ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เอล ดารบี้...หัวใจนี้มีแต่เธอ

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่2

    • อัปเดตล่าสุด 7 เม.ย. 49


                ชายหนุ่มร่างสูง ราวกับนายแบบ บวกกับหน้าตาอันหล่อเหลา แนวสแปนิชแท้ๆ (แต่ตอนนี้ฟกช้ำเล็กน้อย อันเนื่องมาจากงานเลี้ยงเมื่อคืนนั่นเอง)  ทำให้เขาเป็นจุดเด่นทุกครั้ง เวลาที่เข้ามาที่กระทรวง นับตั้งแต่เรื่องเมื่อคืน ที่มีสาวสวยมาต่อยหน้าเขาอย่างจังกลางงานเลี้ยงวันเกิด ดูเขาจะเป็นจุดสนใจมากขึ้นกว่าเดิม ขณะที่ร่างสูงก้าวเข้ามาภายในอาคาร เสียงซุบซิบก็ตามตัวเขามาเปนระยะ
      "อะ แฮ่ม…... มิสเตอร์ อัลวาโร่ หน้าหายชายังครับ" เสียงผู้ชายคนนึง พูดล้อเลียนเขา
       "ขอโทษนะครับ มิสเตอร์ มาร์ติเนซ งานการไม่มีทำหรอครับ" ชายหนุ่มตอบกลับไป  
       แหมๆ แค่นี้ก็อารมณ์ไม่ดีนะครับคุณเพื่อน

       เซงว่ะ เขาจับริมฝีปากหนาของตัวเอง  เจ็บปากชิบหายเลย ยัยนั่นทำแสบชิบเป๋ง

       แล้วตกลงเรื่องเป็นไงกันแน่เนี่ย ข้าก็งงไปหมดแล้ว   อังเดรถามพลางนั่งลงที่โซฟายาว    "ข้าก็ไม่รู้ เหมือนกัน

    รู้แต่ว่า เจอแม่นั่นครั้งแรกที่ เบอร์นาบิว" เขากล่าวถึงสนามเหย้าของทีมรีลมาดริด--- "แล้วก็มาเจออีกครั้งที่งานวันเกิดข้านี่แหละ ตอนแรกก็เห็นว่าสวย กะจะเข้าไปจีบซะหน่อย ที่ไหนได้ กลายเป็น แม่มดร้าย ซะนี่ " เขาพูดพลางหัวเราะร่วน
        "เอ๊ะๆๆ........เจอที่เบอร์นาบิว...อย่าบอกนะว่า....------ พวกมาดริดนิสต้า "
        "เก่งนี่ ถูกเผง รู้สึกจะขั้นรุนแรงด้วยนะ คงแค้นฉันมาก ที่ไปว่าทีมรักของเขา ผลงานอย่างนั้นสมควรแล้วแหละ ที่จะโดนล้อนะ " เขาพูด พลางหัวเราะเยาะอย่างชอบใจ หารู้ไม่ว่า มีร่างหนึ่งแอบได้ยิน อยู่หน้าห้อง
        "ข้าว่าเองอย่าไปยุ่งกับเขานักเลย ต่างคนต่างอยู่จะดีที่สุด ถ้าเปโดรรู้คงไม่ชอบใจแน่ ที่เองไปข้องเกี่ยวกะพวกนั้น" ปาโบลเอ่ยชื่อปู่ของเขาซึ่งเคยเป็นหัวหน้าขบวนการแอนตี้มาดริดนิสต้า แต่ปัจจุบันก็ชราภาพมากแล้ว
        "แต่ว่าข้าจะต้องแก้แค้นแม่นั่นให้ได้  หยามกันมากเกินไปแล้ว" เขานึกถึงหน้ายัยมาดริดนิสต้าจอมโวย
       "ระวังนะเว้ย เกลียดสิ่งไหนมักได้สิ่งนั้น ระวังจะไปหลงรักเขาล่ะ ขอเตือนด้วยความหวังดี " อังเดรมองหน้าเพื่อนสนิท "ตอนแรกอาจจะใช่  แต่ตอนนี้ข้าเกลียดแม่นั่นยิ่งกว่าอะไรซะอีก    แล้วก็ยังไงข้าก็ไม่มีทางที่ข้าจะไปหลงแม่นั่น อยู่แล้วหล่ะ " ชายหนุ่มไหวไหล่เล็กน้อย
        "งั้นข้าไปก่อนหล่ะ ......" ปาโบล พูดพลางเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว โดยไม่สังเกตว่ามีใครยืนอยู่หน้าประตู


