ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เอล ดารบี้...หัวใจนี้มีแต่เธอ

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่1

    • อัปเดตล่าสุด 7 เม.ย. 49


       บาร์แห่งหนึ่งทางตอนเหนือของกรุงมาดริด เป็นสถานที่ชุมนุมก่อนการแข่งขันของทีมทุกครั้ง คลาคล่ำไปด้วย ชาวมาดริดนิสต้า หรือพวกสาวกของทีมฟุตบอลเรอัลมาดริด หญิงสาวคนหนึ่งได้ก้าวเข้ามาในร้าน ท่าทางเร่งรีบ พร้อมกับผมเพ้า ที่พะเร้อพะรัง ยุ่งเยิง สวมเสื้อทีมรีลมาดริดตัวใหญ่โคร่ง กางเกงยีนซีดๆตัวหนึ่ง และมีผ้าพันคอพันอย่างลวกๆอย่างไม่ได้สนใจ ไม่มีวี่แวว กุลสตรีไทยเลยแม้แต่น้อย
         "นี้ทุกคนอีก10นาที การแข่งขันจะเริ่มแล้วนะ"  เธอตะโกนแข่งกับเสียงในบาร์
        ผู้คนในร้านจึงทยอยเดินกับออกไปที่สนามซานติอาโก เบอนาบิว สนามของทีมรีลมาดริด  ภายในบล๊อกริมสุดของโซนสีขาวที่ติดป้ายเป็นภาษาสเปนอันยาวเหยียดว่า "ที่สำหรับชาวมาดริดนิสต้าเท่านั้น" อีบัน เคซัส กำลังนั่งอยู่ในที่ประจำของเขา เขากล่าวทักทายกับเพื่อนสาวคนสนิท
         "ไง...เคท คนเยอะหน่อยนะชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาตามแบบฉบับหนุ่มสเปนเอ่ยทักคนมาใหม่
         "พอทนนะ อีบัน เกมใหญ่ก็งี้แหละ คนแน่นเป็นธรรมดา " เธอว่า แล้วนั่งลงข้างๆเขา รอบๆตัวเธอ เต็มไปด้วยกองเชียร์ชาวสเปนที่รักในทีมรีลมาดริดมานาน แม้ว่าเธอจะเป็นสาวเอเชียร่างบางเพียงหนึ่งเดียว แต่เหล่าชาวมาดริดนิสต้าที่รู้จักกับเธอ ไม่เคยรังเกียจเธอเลยเพราะถือว่า ยังงัยก้อใจมาดริดเหมือนกัน ( คำอีบันเขาว่าไว้ ) จึงทำให้ผู้คนค่อนข้างเอ็นดูเธอเป็นอย่างมาก บรรยากาศการเชียร์ค่อนข้างจะสนุกสนาน ครึ้กครื้น ทั้งฝั่งของมาดริดนิสต้า และบาร์เซโลนิสต้าที่อยู่ฝั่งตรงข้าม มีการตีกลองร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน เพราะเป็นเกมดาร์บี้แมตซ์ที่ใหญ่ และน่าตื่นเต้นที่สุดของสเปน ช่วงที่เกมเริ่มต้นทั้งสองทีมบุกเข้าใส่กันอย่างหนัก แต่ฝ่ายมาดริดก็เสียลูกแรกไปจนได้ และเหมือนว่าโชคจะไม่เข้าข้าง เพราะประตูที่สองตามมาติดๆ ทำให้กองเชียร์ฝั่งตรงข้ามเฮกันลั่น แต่อีกฝั่งนึงกลับตรงกันข้าม เริ่มหงอยอย่างเห็นได้ชัด แล้วก็หมดครึ่งแรก กองเชียร์รีลมาดริดค่อนข้างหงุดหงิดกันพอสมควรกับผลงานของทีมในครึ่งแรก สาวสวยร่างบางก็เป็นอีกคนที่ไม่พอใจกับผลแข่งขันในช่วงครึ่งแรกเท่าไหร่ เธอจึงบอกกับเพื่อนชายคนสนิทว่าจะไปเข้าห้องน้ำ
       ร่างระหงเดินเบียดไปตามบันไดทางเดินซึ่งเบียดเสียดไปด้วยสาวกทั้งชาวมาดริดนิสต้า และบาร์เซโลนิสต้า หลังจากที่เข้าห้องน้ำเสร็จพอเธอเดินออกมาจากห้องน้ำ เธอก็ชนกันผู้ชายคนนึงอย่างเต็มแรงจนลงไปกองกับพื้น

