.¸¸.•´¯`•.¸¸.•´¯`•.¸¸.•´¯`•.¸¸.•´¯`•.¸¸.•´¯`•.¸¸.•´¯`•.¸¸.•´¯`•.¸¸.•
4 ปีต่อมาหลังจากคนทั่วโลกรู้จักกับโลกดิจิตอลจากเหตุการณ์ที่มีดาร์คทาวเวอร์ปรากฏขึ้นและมีดิจิมอนบุกไปทั่วโลก... เหล่าเด็กที่ถูกเลือกจากมุมต่าง ๆ ของโลกต่างก็ถูกยกย่องว่าเป็นผู้ที่ช่วยกอบกู้โลกให้พ้นจากวิกฤต ที่หลัก ๆ เลยก็คงไม่พ้นแกนนำกลุ่มเด็กที่ถูกเลือกทั้ง 12 คนที่อยู่บนเกาะแห่งหนึ่งบนแผนที่โลก.. บนเกาะที่มีชื่อว่า 'ประเทศญี่ปุ่น'
และที่น่าตกใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือมนุษย์และดิจิมอนสามารถเข้าออกทั้งสองโลกได้อย่างอิสระ และดิจิมอนเองก็สามารถมีรูปลักษณ์ที่คล้ายคลึงมนุษย์ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกและเหลือเชื่อเอาการ ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครรู้สาเหตุว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น แต่นั่นก็ทำให้ในปัจจุบันนี้สังคมทั่วโลกได้ยอมรับถึงการมีอยู่โลกดิจิตอล
ปัจจุบันมีมนุษย์เข้าไปอาศัย ทำมาหากิน หรือไปตั้งรกรากที่โลกดิจิตอลแล้วไม่น้อย เช่นเดียวกับดิจิมอนเองที่เริ่มทำมาหากิน อาศัย หรือมาตั้งรกรากที่โลกมนุษย์เช่นกัน
สำหรับรุ่นพี่รุ่นเก๋าอย่างไทจิ โซระ ยามาโตะ และโคจิโร่นั้นก็ศึกษาในระดับมัธยมต้นที่ไฮสคูลโอไดบะจนจบ จากนั้นจึงศึกษาต่อไปจนถึงระดับมัธยมปลายปี 3 (ตามจริงโคจิโร่อยู่มัธยมปลายปี 2 แต่คลุกคลีกับพวกไทจิบ่อยก็เลยแซวๆ ว่าอยู่มัธยมปลายปี 3) ส่วนมีมี่นั้นได้กลับไปอาศัยที่อเมริกาต่อโดยมีโจที่ติดตามไปด้วย เนื่องจากสามารถสอบชิงทุนไปเรียนได้สำเร็จ
ทางด้านรุ่นน้องก็ไม่แพ้รุ่นพี่ ไดสึเกะ ทาเครุ อิโอริ มิยาโกะ และฮิคาริก็เรียนจบที่โรงเรียนประถมโอไดบะ และเรียนต่อมัธยมต้นที่ไฮสคูลโอไดบะ ส่วนเคนก็เรียนต่อที่ไฮสคูลทามาจิ..ความจริงทางพ่อแม่ของเคนนั้นพยายามจะขอย้ายตัวเคนไปอยู่ที่ไฮสคูลโอไดบะตั้งแต่ขึ้นมัธยมต้นแล้วด้วยซ้ำ แต่ทางไฮสคูลทามาจินั้นก็รู้ถึงความอัจฉริยะของเคนเป็นอย่างดี จึงไม่อนุมัติให้เคนไปอยู่ที่ไฮสคูลโอไดบะ
และปีนี้เองที่ไดสึเกะ ทาเครุ และฮิคาริอยู่มัธยมต้นปี 3 ซึ่งสำหรับที่ไฮสคูลโอไดบะแล้วมันเป็นชั้นปีที่ทรมานแสนสาหัสเอาการ เพราะมัธยมต้นปี 3 ปีนี้จะเป็นชั้นปีที่มีงานหรือกิจกรรมเข้าถาโถมมามาก เนื่องจากนโยบายปกติแล้วการจัดงานหรือกิจกรรมอะไรเทือกนี้นั้นเป็นของพวกมัธยมปลาย แต่เพราะนโยบายใหม่ของประธานนักเรียนอย่าง 'ยางามิ ไทจิ' นี่แหละ ที่ทำให้มัธยมต้นปี 3 ต้องตกที่นั่งลำบาก เรียกได้ว่ามีกิจกรรมอะไรก็ถูกโยนมาให้ทำหมด
...