              ไม่ถึง10 วินาที ประตูห้องก็ถูกเคาะอีกครั้งนึง "อะไรของมันอีกว่ะเนี่ย ไอ้เพื่อนคนนี้ " ร่างสูงพูดเสร็จจึงรีบไปเปิดประตูกะจะเล่นงานไอ้เพื่อนตัวดี
       "อะไร อีกว่ะ.................”
       " !!!คุณ!!! "  เขาตกตะลึงกับบุคคลที่อยู่ตรงหน้า วันนี้เธออยู่ในชุดสบายๆ เพียงเสื้อยืดสีขาว และกางเกงยีนสีเข้ม กับรองเท้าส้นแหลมปรี๊ด  ใบหน้าไร้การตกแต่งใดๆ รวบผมที่เคยยาวสลวยไว้ด้านหลัง   เท่ชะมัดเลย ผู้หญิงคนนี้
       "มีเรื่องจะคุยด้วย เข้าไปได้ไหม " เธอพูดแปลกๆ ไม่เหมือนกะแม่เสือสาวขี้โมโหคนนั้น ที่ต่อยเขาเมื่อวาน
      "คิดถึงผมหรอไงครับ คุณคนสวย" เขาจ้องหน้าเธอ  เธอไม่ตอบ รีบก้าวเดินเข้าไปในห้องเขาทันที แล้วหยุดอยู่หน้าโต๊ะทำงานของเขา
      "มีอะไรหรอครับ" เขาถามอย่างสงสัยกับท่าทีแปลกๆของเทอ
      "อย่านึกนะว่าฉันไม่ได้ยินที่พวกคุณคุยกันมะกี้นะ" เธอเริ่มโวยวาย

