ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fan Fic] Digimon Series : Birdie Sweetheart

    ลำดับตอนที่ #18 : Chapter : 07 .. Parody Play 2 - ลิชีโน่กับกระท่อมคนเจ็ดสี

    • อัปเดตล่าสุด 26 มี.ค. 53


     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

    Title : The (Boys') Marry (1st Episode ; Beginning of Final Sovereign)

    Chapter : 07 .. Parody Play 2 - ลิชีโน่กับกระท่อมคนเจ็ดสี

    Author : NaR!eZ-Narilada

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

     

                ช่วงใกล้เที่ยงวันของวันศุกร์ที่ 11 สิงหาคม ค.ศ. 2006 , เวลา 11.xx น. งานแสดงละคร

     

     

              ณ ห้องประชุม

     

     

                "ไม่ต้องไปไหนหรอกเจ้าเด็กน้อย มาเป็นอาหารของข้าแทนผลไม้เมื่อครู่นี้ดี ๆ เสียเถอะ!"

     

     

                เด็กน้อยเหลือบมองหมาป่าในคราบคุณยายแล้วถอนหายใจเฮือก ริมฝีปากเรียบกระตุกรอยยิ้มขึ้นที่มุมปากของคนเสียเปรียบ เท้าข้างถนัดออกแรงถีบไปยังท้องคนคร่อมทันที เสียงร้องโอดโอยแว่วมาก่อนเอฟเฟ็กต์ระเบิดควันสีแดงจะดังปุ๊ง เมื่อควันสีแดงจางลงก็เผยให้เห็นหญิงสาวผู้มีใบหน้างดงามยิ่งนอนล้มแทนที่หมาป่าในคราบคุณยายของเด็กน้อย

     

     

                "โอ้ แบบนั้นคุณยายผมก็ถูกคุณหมาป่าจับกิน.. ไม่สิ ต้องเรียกว่าถูกองค์ราชินีสังหารไปแล้วสินะ แต่จะเรียกแบบนั้นก็คงไม่ได้สินะ องค์ราชินีน่ะเป็นคนจิตใจงดงามและ 'รักเด็ก' คงไม่มีทางจะจ้องทำร้ายฉันแน่ นอกเสียจากว่าองค์ราชินีถูกอะไรบางอย่างควบคุมอยู่"

     

     

                หญิงสาวในชุดวันพีซสีดำแต่ไร้มงกุฎและผ้าคลุมค่อย ๆ ชันตัวลุกขึ้นยืน นัยน์ตาแฝงแววชั่วร้ายชัดเจน เด็กน้อยก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี จึงตัดสินใจว่าจะวิ่งหนีหาที่หลบซ่อนตัวก่อนแล้วค่อยคิดแผนว่าจะจัดการองค์ราชินีอย่างไรดี

     

     

                "เป็นเด็กฉลาดแท้ ๆ เสียดายที่เจ้าจะต้องตายลง เพื่อที่องค์ราชินีจะได้กลายเป็นหญิงสาวที่มีความงามเป็นเลิศเหนือใครทั้งปวงในดินแดนนี้ ..แล้วจะทำอย่างไรล่ะเจ้าเด็กน้อย เจ้าคิดจะขวางข้า กำจัดข้า หรืออย่างไรล่ะ?"

     

     

                "ถ้าท่านพูดอย่างนี้แสดงว่าฉันก็ต้องหาหนทางที่ฉลาด ๆ ในการเอาตัวรอดสินะ ถ้าอย่างนั้นก็ลองจับฉันให้ได้สิ!"

     

     

                "แล้วเด็กน้อยก็วิ่งหนีองค์ราชินีออกนอกกระท่อมของคุณยายไป วิ่งไปเรื่อย ๆ ไม่มีหยุด และองค์ราชินีเองก็วิ่งไล่จับเด็กน้อยหมายจะนำมาสังหารเสียให้ได้ แต่เหมือนโชคจะเข้าข้างเด็กน้อย เมื่อเด็กน้อยวิ่งเข้าไปหลบในกระท่อมหลังหนึ่ง องค์ราชินีเห็นดังนั้นจึงจำใจหยุดไล่จับเด็กน้อยแต่เพียงเท่านี้ก่อน และกลับไปยังปราสาทเพื่อที่จะคิดแผนหาหนทางกำจัดเด็กน้อย ส่วนเด็กน้อยที่วิ่งเข้าไปหลบในกระท่อมนั้นก็ต้องตกใจเมื่อเห็นสายตาเจ็ดคู่จ้องมาไม่กระพริบ"