          "โอ้ย... เดินภาษาไรว่ะ ให้ชนคนเนี่ย ตาบอดรึงัย " เคทเผลอโวยวายเป็นภาษาบ้านเกิด แต่พอเห็นหน้าคนชนจึงเปลี่ยนเป็นภาษาสเปนทันที  ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ เป็นผู้ชายร่างสูง หุ่นเหมือนนักกีฬา คิ้วเข้ม ตาคม จมูกโด่ง เหมือนหนุ่มสเปนทั่วๆไป ผมสั้นหยักโศกนิดหน่อย มาดดี เธอยอมรับว่าเขาหล่อมากทีเดียว แต่ถ้าไม่เผอิญเขาใส่เสื้อทีมบาร์เซโลน่า คู่อริ
          "  อะ..อ้าว พวกมาดริดนิสต้า ซะด้วย "-----" ขอโทษนะครับคุณผู้หญิง " เขาพูดแบบกวนประสาท
          " พวกบาร์ซ่านี่เอง นี่นะคำขอโทษ ทุเรศที่สุด " เธอกอดอก มองเขาหัวจรดเท้า
          " อ้าว คุณ ทีมกำลังจะแพ้เนี่ย อย่ามาพาลสิครับ แล้วผมขอโทษดีๆแล้วด้วยนะ" เขาพูดกวนๆ พร้องแสยะยิ้ม
          " ดีหรอนั่น พูดอย่างนั้น เก็บปากไว้ โดนต่อยจะดีกว่านะ" เธอทำท่าจะง้างหมัด
          " อ๊ะๆ....ผมไม่มีเวลาเถียงกับคุณแระ" เขายกมือห้าม "อีกอย่างคุณไม่น่าพิศวาสขนาดให้ผมต้องยืนอยู่ด้วยนานๆหรอก และผมก็ต้องไปดูบางทีมที่จะแพ้คาบ้านด้วย เฮ้อ ชนะสักเท่าไหร่ดีน้า " เขาพูดทำท่าคิดแล้วก็เดินอย่างสบายใจออกไป  ปล่อยให้เธอ ยืนสวดเขาเป็นชุดอยู่คนเดียว "คอยดูนะ ถ้าได้เจอกันอีกเมื่อไหร่ ฉัน---ฉัน จะฆ่านายยยยย  อีตาบ้า" เธอตะโกนตามหลังเขาไป
            เคทเดินกลับไปที่บล็อกของเธอ "เคทไปไหนมาซะนานเชียว " อีบันถามอย่างร้อนรน เพราะว่าเกมเริ่มขึ้นไปเกือบห้านาทีแล้ว
           " ก็เจอพวกบาซาร์ ประสาท เข้านะสิ เดินชนฉัน แล้วยังมากวนประสาทอีก มันน่าโมโหนัก" เธอว่าอย่างหัวเสีย
           " ช่างเถอะ .... ก็พวกมันได้เปรียบเราอยู่นี่"  อีบันเอ่ย
        ช่วงครึ่งหลังเกมของรีลมาดริดไม่ได้มีที่ท่าว่าจะดีขึ้นสักเท่าไหร่  แต่พอตามได้เป็น 1-2 เหล่งกองเชียร์ค่อยมีกำลังเชียร์หน่อย ช่วงใกล้หมดเวลา ความเครียดเริ่มมาเยือนเหล่ากองเชียร์มาดริดที่ตามอยู่ และเหมือนว่าโชคจะไม่เข้าข้างทีมเจ้าบ้านอีกแล้ว เพราะถูกยิงไปอีก กลายเป็น1-3 ยากที่จะตามทัน เพราะแทบจะหมดเวลาแล้ว แล้วเสียงนกหวีดก็ดังขึ้น เป็นอันว่าทีมรีลมาดริดก็แพ้ทีมบาร์เซโลน่าคาบ้าน 1-3 ไปจนได้  ทำให้กองเชียร์เรอัล มาดริดค่อนข้างเซ็งกันไปเลยทีเดียว บางคนถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความเสียใจ กับความพ่ายแพ้ของทีมรักกันยกใหญ่ แผนที่วางไว้ว่าจะเลี้ยงฉลองกัน ที่บาร์ของทีม ก็เป็นอันยกเลิกไป
                 เคทและอิบานเยซ พี่ชายของเธอ ได้เดินกลับบ้านไปพร้อมกัน แต่อิบานเยซขอตัวไปทำธุระ แล้วนัดกันให้ไปเจอที่ร้านปาเยซต้า ซึ่งเป็นบาร์คอกเทล ชื่อดังของเมืองมาดริด ที่เธอและพี่ชายมาอยู่บ่อยครั้ง เคทจึงตัดสินใจไปเดินเล่นเพราะคิดว่าพี่ชายของเธอต้องทำธุระนานแน่ๆ