       แต่ก็ดูน่ารักดีนะ แต่เวลานี้ไม่มีอารมณ์มาชมเธอแล้วแหละ

       "-- มีสิทธิ์อะไรมาว่าทีมฉันแบบนั้น แล้วทีมคุณมันดีนักหรอ " --"เรื่องเมื่อวานฉันคิดว่ามันยังน้อยไปด้วยซ้ำสำหรับคนแบบพวกคุณ"
        "คนแบบผม มันเป็นยังไงหรอครับ"เขาถามและยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆเธอ -----" ก็พวกเฮงซวยบาร์เซโลน่าไงหล่ะ อย่านึกนะว่าชนะทีมฉันแล้วจะคุยได้"
         "นี่...คุณ ผมว่ามันจะมากไปรึป่าว ยังงัยผมก็ไม่เคยไปยุ่งกับทีมคุณซักหน่อย "
        "ไม่ได้ยุ่งหรอ คุณพูดได้ไงว่าไม่ได้ยุ่ง เมื่อหลายอาทิตย์ก่อน ฉันยังจำหน้าไอ้ผู้ชายงี่เง่าคนนึงที่มันว่าทีมฉันได้ไม่ลืมหรอกนะ ....แล้วคุณจะปฎิเสธไหมล่ะ ว่าคนนั้นไม่ใช่คุณ " เธอว่าโดยไม่สังเกตว่าเขาอยู่ห่างเธอเพียงคืบเดียว
         " ผมขอโทษแล้วกัน " เขาพูดอย่างง่ายๆ ราวกับว่ามันไม่ได้ออกมาจากใจ
         "ง่ายยังนี้เลยหรอ ......" เธอพูดอย่างหัวเสีย
         "สำหรับฉันเรื่องมันไม่จบอย่างนี้หรอก" --- “และอยากจะบอกว่าฉันก็เกลียดคุณไม่แพ้กับที่คุณเกลียดฉันหรอกนะเธอกอดอก เชิดหน้าสวยๆขึ้น
         "แล้วคุณจะคิดมากไปทำไม ผมยังไม่คิดอะไรเลยซักหน่อย " เขาตอบอย่างกวนๆ ทำให้เธอชักจะอยากตะบันหน้าหล่อๆของเขาอีกสักตั้ง
         " ไม่คิดใช่ไหม.........ได้.........งั้นคุนคงจะไม่ว่าฉันใช่ไหมที่จะด่าทีมคุนนะ.." เธอรีบพูดอย่างไม่รอคำตอบ
         "ไอ้พวกบาร์เซโลนิสต้าเฮงซวยเอ้ย  อิจฉาทีมฉันหรอไง ที่ประสบความสำเร็จมากกว่า อย่านึกนะว่าบุกมาชนะเขาถึงบ้าน แล้วตัวเองจะเป็นแชมป์ได้ มันยังไม่จบแค่นี้หรอกนะคุณ....ไอ้พวกบา....."   ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ เขาก็ดันตัวเธอนอนลงราบกับโต๊ะไม้ขนาดใหญ่   ร่างสูงทับลงบนตัวของเธอ ใบหน้าของเขาและเธอแทบจะชิดติดกัน

         "นี่....หยุดนะ...." เธอพยายามดันอกเขาให้ออกห่างจากเธอ แต่ตอนนี้เธอไม่มีแม้แต่แรง เพราะการได้ใกล้ชิดกับชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยเสน่ห์แห่งบุรุษเพศ มันทำให้หัวใจของเธอหวั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก

       " มาหาผมถึงที่ ผมคงไม่ปล่อยให้คุณหลุดรอดไปหรอก แม่มาดริดนิสต้าคนสวย " ชายหนุ่มใช้สายตาเย้ายวนเต็มที่ งานนี้เขาชนะ......
          เคทผลักเขาอย่างเต็มแรงของเธอ "ฉันเกลียดคุณ" แล้วเธอก็ต่อยเขาอีกที
           "ผู้หญิงอะไรว่ะ หมัดหนักชิบเป๋ง" เขาจับริมฝีปากตัวเองอีกฝั่งหนึ่ง คอยดูนะ ฉันต้องชนะเธอให้ได้

        ว่าแล้วชายหนุ่มเลยกดโทรศัพท์เรียกเลขาของเขาขึ้นมา
        " ผมอยากให้คุนสืบประวัติของคุณคณิตา ที่ปรึกษาท่านอัครราชทูตไทย  ที่มาติดต่องานที่สถานกงสุลไทยให้หน่อย เอาเรื่องที่เธอเป็นมาดริดนิสต้าด้วยนะ ขออย่างละเอียด "
        "ท่านจะเอาไปทำไมหรอค่ะ" เธอถามแทนพนักงานทั้งกระทรวงที่ก็น่าจะอยากจะรู้เหมือนกัน
        "มัน...เรื่องของผม คุณยุ่งอะไรด้วย  เอามาให้เร็วที่สุดด้วยหล่ะ " เขาพูดอย่างโมโห และไล่ให้เลขาเขาออกไป

      
        