     

     

                ม่านปิดลงและเปิดออกมาใหม่ กลายเป็นฉากในกระท่อมที่เด็กน้อยวิ่งเข้าไปหลบ มีคนอยู่เจ็ดคน แต่ละคนสวมเสื้อยืดแขนยาวตัวโคร่งกับกางเกงผ้าขายาวจนชายกางเกงลงไปกองอยู่ที่ข้อเท้า โดยแต่ละคนสีชุดจะแตกต่างกันออกไปตามสีประจำวันในหนึ่งสัปดาห์

     

     

                "นี่เจ้าน่ะเข้ามาในกระท่อมพวกเราทำไม"

     

     

                เจ้าคนชุดแดงแปร๊ดร้องถามเสียงห้าว เท้าส่ายเอวมองเด็กน้อยที่ยืนพิงประตูกระท่อมด้วยสายไม่ไว้ใจชัดเจน

     

     

                "สีหน้าเธอดูไม่ดีเลยน้า เดี๋ยวฉันจะไปเอาอาหา... แง๊~ ฟรีด้อมจะดึงคอเสื้อฉันทำไมง่า~"

     

     

                "หยุดเลยธันเดอร์ นายจะไปเอาอาหารให้คนแปลกหน้าได้ยังไง บางทีเจ้านี่อาจจะเป็นพวกหนีคุกมาก็ได้"

     

     

                เจ้าคนชุดสีส้มอ่อนบอกเสียงยานคางพร้อมหมุนตัวเตรียมทำตามที่พูด แต่เจ้าคนชุดฟ้าสว่างนั่นก็ดึงคอเสื้อไว้พลางเหลือบมองเด็กน้อยด้วยสายตาไม่เชื่อใจ ก่อนจะหันไปดุใส่คนที่ตนดึงคอเสื้อไว้

     

     

                "เอ เจ้านี่เป็นผู้ชายหรือผู้หญิงกันนะ?"

     

     

                "มันใช่เวลามาสงสัยเรื่องนั้นที่ไหน นายน่าจะสงสัยว่าเจ้านี่เป็นใครมากกว่าเฟ้ย!!... แล้ว....... ฯลฯ"

     

     

                คนชุดสีม่วงบ่นกับคนชุดเหลืองอ๋อยที่ทำหน้าหงุดหงิด ก่อนเจ้าคนชุดม่วงจะโดนว้ากใส่แบบเต็มสตรีม

     

     

                "นี่ซันไชน์พาเขาไปอาบน้ำก่อนดีไหม? บางทีเขาอาจจะหนีพวกคนไม่ดีมาก็ได้"

     

     

                คนชุดชมพูหันไปถามคนชุดแดงที่ตีหน้ายักษ์มองเด็กน้อยหัวจรดเท้าไปมาราวกับกำลังแสกนร่างกาย

     

     

                "สรุปว่าอย่าไปสนใจเจ้าพวกนั้นเลย.. เอาล่ะเธอเป็นใครมากจากไหน ช่วยบอกพวกเราด้วย"

     

     

                คนชุดเขียวตองอ่อนยิ้มหวานให้เด็กน้อย ก่อนจะถามเสียงหวานเหมือนรอยยิ้ม แต่เด็กน้อยก็ไม่ได้ตอบอะไร สายตาของเด็กน้อยลอกแล่กมองอีกหกคนที่พูดคุยกันเซ็งแซ่ เห็นดังนั้นเจ้าคนชุดเขียวก็ร้องอุทานเบา ๆ เจ้าตัวสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้ว..

     

     

                "ว๊อยยยย!! ไอ้เจ้าคนงี่เง่าที่เหลือจะแหกปากอะไรกันนักกันหนาฟะ! มัวแต่แหกปากพูดสบถถ้อยคำงี่เง่านั่นออกมาก็ไม่ได้ทำมาหากินอะไรสิเฟ้ย!..."

     

     

                "...เว็ดดิ้ง?"

