ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fan Fic] Digimon Series : Birdie Sweetheart

    ลำดับตอนที่ #17 : Chapter : 06 .. Parody Play 1 - ลิชีโน่ผจญภัย

    • อัปเดตล่าสุด 25 มี.ค. 53


     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

    Title : The (Boys') Marry (1st Episode ; Beginning of Final Sovereign)

    Chapter : 06 .. Parody Play 1 - ลิชีโน่ผจญภัย

    Author : NaR!eZ-Narilada

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

     

                ช่วงสายของวันศุกร์ที่ 11 สิงหาคม ค.ศ. 2006 , เวลา 9.3x น. ก่อนงานแสดงละคร

     

     

              ณ สถานที่จัดคาเฟ่ขนมหวาน

     

     

                "เห? ช่วงเช้าวันนี้งานเทศกาลงดเนี่ยนะ ทำไมล่ะ หรือว่าเกิดอะไรไม่ดีขึ้นอย่างนั้นหรือ?"

     

     

                "เปล่าหรอกจ้ะไดอาน่าจัง อย่าบอกนะว่าไม่ได้ดูตารางเวลากิจกรรมน่ะ?"

     

     

                "อุ.. ตอนนี้อยู่กันแค่พวกเราช่วยเรียกฉันว่าวีทีเถอะ เรียกฉันว่าไดอาน่าแล้วนึกถึงความทรงจำอันเลวร้ายน่ะ"

     

     

                บทสนทนาข้างบนเป็นของวีในคราบไดอาน่าและเคนในคราบแคธี่... วันนี้เป็นวันที่ห้าของงานเทศกาลแล้ว จากตารางกิจกรรมที่โซราโงโตะ มิคิริเป็นคนทำขึ้นมาใหม่จะเห็นว่าวันที่ห้าของงานเทศกาล ในช่วงสายจนถึงเที่ยงจะเป็นการแสดงละคร ส่วนช่วงบ่ายจนถึงเย็นจะเป็นการแสดงคอนเสิร์ต ซึ่งทั้งสองอย่างนี้จัดขึ้นมาเพื่อผ่อนคลายนักกีฬาจากการแข่งไตรกีฬาในช่วงสามวันที่ผ่านมา พูดถึงไตรกีฬาแล้วก็ขอย้อนความหน่อยนะ..

     

     

                ...

     

     

                ...สำหรับฟุตบอลที่มีโรงเรียนลงชื่อเข้าร่วมหกทีมคือ โอไดบะ ทามาจิ โยโดบาชิ จิยุงาโอกะ จีเซ็นโจชิ และฮาจิยามะ

     

     

                ในวันแรก โยโดบาชิโรงเรียนของพวกทาคาโตะเจอกับจิยุงาโอกะที่เป็นโรงเรียนของทาคุยะและโทโมกิ ผลที่ออกมาคือจิยุงาโอกะชนะขาดลอยแปดต่อสามสมกับฐานะรองแชมป์ระดับประเทศ ทำให้ทาคาโตะเกิดงอนสองเพื่อนสนิทขึ้นมาเสียอย่างนั้น ถัดมาก็คือโอไดบะเจ้าภาพเจอกับฮาจิยามะโรงเรียนของโคอิจิ ผลที่ออกมาโอไดบะชนะขาดลอยเจ็ดต่อศูนย์ เรียกว่าไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายทำประตูเลย โคอิจิก็ไม่ได้อะไรมากมาย ดูยังไงก็รู้ว่าเขาแพ้หมดรูปตั้งแต่เห็นสมาชิกในทีมอีกฝ่าย และคู่สุดท้ายทามาจิโรงเรียนของเคนเจอกับจีเซ็นโจชิโรงเรียนของโคจิ แต่ทว่าวันนั้นเคนไม่ได้อยู่ด้วยทำให้จีเซ็นโจชิชนะไปสามต่อหนึ่ง โคจิที่เป็นผู้เล่นก็แอบเสียดายที่ไม่ได้ดวลแข้งกับเคน

     

     

                ในวันที่สอง ทามาจิเจอกับฮาจิยามะ ผลคือทามาจิชนะสี่ต่อสาม วันนี้เคนก็ไม่ได้มาอีกเช่นกัน แต่ด้วยแรงฮึดของทีมบวกกับการที่โคอิจิเกิดหายตัวไปกระทัน ชัยชนะเลยตกเป็นของทามาจิ (มารู้ทีหลังว่าก่อนแข่งโคอิจิเกิดไปกินอาหารที่ไทจิแอบวางยาเอาไว้จนท้องเสีย ทำให้ไปลงแข่งไม่ได้ เพราะพูดก็พูดเถอะ ความสามารถด้านฟุตบอลของโคอิจิน่ะพอ ๆ กับเคนเลยล่ะ) ต่อมาโยโดบาชิเจอกับจิยุงาโอกะอีกครั้ง ผลแพ้ชนะก็เหมือนเดิม จิยุงาโอกะชนะไปหกต่อสี่ คราวนี้ไม่ขาดลอยแต่ก็สร้างความแค้นให้ทาคาโตะไม่มากก็น้อยล่ะ ส่วนคู่สุดท้ายโอไดบะเจอกับจีเซ็นโจชิ ไดสึเกะที่ลงแข่งวันนี้เป็นตัวจริง ไม่ใช่วีที่ปลอมตัวมา ด้วยความอัดอันใจ(?)ก็เลยแสดงสปิริตแรงกล้าชนะสิบต่อศูนย์ชนิดว่าไทจิแทบจะไม่ต้องทำอะไรเลย