    "ปาเลตต้า เธอเป็นอะไรนะ" พนักงานสาวๆที่กระทรวงของสเปนต่างเข้ามามุงที่โต๊ะของหล่อน
        "คุนอเล็กซ์ ขะ - ขะ- - - - - เขา ว่า ฉัน ว่าฉันยุ่งเรื่องของเขา เขา-เขาต้องเกลียดฉันแน่ๆเลย " เธอพูดติดๆขัดๆ 
        "แล้วทำไมเขาถึงว่าเธอหล่ะ" พนักงานคนนึงถาม  "ก็.....ฉันแค่ถามเขาว่าจะเอาประวัติแม่นักการทูตไทยไปทำไมแล้วเขาก็ว่าเรื่องของผม ฉันยุ่งอะไรด้วย "  แล้วหล่อนก็ปล่อย โฮ ออกมาไม่หยุด
        ทุกคนต่างรู้กันดีว่าปาเลตต้าแอบรักบอสของเธอมานานมากแล้ว และเธอก็เป็นหัวหน้าแฟนคลับของเขาด้วย จึงทำให้เศร้าโศรกเสียใจขนาดนี้ เพราะคิดว่าบอสมีใจให้แม่นั่น


                 ด้านคนที่อยู่ในห้องทำงานกำลังนั่งอย่างสบายใจ เพื่อรอฟังข้อมูลของแม่นักการทูตสาวอยู่ แต่คราวนี้คนที่เข้ามารายงาน หาใช่ปาเลตต้า แต่เป็นมาเรียพนักงานคนนึงของกระทรวง เธออ้างว่า ปาเลตต้าขอลางานครึ่งวัน แต่ก็ไม่ทำให้เขาตื่นเต้นอะไรเท่ากับจะได้ฟังข้อมูลของเทอ
        "คุนคณิตา นักการทูตสาวไทย ปัจจุบันอายุ 26 ปี  ได้ทุนของกระทรวงต่างประเทศ ไปศึกษาต่อที่USA.จนจบมัธยมและเธอจบปริญญาตรีที่ University of madrid และปริญญาโทจากบอสตัน USA ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสิ้น  เมื่ออายุ 22 ปีได้ทำงานให้กระทรวงต่างประเทศ  มีข่าวมาว่าเธอได้เป็นหนึ่งในตัวแทนของประเทศไทยได้ไปทำงานอยู่ที่องค์การสหภาพยุโรป ที่เนเธอร์แลนด์ ด้านบทบาทมนุษยชน ถือว่าเป็นตำแหน่งที่ใหญ่มาก แต่ว่าเธอขอย้ายมาที่สเปนแต่ไม่มีคัยทราบเหตุผลว่าทำไมถึงขอมาอยู่ที่สเปน  ส่วนข้อมูลเรื่องที่เธอเป็นมาดริดนิสต้า ว่ากันว่า เธอมีพี่ชายบุญธรรมเป็นหัวหน้าขบวนการมาดริดนิสต้าสมัยที่มาเรียนที่มาดริด และก็แอนตี้พวกบาร์เซโลนิสต้า มากด้วยค่ะ  " มาเรียบรรยายให้หัวหน้าของเธอฟัง   และก็ยัง......โสดค่ะ
         "ขอบคุณมาก มาเรีย เชิญทำงานของคุณต่อได้" เขาพูด
         มิน่า......  จงเกลียดจงชังกันจริงๆ   ฉันจะทำให้เธอจำฉันได้ทั้งยามหลับและยามตื่น ด้วยความเคียดแค้นเลยทีเดียว แม่มาดริดตัวร้าย

     

     

     