ช่วงบ่ายของวันที่ 4 สิงหาคม ค.ศ. 2006
ณ หน้าห้องเรียนมัธยมต้นปี 3 ห้อง A , ตึกแฝดฝั่งมัธยมต้น , ไฮสคูลโอไดบะ
"ไงทาคาอิชิ! น่าเห็นใจจริง ๆ เลยนะเนี่ยที่เธอต้องมาประชุมงานเทศกาลหน้าร้อนในช่วงวันหยุดฤดูร้อนอย่างนี้เนี่ย ว่าแต่เธอมาก็ดีแล้ว ตั้งแต่เช้ามาครูยังไม่เห็นยางามิทั้งคนพี่คนน้องเลย .. อย่าถามว่าไอ้เจ้าแฟ้มนี้คืออะไร มันเป็นรายละเอียดงานที่ยางามิคนน้องเคยมาเสนอน่ะ แล้วทางโรงเรียนก็อนุมัติแล้วด้วย ก็เลยจะฝากเธอไปบอกเขาหน่อย ฝากด้วยนะ!"
ครูฟูจิยาม่าดันกรอบแว่นตัวเองขึ้น ฉีกยิ้มสดใสอย่างเป็นธรรมชาติสู้อากาศร้อนที่ทวีความร้อนขึ้นเรื่อย ๆ .. หลังจากยื่นแฟ้มเจ้าปัญหาให้ชายผมสีบลอนด์ทองแล้ว ก็โน้มตัวลงมากระซิบกระซาบอะไรบางอย่าง
"นี่ทาคาอิชิ ครูรู้เรื่องนั้นจากยางามิแล้วนะ ยังไงเรื่องนั้นก็พยายามเข้าล่ะ! เท่าที่ครูสอนมา หมอนั่นหัวอ่อนกับเรื่องนี้จะตายไป ทำอะไรก็ทะนุถนอมหน่อยก็แล้วกัน ถึงภายนอกจะหมาบ้าหน้าด้าน แต่ภายในนี่นางงามเชียวนะ!"
"โถ่! ครูฟูจิยาม่าครับ! ครูก็รู้ว่าคุณไทจิชอบพูดอะไรที่ไม่เป็นความจริงนะครับ ครูเชื่อที่เขาพูดด้วยเหรอ!"
สวนคำพูดกลับไปด้วยความลนลานแปลก ๆ จนผู้เป็นครูต้องสะกิดใจ นัยน์ตาคนอายุมากกว่าหรี่ลงลอบมองลูกศิษย์ที่ทำตัวไม่ปกติผิดวิสัยเดิมของเจ้าตัว และเหมือนเจ้าตัวจะรู้ด้วยก็เลยพยายามกลบเกลื่อน.. แต่คิดว่าจะตบตาคนที่มีประสบการณ์มากกว่าตัวเองนี่มันจะได้ผลเรอะ!?
"แหม ร้อนตัวเชียวนะ ครูยังไม่ได้พูดเลยว่ายางามิคนไหนบอกมา.. อีกอย่างพฤติกรรมเธอมันน่าคิดจะตาย แถมเจ้าบ้าวัตถุทรงกลมนั่นก็ไม่ได้ปฏิเสธไม่ใช่เหรอ แบบนั้นทางโล่งไฟเขียว เตรียมรวบหัวรวบหางหุงข้าวแดงพร้อมสินสอดทองหมั้นได้เลยนะ...........เหมือนที่พี่ชายเธอเคยเกือบจะทำกับศิษย์รักของครูไง แต่เพราะว่าคุณนายทาคาอิชินั่นแหละตัวดี บอกว่าจบมัธยมปลายก่อนถึงจะไฟเขียว เสียดายชะมัด!"