     

     

                ในวันที่สาม ทามาจิเจอกับฮาจิยามะอีกครั้ง คราวนี้เคนมาลงแข่ง โคจิก็บ่นอิจฉาพี่ชายฝาแฝดของตัวเองที่มีโอกาสดวลแข้งกับเคน แทนที่จะสูสีเพราะฝีมือพอ ๆ กันกลับไม่ใช่ ทามาจิชนะขาดลอยห้าต่อศูนย์ ก่อนจะตกใจเพราะรู้ว่าเคนกลายเป็นผู้หญิงไปแล้วทำไมถึงอยู่ในร่างผู้ชายได้ เจ้าตัวเลยบอกว่าขอร้องอิกดราชิลช่วยใช้พลังให้กลับมาในร่างเดิมสักครึ่งชั่วโมง และถึงแม้จะแค่ครึ่งชั่วโมงแต่ก็ดูดพลังอิกดราชิลไปจนเกือบหมดตัว แสดงให้เห็นว่าการใช้พลังทำแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่ควรทำเลย.. คู่สองจิยุงาโอกะเจอกับโอไดบะ ถือเป็นการสะสางแค้น(?)ระหว่างศิษย์กับอาจารย์ไปในตัว คราวนี้ไดสึเกะตัวจริงยืนมองไทจิสะสางแค้นไปพลาง โดยไม่ทำอะไร แต่โอไดบะก็ชนะไปหนึ่งต่อศูนย์ เป็นการต่อสู้ดุเดือดสมกับแชมป์และรองแชมป์ที่ปะทะกัน ส่วนคู่สุดท้ายโยโดบาชิเจอกับจีเซ็นโจชิ เพราะการที่ทาคาโตะแพ้ให้กับทาคุยะและโทโมกิถึงสองครั้ง เจ้าตัวเลยมาสะสางแค้นกับโคจิแทน ซึ่งโยโดบาชิก็ชนะไปหกต่อสี่ แม้จะไม่มากแต่โคจิก็น่วมไปเลยล่ะ (ทั้งโดนทาคาโตะแอบจิกแอบหยิกแบบไม่ให้กรรมการเห็น..ความสามารถรอยัลไนท์(?)ล้วน ๆ เลย)

     

     

                ...สำหรับบาสเก็ตบอล มีโรงเรียนลงชื่อห้าโรงเรียนคือ โอไดบะ ยาฮาตะ จีเซ็นโจชิ ฮาจิยามะ และโยโดบาชิ เพราะมีห้าทีมการแข่งขันหนึ่งวันจะมีหนึ่งทีมที่ชนะบาย ซึ่งมาจากการสุ่มล้วน ๆ

     

     

                ในวันแรก จีเซ็นโจชิเจอกับฮาจิยามะ เรียกได้ว่าสะใจคนดูมากเมื่อเห็นฝาแฝดปะทะกันเอง แต่น่าเสียดายที่แฝดคนน้องดันเก่งบาสเก็ตบอลกว่า จีเซ็นโจชิเลยชนะไปสิบสองต่อสิบ (เฉียดเสมอเลยล่ะ) อีกคู่คือโยโดบาชิเจอกับยาฮาตะโรงเรียนของอิซึมิ คู่นี้เหมือนการปะทะกันของสาว ๆ มากกว่า เพราะโยโดบาชิมีจูริลงแข่ง อิซึมิที่ไปหาวิกผมมาสวมทับก็ลงแข่งด้วย และด้วยร่างกายที่แข็งแรงกว่าของอิซึมิ (แหงสิ นั่นอดีตนักรบในตำนานเลยนะ) ยาฮาตะเลยชนะไปสิบต่อสี่ ส่วนโอไดบะวันนี้รอด ยามาโตะ ทาเครุกับฮิโตมิก็บ่นออกมาอย่างเสียดาย ไดสึเกะที่พอรู้ว่าวันนี้ไม่ต้องแข่งก็ลอยแว้บหายไปตั้งแต่ผลการจับคู่ออกแล้ว (ก็ไม่ใช่ไดสึเกะตัวจริงนี่นะ)

     

     

                ในวันที่สอง ฮาจิยามะเจอกับโอไดบะ สมใจอยากสามหน่อดาวรุ่งบาสเก็ตบอล แต่กับไดสึเกะเจ้าตัวแทบลมจับ ก่อนแข่งบาส ฯ เจ้าตัวเพิ่งแข่งฟุตบอลมาแถมใช้แรงไปเกือบหมด แต่เพราะคำยุอะไรสักอย่างของทาเครุ ไดสึเกะเลยกลับมาฮึดอีกครั้ง โคอิจิเห็นทีมอีกฝ่ายแล้วตีหน้าเครียด ก่อนโอไดบะจะชนะไปสิบหกต่อเก้า อีกคู่จีเซ็นโจชิเจอกับยาฮาตะ พอรู้แบบนั้นโคจิก็แทบผวาขอยอมแพ้ เพราะพูดตรง ๆ แล้วอิซึมิเก่งบาส ฯ มากกว่าโคจิเสียอีก แถมการเล่นของคุณเธอก็ช่างรุนแรง ยิ่งตัวเองอยู่ในร่างผู้หญิงที่ทำให้พละกำลังลดฮวบไปแบบนี้จะชนะอะไรได้.. ยาฮาตะเลยชนะไปสิบสี่ต่อสี่ ส่วนโยโดบาชิรอดตัวไป จูริก็เลยหนีไปขายเครื่องดื่มต่อ ทาคาโตะกับเจ็นเรียที่อยู่ในทีมก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