         นี่ก็เป็นเวลาเกือบปีแล้วนะที่เธอได้ย้ายมาอยู่ที่นี้ ที่ที่เธอรักและผูกพัน ตอนสมัยเรียนปริญญาตรี ย้อนไปเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ตอนที่เธอได้รับข่าวดีว่าได้รับทุนมาศึกษาต่อปริญญาตรีที่ Madrid University ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ครั้งนั้นเป็นประสบการณ์ที่เธอมีความสุขที่สุดในชีวิต ผู้คนที่นี้ดีกับเธอมาก เธอรักที่นี้เหมือนบ้านหลังที่2ไปแล้ว ความเหงาที่น่าจะเกิดขึ้นกับเธอ ตอนนั้นก็ไม่มีเลย เพราะทุกคนที่นี้เอ็นดูเธอมากนั่นเอง เหมือนคนที่เมืองไทยบ้านเกิดจริงๆ  แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว เมื่อเดือนที่แล้วหญิงสาวเองได้ขอย้ายจากงานกระทรวงต่างประเทศที่เมืองไทย มาอยู่ที่สเปน ซึ่งเป็นเหตุผลที่เธอก็ไม่สามารถตอบได้เหมือนกันว่าทำไม ทั้งที่ท่านรัฐมนตรีเอ่ยปากบอกจะให้เธอไปทำงานที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่องค์การสหภาพยุโรป เป็นตัวแทนของประเทศไทยและในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้านความร่วมมือระหว่างภูมิภาค  ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ใหญ่มาก เกินกว่าที่เธอคาดไว้ แต่เธอก็ตอบปฎิเสธโอกาสนั้นไป เพียงเพราะว่าอยากมาอยู่ที่นี้    ตอนนี้ เวลานี้ เธอมีชีวิตของเธอคนเดียว ไม่มีครอบครัวอุปถัมภ์มาดูแล ต้องดูแลตัวเองทุกอย่าง ถึงแม้จะมีพี่ชายบุญธรรมอย่างอิบานเยซอยู่ก็ตาม เธอยังรู้สึกว่าตัวเองขาดอะไรอยู่ แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก

                                       แต่เธอก็ยังไม่รู้ตัวว่าสิ่งนั้นที่มันขาดไป กำลังจะมาหาเธอแล้ว 

              เคทเดินตามสองข้างทางของเมืองมาดริด ที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมมากมาย ร้านขายของ บาร์ต่างๆ ทุกที่ล้วนแต่เป็นที่คุ้นเคยของเธอทั้งนั้น ร่างบางเดินมาหยุดอยู่ตรงที่หน้า  ปาลาซิโอ เรอัล พระราชวังเดิมของสเปน ซึ่งเป็นที่ที่เธอคิดว่า อยู่แล้วสบายใจที่สุด เพราะแถวนี้เป็นลานโล่ง กว้างขวาง บางครั้งก็จะมีคนเยอะแยะมากมาย ซึ่งในเวลานี้ส่วนใหญ่ก็กลับมาจากการไปดูฟุตบอล กีฬาที่ทำให้เมืองมาดริดร้างไปเหมือนกัน ตอนนี้เป็นเวลาเกือบห้าทุ่มแล้ว ไม่ค่อยมีผู้คนมากเท่าใด เธอนั่งลงที่เก้าอี้ยาวเพียงตัวเดียวในละแวกนั่น ด้วยความเมื่อยที่ต้องรอพี่ชายมานาน โดยไม่ได้สังเกตว่าคนที่นั่งอยู่ข้างๆเป็นใคร  หลังจากที่หายเมื่อยไปสักพักนึง  บรรยากาศเริ่มเงียบ ทำให้เคทู้สึกอึดอัดขึ้นมา เพราะผู้ชายคนที่อยู่ข้างๆเริ่มมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ เธอจึงลุกหนี แต่ชายคนนั้น ก็เดินตามเธอมา เคทเริ่มจะวิ่ง ชายคนนั้นก็วิ่งตาม เธอวิ่งมาถึงริมแม่น้ำเตกัส ที่ด้านนึงมีร้านอาหารข้างทางอยู่เรียงราย มีผู้คนแน่นขนัด 

