คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่2
"อะ แฮ่ม ... มิสเตอร์ อัลวาโร่ หน้าหายชายังครับ" เสียงผู้ชายคนนึง พูดล้อเลียนเขา
"ขอโทษนะครับ มิสเตอร์ มาร์ติเนซ งานการไม่มีทำหรอครับ" ชายหนุ่มตอบกลับไป
“ แหมๆ แค่นี้ก็อารมณ์ไม่ดีนะครับคุณเพื่อน”
“เซงว่ะ” เขาจับริมฝีปากหนาของตัวเอง “ เจ็บปากชิบหายเลย ยัยนั่นทำแสบชิบเป๋ง”
“แล้วตกลงเรื่องเป็นไงกันแน่เนี่ย ข้าก็งงไปหมดแล้ว ” อังเดรถามพลางนั่งลงที่โซฟายาว "ข้าก็ไม่รู้ เหมือนกัน
รู้แต่ว่า เจอแม่นั่นครั้งแรกที่ เบอร์นาบิว" เขากล่าวถึงสนามเหย้าของทีมรีลมาดริด--- "แล้วก็มาเจออีกครั้งที่งานวันเกิดข้านี่แหละ ตอนแรกก็เห็นว่าสวย กะจะเข้าไปจีบซะหน่อย ที่ไหนได้ กลายเป็น แม่มดร้าย ซะนี่ " เขาพูดพลางหัวเราะร่วน
"เอ๊ะๆๆ........เจอที่เบอร์นาบิว...อย่าบอกนะว่า....------ พวกมาดริดนิสต้า "
"เก่งนี่ ถูกเผง รู้สึกจะขั้นรุนแรงด้วยนะ คงแค้นฉันมาก ที่ไปว่าทีมรักของเขา ผลงานอย่างนั้นสมควรแล้วแหละ ที่จะโดนล้อนะ " เขาพูด พลางหัวเราะเยาะอย่างชอบใจ หารู้ไม่ว่า มีร่างหนึ่งแอบได้ยิน อยู่หน้าห้อง
"ข้าว่าเองอย่าไปยุ่งกับเขานักเลย ต่างคนต่างอยู่จะดีที่สุด ถ้าเปโดรรู้คงไม่ชอบใจแน่ ที่เองไปข้องเกี่ยวกะพวกนั้น" ปาโบลเอ่ยชื่อปู่ของเขาซึ่งเคยเป็นหัวหน้าขบวนการแอนตี้มาดริดนิสต้า แต่ปัจจุบันก็ชราภาพมากแล้ว
"แต่ว่าข้าจะต้องแก้แค้นแม่นั่นให้ได้ หยามกันมากเกินไปแล้ว" เขานึกถึงหน้ายัยมาดริดนิสต้าจอมโวย
"ระวังนะเว้ย เกลียดสิ่งไหนมักได้สิ่งนั้น ระวังจะไปหลงรักเขาล่ะ ขอเตือนด้วยความหวังดี " อังเดรมองหน้าเพื่อนสนิท "ตอนแรกอาจจะใช่ แต่ตอนนี้ข้าเกลียดแม่นั่นยิ่งกว่าอะไรซะอีก” “แล้วก็ยังไงข้าก็ไม่มีทางที่ข้าจะไปหลงแม่นั่น อยู่แล้วหล่ะ " ชายหนุ่มไหวไหล่เล็กน้อย
"งั้นข้าไปก่อนหล่ะ ......" ปาโบล พูดพลางเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว โดยไม่สังเกตว่ามีใครยืนอยู่หน้าประตู
ไม่ถึง10 วินาที ประตูห้องก็ถูกเคาะอีกครั้งนึง "อะไรของมันอีกว่ะเนี่ย ไอ้เพื่อนคนนี้ " ร่างสูงพูดเสร็จจึงรีบไปเปิดประตูกะจะเล่นงานไอ้เพื่อนตัวดี
"อะไร อีกว่ะ.................”