     

     

                ในวันที่สาม จีเซ็นโจชิเจอกับโอไดบะ โคจิเริ่มผวาหนักเมื่อเจออาจารย์ของตัวเอง (หมายถึงยามาโตะ) แต่เจ้าตัวก็ฮึดสู้ไม่ยอมแพ้ ด้วยสปิริตแรงกล้าผลออกมาเลยเสมอกันที่แปดต่อแปด พอแข่งจบโคจิล่ะแทบทรุดลงกับพื้น ไดสึเกะตัวจริงเลยรีบเข้าไปพยุงโคจิไว้ก่อนจะร่วงโหม่งพื้นโลก และนั่นก็ทำให้โคจิรู้ว่าไดสึเกะสามารถใช้พลังเพื่อกลับร่างเดิมได้เพราะทันทีที่สัมผัสตัวก็รู้เลยว่านี่คือไดสึเกะ ไม่ใช่วีที่ปลอมตัวมา อีกคู่ยาฮาตะเจอโยโดบาชิอีกครั้ง คราวนี้จูริมีแรงฮึด เพราะทาคาโตะไปขอร้องอ้อนวอนให้รูกิยอมสัญญากับจูริว่าจะไปเที่ยวด้วยถ้านัดนี้ชนะได้ โยโดบาชิเลยชนะไปแปดต่อหก เฉียดฉิวกันอีกคู่เลย ส่วนฮาจิยามะก็รอดตัวไป โคอิจิเลยถูกทาคุยะ จุมเปย์ และโทโมกิลากตัวไปเที่ยวงานตั้งแต่รู้ผลว่าชนะบาย

     

     

                ...สำหรับวอลเล่ย์บอล มีโรงเรียนลงชื่อถึงเจ็ดโรงเรียนคือ โอไดบะ ทามาจิ โยโดบาชิ จิยุงาโอกะ จีเซ็นโจชิ ยาฮาตะ และฮาจิยามะ เพราะจำนวนทีมเป็นเลขคี่ เลยใช้วิธีการจับฉลากเลือกคู่แบบบาสเก็ตบอลนั่นก็คือจะมีหนึ่งทีมชนะบายในหนึ่งวัน

     

     

                ในวันแรก ฮาจิยามะเจอกับโอไดบะ สำหรับกีฬาที่โคอิจิถนัดที่สุดก็หวานหมู ในขณะที่โอไดบะมีไดสึเกะ(วี) ฮิคาริ มิยาโกะ ไทจิ โซระ แล้วก็ทาเครุอยู่ จริงอยู่ว่าสามสาวของโอไดบะเก่งวอลเล่ย์บอลมาก แต่ก็เก่งสู้โคอิจิไม่ได้ ฮาจิยามะเลยชนะไปยี่สิบเก้าต่อยี่สิบเจ็ด เรียกได้ว่าเป็นการพ่ายแพ้ครั้งแรกและครั้งเดียวในการแข่งไตรกีฬาที่โอไดบะเป็นเจ้าภาพในปีนี้เลยล่ะ คู่สองทามาจิเจอจีเซ็นโจชิ วันนี้เคนไม่อยู่ โคจิเลยอาละวาดซะเต็มที่ จีเซ็นโจชิจึงชนะไปยี่สิบห้าต่อสิบสอง คู่สามโยโดบาชิเจอกับยาฮาตะ สองสาวต่างโรงเรียนเจอกันอีกแล้ว แต่คราวนี้โยโดบาชิชนะไปยี่สิบห้าต่อยี่สิบสอง เพราะว่าจูริถนัดวอลเล่ย์บอลมากที่สุดน่ะสิ อีกอย่างทาคาโตะที่ร่วมทีมก็เก่งไม่แพ้กัน ส่วนจิยุงาโอกะรอด ทาคุยะเลยชิ่งหนีไปเที่ยวงานเทศกาลสบายใจเฉิบ

     

     

                ในวันที่สอง ฮาจิยามะเจอโยโดบาชิ อย่างที่ว่าไป สำหรับโคอิจิและจูริน่ะเป็นกีฬาที่ถนัดเหมือนกันก็จริง แต่แรงชายย่อมมากกว่าแรงหญิง (ยกเว้นถ้าหญิงคนนั้นเป็นรูกิหรืออิซึมิ) ฮาจิยามะเลยชนะไปยี่สิบห้าต่อยี่สิบสาม คู่สองจิยุงาโอกะเจอกับโอไดบะ โอไดบะที่มีสามสาวมือดี จิยุงาโอกะที่มีแค่ทาคุยะจะสู้อะไรได้ อีกอย่างทาคุยะถนัดฟุตบอล ไม่ได้ถนัดวอลเล่ย์บอลนี่นะ โอไดบะเลยชนะไปยี่สิบห้าต่อเก้า คู่สุดท้ายทามาจิเจอจีเซ็นโจชิ วันนี้เคนไม่ได้มาลงแข่งอีกแล้ว โคจิเลยอาละวาดอีกแล้วเช่นกัน จีเซ็นโจชิเลยชนะไปยี่สิบห้าต่อสิบสี่ ส่วนยาฮาตะรอดตัวไป อิซึมิในร่างผู้ชายเลยไปเดินหว่านเสน่ห์เล่นในงานเทศกาล