     

     

                เสียงตวาดที่เปลี่ยนจากเสียงหวานเป็นเสียงกร้าวทันตาเห็น เจ้าหกสีที่พูดคุยกันอยู่ก็สะดุ้งเฮือกหันมามองเจ้าคนชุดเขียวเป็นตาเดียว เด็กน้อยก็พลอยสะดุ้งตามไปด้วยเมื่ออีกฝ่ายหันหน้ามาทางตน

     

     

                "...เอาล่ะจ้ะ ทีนี้เธอก็บอกพวกเรามาว่าเธอเป็นใคร แล้วเกิดอะไรขึ้นถึงได้มาวิ่งเข้ากระท่อมพวกเราแบบนี้"

     

     

                แววตาที่เด็กน้อยสังเกตเห็นมันช่างน่ากลัวขัดกับรอยยิ้มและน้ำเสียงเสียจริง เพราะมันเป็นแววตาที่สื่อประมาณว่า 'หากตอบไม่ดีเธอศพไม่สวยแน่จ้ะ' หรือไม่ก็ 'หากคำตอบไม่เข้าหูตายหยังเขียดแน่จ้ะ' อะไรแบบนี้.. แล้วใครจะไปกล้าตอบเล่าพ่อคู๊ณ~

     

     

                "ลิชีโน่.. พอดีว่าเจอองค์ราชินีที่ถูกอะไรสิงก็ไม่รู้ไล่ตามมา เลยมาหลบในนี้ก่อนน่ะ"

     

     

                ..เอ้อวุ้ย เด็กน้องก็ช่างกล้าตอบ.. แต่แววตาก็สั่นระริกคล้ายคนจะร้องไห้อยู่มะรอมมะร่อแล้ว

     

     

                "แล้วไม่คิดบ้างหรือไง ถ้าองค์ราชินีพังกระท่อมนี่เพื่อเข้ามาจับเธอ พวกเราจะโดนลูกหลงน่ะจ้ะ เคยคิดถึงบ้างไ.."

     

     

                "เอาล่ะจ้า~ หยุดก่อนเว็ดดิ้งจ๋า.. เธอ ลิชีโน่สินะ? เธอน่ะพักอยู่ที่กระท่อมพวกเราก่อน ไว้หายดีเมื่อไหร่ค่อยออกไปก็ได้"

     

     

                เจ้าคนชุดชมพูดกระโดดมาเกาะหลังเจ้าคนชุดเขียวจนล้มหน้าคะมำไปกับพื้นแล้วบอกเด็กน้อยด้วยแววตาใสซื่อ

     

     

                "น..นี่ทิวลิป ลุกออกไปเลยนะ"

     

     

                "อ๊า.. งั้นดีเลย ใกล้เวลาอาหารเย็นแล้ว เดี๋ยวฉันไปทำอาหารเย็นก่อนน้า"

     

     

                คนชุดสีส้มอ่อนโพล่งออกมา ก่อนจะสลัดให้หลุดจากการเกาะกุม(?)ของคนชุดฟ้า แล้ววิ่งหนีไปทางครัว

     

     

                "ฮ..เฮ้ย! เดี๋ยวก่อนธันเดอร์ นายจะไปคนเดียวไม่ได้นะ เดี๋ยวครัวเจ๊ง!!"

     

     

                "พวกนายสองคนต่างหากที่ไม่ควรจะเข้าไปในครัวน่ะเฟ้ย!"

     

     

                ...แล้วเจ้าคนชุดฟ้ากับคนชุดเหลืองก็วิ่งตามไป

     

     

                "ฉันคิดว่าเจ้านี่เป็นผู้หญิงล่ะ"

     

     

                "จะเป็นหญิงเป็นชายช่างมันเหอะน่า เจ้าน่ะทำอะไรได้บ้าง!?"

     

     

                คนชุดแดงตัดบทคนชุดม่วง ส่งสายตาคาดคั้นคำตอบที่จ้องแบบจิก ๆ จนคนโดนจ้องแทบเผ่นหนีออกจากกระท่อมเพราะสายตานั่นมันน่ากลัวพอ ๆ กับลูกเสือตัวน้อย ๆ เลยล่ะ

     

     

                "ทำได้ทุกอย่างแหละแล้วแต่ว่าจะมีใครสั่ง.. แล้วจะถามฉันทำไมล่ะ?"

     

     

                "..แล้วทำไมต้องให้เจ้าอยู่ที่นี่ฟรี ๆ ล่ะ มันต้องมีของแลกเปลี่ยนกันหน่อย!"

     

     

                กอดอกยืดหน้าเชิดมองอีกฝ่ายจนเด็กน้อยแอบหมั่นไส้ในใจอยู่ลึก ๆ แต่ก็บ่นอะไรมากไม่ได้ กลัวว่าถ้าเกิดบ่นไปนี่คงไม่พ้นโดนถีบส่งออกจากกระท่อมแหงแซะ..