" !!!คุณ!!! " เขาตกตะลึงกับบุคคลที่อยู่ตรงหน้า วันนี้เธออยู่ในชุดสบายๆ เพียงเสื้อยืดสีขาว และกางเกงยีนสีเข้ม กับรองเท้าส้นแหลมปรี๊ด ใบหน้าไร้การตกแต่งใดๆ รวบผมที่เคยยาวสลวยไว้ด้านหลัง เท่ชะมัดเลย ผู้หญิงคนนี้
"มีเรื่องจะคุยด้วย เข้าไปได้ไหม " เธอพูดแปลกๆ ไม่เหมือนกะแม่เสือสาวขี้โมโหคนนั้น ที่ต่อยเขาเมื่อวาน
"คิดถึงผมหรอไงครับ คุณคนสวย" เขาจ้องหน้าเธอ เธอไม่ตอบ รีบก้าวเดินเข้าไปในห้องเขาทันที แล้วหยุดอยู่หน้าโต๊ะทำงานของเขา
"มีอะไรหรอครับ" เขาถามอย่างสงสัยกับท่าทีแปลกๆของเทอ
"อย่านึกนะว่าฉันไม่ได้ยินที่พวกคุณคุยกันมะกี้นะ" เธอเริ่มโวยวาย
แต่ก็ดูน่ารักดีนะ แต่เวลานี้ไม่มีอารมณ์มาชมเธอแล้วแหละ
"-- มีสิทธิ์อะไรมาว่าทีมฉันแบบนั้น แล้วทีมคุณมันดีนักหรอ " --"เรื่องเมื่อวานฉันคิดว่ามันยังน้อยไปด้วยซ้ำสำหรับคนแบบพวกคุณ"
"คนแบบผม มันเป็นยังไงหรอครับ"เขาถามและยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆเธอ -----" ก็พวกเฮงซวยบาร์เซโลน่าไงหล่ะ อย่านึกนะว่าชนะทีมฉันแล้วจะคุยได้"
"นี่...คุณ ผมว่ามันจะมากไปรึป่าว ยังงัยผมก็ไม่เคยไปยุ่งกับทีมคุณซักหน่อย "
"ไม่ได้ยุ่งหรอ คุณพูดได้ไงว่าไม่ได้ยุ่ง เมื่อหลายอาทิตย์ก่อน ฉันยังจำหน้าไอ้ผู้ชายงี่เง่าคนนึงที่มันว่าทีมฉันได้ไม่ลืมหรอกนะ ....แล้วคุณจะปฎิเสธไหมล่ะ ว่าคนนั้นไม่ใช่คุณ " เธอว่าโดยไม่สังเกตว่าเขาอยู่ห่างเธอเพียงคืบเดียว
" ผมขอโทษแล้วกัน " เขาพูดอย่างง่ายๆ ราวกับว่ามันไม่ได้ออกมาจากใจ
"ง่ายยังนี้เลยหรอ ......" เธอพูดอย่างหัวเสีย
"สำหรับฉันเรื่องมันไม่จบอย่างนี้หรอก" --- “และอยากจะบอกว่าฉันก็เกลียดคุณไม่แพ้กับที่คุณเกลียดฉันหรอกนะ” เธอกอดอก เชิดหน้าสวยๆขึ้น
"แล้วคุณจะคิดมากไปทำไม ผมยังไม่คิดอะไรเลยซักหน่อย " เขาตอบอย่างกวนๆ ทำให้เธอชักจะอยากตะบันหน้าหล่อๆของเขาอีกสักตั้ง
" ไม่คิดใช่ไหม.........ได้.........งั้นคุนคงจะไม่ว่าฉันใช่ไหมที่จะด่าทีมคุนนะ.." เธอรีบพูดอย่างไม่รอคำตอบ
"ไอ้พวกบาร์เซโลนิสต้าเฮงซวยเอ้ย อิจฉาทีมฉันหรอไง ที่ประสบความสำเร็จมากกว่า อย่านึกนะว่าบุกมาชนะเขาถึงบ้าน แล้วตัวเองจะเป็นแชมป์ได้ มันยังไม่จบแค่นี้หรอกนะคุณ....ไอ้พวกบา....." ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ เขาก็ดันตัวเธอนอนลงราบกับโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ ร่างสูงทับลงบนตัวของเธอ ใบหน้าของเขาและเธอแทบจะชิดติดกัน
"นี่....หยุดนะ...." เธอพยายามดันอกเขาให้ออกห่างจากเธอ แต่ตอนนี้เธอไม่มีแม้แต่แรง เพราะการได้ใกล้ชิดกับชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยเสน่ห์แห่งบุรุษเพศ มันทำให้หัวใจของเธอหวั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก
" มาหาผมถึงที่ ผมคงไม่ปล่อยให้คุณหลุดรอดไปหรอก แม่มาดริดนิสต้าคนสวย " ชายหนุ่มใช้สายตาเย้ายวนเต็มที่ งานนี้เขาชนะ......