คนมีประสบการณ์ได้แต่คร่ำครวญ(?)ถึงอดีต ทิ้งให้คนฟังรู้สึกเหมือนอยากจะขย้อนของเก่าออกมาจากกระเพาะอาหารเสียให้ได้ มียุยงส่งเสริมให้ลูกศิษย์ตัวเองรวบหัวรวบหางอีก เอ้อ.. เอาเข้าไปสิ นอกจากนี้ยังลากบุพการีของคนฟังและผู้ถูกนินทามาร่วมวงอีกต่างหาก แบบนี้ถ้าเจ้าตัวรู้คงต้องฟ้องร้องครูฟูจิยาม่าคนนี้ขึ้นศาลแหงเลย
"ครูครับ ถ้าผมเอาเรื่องนี้ไปบอกคุณแม่รับรองครูฟูจิยาม่าได้ถูกสังคมประณามแน่ครับ"
"อย่างนั้นเหรอ..ถ้าอย่างนั้นครูคิดว่าครูคงมีภารกิจต้องทำซะแล้วล่ะนะ อย่าลืมเอาแฟ้มนี่ไปให้ยางามิคนน้องล่ะ!!"
แล้วครูฟูจิยาม่าก็เดินหายลับไปตรงระเบียงทางเดินที่ยาวเหยียด แต่ก็เอาเถอะ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มันเป็นเวลาที่ 'ทาคาอิชิ ทาเครุ' แห่งห้อง A ควรจะมองหาว่าเจ้าคนนัดมาประชุมอยู่ไหนมากกว่าที่จะมาคิดเรื่องครูฟูจิยาม่าพาดพิงถึงแม่เขา
"อ้าว..ทาเครุคุงอยู่ที่นี่เองเหรอ ให้ฉันวิ่งวุ่นตามหาไปซะทั่วตึกมัธยมต้นเลยนะ"
เสียงที่มาก่อนตัวมักจะเป็นเอกลักษณ์ในช่วงหลัง ๆ นี้ เจ้าของฉายา 'ปาปารัซซี่มือฉมัง' ยิ้มหวานมาแต่ไกล นี่ถ้าเป็นในการ์ตูนนะ คงจะเห็นเอฟเฟ็กต์ออร่าประกายวิ้งวับรอบตัวเธอคนนี้เป็นแน่แท้
"แหม ฮิคาริจังก็.. ดูเธอนัดฉันสิ บอกว่า 'เจอกันที่ตึกมัธยมปลายนะจ๊ะ' แล้วฉันจะรู้มั้ยว่านัดที่ส่วนไหนของตึก พอจะโทรไปถามก็เล่นปิดเครื่องทิ้งซะเนี่ย.. อ๊ะใช่! เมื่อกี้ฉันเจอครูฟูจิยาม่าล่ะ ครูเขาบอกให้ฝากแฟ้มนี่ให้เธอ เห็นว่าเป็นรายละเอียดงานเทศกาลที่เธอเสนอไปแล้วทางโรงเรียนอนุมัติน่ะ"
"อ่อ ขอบใจนะจ๊ะทาเครุคุง.. แต่ว่าตอนนี้รีบไปประชุมดีกว่านะ ถ้าไปช้ากว่านี้คงโดนคุณมิยาโกะกับคุณโซราริจับกรอกแอสไพรินจนสำลักแน่ ๆ เพราะตอนฉันออกมาสองคนนั้นก็เริ่มอารมณ์ขึ้นแล้วล่ะ"
มือใหญ่ขยับปีกหมวกสีขาวให้เข้าที่ เหลือบมองมายังฮิคาริที่ชักสีหน้าแหย ๆ ทาเครุยกนาฬิกาขึ้นดูแล้วกรอกตาไปมาอย่างหน่าย ๆ
"อย่างงั้นเหรอ.. วิ่งไปคุยไปแล้วกัน.. ว่าแต่งานมันอีกสามวันเริ่มไม่ใช่เหรอ มาประชุมตอนนี้มันจะทันที่ไหนกัน"
"ไม่หรอกน่า ที่เรียกไปเนี่ยถึงจะบอกว่าประชุม แต่ความจริงแล้วเป็นการเรียกดูผลงานมากกว่า จะว่ายังไงดีล่ะ... ขนาดทาเครุคุงที่เป็นพ่องานประจำห้องยังไม่รู้เลยใช่มั้ยล่ะว่าทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว เหลือแค่พอถึงวันค่อยยกออกมาแสดงก็แค่นั้นแหละ"
ทาเครุพ่นลมหายใจเหอะออกมาปนเสียงหอบ หากเด็กสาวสังเกตสีหน้าของเด็กชายล่ะก็จะเห็นว่าสีหน้าของทาเครุนั้นดูเหนื่อย ๆ อย่างไรชอบกล แต่ก็นะ.. ตอนนี้คงไม่มีใครใส่ใจเรื่องอะไรพรรคนั้นหรอก
"ก็หมายความว่าพวกคุณมิยาโกะทำกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่ให้ฉันไปรับรู้ว่าทำอะไรกันมาบ้างอย่างนั้นน่ะเหรอ? ให้ตายเถอะ แบบนี้สู้ให้คุณมิยาโกะทำเองทั้งหมดก็สิ้นเรื่อง"
"ไม่ใช่แค่ทาเครุคุงหรอก.. แต่เป็นพวกเราต่างหากที่ต้องไปรับรู้ว่าคุณมิยาโกะทำอะไรบ้าง.."