     

     

                "แต่ว่านะ แล้วกระท่อมเดิมที่เธออยู่ล่ะ ไม่กลับไปจะดีหรือ?"

     

     

                คนชุดเขียวถามยิ้ม ๆ เท้าข้างถนัดยันตัวเจ้าคนชุดชมพูจนกระเด็นด้วยความยั๊วะ

     

     

                "เอ่อ.. ช่างมันเถอะ ฉันอยู่ไม่อยู่ก็มีค่าเท่ากันแหละ"

     

     

                "และแล้วเด็กน้อยที่หนีองค์ราชินีมาหลบในกระท่อมของคนมีสีทั้งเจ็ดก็ต้องทำงานต่าง ๆ นานาเพื่อเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนยามที่เจ้าตัวยังพักอยู่ที่นี่ ตอนแรกเด็กน้อยก็ยังไม่คุ้นชินกับสมาชิกเจ็ดคนในกระท่อมนี้เท่าไหร่ เพราะแต่ละคนก็ดูจะไม่ค่อยถูกชะตากันเท่าที่ควร แต่เมื่ออยู่ไปเรื่อย ๆ ก็เริ่มจะชินกับนิสัยและพฤติกรรมของสมาชิกแต่ละคน"

     

     

                ม่านปิดลงและเปิดออก ฉากยังคงเป็นฉากเดิม แต่รายละเอียดกลับเปลี่ยนไป ตอนนี้มีคนแปดคนกำลังนั่งมุงตะกร้าหวายที่บรรจุแตงโมสีม่วงไว้ด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่ต่างกัน

     

     

                "วันหนึ่ง องค์ราชินีก็ปลอมตัวเป็นยายแก่มาเคาะประตูกระท่อม หวังว่าคนที่จะเปิดออกมาคือเด็กน้อย แต่คนที่เปิดประตูกลับเป็นคนในชุดสีส้มอ่อน องค์ราชินีในคราบยายแก่ก็เลยบอกว่าเอาแตงโมมาฝาก คนในชุดสีส้มอ่อนก็รับมายิ้ม ๆ พร้อมกล่าวคำขอบคุณ โดยไม่ทันสังเกตถึงรอยยิ้มชั่วร้ายที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของยายแก่เลยแม้แต่น้อย เมื่อคนในชุดสีส้มอ่อนได้รับของฝากก็เลยเรียกให้สมาชิกอีกเจ็ดคนที่เหลือมา"

     

     

                "อะไรน่ะไอ้แตงโมประหลาดแบบนี้"

     

     

                เจ้าจอมบ่นชุดแดงเป็นคนแรกที่เอ่ยปากขึ้นมา มือก็เอื้อมไปหยิบแตงโมสีม่วงแล้วใช้มืออีกข้างทั้งตบ ทั้งข่วน ทั้งจิก ทั้งดีดจนคนที่เหลือนึกสงสารแตงโมลูกนั้นขึ้นมาตงิด ๆ

     

     

                "มั่นใจหรือว่ามันกินได้จริง ๆ น่ะธันเดอร์"

     

     

                คนชุดฟ้าถาม นิ้วชี้ก็จิ้ม ๆ เจ้าแตงโมลูกหนึ่งราวกับรังเกียจแตงโมพวกนี้ แล้วแต่ละคนก็เริ่มคว้าแตงโมงกันไปคนละลูก คนชุดส้มไม่ตอบอะไร เอามีดที่หยิบมาจากไหนไม่รู้ผ่ากลางแตงโมลูกที่เจ้าคนชุดเหลืองกำลังทำท่าจะบีบให้เละ

     

     

                "แว๊กกก~ ทำอะไรของนายน่ะห๊า~ รู้มั้ยว่ามัน... อ่อก!.."

     

     

                จอมโวยวายกรีดร้องลั่น เบนสายตาจากแตงโมที่ถูกผ่าเป็นสองซีกไปยังคนชุดส้มแล้วยิ้มเหี้ยม แต่ยังไม่ทันจะทำอะไรก็โดนเจ้าคนชุดเขียวล็อกคอเอาไว้ก่อน

     

     

                "กินได้ไม่ได้ลองผ่าดูก็รู้ว่าอย่างนั้นเถอะ แต่มันผ่าเร็วปานสายฟ้าสมชื่อเจ้าตัวจริง ๆ แฮะ"

     

     