เคทผลักเขาอย่างเต็มแรงของเธอ "ฉันเกลียดคุณ" แล้วเธอก็ต่อยเขาอีกที
"ผู้หญิงอะไรว่ะ หมัดหนักชิบเป๋ง" เขาจับริมฝีปากตัวเองอีกฝั่งหนึ่ง “คอยดูนะ ฉันต้องชนะเธอให้ได้”
ว่าแล้วชายหนุ่มเลยกดโทรศัพท์เรียกเลขาของเขาขึ้นมา
" ผมอยากให้คุนสืบประวัติของคุณคณิตา ที่ปรึกษาท่านอัครราชทูตไทย ที่มาติดต่องานที่สถานกงสุลไทยให้หน่อย เอาเรื่องที่เธอเป็นมาดริดนิสต้าด้วยนะ ขออย่างละเอียด "
"ท่านจะเอาไปทำไมหรอค่ะ" เธอถามแทนพนักงานทั้งกระทรวงที่ก็น่าจะอยากจะรู้เหมือนกัน
"มัน...เรื่องของผม คุณยุ่งอะไรด้วย เอามาให้เร็วที่สุดด้วยหล่ะ " เขาพูดอย่างโมโห และไล่ให้เลขาเขาออกไป
"ปาเลตต้า เธอเป็นอะไรนะ" พนักงานสาวๆที่กระทรวงของสเปนต่างเข้ามามุงที่โต๊ะของหล่อน
"คุนอเล็กซ์ ขะ - ขะ- - - - - เขา ว่า ฉัน ว่าฉันยุ่งเรื่องของเขา เขา-เขาต้องเกลียดฉันแน่ๆเลย " เธอพูดติดๆขัดๆ
"แล้วทำไมเขาถึงว่าเธอหล่ะ" พนักงานคนนึงถาม "ก็.....ฉันแค่ถามเขาว่าจะเอาประวัติแม่นักการทูตไทยไปทำไมแล้วเขาก็ว่าเรื่องของผม ฉันยุ่งอะไรด้วย " แล้วหล่อนก็ปล่อย โฮ ออกมาไม่หยุด
ทุกคนต่างรู้กันดีว่าปาเลตต้าแอบรักบอสของเธอมานานมากแล้ว และเธอก็เป็นหัวหน้าแฟนคลับของเขาด้วย จึงทำให้เศร้าโศรกเสียใจขนาดนี้ เพราะคิดว่าบอสมีใจให้แม่นั่น
ด้านคนที่อยู่ในห้องทำงานกำลังนั่งอย่างสบายใจ เพื่อรอฟังข้อมูลของแม่นักการทูตสาวอยู่ แต่คราวนี้คนที่เข้ามารายงาน หาใช่ปาเลตต้า แต่เป็นมาเรียพนักงานคนนึงของกระทรวง เธออ้างว่า ปาเลตต้าขอลางานครึ่งวัน แต่ก็ไม่ทำให้เขาตื่นเต้นอะไรเท่ากับจะได้ฟังข้อมูลของเทอ
"คุนคณิตา นักการทูตสาวไทย ปัจจุบันอายุ 26 ปี ได้ทุนของกระทรวงต่างประเทศ ไปศึกษาต่อที่USA.จนจบมัธยมและเธอจบปริญญาตรีที่ University of madrid และปริญญาโทจากบอสตัน USA ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสิ้น เมื่ออายุ 22 ปีได้ทำงานให้กระทรวงต่างประเทศ มีข่าวมาว่าเธอได้เป็นหนึ่งในตัวแทนของประเทศไทยได้ไปทำงานอยู่ที่องค์การสหภาพยุโรป ที่เนเธอร์แลนด์ ด้านบทบาทมนุษยชน ถือว่าเป็นตำแหน่งที่ใหญ่มาก แต่ว่าเธอขอย้ายมาที่สเปนแต่ไม่มีคัยทราบเหตุผลว่าทำไมถึงขอมาอยู่ที่สเปน ส่วนข้อมูลเรื่องที่เธอเป็นมาดริดนิสต้า ว่ากันว่า เธอมีพี่ชายบุญธรรมเป็นหัวหน้าขบวนการมาดริดนิสต้าสมัยที่มาเรียนที่มาดริด และก็แอนตี้พวกบาร์เซโลนิสต้า มากด้วยค่ะ " มาเรียบรรยายให้หัวหน้าของเธอฟัง “ และก็ยัง......โสดค่ะ ”