     

     

                ในวันที่สาม โอไดบะเจอกับฮาจิยามะ สามสาวที่คราวก่อนแพ้ไปก็มาแข่งล้างตาจนโอไดบะชนะไปสามสิบสองต่อสามสิบ คู่สองโยโดบาชิเจอกับยาฮาตะ อิซึมิที่แพ้ไปคราวก่อนก็มาแข่งล้างตากันอีกครั้ง คราวนี้ยาฮาตะเลยชนะไปยี่สิบหกต่อยี่สิบสี่ คู่สุดท้ายทามาจิเจอจิยุงาโอกะ คราวนี้เคนก็ลงแข่งอีกครั้ง โดยอ้างว่าให้อิกดราชิลใช้พลังแต่ความจริงแล้วทั้งตอนแข่งฟุตบอลกับตอนแข่งวอลเล่ย์บอลเจ้าตัวใช้พลังของหวงหลงทั้งนั้นแหละ และให้อิกดราชิลเล่นละครตบตากันนิดหน่อย ทามาจิเลยชนะไปยี่สิบห้าต่อสิบเจ็ด ส่วนจีเซ็นโจชิรอดตัวไป แต่โคจิกลับบ่นเสียดายว่าไม่ได้ออกอาละวาด ยามาโตะเลยพาโคจิออกไปเที่ยวงานเทศกาลแทน

     

     

                ...

     

     

                "แสดงว่าคนอื่นก็ไปรอที่ห้องประชุมกันหมดแล้วล่ะสิ"

     

     

                ไดอาน่าถอนหายใจเฮือก เท้าส่ายเอวนึกแค้นเจ้าคู่หูของเขาที่ทำให้เขาต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้แทน แคธี่ก็ไม่รู้จะว่ายังไงดี เพราะเขารู้ว่านิสัยจริง ๆ ไดสึเกะก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว.. บางทีที่ผ่านมาที่ทำตัวอินโนเซนต์มาตลอดก็คงจะอัดอั้นใจอยู่ไม่น้อยเลยล่ะ พอมีโอกาสคงจะพยายามชิ่งหนีหาความสุข(?)อยู่ล่ะมั้ง.. ใจนึงก็สงสารไดสึเกะ ใจนึงก็สงสารวี เฮ้อ~

     

     

                "อืม ไปกันหมดแล้ว เหลือพวกเราสองคนที่ต้องคอยดูแลความเรียบร้อยบางส่วนน่ะ"

     

     

                แคธี่ยิ้มแห้ง ๆ ก่อนจะจัดข้าวของให้เข้าที่เข้าทางอย่างคล่องแคล่ว ปล่อยให้ไดอาน่ายืนบ่นงึมงำก่นด่าคู่หูไปพลาง

     

     

                "แล้วทำไมต้องเป็นพวกเราแค่สองคนด้วยนะ พวกนั้นจะใช้แรงงานกันหรือไง ถึงจะเป็นผู้ชายแต่พออยู่ในร่างผู้หญิงแบบนี้เรี่ยวแรงมันก็ถดถอยได้เหมือนกันนะ"

     

     

                "ชราภาพล่ะสิไม่ว่า.."

     

     

                เสียงกระซิบที่ข้างหูขวาไดอาน่าทำเอาเจ้าตัวร้องจ๊ากลั่น ศอกขวาถองไปด้านหลังด้วยความตกใจบวกกับเป็นสัญชาตญาณ เจ้าคนก่อเรื่องก็เก่งไม่น้อยที่รับศอกนั่นได้ เมื่อไดอาน่ามองอีกฝ่ายแล้วก็ต้องตกใจค้าง

     

     

                "...ขวัญอ่อนจริง ๆ เลยนะวี ถ้าเป็นไดสึเกะนะนอกจากจะถองศอกแล้วยังมีเตะด้วยล่ะ"

     

     

                "อ๋อหรือ? อยากโดนนักใช่มั้ย งั้นฉันจัดให้เว้ย!!"

     

     

                แล้วเท้าซ้ายก็ง้างเตะใส่ไอ้คนตรงหน้า อีกฝ่ายเห็นแบบนั้นก็เอียงตัวหลบลูกเตะพร้อมหมัดและศอกที่ถูกส่งมาอย่างกับรัวปืน เจ้าตัวอาศัยความเร็วที่มีมากกว่าในร่างนี้อ้อมมาด้านหลังไดอาน่าเตรียมซัดก้านคอให้สลบ แต่เหมือนจะรู้ทัน ไดอาน่าย่อตัวลงกวาดเท้าขวาหมายจะสกัดขาอีกฝ่าย

     

     

                "เหอะ อยู่ในร่างนี้น่าสงสารจริง ๆ น้า พละกำลังก็ลดลง ฉันพูดถูกใช่ไหม?"