                คนชุดแดงว่าแบบนั้น คนที่เหลือยกเว้นคนชุดเหลือง ชุดเขียว และชุดส้มต่างก็มามุงไอ้เจ้าแตงโมที่ถูกผ่าซีกนี่แทน

     

     

                "ลองกินดูสิเจ้าคนสองเพศ"

     

     

                เจ้าคนชุดม่วงว่า

     

     

                "บ้าหรือไงซาเทลไลท์ ฉันมีเพศเดียว เพศชายนะเฟ้ย!.. แล้วทำไมฉันต้องเป็นหนูลองยาด้วยล่ะ"

     

     

                "ลองยาหรือไม่ลองยาไม่รู้แหละ แต่ถ้าไม่กินดูโดนเฉดหัวถีบส่งออกจากกระท่อมแน่"

     

     

                ด้วยคำขู่ของคนชุดแดงที่เด็กน้อยคิดว่าเป็นหัวหน้าใหญ่ จะขัดขืนไปก็กะไรอยู่ สุดท้ายเลยต้องยอมเป็นหนูลองยาไปโดยปริยาย สี่คนที่เหลือต่างจ้องเด็กน้อยเขม็งเมื่อเจ้าตัวหยิบช้อนที่คนชุดชมพูส่งให้มาตักเนื้อแตงโมสีแดงเข้าปาก

     

     

                ทันใดนั้นช้อนที่เด็กน้อยถือค้างอยู่กลางอากาศก็ร่วงลงบนพื้น ร่างเด็กน้อยล้มหงายตึงไปทันที เสียงเอะอะโวยวายของอีกเจ็ดคนก็ดังเซ็งแซ่ องค์ราชินีที่แอบฟังอยู่ก็ยิ้มเริงร่า กลับปราสาทไปทันที

     

     

                "เมื่อเด็กน้อยได้กินแตงโมที่องค์ราชินีในคราบยายแก่เอามาให้ก็ล้มหงายตึงไปทันที สมาชิกเจ็ดคนที่เหลือในกระท่อมต่างก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แล้วพวกเขาก็สรุปได้ว่าแตงโมที่รับมามันมีพิษ กินไม่ได้ คนในชุดส้มเลยโดนบ่นไปชุดใหญ่ เมื่อลองเช็คร่างกายปรากฏว่าก็สายไปเสียแล้ว เมื่อชีพจรของเด็กน้อยหยุดเต้นไป เป็นสัญญาณว่าเด็กน้อยได้จากพวกเขาไปแล้ว"

     

     

                ม่านปิดลงและเปิดออก เผยให้เห็นฉากใหม่ที่มีคนเจ็ดคนยืนล้อมรอบโลงแก้วขนาดเท่าตัวคนด้วยสีหน้าที่ต่างกัน

     

     

                "ให้ตายสิ น่าจะเผาทิ้งไปก็สิ้น ๆ เรื่อง เอามายัดใส่โลงแก้วทำไม" : เจ้าคนชุดแดง

     

     

                "โถ่เอ๊ย กับอิแค่พิษแค่นี้กินแล้วตายเลยหรือ ขนาดอาหารฝีมือธันเดอร์นายยังกินโดยไม่ท้องเสียเลย" : เจ้าคนชุดเหลือง

     

     

                "ว้า~ แล้วต่อจากนี้ไปฉันจะให้ใครช่วยซักผ้าเนี่ย" : เจ้าคนชุดชมพู

     

     

                "น่าสงสารจริง ๆ นะจ๊ะ อนาคตเธอยังอีกยาวไกล น่าจะอยู่ต่อให้พวกเราแกล้งอีกหน่อยก็ยังดี" : เจ้าคนชุดเขียว

     

     

                "ไม่น่าเลยแฮะ นึกว่าจะทนต่ออาหารทุกชนิดเสียอีก" : เจ้าคนชุดส้ม

     

     

                "ใครจะมาช่วยฉันผ่าฟืนล่ะแบบนี้ เฮ้อ~" : เจ้าคนชุดฟ้า

     

     

                "ฉันยังไม่รู้เลยว่าเธอเป็นเพศไหนกันแน่ มาตายไปก่อนได้ยังไง" : เจ้าคนชุดม่วง

     

     

                "เอ้า! นั่นเจ้าพวกเจ็ดสีนี่ ทำอะไรกันอยู่น่ะ?"