          เมืองบาร์เซโลน่า เป็นเมืองท่าของสเปน และมีวัฒนธรรมเป็นตัวของตัวเองสูง ที่นี้ ใช้ภาษากาตาลัน เป็นภาษาราชการ ทำให้หญิงสาวชาวไทยค่อนข้างลำบากในการพูดคุยกับคนที่นี้ ที่ไม่พูดภาษากาสตีย่า หรือภาษาทางการของสเปนทั่วไป จนทำให้เธอพลอยอุทานเป็นภาษาบ้านเกิดด้วยความหงุดหงิดหลายครั้ง ที่พูดกันไม่รู้เรื่อง กับคนที่ขายของอยู่ริมถนนคนเดิน ในเมืองบาร์เซโลน่า ยังดีที่เธอพูดภาษาสเปนได้อย่างดี เพราะช่วงชีวิตหนึ่งได้มาศึกษาระดับปริญญาตรีที่มาดริด ถึง4ปี ขณะที่หญิงสาวกำลังเดินดูของใช้จำเป็นส่วนตัวอยู่ ได้บังเกิดสิ่งอัปมงคลที่สุด ที่เธอเคยพบเจอมา โผล่มาข้างกาย วันนี้เขาอยู่ในชุดสบายๆ ใส่แค่เสื้อยืดสีขาว กับกางเกงขายาว

                  แต่แค่นี้ก้อดูดีจะแย่แล้วหล่ะ.....บ้าจริง คิดไรเนี่ย
        "ไงครับ  เดินคนเดียว ไม่เหงาหัวใจ บ้างหรอ" น้ำเสียงอ้อนสาวอย่างนี้ เป็นใครไม่ได้นอกจาก 
        "ตาบ้า  ออกไปให้พ้นนะ " เธอผลักเขาออกไป
        "อะไร ผมทักคุณดีๆแล้วนะนี่ แค่อยากจะผูกไมตรีด้วย อ่ะๆ.....เป็นนักการทูตนี่ ไม่มีไมตรีให้คนรอบข้างนี่ เสียชื่อหมดนะครับ" เขาเดินไปพร้อมๆกับเธอ ที่ทำท่าว่าอยากจะหนีจากเขาไปให้ไกล
        "มีไมตรีแน่ แต่ไม่ใช่กับคนอย่างพวกคุณ " เธอเชิดใบหน้าสวยขึ้น
        "อะไรกันคุณ เจอแปปเดียว ทำท่าจะตั้งแง่ใส่แระ------- หรือว่าช่วงนี้ ไม่ได้ดูทีมรัก กระวนกระวายนักหรอไง" เขาใช้น้ำเสียงเย้ยหยัน เธอเต็มที่
        "นี่.....คุณ เมื่อไหร่จะออกไปจากชีวิต ฉันสักทีเนี่ย ฉันไม่เคยเจอใครที่เป็นแบบพวกคุณจริงๆเลยนะเนี่ย " เธอหันหน้ามาทำท่าจะหาเรื่อง"คนแบบพวกผมอีกแระ .......ผมละเบื่อคำนี้ จริงๆ" เขาเสยผมหน้าขึ้น พลางทำท่าเบื่อ
        "เบื่อ ใช่ม่ะ งั้นก็ออกไปให้พ้นจากฉันสักทีได้ไหม"
        "ไม่ได้หรอกครับ เพราะผม....." ยังไม่ทันขาดคำที่เขาจะพูด ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งพุ่งตรงมาทางเขาและเธอ อย่างรวดเร็ว
        "--อเล็กซ์ ....”  ซวยแล้ว