"ขอบคุณมาก มาเรีย เชิญทำงานของคุณต่อได้" เขาพูด
มิน่า...... จงเกลียดจงชังกันจริงๆ ฉันจะทำให้เธอจำฉันได้ทั้งยามหลับและยามตื่น ด้วยความเคียดแค้นเลยทีเดียว แม่มาดริดตัวร้าย
เมืองบาร์เซโลน่า เป็นเมืองท่าของสเปน และมีวัฒนธรรมเป็นตัวของตัวเองสูง ที่นี้ ใช้ภาษากาตาลัน เป็นภาษาราชการ ทำให้หญิงสาวชาวไทยค่อนข้างลำบากในการพูดคุยกับคนที่นี้ ที่ไม่พูดภาษากาสตีย่า หรือภาษาทางการของสเปนทั่วไป จนทำให้เธอพลอยอุทานเป็นภาษาบ้านเกิดด้วยความหงุดหงิดหลายครั้ง ที่พูดกันไม่รู้เรื่อง กับคนที่ขายของอยู่ริมถนนคนเดิน ในเมืองบาร์เซโลน่า ยังดีที่เธอพูดภาษาสเปนได้อย่างดี เพราะช่วงชีวิตหนึ่งได้มาศึกษาระดับปริญญาตรีที่มาดริด ถึง4ปี ขณะที่หญิงสาวกำลังเดินดูของใช้จำเป็นส่วนตัวอยู่ ได้บังเกิดสิ่งอัปมงคลที่สุด ที่เธอเคยพบเจอมา โผล่มาข้างกาย วันนี้เขาอยู่ในชุดสบายๆ ใส่แค่เสื้อยืดสีขาว กับกางเกงขายาว
แต่แค่นี้ก้อดูดีจะแย่แล้วหล่ะ.....บ้าจริง คิดไรเนี่ย
"ไงครับ เดินคนเดียว ไม่เหงาหัวใจ บ้างหรอ" น้ำเสียงอ้อนสาวอย่างนี้ เป็นใครไม่ได้นอกจาก
"ตาบ้า ออกไปให้พ้นนะ " เธอผลักเขาออกไป
"อะไร ผมทักคุณดีๆแล้วนะนี่ แค่อยากจะผูกไมตรีด้วย อ่ะๆ.....เป็นนักการทูตนี่ ไม่มีไมตรีให้คนรอบข้างนี่ เสียชื่อหมดนะครับ" เขาเดินไปพร้อมๆกับเธอ ที่ทำท่าว่าอยากจะหนีจากเขาไปให้ไกล
"มีไมตรีแน่ แต่ไม่ใช่กับคนอย่างพวกคุณ " เธอเชิดใบหน้าสวยขึ้น
"อะไรกันคุณ เจอแปปเดียว ทำท่าจะตั้งแง่ใส่แระ------- หรือว่าช่วงนี้ ไม่ได้ดูทีมรัก กระวนกระวายนักหรอไง" เขาใช้น้ำเสียงเย้ยหยัน เธอเต็มที่
"นี่.....คุณ เมื่อไหร่จะออกไปจากชีวิต ฉันสักทีเนี่ย ฉันไม่เคยเจอใครที่เป็นแบบพวกคุณจริงๆเลยนะเนี่ย " เธอหันหน้ามาทำท่าจะหาเรื่อง"คนแบบพวกผมอีกแระ .......ผมละเบื่อคำนี้ จริงๆ" เขาเสยผมหน้าขึ้น พลางทำท่าเบื่อ
"เบื่อ ใช่ม่ะ งั้นก็ออกไปให้พ้นจากฉันสักทีได้ไหม"
"ไม่ได้หรอกครับ เพราะผม....." ยังไม่ทันขาดคำที่เขาจะพูด ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งพุ่งตรงมาทางเขาและเธอ อย่างรวดเร็ว
"--อเล็กซ์ ....” ซวยแล้ว