     

     

                เสียงดังออกมาจากหลังฉาก พร้อมกับร่างขององค์ราชาที่เดินออกมาพร้อมองค์ราชินี พอเห็นดังนั้น 'เจ้าพวกเจ็ดสี' ก็สะดุ้งพรวดเหลือบมองต้นเสียงแล้วเกิดผวากันอย่างพร้อมเพรียง เมื่อเห็นสองมหาอำนาจ(?)ยืนอยู่ไม่ห่าง คนชุดแดงเป็นคนแรกที่เรียกสติกลับมาได้ เลยตอบไปห้วน ๆ

     

     

                "ทำอะไรก็เรื่องของเรา ไม่เกี่ยวกับท่าน"

     

     

                "โหดร้ายจริง เรารู้ความจริงทั้งหมดแล้วล่ะ เรื่องทั้งหมดนี่เป็นการกระทำของกระจกวิเศษที่ชั่วร้าย ตอนนี้เรากำจัดมันไปได้แล้ว เลยต้องมาตามสะสางสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาน่ะ"

     

     

                "แล้วท่านจะทำยังไง ตอนนี้เจ้านั่นก็ตายแล้ว จะชุบชีวิตหรือจะยอมตายตามกันไปล่ะ?"

     

     

                "หึ พูดแบบกะจะให้เรารับผิดชอบเลยนะ ไม่ใช่ทั้งสองอย่างหรอก อีกอย่างเด็กน้อยตายที่ไหนกัน"

     

     

                องค์ราชาใช้เพียงนิ้วเดียวก็ดันฝาโลงแก้วให้เปิดออก ก้มลงไปดูหน้าอีกฝ่ายที่นอนประสานมือบนหน้าอกด้วยอาการสงบนิ่ง ชุดวันพีซสีขาวปลอดที่เด็กน้อยสวมอยู่กับดอกไม้สีขาวที่คลอเคลียตามใบหน้าและผิวกายเพิ่มเสน่ห์เจ้าคนนิทราได้มากโข

     

     

                ใบหน้าขององค์ราชาก้มต่ำลงเรื่อย ๆ แต่ก็ต้องสะดุ้งวาบเมื่อมือขององค์ราชินีดึงหูเข้าให้ น้ำเสียงพร่ากระซิบรอดไรฟันด้วยความหวง(?)เกินลิมิต ...แน่นอนว่าคนล่างเวทีไม่ได้ยินเสียด้วย มีแต่คนที่อยู่ในฉากเท่านั้นแหละที่ได้ยิน นอกจากเสียงลอดไรฟันนั่นแล้ว ตอนที่ดึงหูก็ไม่มีคนล่างเวทีเห็นนอกจากคนในฉาก

     

     

                "อย่าเต๊าะเด็กนอกบทไอ้แก่.."

     

     

                "ล..แล้วท่านจะทำยังไง"

     

     

                คนชุดแดงกลืนน้ำลายเอื๊อกถามองค์ราชาอีกครั้งเมื่อเห็นฉากลับหลังนั่นจนเกือบจะหลุดบทตามไปด้วย องค์ราชินีเดินไปแทรกกลางระหว่างโลงแก้วกับองค์ราชา ก้มหน้าพินิจมองเด็กน้อยยามหลับใหลแล้วเอื้อมมือไปลูบใบหน้า(ตามบท)ด้วยความสงสาร องค์ราชาที่ยืนข้าง ๆ ก็โอบเอวองค์ราชินีราวกับกำลังไว้อาลัย

     

     

                องค์ราชินีก้มหน้าลงไปใกล้เด็กน้อย น้ำตาไหลลงมากระทบใบหน้าคนนิทราอยู่ ยังไม่ทันจะกลับมายืนตรง เด็กน้อยก็ลืมตาขึ้นแล้วเตรียมลุกขึ้นนั่งตามบท แต่เหมือนจะผิดคิวไปหน่อยเพราะองค์ราชินียังคงก้มหน้ามองอยู่ ทำให้ริมฝีปากของทั้งสองสัมผัสกันโดยบังเอิญ องค์ราชินีสะดุ้งวาบกระเด้งตัวถอยหลังลืมบทไปทันตา เด็กน้อยที่ลุกขึ้นมานั่งนิ่งก็แตะริมฝีปากอย่างลืมบทเช่นกัน

     

     

                "อ๊า~ เธอฟื้นแล้วนี่นา นึกว่าจะตายไปแล้วเสียอีกน้า~"

     

     

                คนชุดส้มอ่อนดึงบรรยากาศเดิมกลับคืนมาพร้อมยิ้มร่า

     

     

                "ตายหรือ? ทำไมฉันต้องตายด้วยล่ะ แค่กินแตงโมเฉย ๆ เอง"