     

     

                "นายจะรู้อะไรล่ะ 'โวรุ' นายไม่เคยโดนแบบฉันเสียหน่อย"

     

     

                "ไม่คงไม่เคยอะไรล่ะพ่อคุณ เมื่อเช้าเพิ่งโดนไปหมาด ๆ นี่เอง เดี๋ยวตอนนี้ก็จะโดนอีกเนี่ย"

     

     

                การโจมตีของไดอาน่าหยุดชะงักเมื่อ 'โวรุ' พูดออกมาแบบนั้น นัยน์ตาสีฟ้าใสแฝงแววเหนื่อยใจอย่างปิดไม่มิด หันไปมองยังแคธี่แล้วยิ้มเจือน ๆ

     

     

                "เคนจัง ไปหาไดสึเกะเถอะ คิดว่าเขาคงรอเคนจังไปซ่าด้วยกันแหง ๆ เลย ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ทำให้เคนจังโดนจับได้หรอก แต่เคนจังก็อย่าไปซ่าตามไดสึเกะมากนะ"

     

     

                แล้วโวรุก็เดินไปหาแคธี่ ทั้งคู่เหยียดแขนออกมาตั้งฝ่ามือตั้งฉากกับแนวแขน ฝ่ามือซ้ายของโวรุแนบชิดกับฝ่ามือขวาของแคธี่ เสียงดีดนิ้วดังเป๊าะแทบจะพร้อม ๆ กัน พลันนั้นร่างกายของทั้งสองก็ถูกห่อคุ้มไปด้วยแสงสีขาวจ้า เมื่อแสงจางลงก็เห็นว่าจากโวรุที่มีผมสีเขียวซอยยาวถึงบ่ากับนัยน์ตาสีฟ้าใส กลายเป็นแคธี่ที่มีผมสีบลอนด์ทองยาวถึงกลางหลังกับนัยน์ตาสีฟ้าสด ส่วนแคธี่ก็กลับกลายไปเป็นเคนที่มีผมสีกรมท่ากับนัยน์ตาสีน้ำเงินขุ่นแทน

     

     

                "เฮ้.. อย่าบอกนะว่าพวกนายเองก็....."

     

     

                "อย่างที่คิดแหละวี ตอนนี้พวกเราต้องมาแสดงบทบาทของคู่หูพวกเราในร่างผู้หญิงแล้วล่ะ ส่วนคู่หูพวกเราก็จะแสดงบทบาทของพวกเรา แล้วก็จะไปซ่าที่ไหนกันก็ไม่รู้"

     

     

                "ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ฉันกับไดสึเกะไม่ได้วางแผนไปทำอะไรที่ไหนหรอก แค่มีเรื่องอยากแกล้งคนนิดหน่อยน่ะ เอาล่ะ ไปกันเถอะ ฉันจัดร้านเรียบร้อยแล้วล่ะ"

     

     

                วีในคราบไดอาน่ามองภายในร้านอย่างไม่เชื่อสายตา ไม่คิดเลยว่าเคนจะใช้เวลาที่เขาบ่นงึมงำและสู้กับโวรุในการดูแลความเรียบร้อยในร้านนี่... คนอะไรน้อเก่งจริง ๆ เลยให้ตายเถอะ

     

     

                แล้วทั้งสามคนก็เดินไปตามสนามเพื่อไปยังห้องประชุม ระหว่างที่เดินไปถึงจะมีคนไม่มากแต่ก็ยังมีอยู่บ้าง เมื่อทั้งสามคนมาเดินด้วยกันเสียงซุบซิบมันก็เลยเกิดขึ้นอีกระลอกหนึ่งว่าไฉนน้องสาวไดสึเกะกับเพื่อนของน้องสาวไดสึเกะจึงมาเดินอยู่กับเพื่อนไดสึเกะเสียได้ คิดว่าต่อไปคงจะเกิดข่าวลือเยอะแยะมากมายตามมาอีกแหง ๆ เลยล่ะ

     

     

                ...

     

     

                ช่วงสายของวันศุกร์ที่ 11 สิงหาคม ค.ศ. 2006 , เวลา 10.0x น. เริ่มงานแสดงละคร

     

     

              ณ ห้องประชุม

     

     

                "........สำหรับละครที่จะแสดงให้ท่านผู้ชมได้รับชมในวันนี้จะเป็นละครล้อเลียนที่นำเรื่องราวต่าง ๆ ที่นิยมนำมาแสดงมาผสมปนเปกันจนผูกกันเป็นเรื่องใหม่ขึ้นมา สำหรับผู้แสดงนั้นจะเป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมปลายปี 3 เกือบทั้งหมด แต่จะมีบางส่วนที่เป็นสมาชิกของชมรมการแสดงและมีแขกรับเชิญด้วย ในขณะที่รับชมละครนี้จับตาดูคนแสดงให้ดี ๆ นะคะ เพราะเดี๋ยวจะมีกิจกรรมเซอร์ไพรส์ท่านผู้ชมแน่นอน และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ขอเชิญท่านผู้ชมรับชมการแสดงนี้ได้เลยค่ะ!"

     

     

                สิ้นเสียงประกาศของตัวตั้งตัวตีของงานอย่างมิยาโกะแล้ว ไฟที่สว่างจ้าอยู่ทั่วห้องประชุมก็พร้อมใจกับดับพรึ่บจนมืดไปทั้งห้อง ชนิดที่ว่าราวกับกำลังดูหนังโรงอย่างไรอย่างนั้น เมื่อผ่านไปสักพัก เสียงบรรยายที่ฟังก็รู้ว่าเป็นเสียงของมิยาโกะก็เริ่มขึ้นพร้อมกับไฟตรงเวทีที่สว่างจ้าขึ้นมาทันที

     

     

                "กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ปราสาทใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง มีองค์ราชากับองค์ราชินีอาศัยอยู่ องค์ราชาผู้นี้เป็นชายชาตินักรบผู้กล้าหาญ ไม่เคยแพ้แก่ข้าศึกที่เข้ามารุกรานเมืองเลยแม้แต่ครั้งเดียว ชื่อขององค์ราชานี้เลยแผ่กระจายขยายไปทั่วดินแดน ส่วนองค์ราชินีผู้นี้ก็ถือว่าเป็นผู้หญิงที่สวยงามและมีเสน่ห์เย้ายวนมากที่สุดในดินแดนแถบนี้ ว่ากันว่าถ้าพูดถึงเริ่มความงามแล้วคงต้องยกให้กับองค์ราชินีผู้นี้เลยทีเดียว ......."