“อเล็กซ์ค่ะ คุณมาทำอะไรที่นี้ ไม่เห็นบอกแซลลี่บ้างเลย" ผู้หญิงคนที่เธอจัดว่าหน้าตาดี แต่งตัวดี เสียอย่างเดียว เสียงแปร๋นไปหน่อย ตามความคิดของเธอเป็นคนพูด พลันสายตาของหญิงสาวที่เพิ่งบอกว่าตัวเองชื่อ แซลลี่ ก็หันมาเห็นเธอ ใช้สายตาอย่างดูหมิ่นดูแคลน เพราะวันนั้นเธอแต่งตัวธรรมดามาก
"นี่คัย หรอค่ะ ที่รัก " หล่อนเรียกเขาว่าที่รัก ถึงกับสร้างความหมั่นไส้ให้คนที่ได้ยิน " อ๋อ นี่ เคทนะ ทำงานอยู่ที่สถานทูตไทยที่สเปนนี้นะ " อเล็กซ์เขาตอบ
"คงจะเป็นพวกพนักงานกระจอกๆนะสิ" แซลลี่ถามเธอ
"แล้วคิดว่าฉันเป็นพนักงานดูดส้วมที่สถานทูตหรอค่ะ" เธอย้อน "ปากดีจริง....รู้ไหมย่ะว่าฉันเป็นใครย่ะ " สายตาคมของสาวสเปนสังเกตเห็นกระเป๋าถือของเธอที่ติดคำว่ารีลมาดริดอยู่
"เอ๊ะ...นี่ พวกมาดริดนี่ค่ะ อเล็กซ์ คุณไปยุ่งไปกับพวกมันทำไม" สาวสเปนตาคมถาม(คนที่เธอคิดเองว่าเป็น)ที่รัก
"เอ่อ....เออ" อเล็กซ์พูดไม่ถูก เพราะรู้ว่าแซลลี่ก็เป็นแฟนของทีมบาร์เซโลน่าตัวยงเหมือนกัน
"อเล็กซ์เขามากับฉันนะค่ะ เรากำลังจะไปต่อกันอยู่พอดี สนใจไปด้วยกันไหมค่ะ" เธอเดินไปกอดแขนเขาแน่น แอบจิกเนื้อเขาไปด้วย แต่เธอยอม็รับว่า หุ่นนายคนนี้ดีทีเดียว แค่เธอกอดแขนเขาก็ยังรู้สึกถึงกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ที่ให้ความอบอุ่นได้ดีเหมือนกาน แต่นี่ เธอกำลังจะแกล้งเขานะ จะรู้สึกบ้าๆอย่างนั้นไม่ได้เด็ดขาด
"กรี้ดๆๆๆๆ......" นางร้ายของแท้เลยแหะ แต่ขอเปลี่ยนตรงที่ร่างสูงข้างๆไม่ใช่พระเอกได้ไหม
"แซลลี่ๆๆ ......จะฟ้องคุณพ่อ" เธอโวยวาย พร้อมปล่อยแขนอีกข้างของอเล็กซ์ แล้ววิ่งหนีไปท่ามกลางฝูงชนที่หันมาดูกันยกใหญ่
"คุณนี่---แสบ เป็นบ้าเลย รู้ไหมว่าเเซลลี่นะ เขาเป็นลูกสาวของท่านรมต.กระทรวงยุติธรรมของสเปนเชียวนะ" เขาหัวเราะกับพฤติกรรมของผู้หญิงคู่นี้ "แล้วง่ะ...... ต่อให้เป็นเจ้าหญิง ฉันก็ไม่กลัวหรอก" เธอกอดอก ท้าเขา
"แล้วเราจะไปต่อกันที่ไหนดีละครับ" เขาล้อเลียน คำพูดของเธอ
"บ้า ฉันพูดเล่นย่ะ นายไปให้พ้นฉันดีกว่า" เธอเดินหนีเขา "ยังไง ผมก็ต้องขอบคุณนะครับที่กันผมให้" เป็นครั้งแรกที่เธอเพิ่งเห็นเขาขอบคุณจากใจ หลังจากเหตุการณ์วันนั้นที่เบอร์นาบิว
"อ้าว ฉันนึกว่าเขาเป็นแฟนคุณซะอีก เห็นจิจ๊ะ หวานจ๋อยเชียว " เธอล้อเลียน