    เธอจึงคิดว่าคงปลอดภัยแล้ว แต่ชายคนนั้นมาฉุดแขนเธอไว้  เคทหันไปด้วยความตกใจ พร้อมส่งเสียง

           กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” -----

         ผู้คนในร้านหันมามองเธอ มีชายคนหนึ่งตรงเข้ามา ปรี่ไปชกหน้าชายคนที่มาจับแขนเธอ  ผู้ชายคนที่มาจับแขนเธอ สะบัดหน้าไปตามแรงหมัดนั้น

       คุนครับ คือ ผมแค่จะเอากระเป๋าสตางค์มาคืนคุณคนนี้ เขาอธิบายแล้ว ชี้มาทางเธอ แต่ผู้ชายคนที่กำลังฟังอยู่ ไม่ได้หันหน้ามามองเธอ

      เอ่อ.......- - - -  คือ ผม ขะ ขอโทษแล้วกันนะครับ นึกว่าคุณจะทำอะไรเธอ  - - - - -   ไม่เป็นรัย ครับ คราวหลังก็เข้ามาถามผมก่อนจะดีกว่าชายคนนั้นบอก แล้วยื่นกระเป๋าสตางค์มาให้เธอ

      เอ่อ----- ฉันขอโทษนะค่ะ เพียงแต่เห็นคุณวิ่งตามมา เลยคิดว่า.....

     ไม่เป็นรัย ครับเขาพูด แล้วเดินจากไป

    ชายคนที่เข้ามาช่วยเธอ(ความจริง คือ ช่วยให้ความกระจ่างมากกว่า) หันหน้ามามองเธอ 

          อีตาบ้านี่ นี่หน่า

         " นาย " เธอชี้หน้าเขา
         "อ้าว ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีกนะครับ" ชายหนุ่มมองหน้าผู้หญิงที่อยู่ในสภาพเหมือนเพิ่งผ่านจากการรบมา เธอดูผมเพ้ายุ่งเหยิง เหมือนไม่ได้พินิจการแต่งตัวนัก หน้าตาไม่ได้เติมแต่งใดๆ ทั้งยังแต่งตัวเหมือนกับผู้ชายเดี๊ยะ
          คงจะเชียร์บอลจนลืมดูตัวเองละสี๊  ยัยมาดริดนิสต้าตัวแสบ
         ยังไม่ทันที่จะพูดอะไร เธอก็ตบหน้าเขา แล้วทำท่าจะวิ่ง หากแต่เขาฉุดแขนเธอไว้ก่อน
        "อะไรนี่คุน ...... เรื่องอะไรมาตบหน้าผม  ไม่สำนึกบุญคุณกันเลยใช่ไหม " เขาจับแก้มตัวเองแล้วดึงตัวเธอ มาเผชิญหน้ากัน
        "ก็คุณแช่งทีมฉัน อย่านึกนะว่า ฉันจะจำไม่ได้ แล้วอีกอย่างฉันไม่ได้ติดหนี้บุญคุณใครด้วย เพราะเขาไม่ได้จะมาทำร้ายฉัน แต่มีบางคนอยากเป็นพระเอกเข้ามาช่วยเองต่างหาก " เธอหัวเราะร่วน " แล้วก็.....ปล่อยฉันด้วย" เคทสะบัดตัวออก
        "อ๋อ ที่แท้ ก็ยังแค้นอยู่นี่เอง   ทำใจซะเถอะคุน สู้ไม่ได้ก็ยอมรับเถอะ" เขายิ้ม ทำหน้าล้อเลียน
         "นิ.....ไอ---ไอ ---- ไอบ้า " เคทพูดตะกุกตะกัก แล้วผลักเขาออกไป เธอหันหลังเดินหนีสุดชีวิต แต่ไม่เพียงกี่ก้าว ร่างสูงก็เดินตามมายืนข้างเธอ
        " นี่คุณ  ผมไม่เอาเรื่องที่คุณตบผมก็ดีแล้วนะ ไหนจะเรื่องที่คุณกรี๊ดซะลั่น ทำยังกับว่าจะโดนปล้ำอย่างนั้นแหละ " เขาเดินมาบังเธอไว้
        "แล้วฉันขอให้คุณมาช่วยหรองัย  ริอยากจะเป็นพระเอก โถ่ ตัวเองก็เข้าใจผิดเขาเหมือนกันละน่า " เธอจ้องหน้าเขา เธอเห็นนัยน์ตาคู่นี้มีสีดำสนิท  สวยขนาดที่ว่าเธอเองยังอาย
        "เอาเถอะ ทีมผมชนะวันนี้ ผมยังไม่อยากอารมณ์เสียตอนนี้หรอก - - - - --- -  อืม...ผมไปดีกว่า " ชายหนุ่มทำท่าจะหันหลังให้เธอและเดินไป  แต่ไม่วาย  " เออ...นี่คุณ ผมอัดวีดีโอเกมนี้ไว้ด้วยนะ สนใจละก็ เดี๋ยวจะเอามาให้ยืมนะคร้าบบบบบบ " เขาบอกแล้วก็วิ่งไปเลย
        "ไอ้พวกบาร์เซโลน่าเฮงซวย ไปตายซะไป๊ " เธอตะโกนไล่หลังเขา " ซวยจริงๆ เจอไอ้พวกบาซาร์ปากเสียซะนี่ "

