ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ย้อนไปเมื่่อ...
กราบสวัสดีทุกท่านที่สละเวลาเข้ามาเยี่ยมชม
ดิฉันเด็กหญิงเก็กฮวยใคร่จะขอย้อนความไปเมื่อตอนขึ้น Yr 11 ซึ่งเป็นเวลาหัวเลี้ยวหัวตอ(ฮะ) ก็อย่างที่พวกเรารู้กันว่า ถัดจาก Yr 11 ก็คือ Yr 12 ซึ่งการจะขึ้น Yr 12 ต้องทำการสมัครและสอบต่างๆนานนา ซึ่งยุ่งยากสุดๆสำหรับเด็กบ้านนอกอย่างเรา
มาอธิบายลักษณะคร่าวๆ เพื่อผู้ที่ยังไม่เข้าใจระบบการศึกษาของอังกฤษ
Yr1-Yr6 =Primary school
ใน Secondary school มี Yr7-Yr 11 ซึ่งปีที่ข้าน้อยคิดว่าลำบากคือ ปี 10 และ 11 เพราะว่าเป็นปีที่ข้าน้อยเพิ่งไปเยือนอังกฤษและเป็นปีที่เริ่มเรียนหลักสูตร GCSE ซึ่งพวกเราเห็นว่ายากโคตรแต่สำหรับเด็ก College มอง GCSE เป็นเรื่องจิ๊บๆ
เอาเถอะๆ หลังจาก จบปี 11 คือ 12-13 ที่ต้องไปหาเรียนที่ College หรือ Sixth form college
ซึ่งการจะเข้าเรียนต่อที่ College เป็นเรื่องที่ยุ่งยากสุดๆสำหรับข้าน้อย ด้วยความที่ด้อยภาษามาแต่ไหนแต่ไร
สิ่งที่ต้องมีในการเข้าเรียน College
เริ่มเรียน ปี 11 อย่างแรกที่ข้าน้อยได้ทำคือการ อ่านหาคอร์สที่อยากเรียนในปี 12 ซึ่งเราหาอ่านได้ในเว็บไซต์ College ที่เราอยากเรียน
มันก็จะมีบอกเกรดที่ต้องการในการเข้าเรียนคอร์สนั้นๆ เช่น BTEC อาจต้องการเกรดต่ำกว่า A-level เล็กน้อย เพราะสำหรับที่นี้คนส่วนมากมองว่า A-level นั้นยากกว่า BTEC มากๆ
ตัวอย่าง วิชา คณิต A-level ต้องได้อย่างต่ำเกรด B ในคณิต C ในภาษาอังกฤษ และ above C ใน 4 วิชา อะไรก็ได้ หุหุ
ก็เลือกๆไปซึ่งเก็กฮวยก็เลือก ศิลปะ คณิต ชีวะ และเคมี
จากนั้นก็กรอกใบสมัคร ว่าต้องการเรียนอะไร และที่สำคัญมันจะมีช่องให้ใส่ Predicted grade ซึ่งคุณครูจะบอกเกรดที่คิดว่าเราจะได้จริงๆ ซึ่งของข้าน้อยเป็นเกรดที่โคตรจะเน่า ไม่น่ามีหวังที่จะเรียน A-level เลยสักนิด
แค่วิชาภาษาอังกฤษก็ไม่รอดแล้ว ได้เกรด E ใน Mock สอบที่จะสมมุติว่าเราอยู่ประมาณไหนและมีโอกาสได้ในตอนสอบจริงๆ
ก็ไม่แคร์งับเขียนไปเลยว่าอยากเรียน เขียนเกรดไปอย่างมั่นใจ (แล้วจะมาบอกผลของความหน้าด้าน T.T เรื่องราวที่ไม่อยากจดจำ) แล้วก็ส่งไปทางไปรษณีย์
หลังจากนั้นไม่กี่เดือนก็จะมีจดหมายตอบรับมาว่าให้ไปสัมภาษณ์วันไหน ซึ่งข้าน้อยได้ส่่งไปสามที่