         อเล็กซ์ค่ะ คุณมาทำอะไรที่นี้  ไม่เห็นบอกแซลลี่บ้างเลย"   ผู้หญิงคนที่เธอจัดว่าหน้าตาดี แต่งตัวดี เสียอย่างเดียว เสียงแปร๋นไปหน่อย ตามความคิดของเธอเป็นคนพูด  พลันสายตาของหญิงสาวที่เพิ่งบอกว่าตัวเองชื่อ แซลลี่ ก็หันมาเห็นเธอ ใช้สายตาอย่างดูหมิ่นดูแคลน เพราะวันนั้นเธอแต่งตัวธรรมดามาก
       "นี่คัย หรอค่ะ ที่รัก " – หล่อนเรียกเขาว่าที่รัก ถึงกับสร้างความหมั่นไส้ให้คนที่ได้ยิน  " อ๋อ นี่ เคทนะ ทำงานอยู่ที่สถานทูตไทยที่สเปนนี้นะ " อเล็กซ์เขาตอบ
      "คงจะเป็นพวกพนักงานกระจอกๆนะสิ" แซลลี่ถามเธอ
      "แล้วคิดว่าฉันเป็นพนักงานดูดส้วมที่สถานทูตหรอค่ะ" เธอย้อน "ปากดีจริง....รู้ไหมย่ะว่าฉันเป็นใครย่ะ " สายตาคมของสาวสเปนสังเกตเห็นกระเป๋าถือของเธอที่ติดคำว่ารีลมาดริดอยู่
      "เอ๊ะ...นี่ พวกมาดริดนี่ค่ะ อเล็กซ์ คุณไปยุ่งไปกับพวกมันทำไม"  สาวสเปนตาคมถาม(คนที่เธอคิดเองว่าเป็น)ที่รัก
      "เอ่อ....เออ" อเล็กซ์พูดไม่ถูก เพราะรู้ว่าแซลลี่ก็เป็นแฟนของทีมบาร์เซโลน่าตัวยงเหมือนกัน
      "อเล็กซ์เขามากับฉันนะค่ะ เรากำลังจะไปต่อกันอยู่พอดี สนใจไปด้วยกันไหมค่ะ" เธอเดินไปกอดแขนเขาแน่น แอบจิกเนื้อเขาไปด้วย แต่เธอยอมรับว่า หุ่นนายคนนี้ดีทีเดียว แค่เธอกอดแขนเขาก็ยังรู้สึกถึงกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ที่ให้ความอบอุ่นได้ดีเหมือนกาน แต่นี่ เธอกำลังจะแกล้งเขานะ จะรู้สึกบ้าๆอย่างนั้นไม่ได้เด็ดขาด