"ไม่ใช่หรอก ทำไม หึงผมหรอ ......ผมเห็นนะ สายตาที่คุณมองผมนะ" เขามายืนขวางหน้าเธอ พลางจ้องหน้า
"หยุดเลย --- บ้าและ ใครหึงนาย มั่วรึป่าว " เธอตอบพร้อมหลบสายตาที่จ้องจับผิดของเขา
ถ้าเขาไม่คิดเข้าข้างตัวเองก็คงจะเห็นเ็นได้เลยว่าใบหน้าสวยนั้นแดงจัดมาก
"เอางี้ ...ผมจะเลี้ยงข้าวคุณละกัน ฐานะที่คุนช่วยผม"
"ไม่ต้องหรอก ถือว่าฉันทำทานแล้วกัน แล้วอีกอย่าง ฉันไม่อยากสุงสิงกับพวกบาร์ซ่าอีกแล้ว ข้อสุดท้าย ฉันมีเงินซื้อเองได้ ไม่จำเป็นต้องให้ใครเลี้ยง" เธอทำท่าจะเดินหันหลังกลับไป แต่มือใหญ่ก็จับแขนเธอ รั้งไว้ และรวบร่างบางนั้นเอาไว้ "นี่!! ปล่อย" เธอร้อง
"แหม รู้สึกว่า ตั้งแต่ ...." เขากำลังจะพูด แต่เห็นสายตาของเธอทำให้เขาละคำนั้นเอาไว้ "คุณนี่ดูจะงอนผมไม่เลิกเลยนะ"
"ใครงอน นายนี่หลงตัวเองที่สุด ปล่อยฉันได้แล้ว " เขาปล่อยเธอออกจากอ้อมแขน "งั้น"
เขาเดินไปที่ร้านขายไอศกรีมตรงหัวมุมถนน เขาสั่งไอศกรีมมา2โคน แล้วเดินตรงมาที่เธอ"อ่ะ......ผมซื้อให้" เขายื่นไอติม มีสตอเบอรี่แปะตรงกลางแท่งนึงให้เธอ
"เห็นฉันเป็นเด็กหรองัย ถึงซื้อไอศกรีมมาล่อนะ" เธอโวยวาย
"ไม่เอา ใช่ม่ะ" ---- "งั้นผมกินเองก็ได้ " เขาทำท่าเลียไอติมแท่งนึงอย่างอร่อย เขาสังเกตเห็นเธอแอบมองไอติมอีกแท่งที่ทำท่าว่าจะละลายอยู่แล้วเหมือนเด็กที่อยากจะกิน แต่กำลังงอนอยู่ "อ่ะ.....ไม่ต้องอายหรอกน้า คนกันเอง" เขายื่นให้อีกครั้ง
เธอรับมา พร้อมกล่าว ขอบคุณเขาเบาๆ
"ฉันไปดีกว่า อยู่แถวนี้ นานๆเดียวจะมีสาวที่ไหนมาเข้าใจฉันผิดอีก "
เธอเดินหันหลังกลับไปตามทางเดินที่เดินผ่านมา เขามองตามหลังเธอไป แต่ไม่คิดที่จะเดินตามไปแล้ว เขารู้สึกได้ว่าวันนี้บางอย่างในตัวเขามันเปลี่ยนไป เคยบอกให้ตัวเองเกลียดเธอคนนั้นให้มากที่สุด แต่ว่าหัวใจมันก็ดื้อเหลือเกิน ยิ่งเห็นใบหน้าใสๆแบบนั้น ยิ่งทำให้เขาแทบละลาย ส่วนเธอเองก็เหมือนกัน รู้สึกว่าอารมณ์โกรธในตัวเธอที่มีต่อเขามันน้อยลงไป ทั้งที่ใจอยากจะโกรธและเกลียดเขาให้มากที่สุด ในฐานะที่เป็นคู่อริตลอดกาล แต่ไม่ได้ เธอจะไม่ยอมให้ความรู้สึกแบบนี้มาครอบงำเหตุผลที่ว่ามาดริดและบาร์เซโลน่า ไม่มีทางญาติดีกันได้ เหมือนเส้นขนาน2เส้น ที่อาจจะเดินไปพร้อมกัน ทางเดียวกัน แต่มันไม่มีวันจะมาบรรจบกันได้
ความคิดเห็น