     

     

                ในขณะที่มิยาโกะบรรยาย ก็มีบุคคลสองคนเดินออกมาจากหลังม่าน คนแรกเป็นผู้ชายในชุดเสื้อเชิ้ตแขนสีขาวธรรมดา กางเกงสแล็กสีดำ สวมรองเท้าหนังสีดำยาวขึ้นมาครึ่งแข้ง มีผ้าคลุมกำมะหยี่สีแดงที่ยาวพอจะลากพื้นได้ซึ่งขอบผ้าคลุมทำจากขนเทียมสีขาวฟูฟ่องดูนุ่มนิ่ม และบนศีรษะมีมงกุฎสไตล์อังกฤษที่บ่งบอกถึงฐานะความเป็นองค์ราชา ส่วนคนที่สองเป็นผู้หญิงในชุดวันพีชแขนยาวสีดำมีชายยาวถึงครึ่งต้นขา สวมถุงน่องสีขาวแนบเนื้อที่ดึงเลยหัวเข่าขึ้นมา รองเท้าหนังสีดำยาวถึงครึ่งแข้งเป็นแบบส้นเข็ม มีผ้าคลุมและมงกุฎแบบเดียวกันกับของผู้ชาย

     

     

                "ทั้งสองพระองค์ต่างดูแลเมืองด้วยกันอย่างสงบสุข แต่อยู่มาวันหนึ่งก็มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้น กระจกใบโปรดขององค์ราชินีกลับกลายเป็นกระจกวิเศษที่สามารถพูดโต้ตอบได้"

     

     

                ผ้าม่านเลื่อนออกมาปิดและเปิดออกอีกครั้ง เป็นฉากที่องค์ราชินียืนอยู่หน้ากระจกวิเศษในห้องของพระองค์

     

     

                "นี่คุณกระจกวิเศษเอ๋ย ช่วยบอกทีเถิดว่าใครงามเลิศที่สุดในดินแดนนี้"

     

     

                น้ำเสียงหวานพริ้งลอดผ่านลำคอออกมา มือสองข้างขององค์ราชินีกุมไว้ที่หน้าอก นัยน์ตาสีอำพันสว่างจ้องไปยังกระจกวิเศษราวกับกำลังคาดหวังคำตอบ

     

     

                "แน่นอนว่าเป็นท่านอยู่แล้วองค์ราชินี หากแต่ความงามของท่านอาจมิยั่งยืนถ้ามิกำจัดเสี้ยนหนามออกไป"

     

     

                เสียงตอบจากกระจกวิเศษทำเอาองค์ราชินีคิดหนัก ก็จริงอยู่ว่าตัวพระองค์เองค่อนข้างรักสวยรักงาม แต่ถ้าต้องกำจัดอะไรบางอย่างเพื่อให้พระองค์กลายเป็นหญิงที่สวยงามที่สุดนี่มันออกจะโหดร้ายเกินไปหน่อย

     

     

                "แล้วเสี้ยนหนามที่ว่านี่หมายถึงอะไรหรือ?"

     

     

                "เด็กน้อยน่ารักในกระท่อมที่ชานเมือง... ตอนนี้จิตใจขององค์ราชินีดูลังเลเสียจริง ท่านไม่อยากเป็นหญิงสาวที่งามที่สุดในดินแดนนี้หรืออย่างไร"

     

     

                น้ำเสียงยั่วยุจากกระจกวิเศษทำเอาจิตใจขององค์ราชินีคลอนแคลน ยิ่งพอรู้ว่าเสี้ยนหนามที่ว่าคือเด็กตัวน้อย ๆ แล้วยิ่งทำเอาองค์ราชินีเกิดคิดมากวุ่นวายจนแสดงออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจน.. แหม ก็องค์ราชินีท่านรักเด็กนี่นะ

     

     

                "หากเป็นอย่างนั้นข้าจะจัดการเรื่องนี้ให้ท่านเอง ได้โปรดหลับให้สบายก่อนเถิด.. หึหึหึ....."

     

     

                เอฟเฟ็กต์ระเบิดควันสีแดงแจ๋ลอยฟุ้งไปทั่วเวที เมื่อควันสีแดงจางหายไป กระจกวิเศษก็หายไปด้วย องค์ราชินีที่โดนเวทมนตร์ของกระจกวิเศษก็เลยสลบไสลไปนอนกองอยู่บนพื้น

     

     

              "เนื่องจากในจิตใจขององค์ราชินีเกิดไม่อยากทำร้ายใครขึ้นมา ทำให้กระจกวิเศษเกิดความรำคาญในตัวขององค์ราชินีที่เต็มไปด้วยความลังเล จึงได้จัดการใช้เวทมนตร์ทำให้วิญญาณขององค์ราชินีหลับใหลอยู่ในร่างกาย ส่วนกระจกวิเศษเองก็ใช้เวทมนตร์เปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นวิญญาณและเข้าไปสิงในร่างขององค์ราชินีแทน เพื่อที่จะได้ตามกำจัดเสี้ยนหนามที่ว่านั้นให้"