...
ณ ห้องแล็บวิทยาศาสตร์ , ตึกแฝดฝั่งมัธยมปลาย , ไฮสคูลโอไดบะ
"ก็อย่างที่ฉันได้พูดไปแหละนะทุกคน ม.ต้นปี 3 ทำคาเฟ่ช็อป ม.ปลายปี 1 ควบคุมงาน ม.ปลายปี 2 ทำร้านอาหาร และม.ปลายปี 3 จัดการแสดง ส่วนม.ต้นปี 1 กับ 2 เป็นลูกมือ ดังนั้นถ้าขาดคนหรือคนไม่พอก็ให้ไปเรียกพวกน้อง ๆ มาช่วยนะคะ รายละเอียดอื่น ๆ ฉันพิมพ์ลงกระดาษให้แล้ว อ่านกันเองเลยนะ ..... ว่าแต่มีใครสงสัยอะไรหรือเปล่าคะ?"
"ขอถามอะไรหน่อยสิคะคุณมิยาโกะ... เรื่องการแข่งไตรกีฬาน่ะค่ะ"
เสียงตัวแทนม.ต้นปี 3 ห้อง B ดังขึ้นในแทบจะทันที และเสียงฮือฮาก็ตามมาติด ๆ เป็นเพราะคำถามนั่นแหละ.. เพราะว่าตั้งแต่ประชุมมาเนี่ย ยังไม่เห็นพวกตัวตั้งตัวตีของงานเทศกาลพูดอะไรเกี่ยวกับไตรกีฬาเลย..
ถามว่าไตรกีฬาคืออะไร มันก็เป็นกีฬาที่ประกอบไปด้วยฟุตบอล บาสเก็ตบอล และวอลเล่ย์บอล ถือเป็นกีฬาที่มีชื่อเสียงมาก ถึงขนาดที่ว่าจัดแข่งกีฬาสามชนิดนี้กันอยู่เป็นประจำ ซึ่งแต่ละโรงเรียนจะต้องตั้งชมรมหรือสมาคมเกี่ยวกับกีฬาทั้งสามชนิดนี้ และเมื่อมีงานแข่งไตรกีฬา โรงเรียนที่มีไตรกีฬาก็จะส่งนักเรียนของตนเข้าแข่งขัน...
"ไตรกีฬาจะถูกจัดในช่วงหลังบ่ายสามโมงของทุก ๆ วันงานเทศกาลค่ะ คราวหลังรบกวนอ่านรายละเอียดในใบกำหนดการณ์ก่อนถามด้วยนะคะคุณยางามิคนน้อง"
หญิงสาวมาดนิ่งที่นั่งข้าง ๆ มิยาโกะเอ่ยแทรกขัดขึ้นมา มิยาโกะที่อ้าปากจะพูดถึงกับเงียบนิ่ง เหลือบมองมาทางฮิคาริอย่างขอโทษ ในขณะที่ฮิคาริถึงกับหน้าตึงในคำพูดของอีกฝ่าย ทาเครุที่อยู่ถัดมาเลยกระตุกชายเสื้อให้เด็กสาวได้สติก่อนเถียงอะไรกลับไป แต่ก็เหมือนจะช้าไปหน่อยนึง..
