ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : จุดเริ่มการกบฏ
แสงแดดอบอุ่นสาดส่องเข้ามาภายในห้องเล็กๆ เสียงนกตัวน้อยร้องขับขานรับกับกลิ่นดอกไม้ที่หอมบางๆในยามเช้า ปลุกให้ชายหนุ่มร่างบางตื่นจากการหลับใหล ผ้าห่มสีขาวสะอาดถูกพับวางไว้อย่างเรียบร้อยบนเตียงที่เรียบสนิด ปลายนิ้วเรียวสัมผัสรอยแผลเป็นบางๆที่หน้าอก สายตาคมจ้องมองรอยแผลผ่านเงาสะท้อนในกระจก
“พ่อครับ...ผมจะให้พวกมันชดใช้ในสิ่งที่มันทำ” ร่างบางสวมเสื้อปกปิดรอยแผลเป็น ผมสีทองยาวประบ่าถูกรวบขึ้นอย่างรวกๆ ริมฝีปากบางคาบขนมปังชิ้นใหญ่ เวลานี้จิตใจของเขาไปอยู่ที่ลานกว้างกลางเมืองแล้ว ร่างบางจับอาวุธที่เขาถนัดแล้วออกไปทันที
ณ กลางเมือง
“ย้ากกกกกก.........ตุ๊บ”
“ชาลี...ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งแล้วว่าอย่าลอบเข้าข้างหลังข้า”
“โอ้ย...เท้าเจ้ายังหนักเหมือนเดิมเลยนะเฟย์”
“แต่เท้าของข้าก็ไม่เคย ‘ฆ่า’ เจ้าได้เลยซักที”
“นี่เจ้าคิดจะฆ่ากันเลยเหรอ...ไอ่หัวกะหล่ำ”
“เจ้าว่าอะไรนะ...ย้ากกกกกกกกกก....” ความชุลมุนขนาดย่อมก็เกิดขึ้น
“แฟรงก์...น้องของเจ้ากับข้าเล่นกันเป็นเด็กๆอีกแล้ว”
“สองคนนั่นหน่ะไม่ได้เล่นหรอก...แต่กำลังฝึกการต่อสู้ตัวต่อตัวต่างหาก”
ณ Dark Palace
“ชาล์ล...ระวังให้ดีนะลูก...อย่าให้มันครอบงำตัวเจ้าได้...แม่รักลูกนะชาล์ล”
“ท่านแม่...!!” ชายหนุ่มร่างสูง ผมสีดำสนิด ผิวขาวซีด ริมฝีปากแดงฉาน ตื่นจากภวังค์ เขาฝันร้ายอีกแล้ว ภาพความทรงจำที่เลวร้ายกำลังกลับมาทำร้ายเขา
“แม่อีกแล้วรึ...ชาล์ล” ชายหนุ่มร่างบาง ดูมีอำนาจถามเขา
“ท่านพี่...ท่านมาหาข้าด้วยเหตุอันใด”
“ข้าบอกเจ้าแล้วไงชาล์ล...อย่าเรียกข้าว่าพี่ข้าไม่ได้มีเลือดต่ำๆของแม่เจ้า”
“เวลานี้ท่านคงไม่ใช่พี่ชายของข้าสินะ..กษัตริย์เชรอน”
“เจ้าเพ้อเจ้ออะไรอีกชาล์ล...ข้าก็คือข้า และข้าก็ไม่ใช่พี่เจ้า คนที่มีเลือดต่ำๆอย่างเจ้าไม่น่าจะมายืนอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ” ชาล์ลกำมือแน่น เขาต้องเก็บความรู้สึกของเขาเอาไว้ เพราะเขารู้ดีว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้คือกษัตริย์เชรอนที่บ้าอำนาจและโหดเหี้ยม ไม่ใช่พี่ชายที่แสนอ่อนโยนของเขา
“ข้าจะไปรอเจ้าที่ห้อง...รีบมาพบข้าด้วย” ร่างบางเดินออกไปจากห้อง ชาล์ลทิ้งตัวลงบนเก้าอี้นวม เขาถอนหายใจเบาๆ ‘ทำไมมันต้องเกิดเรื่องบ้าๆพวกนี้ด้วยนะ’...........