      "กรี้ดๆๆๆๆ......"   นางร้ายของแท้เลยแหะ แต่ขอเปลี่ยนตรงที่ร่างสูงข้างๆไม่ใช่พระเอกได้ไหม
      "แซลลี่ๆๆ ......จะฟ้องคุณพ่อ" เธอโวยวาย พร้อมปล่อยแขนอีกข้างของอเล็กซ์ แล้ววิ่งหนีไปท่ามกลางฝูงชนที่หันมาดูกันยกใหญ่
      "คุณนี่---แสบ เป็นบ้าเลย รู้ไหมว่าเเซลลี่นะ เขาเป็นลูกสาวของท่านรมต.กระทรวงยุติธรรมของสเปนเชียวนะ" เขาหัวเราะกับพฤติกรรมของผู้หญิงคู่นี้ "แล้วง่ะ...... ต่อให้เป็นเจ้าหญิง ฉันก็ไม่กลัวหรอก" เธอกอดอก ท้าเขา
      "แล้วเราจะไปต่อกันที่ไหนดีละครับ" เขาล้อเลียน คำพูดของเธอ
      "บ้า ฉันพูดเล่นย่ะ  นายไปให้พ้นฉันดีกว่า" เธอเดินหนีเขา  "ยังไง ผมก็ต้องขอบคุณนะครับที่กันผมให้" เป็นครั้งแรกที่เธอเพิ่งเห็นเขาขอบคุณจากใจ หลังจากเหตุการณ์วันนั้นที่เบอร์นาบิว
      "อ้าว ฉันนึกว่าเขาเป็นแฟนคุณซะอีก เห็นจิจ๊ะ หวานจ๋อยเชียว " เธอล้อเลียน
      "ไม่ใช่หรอก ทำไม หึงผมหรอ  ......ผมเห็นนะ สายตาที่คุณมองผมนะ" เขามายืนขวางหน้าเธอ พลางจ้องหน้า
      "หยุดเลย --- บ้าและ  ใครหึงนาย มั่วรึป่าว " เธอตอบพร้อมหลบสายตาที่จ้องจับผิดของเขา
          ถ้าเขาไม่คิดเข้าข้างตัวเองก็คงจะเห็นเ็นได้เลยว่าใบหน้าสวยนั้นแดงจัดมาก
      "เอางี้ ...ผมจะเลี้ยงข้าวคุณละกัน ฐานะที่คุนช่วยผม"
       "ไม่ต้องหรอก ถือว่าฉันทำทานแล้วกัน แล้วอีกอย่าง ฉันไม่อยากสุงสิงกับพวกบาร์ซ่าอีกแล้ว ข้อสุดท้าย ฉันมีเงินซื้อเองได้ ไม่จำเป็นต้องให้ใครเลี้ยง" เธอทำท่าจะเดินหันหลังกลับไป แต่มือใหญ่ก็จับแขนเธอ รั้งไว้ และรวบร่างบางนั้นเอาไว้  "นี่!! ปล่อย" เธอร้อง
       "แหม รู้สึกว่า ตั้งแต่ ...." เขากำลังจะพูด แต่เห็นสายตาของเธอทำให้เขาละคำนั้นเอาไว้  "คุณนี่ดูจะงอนผมไม่เลิกเลยนะ"
       "ใครงอน นายนี่หลงตัวเองที่สุด ปล่อยฉันได้แล้ว "   เขาปล่อยเธอออกจากอ้อมแขน   "งั้น"
         เขาเดินไปที่ร้านขายไอศกรีมตรงหัวมุมถนน เขาสั่งไอศกรีมมา2โคน แล้วเดินตรงมาที่เธอ"อ่ะ......ผมซื้อให้" เขายื่นไอติม มีสตอเบอรี่แปะตรงกลางแท่งนึงให้เธอ
       "เห็นฉันเป็นเด็กหรองัย ถึงซื้อไอศกรีมมาล่อนะ" เธอโวยวาย
       "ไม่เอา ใช่ม่ะ"  ---- "งั้นผมกินเองก็ได้ "  เขาทำท่าเลียไอติมแท่งนึงอย่างอร่อย เขาสังเกตเห็นเธอแอบมองไอติมอีกแท่งที่ทำท่าว่าจะละลายอยู่แล้วเหมือนเด็กที่อยากจะกิน แต่กำลังงอนอยู่ "อ่ะ.....ไม่ต้องอายหรอกน้า คนกันเอง" เขายื่นให้อีกครั้ง
          เธอรับมา พร้อมกล่าว ขอบคุณเขาเบาๆ
       "ฉันไปดีกว่า อยู่แถวนี้ นานๆเดียวจะมีสาวที่ไหนมาเข้าใจฉันผิดอีก "
               เธอเดินหันหลังกลับไปตามทางเดินที่เดินผ่านมา เขามองตามหลังเธอไป แต่ไม่คิดที่จะเดินตามไปแล้ว เขารู้สึกได้ว่าวันนี้บางอย่างในตัวเขามันเปลี่ยนไป เคยบอกให้ตัวเองเกลียดเธอคนนั้นให้มากที่สุด แต่ว่าหัวใจมันก็ดื้อเหลือเกิน ยิ่งเห็นใบหน้าใสๆแบบนั้น ยิ่งทำให้เขาแทบละลาย  ส่วนเธอเองก็เหมือนกัน รู้สึกว่าอารมณ์โกรธในตัวเธอที่มีต่อเขามันน้อยลงไป ทั้งที่ใจอยากจะโกรธและเกลียดเขาให้มากที่สุด ในฐานะที่เป็นคู่อริตลอดกาล แต่ไม่ได้ เธอจะไม่ยอมให้ความรู้สึกแบบนี้มาครอบงำเหตุผลที่ว่ามาดริดและบาร์เซโลน่า ไม่มีทางญาติดีกันได้ เหมือนเส้นขนาน2เส้น ที่อาจจะเดินไปพร้อมกัน ทางเดียวกัน แต่มันไม่มีวันจะมาบรรจบกันได้ 




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×