"ถ้าอย่างนั้นก็ขอโทษด้วยแล้วกันนะคะมิสโซราโงโตะที่ดิฉันไม่ได้อ่านใบกำหนดการณ์ให้รอบคอบ"
เด็กสาวกระแทกตัวนั่งลงทันทีที่กล่าวจบ ทาเครุมองฮิคาริที่กระฟัดกระเฟียดอย่างเห็นได้ชัด คิดว่าคงเป็นผลมาจากที่ถูกรุ่นพี่อย่างโซราโงโตะเสียดสีด้วยคำพูดนั่นแน่ ๆ
"เอ่อ.. ไม่มีใครถามอะไรแล้วใช่มั้ยคะ ถ้าอย่างนั้นขอจบการประชุมเท่านี้นะคะ สำหรับใครที่ต้องมาจัดซุ้มหรือมาเตรียมของอย่างไรก็ช่วยทำให้เสร็จภายในวันที่ 5 และ 6 ด้วยนะคะ ... ส่วนที่เหลือเจอกันวันเทศกาลที่ 7 นะคะ ขอบคุณค่ะ.."
มิยาโกะยิ้มเจือน ๆ แล้วรีบกล่าวปิดประชุม ตอนนั้นหญิงสาวมาดนิ่งก็สะบัดเส้นผมสีนิลประกายแล้วเหลือบสายตาจ้องมองมายังฮิคาริที่ลุกเดินหนีออกไปจากห้องพร้อม ๆ กับทาเครุที่วิ่งตามออกไป นัยน์ตาสีชาดหรี่ลงอย่างอ่อนใจแฝงไปด้วยความรู้สึกรุนแรงจนผู้เป็นเพื่อนรู้สึกได้
"เอาน่ามิคิริ อย่าไปถือสาฮิคาริจังเลย เธอเองก็คงไม่ชอบที่มิคิริไปพูดใส่เธอแบบนั้นน่ะ"
มิยาโกะยิ้มหวานให้เพื่อนสนิทต่างห้อง มือเรียวตบเบา ๆ ที่บ่าราวกับปลอบใจหรือให้กำลังใจกันผ่านสัมผัสทางมืออุ่น มิคิริเหลือบมามองมิยาโกะนิ่ง ๆ แล้วหรุบนัยน์ตาลง
"ไม่ใช่ว่าฉันโกรธเคืองอะไรคุณยางามิคนน้องหรอกนะ แต่ที่ฉันพูดแบบนั้นฉันเองก็มีเหตุผลอยู่เหมือนกัน แน่นอนว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องงานเทศกาลหรอก ก็แค่... ความรู้สึกส่วนตัวที่อยากช่วยคนบางคน.. จนกลายเป็นความรู้สึกแบบนี้ที่แสดงออกมาใส่คุณยางามิคนน้องแค่นั่นล่ะ"
ว่าจบแล้วก็เดินจากไป ทิ้งให้ตอนนี้ในห้องเหลือเพียงแต่มิยาโกะที่ยังตีความหมายของประโยคไม่ออกยืนนิ่งอยู่คนเดียว
"ให้ตายสิ ตั้งแต่มิคิริรู้จักพวกไดสึเกะกับพวกฮิคาริจังก็นิสัยเปลี่ยนไปเลย..ทำไมต้องวางมาดแบบนั้นด้วยนะ... ว่าแต่ไอ้ประโยคที่มิคิริพูดนี่มันหมายความว่ายังไงกันล่ะเนี่ย?"
...
ณ หน้าไฮสคูลโอไดบะ
"หน็อย..ยัยมิคิรินั่นเอาอีกแล้ว.. ถ้าไม่ติดที่มีคุณมิยาโกะกับทาเครุคุงแล้วก็อีก 11 คนล่ะก็นะ ป่านนี้ฉันด่าแหลกไปแล้วล่ะ ผู้หญิงอะไรวางหน้าตายได้น่าหมั่นไส้ชะมัด แถมชอบเสียดสีด้วยคำพูดอีกต่างหาก"
"บางทีพี่มิคิริอาจแค่วางมาดให้คนอื่นนับถือล่ะมั้ง เพราะฉันเห็นเวลารุ่นพี่เขาอยู่ในชมรมการแสดงหรือไม่ก็ตอนอยู่กับฉันหรือไดสึเกะก็ยังเหมือนผู้หญิงธรรมดา ๆ อยู่เลย มีทั้งพูด ทั้งยิ้ม ทั้งยิงมุก ทั้งหัวเราะ.."