ตอบกลับมาทั้งสามที่ เดี๋ยวๆ มันยังไม่จบ เพราะการสัมภาษณ์ก็เป็นขั้นตอนที่พวกอาจารย์เขาจะดูเกรดและไล่พวกไม่เจียมตัวให้ไปเรียนคอร์สอื่นที่ง่ายกว่านี้ ฟู่ววว กร๊าสสส (และไม่ต้องเดาก็รู้ว่าข้าน้อยคือหนึ่งในนั้น)
อ่อ ลืมไปในใบสมัครนั้นจะมีช่องว่างๆใหญ่ให้เขียนถึงความสนใจ บอกเล่าพื้นเพ อยากเป็นอะไร ให้เขียนบรรยายมาหนึ่งหน้ากระดาษ พอเขียนเสร็จก็รีบเอาไปส่งงง
ซึ่งตอนนั้นเก็กฮวยก็เริ่มงงๆว่าอยากเป็นอะไร สับสนมาก แต่ก็เขียนๆไป โดยการให้เพื่อนเขียนให้ฮา เพราะก็อย่างที่บอกว่าภาษาข้าน้อยโคตรห่วย
ใช้แค่อันนี้อันเดียวสมัครไปสามที่ ฉลาดจริงๆ 555+
ขั้นตอนจากนั้น คือ สัมภาษณ์ หากผ่านก็เอาเกรดที่ได้มายืนยันที่หลัง
-----------------------------------------------------
สำหรับข้าน้อยเป็นอะไรที่ยากมากกว่าจะผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ ด้วยความที่อ่อนภาษาครูหลายๆคนจึงลงความเห็นว่าเราควรเรียน BTEC แต่เราก็คิดในใจว่า ม่ายยยยเรียน เพราะปกติเป็นคนไม่ชอบนั่งทำรายงานนานๆ ถนัดสอบให้เสร็จไปเสียมากกว่า
ในตอนปี11 ข้าน้อยร้องไห้บ่อยมากทั้งๆที่ไม่ใช่คนบ่อน้ำตาตื้น ส่วนมากร้องไห้ในวิชาภาษาอังกฤษเพราะความกดดัน หากถามว่ามีวิชา ESOL มั้ยคำตอบคือไม่ ครูพิเศษจะมาดึงเราออกจากวิชาภาษาอังกฤษไปนั่งทำ Coursework อะไรบ้าบอ
ซึ่งเราก็ชอบร้องไห้ในคาบที่รูพิเศษดึงตัวเราไปเพราะความกดดัน ว่าเราจะไม่ได้เกรด C ในภาษาอังกฤษซึ่งเราหวังอยู่แค่นี้ในวิชานี้ เพราะปกติตอนเรียนที่ไทยก็ใช่ว่าเราจะเรียนไม่เก่งหรือเรียนเก่ง แต่เราก็เรียนพอกลาง ไม่เคยต่ำกว่า 3.80 แต่มาอยู่ที่นี้เรารู้สึกด้อยค่ามากด้วยความที่พ่อแม่ก้ตั้งความหวังไว้กับเราถึงท่านจะไม่บังคับให้เรียนๆๆๆๆ เราก็สงสารที่พวกท่านต้องทำงานหนัก ดราม่ามาก น่ะตอนนั้น =_=
อีกครั้งเราก็เกือบร้องไห้ตอนสัมภาษณ์ครั้งแรกทำอะไรเงอะงะไปหมด ข้าน้อยรู้สึกลำคอตีบตั้นหลังจากอาจารย์อ้วนๆผู้หญิงถีบเราตกเหว โดยการพูดว่า
"ภาษาอังกฤษเธออยู่ที่เกรด E เธอคิดว่าจะขึ้นมาอยู่ที่เกรด C ได้ในเวลาสามสี่เดือนมั้ยล่ะ แน่นอนว่าไม่ได้เพราะเธอห่างจากเกรด C ถึงสองขั้น เอาเป็นว่าฉันรับคุณเข้าเรียนคอร์สนี้ไม่ได้"
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
อึกกกกก
ฉันเกลียดแกกกกกกก (อารมณ์ประมาณนางร้ายถูกนางเอกแย่งสามี)
มีต่อตอนต่อไป "สัมภาษณ์ครั้งแรก ถูกปฎิเสธครั้งแรก"
ขอบคุณธีมสวยๆ
:) Shalunla
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น