     

     

                "ก็แตงโมเปลือกม่วงนั่นมันมีพิษไม่ใช่หรือไง"

     

     

                คนชุดแดงว่าขึ้นมาด้วยสีหน้าสงสัย

     

     

                "เปล่านี่ มันก็อร่อยดีออก ความรู้สึกตอนกินแตงโมนั่นเข้าไปมันมีความสุขมากเหมือนได้ขึ้นสวรรค์เลยล่ะ เพิ่งมารู้สึกตัวอีกทีตอนที่มีหยดน้ำมากระทบใบหน้านั่นแหละ"

     

     

                พอได้ยินแบบนั้นคนเจ็ดสีต่างก็ชะงักค้าง ส่วนองค์ราชากับองค์ราชินีก็หลุดหัวเราะคิก

     

     

                "แสดงว่าเจ้าแตงโมนั่นมันอร่อยในระดับหนึ่งจริง ๆ สินะ?"

     

     

                คนชุดม่วงพึมพำออกมา องค์ราชินีได้ยินแบบนั้นก็ทำหน้าฉงน ริมฝีปากบางเผยอขึ้นเอ่ยคำพูดออกมาติดตลก

     

     

                "ไม่หรอก มันแค่แตงโมธรรมดานั่นล่ะ แต่ที่เปลือกมันเป็นสีม่วงเพราะว่าเจ้ากระจกวิเศษนั่นคิดว่าผงสีผสมอาหารสีม่วงนั่นเป็นยาพิษ ก็เลยเอาผงสีไปผสมกับน้ำแล้วเอาแตงโมมาแช่ให้กลายเป็นสีม่วงน่ะ แต่ข้างในก็ยังเป็นแตงโมปกตินะ"

     

     

                อีกครั้งหนึ่งที่คนเจ็ดสีชะงักค้าง เหลือบมองไปทางเด็กน้อยแล้วถอนหายใจกันพร้อมเพรียง คำบ่นหลุดออกมาจากปากแบบไม่ไว้หน้าเจ้าตัวดังขึ้นอีกระลอก

     

     

                "ให้ตายสิ น่าจะเผาทิ้งไปตั้งแต่แรกจริง ๆ จะได้หมด ๆ ตัวป่วนไปสักที" : เจ้าคนชุดแดง

     

     

                "แค่แตงโมธรรมดาถึงกับอร่อยจนสลบเลยแฮะ แสดงว่าอาหารฝีมือธันเดอร์เลวร้ายสุด ๆ เลยน่ะสิ" : เจ้าคนชุดเหลือง

     

     

                "ดีใจจัง มีคนช่วยฉันซักผ้าต่อแล้วสินะ" : เจ้าคนชุดชมพู

     

     

                "แบบนี้ก็มีคนให้แกล้งแล้ว งั้นจะแกล้งอะไรเธอดีนะ..." : เจ้าคนชุดเขียว

     

     

                "โห~ เธอทนต่ออาหารทุกชนิดจริง ๆ ด้วยล่ะ!" : เจ้าคนชุดส้ม

     

     

                "แบบนี้ฉันเบาแรงไปเยอะเลย ยังไงก็ไปช่วยฉันผ่าฟืนเหมือนเดิมด้วยนะ" : เจ้าคนชุดฟ้า

     

     

                "เอาล่ะ บอกมาสักทีว่าเธอเป็นเพศอะไรกันแน่!" : เจ้าคนชุดม่วง

     

     

                "นี่พวกนายไม่คิดจะห่วงฉันเลยหรือไง"

     

     

                "ห่วงไปแล้วได้อะไรขึ้นมาล่ะ?"

     

     

                ประสานเสียงกันตอบอย่างพร้อมเพรียง เด็กน้อยระบายยิ้มแล้วส่ายหน้า ก่อนจะหัวเราะไปพร้อมกับพวกคนเจ็ดสี

     

     

                "เมื่อรู้ว่าเด็กน้อยยังไม่ตาย พวกคนเจ็ดสีก็กลับมาร่าเริงอีกครั้ง องค์ราชากับองค์ราชินีก็ขอตัวกลับปราสาทไป ส่วนเด็กน้อยก็กลับไปใช้ชีวิตที่กระท่อมของพวกคนเจ็ดสี่เหมือนเดิม แต่ก่อนหน้านั้นเด็กน้อยก็กลับไปส่งจดหมายร่ำลาแก่พวกแม่เลี้ยงและลูกติดสองคนนั่น โดยบอกว่าจะไม่กลับไปที่นั่นอีกแล้ว ...และเด็กน้อยกับพวกเจ็ดสีก็ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข"

     

     

                ม่านการแสดงปิดลงพร้อมกับเสียงปรบมือที่ดังกึกก้องไปทั่วห้องประชุม...