     

     

                แล้วม่านก็เลื่อนปิดอีกครั้ง พอเปิดมาก็เห็นฉากใหม่เป็นภายในกระท่อมหลังหนึ่ง ในกระท่อมมีคนอยู่สี่คนอยู่ คนแรกเป็นเด็กน้อยนั่งกอดไม้กวาดด้วยใบหน้าเศร้าหมอง แต่งตัวด้วยเสื้อมอซอมีรอยเย็บรอยปะชุนมากมาย กางเกงที่สวมอยู่ก็ไม่แพ้กับเสื้อ แถมมีรอยขาดวิ่นเป็นริ้ว ๆ อีกต่างหาก เนื้อตัวก็มอมแมม เส้นผมที่ยาวถึงกลางหลังก็ยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ส่วนอีกสามคนเป็นหญิงสาวที่ยืนค้ำหัวอยู่ สองคนแต่งตัวด้วยชุดวันพีชยาวกล้อมพื้นเรียบ ๆ ธรรมดาแต่สีชุดฉูดฉาดเกินปกติ ส่วนอีกคนแต่งตัวด้วยชุดที่ออกจะดูดีมีฐานะหน่อย และสีสันก็ฉูดฉาดจนน่ากลัวจริง ๆ โดยเฉพาะเครื่องสำอางบนใบหน้านั่นมัน..

     

     

                "ตัดมาที่กระท่อมชานเมืองที่กระจกวิเศษได้พูดถึงไว้ เดิมทีที่นี่เป็นบ้านของครอบครัวเศรษฐีที่มัธยัสถ์ อยู่ด้วยกันสามคนพ่อแม่ลูกอย่างสงบสุข แต่เมื่อภรรยาตายจากไป เศรษฐีก็หาภรรยาใหม่เพื่อจะให้ลูกของตนไม่มีปมด้อยเรื่องแม่ และหญิงสาวที่ถูกตาต้องใจเขาก็คือแม่ม่ายลูกผู้ดีที่มีลูกติดมาสองคน เดิมทีเขาคิดว่าภรรยาคนใหม่จะเป็นแม่ที่ดีได้ แต่เขาก็คิดผิดเมื่อทุกครั้งที่เขากลับมาจากทำงาน เขามักจะเห็นลูกแท้ ๆ ของเขาถูกภรรยาใหม่พร้อมลูกติดรังแกอยู่เสมอ จนสุดท้ายเศรษฐีก็เสียใจมากที่คิดเอาหญิงแม่มายนี้มาเป็นภรรยา จนในที่สุดตรอมใจตายโดยยกสมบัติให้ลูกแท้ ๆ ของเขา"

     

     

                "นี่แกน่ะหัดทำงานบ้านให้ดี ๆ หน่อยสิยะ กวาดบ้านนะไม่ใช่ขัดบ้านที่จะเอาไม้กวาดไปขูดกับพื้นจนเป็นรอยเนี่ย!"

     

     

                "อีกอย่างเวลาซักผ้าก็อย่าเอาผ้าสีมาซักด้วยกันสิยะ ไม่รู้หรือไงว่าผ้าพวกนี้สีมันตกง่ายนะห๊ะ!"

     

     

                "...เอาเถอะ พวกฉันจะไม่เอาผิดกับหล่อนมาก เพราะหล่อนก็แค่ลูกเศรษฐีบ้าน ๆ ที่ไม่มีความเป็นผู้ดีเท่าไหร่ แถมพ่อก็เอาแต่ไปทำงานไม่ดูแลลูกจนตายไปแบบนี้อีก เอาล่ะ วันนี้พวกฉันจะไปงานเลี้ยงที่ทางปราสาทเขาจัดขึ้น อย่าให้รู้เชียวว่าหล่อนอู้งาน ไม่อย่างนั้นพวกฉันจะทรมานหล่อนให้รู้สำนึกเสียเลย"

     

     

                แล้วแม่เลี้ยงใจร้ายกับลูกติดสองคนก็เดินออกไปนอกกระท่อมเพื่อไปขึ้นรถที่ทางปราสาทส่งมารับ ทิ้งให้เด็กน้อยที่ตีหน้าเศร้าหมองเมื่อครู่ทำสีหน้าซังกะตายออกมา ใช้ไม้กวาดยันตัวเองให้ลุกขึ้นก่อนจะบิดขี้เกียจ

     

     

                "ให้ตายสินะ เจ้าพวกหล่อนไม่ได้สำนึกเลยหรือไงว่าฉันเป็นผู้ชาย มาเรียกหล่อน ๆๆ อยู่นั่นแหละ โง่หรือบ้ากันแน่นะเจ้าพวกหล่อนเนี่ย.. เฮ้อ.. ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วเจ้าพวกหล่อนไปเสียได้ก็ดี ไอ้สิ่งที่เจ้าพวกหล่อนสั่งค่อยกลับมาทำทีหลังก็แล้วกัน ตอนนี้ไปเยี่ยมคุณยายที่กระท่อมโน้นดีกว่า"

     

     

                แล้วเด็กชายก็จัดของเพื่อไปเยี่ยมคุณยายที่อีกระท่อมหนึ่งพลางฮัมเพลงไปตามความเคยชิน

     

     