ชาล์ลมองตัวเองในกระจก เครื่องแต่งกายที่บ่งบอกถึงตัวตนของเขา สถานภาพที่ใครๆก็ต่างใฝ่ฝัน แต่นัยน์ตาที่เศร้าหมองนั่นเป็นเครื่องบ่งบอกว่าเขาเป็นทุกข์มากขนาดไหนที่แบกรับสถานภาพนี้ สถานภาพที่ติดตัวเขามาตั้งแต่กำเนิด สถานภาพที่เขาถูกยัดเยียดให้อย่างไม่เต็มใจ สถานภาพที่พรากคนที่เขารักหลายต่อหลายคนไปจากเขา ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆก่อนเดินออกไปจากห้อง เขาต้องเจออะไรอีกนะ แล้วเขาจะอดทนกับมันได้มากขนาดไหน
“กษัตริย์เชรอน...ท่านเรียกข้ามาด้วยเหตุอันใด”
“ชาล์ล...พี่เคยบอกเจ้าแล้วไงว่าอย่าเรียกพี่ว่ากษัตริย์” ชายร่างบางผมสีเงินยาวสลวย ดวงตาสีแดงดุจเลือด เงยหน้าขึ้นจากคอของชายที่อยู่บนเตียง หยดเลือดสีแดงสดไหลลงมาจากริมฝีปากบาง ผิวขาวเนียนเปื้อนไปด้วยเลือดของชายที่อยู่บนเตียง
“ข้ามาพบท่านตามรับสั่ง”
“เอ่อ...ข้าสั่งให้เจ้ามาพบข้ารึ” ชาล์ลพยักหน้า
“แล้ว...ข้าสั่งให้เจ้ามาพบข้าด้วยเรื่องอะไรหล่ะ” ชาล์ลส่ายหน้าเบาๆ
“ท่านพี่กลับมาแล้วเหรอครับ”
“ข้ากลายเป็นเชรอนใช่มั้ย...ชาล์ล” ชาล์ลผยักหน้าอีกครั้ง
“อีกแล้ว...ข้าแพ้เชรอนอีกแล้ว...พี่ควรทำอย่างไรดี”
“ท่านทำดีที่สุดแล้ว...ท่านพี่เชลลีน” ร่างสูงโอบกอดร่างบาง เขาสงสารคนตรงหน้าเหลือเกิน ทำไมคนที่มีจิตใจอ่อนโยนและแสนดีต้องมารับผิดชอบและแบกรับการกระทำที่ชั่วร้ายของคู่กำเนิดด้วย คู่กำเนิดผู้เลวร้ายที่ถูกผนึกไว้ด้วยเวทย์มนต์เก่าแก่ให้ถูกจองจำอยู่ภายในร่างกายที่บอบบางเช่นนี้
ณ เมืองแห่งทาสและอาหาร
“พี่ฮะ...เกิดอะไรขึ้นฮะ” เสียงหวานของชายหนุ่มร่างบาง
“เอ่อ...จดหมายจากทางรัฐบาลหน่ะ”
“แล้วพวกตาแก่นั่นส่งมาว่าอย่างไงอีกหล่ะ”
“ก็เรื่องเดิมๆหน่ะโจฮาน”
“อะไรกันอีกหล่ะ...พวกตาแก่นั่นยังไม่ยอมเลิกสั่งห้ามพวกเราอีกเหรอเนี่ย”
“แต่ข้าว่าครั้งนี้พวกเขาเอาจริงนะ”
“เอาจริงเหรอฮะ”
“ใช่...พวกรัฐบาลจะเจรจายกเมืองของเราให้กับพวกแวมไพน์”
“มันเป็นการตัดปัญหาที่จะตามมาหากเราแพ้ใช่มั้ยฮะ”
“พวกขี้ขลาดนั่นทำอะไรเห็นแก่ตัวชะมัด ตั้งแต่ที่ให้เมืองของเราเป็นเมืองแห่งทาสและอาหารแล้วนะ”
“แล้วเราจะเอายังไงดีละครํบ...จะสู้หรือว่าจะหยุด”
“เราจะสู้กันต่อ”