     

     

                ...

     

     

                "ได้ข่าวมาว่ารายชื่อผู้แสดงนี่ปิดเป็นความลับกันสินะครับ?"

     

     

                "ใช่แล้วล่ะ ถามไดสึเกะมาแล้ว หมอนั่นบอกว่าตอนซ้อมก็ไม่รู้เลยว่าซ้อมกับใครบ้าง เพราะหัวก็สวมถุงกระดาษ เจาะรูให้แค่มองเห็น แถมต้องใส่แว่นตากับใช้เครื่องแปลงเสียงระหว่างซ้อม ตอนแสดงจริงถึงใช้เสียงจริง ๆ ของตัวเองน่ะ ไดสึเกะบ่นเลยว่าทรมานมาก ๆ แถมยังบ่นยาวโน่นนี่อีก ฉันล่ะเอียนเลย"

     

     

                "ตอบสั้น ๆ ก็พอแล้วน่าวี บ่นเป็นลูกหมาโดนแม่หมาทิ้งเลยนะ"

     

     

                "นั่นสิวี ไปว่าไดสึเกะฝ่ายเดียวได้ที่ไหน นายก็บ่นยาวเหมือนกัน"

     

     

                "เงียบไปเลยนะโอเมก้า โวรุ นายไม่เป็นฉันนายไม่รู้หรอก ต้องเก็บทั้งความลับตัวเอง ทั้งความลับไดสึเกะ ทรมานสุด ๆ "

     

     

                "เอ้? ความลับของวีน่ะหรือ?"

     

     

                "อ๊ะ... อ..อิกดราชิล มาตอนไหนเนี่ย"

     

     

                "ทันตอนที่นายบอกว่า 'ต้องเก็บความลับตัวเอง' นั่นแหละ ว่าแต่ความลับเรื่องอะไ..."

     

     

                "อ๊ะ ๆๆ อย่าอ่านใจฉันนะอิกดราชิล ไม่อย่างนั้นจะฟ้องมาซารุเรื่องที่จะอิกดราชิลจะไปขัดขวางความรักหมอนั่นแน่!"

     

     

                "ชะอุ้ย..เสียดายจังเลยที่อดรู้ความลับของนาย เฮ้อ~"

     

     

                "........." (เกือบไปแล้วไหมล่ะ ถ้าพูดช้ากว่านี้วินาทีเดียวความลับคงโดนเปิดเผยแหงแซะ ไอ้อิกดราชิลจอมเจ้าเล่ห์!)

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    +++ 26 Mar 2010 +++

    PDVDUX + WDLFKL = ... x ... /// เช่น ASDFGHJ = DAISUKE ประมาณนี้อ่ะจ้า

    วิธีไขหาทางกันเองเถอะ ถ้าไขได้คนนึงแล้วมันจะไขอีก 14 คนได้เลย

    ว่าแต่นัตจังนี่จิ้นหมาป่า(องค์ราชินี)กับลิชีโน่ไปแล้วรึ?.. แต่ถ้ารู้ว่าคนแสดงเป็นใครอาจจิ้นจริง ๆ ก็ได้..

    แหม่ท่านโย สึงุรุพี่แกก็ไม่ได้กลัวซายูริขนาดนั้นหรอก ซายูริในฟิคน่ะถือว่าเป็นฟูโจฉิมั้ง? (หัวเราะ)

    ท่านบลู ปกติวาดภาพ+ลงสีภาพนึงเขาไม่ได้ใช้เวลาประมาณ 5-6 ชม. หรอกเหรอ..?

    ส่วนตอนเดือนเมษาคงโดนแม่จับยัดเรียนพิเศษน่ะค่ะ เปอร์เซ็นต์สูงเลยล่ะ

    เอ้า กันลืม..

    รายชื่อผู้ที่สลับเพศ 10 คน

    xxx + xxx + xxx + ไดสึเกะ + เคน + รูกิ + โคจิ + อิซึมิ + โทโมกิ + อิคุโตะ

    คิดว่าใครคือคาโอรุล่ะ ? .. อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจ เหลืออีก 3 คนที่ยังไม่เปิดเผย

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×