เส้นผมสีลาเวนเดอร์ทรงรากไทรปลิวตามลมพร้อมจังหวะการโคลงศีรษะไปมา นัยน์ตาสีอำพันอ่อนหลับตาพริ้มเมื่อลมเย็น ๆ ที่หาได้ยากเข้ามาปะทะผิวกาย
"นายเห็นแค่ยัยนั่นตอนด้านดีน่ะสิฮิโตมิคุง รู้มั้ยเวลายัยนั่นเจอฉันทีไรเป็นต้องเสียดสีไม่ก็ถากถางด้วยคำพูดมันซะทุกครั้งเลย อยากรู้จริง ๆ ว่ายัยนั่นจงเกลียดจงชังอะไรฉันนักนา"
ฮิคาริสบถยาว บุรุษสีตรงข้ามสองคนหันมามองกันแล้วระบายยิ้มอย่างอ่อนใจ
"อย่าเครียดไปเลยน่า ทำใจให้สบายแล้วรอถึงวันงานเทศกาลดีกว่า.. ว่าแต่ฉันไม่เห็นไดสึเดะตั้งแต่เช้าเลยล่ะ พวกเธอสองคนเห็นบ้างรึเปล่า พอดีมีคนฝากของไปให้เขาน่ะ"
ฮิโตมิปลอบแล้วเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นแทน แล้วดูท่าจะได้ผลเอามาก ๆ ซะด้วยเมื่อฮิคาริเงยหน้าหยุดเดินแล้วตบมือฉาดราวกับนึกอะไรบางอย่างออก ทาเครุก็มองมาทางเด็กสาวด้วยท่าทีสงสัย ส่วนฮิโตมิก็เหลือบมองมาอย่างใคร่รู้
"ใช่แล้วล่ะ! ได้ยินมาจากพี่ว่าไดสึเกะคุงไม่สบายนี่นา!"
ทันทีที่ประโยคนั้นหลุดจากปาก สองเกลอต่างก็เบิกตากว้างร้องห๊ะออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้เตี๊ยมกันล่วงหน้า ฮิโตมิเป็นคนแรกที่ได้สติ นัยน์ตาสีอ่อนหรี่ตาลงทำท่าครุ่นคิด ในขณะที่อีกคนก็ทำท่าไม่ต่างกันเท่าไหร่
"เอ่อ อย่างไดสึเกะเนี่ยนะจะไม่สบาย เรื่องทอร์คออฟเดอะทาวน์แน่เลยงานนี้ หรือไม่ก็วันนี้ยูคิจังต้องพ่นไฟได้แน่"
"นายนั่นแหละอย่าเพี้ยน ยูคิจังของนายน่ะพวกธาตุน้ำแข็งนะ แต่ก็น่าแปลกใจจริง ๆ ล่ะที่ไดสึเกะคุงไม่สบายน่ะ ร้อยวันพันปีเห็นวิ่งไปโน่นไปนี่ โดดเรียนเป็นวิสัย ตากแดดเป็นว่าเล่น แบบนั้นน่ะไม่สบายได้ด้วยเหรอ..."
เจ้าของหมวกผ้าสีขาวแสดงความเห็นพร้อมเหน็บแหนมไปในตัว เด็กสาวได้ฟังดังนั้นก็ยิ้มแหะ ๆ ออกมา มือยกขึ้นพร้อมจิ้มนิ้วชี้สองข้างไปมา
"...แบบว่าไม่ได้หมายความว่าไม่สบายแบบนั้น จะว่ายังไงดีล่ะ? มันเป็นการไม่สบายที่ไม่สบายจริง ๆ นั่นล่ะ เอ่อ ประมาณว่ากลุ้มใจ วิตกกังวล ไม่สบายใจ .. หรือจิตตกอะไรประมาณนั้นน่ะจ้ะ ก็ลองนึกดูแล้วกันนะว่าถ้าเกิดจู่ ๆ ตื่นขึ้นมาแล้วมีอะไรบางอย่างบนร่างกายเปลี่ยนแปลงไปเนี่ย... จะรู้สึกยังไง.."
ประโยคท้ายเจ้าตัวลดเสียงลงเหมือนพึมพำ พอถูกเด็กชายสองคนจ้องหน้า ฮิคาริก็ยิ้มหวาน ๆ หน้าแดง ๆ ให้สองเด็กชายมองตากันปริบ ๆ แม้จะไม่ได้ยินประโยคท้ายแต่คิดว่าคงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างแย่พอดู
"สงสัยขนาดนั้นล่ะก็.. ไปห้องไดสึเกะด้วยกันสิจ๊ะ ฉันกะว่าจะไปหาพี่พอดี คิดว่าตอนนี้คงยังไม่กลับหรอก.."
ความคิดเห็น