“เจ้ามีแผนอะไรเหรอแฟรงก์”
“ข้าคิดว่า...ถ้าเมืองของเราตกเป็นเมืองของพวกมัน...บางทีพวกเราอาจจะเข้าหาพวกมันได้ง่ายขึ้นนะ”
หลายวันต่อมา...ทางรัฐบาลได้ส่งทูตไปเจราจากับพวกแวมไพน์ ชาวเมืองแห่งทาสและอาหารต่างเฝ้ารอคำตอบรับจากพวกแวมไพน์อย่างใจจดใจจ่อเพราะมันคือคำตอบรับที่จะทำให้อะไรหลายๆอย่างง่ายขึ้น
“มหากษัตริย์เชรอน เคลาทิกซ์ ที่13 แห่งเมืองแวมไพน์ที่ยิ่งใหญ่ ข้าเป็นทูตจากเมืองอัคคาเทียร์”
“เจ้ามาหาข้าด้วยเรื่องอันใด...พวกมนุษย์ขี้ขลาด”
“ทางรัฐบาลของข้าได้ลงมติตัดสินแล้วว่า...เราจะมอบเมืองทางฝั่งตะวันตกให้เป็นอาณานิคมของท่าน”
“เมืองแห่งทาสและอาหารหน่ะรึ”
“ใช่ขอรับ...แต่ทางเราก็มีเงื่อนไขบางประการ”
“เงื่อนไขอะไร”
“ท่านต้องไม่มายุ่งกับเมืองอัคคาทียร์อีกตลอดกาล”
“ได้...ข้ารับข้อเสนอ...เอาหล่ะนี่คงหมดธุระของเจ้าแล้วซินะ” ร่างบางเดนลงจากบัลลังก์มุ่งตรงไปหามนุษย์ตรงหน้า มือเรียวสวยจับที่ต้นคอคนตรงหน้าแน่น
“ไหนท่านบอกว่าจะไม่ยุ่งกับเมืองอัคคาเทียร์อีกไง”
“ข้าก็ไม่ได้ไปยุ่งกับคนในเมืองของเจ้าซะหน่อย...แต่ตอนนี้...เจ้าอยู่ในเมืองของข้า” เขี้ยวคมถูกกดฝังลงที่คอของท่านทูตแน่น เลือดสีเข้มไหลลงมาจากซอกคอเป็นทางยาว
“ไม่เห็นอร่อยเลย” ร่างบางเช็ดริมฝีปากแดงก่อนเดินออกไป
“เจ้าส่งคนไปบอกข่าวการเจรจาครั้งนี้ให้พวกเขาทราบด้วย” เสียงจากชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนเงียบๆริมท้องพระโรง
“รับด้วยเกล้า...เจ้าชายชาล์ล”
การเจรจาครั้งนี้ก็จบลงด้วยการสังเวยชีวิตของเอกคราชทูตเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา แต่มันคงเป็นการเจรจาครั้งสุดท้าย... ร่างอันไร้วิญญาณของท่านเอกคราชทูตถูกโยนลงไปในถังใบใหญ่ ไม่นานเสียงเครื่องยนต์บางอย่างก็เริ่มทำงาน
ชาล์ลเดินออกมาริมระเบียงห้องนอน เขาทิ้งตัวลงบนเก้าอี้โยก ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ ‘ต่อไปนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้างนะ’ ดวงตาสีดำสนิดจ้องมองไปยังดวงจันทร์ดวงใหญ่ที่ทอแสงสีนวลสว่างไสวไปทั่วท้องฟ้ายามราตรี
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น