              "แล้วเด็กน้อยก็ออกจากกระท่อมของตนไปยังอีกกระท่อมที่เป็นที่อยู่ของคุณยายเขา โดยที่ไม่รู้เลยว่าระหว่างทางที่เดินไปนั้นได้มีหมาป่าตัวหนึ่งจ้องจะเอาชีวิตอยู่ และหมาป่านั่นก็คือองค์ราชินีที่ถูกกระจกวิเศษสิงอยู่นั่นเอง แต่โชคร้ายยิ่งกว่านั้นเมื่อหมาป่าได้ยินเรื่องที่พวกเขาคุยกัน เลยไปดักรอที่กระท่อมคุณยายและจับคุณยายกินไปเรียบร้อยและปลอมตัวเป็นคุณยายแทนเสียเอง"

     

     

                และม่านก็ปิดลงอีกครั้ง เมื่อเปิดออกมาอีกก็เปลี่ยนฉากเป็นเด็กน้อยที่นั่งบอกเปลือกผลไม้ให้หมาป่าในคราบคุณยายที่นอนอยู่บนฟูกหนาประมาณคืบหนึ่งทานอยู่ หมาป่าพยายามปกปิดตัวเองไม่ให้เด็กน้อยรู้จนเด็กน้อยเริ่มสะกิดใจว่าทำไมคุณยายถึงดูหวาดระแวงเขาขนาดนั้น

     

     

                "นี่ ๆ คุณยายไม่ทานหรอกหรือ? นี่น่ะผลไม้ที่แอบเจ้าพวกหล่อนออกไปซื้อมาเลยนะ รับรองว่ารสชาติเยี่ยมยอดอย่าบอกใครเลยล่ะ"

     

     

                "เอ่อ ยายไม่หิวหรอกจ้ะ อีกอย่างวันนี้พอดียายไม่ค่อยสบายด้วย... แค่ก ๆ .."

     

     

                "เห.. อย่างนั้นก็ไม่เป็นไรหรอกคุณยาย เดี๋ยวจะไปตักน้ำมาใส่ตุ่มไว้ก่อนนะ ตอนเดินเข้ามาเห็นตุ่มแห้งเลยล่ะ"

     

     

                เด็กน้อยพูดเสียงอ่อยคล้ายจะผิดหวังอยู่หน่อย ๆ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก พร้อมลุกขึ้นหมุนตัวหมายจะออกไปตักน้ำ แต่ยังไม่ทันจะทำอะไรมากไปกว่านี้ มือขวาของหมาป่าในคราบคุณยายก็คว้าข้อแขนเด็กน้อยแล้วฉุดลงให้ล้มลงไปนอนบนฟูกแทนตนที่หันมาคร่อมร่างกายเด็กน้อยเอาไว้แทน

     

     

                "ไม่ต้องไปไหนหรอกเจ้าเด็กน้อย มาเป็นอาหารของข้าแทนผลไม้เมื่อครู่นี้ดี ๆ เสียเถอะ!"

     

     

                ...

     

     

                "อิกดราชิลไม่ไปดูการแสดงละครที่พวกไทจิแสดงหรือครับ?"

     

     

                "ไม่ต้องห่วงหรอก กระดานทำนายนอกจากจะใช้ทำนายแล้วยังใช้ดูเหตุการณ์ย้อนหลังได้ ไม่ไรเป็นหรอก"

     

     

                "หรือครับ.. นี่จริงสิ เมื่อวันก่อนท่านทำนายอนาคตของไทจิ ยามาโตะ มาซารุ แล้วก็โทม่าไปแล้วใช่ไหมครับ คือว่า.."

     

     

                "จะทำนายของใครว่ามาเลย ฉันรู้แกวนายดีน่ะ"

     

     

                "แล้วแบบนั้นทำไมไม่อ่านใจผมไปเลยล่ะครับโถ่... ทาคาโตะ เจ็นเรีย แล้วก็รูกิน่ะครับ"

     

     

                "ฉันไม่อ่านใจชาวบ้านพร่ำเพรื่อหรอกน่า ว่าแต่ทำไมนายเลือกสามคนนี้ล่ะ"

     

     

                "ก็แค่สงสัยครับ"

     

     

                "อย่างนั้นหรือ.. เอาล่ะ สามคนนี้สินะ...."

     

     

                ตึ๊ด.. ตึ๊ด.. ตึ๊ด.. ตื๊ดดดดดดดดด.........~

     

     

                "ดูสิว่านายจะตกใจกับผลที่ออกมาหรือเปล่าโอเมก้า.."

     

     

                "อ่ะ...เหมือนจะเป็นเรื่องขึ้นมาหน่อยแล้วสิ"

     

     

                "หึหึหึ โอเมก้าเอ๋ย อะไรจะเกิดก็ปล่อยให้มันเกิดไปเถอะ พวกเราอย่าไปยุ่งอะไรกับพวกเขาเลย"

     

     

                "........." (อย่าไปยุ่งกับพวกเขาเลย..แล้วไอ้ที่บอกว่า 'ฉันจะทำยังไงให้ลูกชายหันมาชอบโทม่าดี' นี่มันหมายความว่ายังไง?)

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    +++ 25 Mar 2010 +++

    เอ้า อัพก่อนยัยเนจะไม่ได้อัพ (คิดว่าเมษาคงไม่ว่างแล้ว)

    ดูเหมือนยัยเนจะตัดฉับนิยายตอนนี้ไปหรือเปล่า? (หัวเราะกับไดจังอยู่สองคน)

    ไม่หรอกมั้ง?.. เนอะ~

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×