    เธอสบถกับตัวเอง

             แล้วเดินกลับไปหาพี่ชายบุญธรรมของเธอที่ร้านปาเยซต้า ซึ่งเป็นที่นัดกันไว้ บรรยากาศภายในร้าน ยังครึ้กครื้น สาเหตุที่เป็นอย่างนี้ เพราะว่า ภายในบาร์แห่งนี้ ไม่ได้มีแฟนบอลของทีมรีลมาดริดอย่างเดียว หากแต่มีทีมคู่อริร่วมเมืองอย่างแอตเลนติโก มาดริด จำนวนมากทีเดียว จึงเกิดเรื่องล้อเลียนกันอย่างสนุกปาก เคทและอิบานเยซก็ได้แต่แค่ โต้ตอบบ้างนิดหน่อย เพราะกำลังเซงเหมือนกันทั้งคู่ ไม่มีเวลาลับฝีปากกับใคร สำหรับเคท แค่วันนี้เธอเจออีตาบาซาร์โรคจิตคนนั้น ก็ทำให้เธอปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว........

        

     

     

           ภายในสถานทูตไทยประจำกรุงมาดริด  ประเทศสเปน สาวใหญ่วัย 40 ปี เดินออกมาจากห้องทำงานประจำตำแหน่งของนาง เหลียวซ้าย เห็นแม่ที่ปรึกษาตัวดีของนาง กำลังก้มงุดๆอยู่ใต้โต๊ะ
       "เคท" หล่อนเท้าเอวแล้วเรียกเธอ
       "ขา……..."------- ' โป้ก ' เสียงหัวของเคทชนโต๊ะดังลั่นไปทั่ว
       "เฮ้อ .....เมื่อไหร่จะโตสักทีฮ่ะเนี่ย แม่ที่ปรึกษาของฉัน" หล่อนเดินไปลูบหัวเธอ คนที่หล่อนรักเหมือนลูกหลานคนนึง
       "แหะๆ....ขอโทษค่ะ" เคทฉีกยิ้มหวาน พลางจับหัวตัวเองด้วยความเขิน
       "เดี๋ยวตามไปพบที่ห้องด้วยนะ" ท่านทูตบอก
              ลับหลังท่านทูตไปไม่เท่าไหร่ บิลลี่ ชายหนุ่มละแวกใกล้เคียงที่เห็นเหตุการณ์ ที่ทำหน้าที่ฝ่ายพาสสปอร์ตของสถานทูต เดินเข้ามานั่งที่ขอบโต๊ะเธอ

       "โอ้โห...เคท  อะไรกัน แค่หัวโขก โป้กเดียว ถึงกับโดนเรียกไปเลยหรอเนี่ย" บิลทำหน้าล้อเลียนเธอ แต่ใบหน้าแบบนี้ทำให้เคทนึกถึงอีตาบาร์เซโลนิสต้าคนนั่น ที่มากวนประสาทเธอ ในวันที่ทีมรีลมาดริดแพ้ยับคาบ้าน "บ้า.......ออกไปให้พ้นนะ " เธอเขวี้ยงแฟ้มใส่บิล ในโทษฐานที่ทำหน้าตาเหมือนกะตานั่น และก็เดินเบียดเขาออกไป ปล่อยให้คนที่ถูกเขวี้ยงยืนงงว่ามันเป็นอะไรของมัน

        
        "เคท.....ฉันจะส่งเธอไปดูงานที่บาร์เซโลน่าสักหน่อยนะ " ท่านทูตวีรพา นั่งอยู่บนโซฟาในห้องทำงาน
        "แต่ท่านค่ะ..."
        "ไม่มีแต่ เธอต้องไป เพราะฉันไม่ไว้ใจคนอื่น แล้วเธอก็เป็นที่ปรึกษาของฉันด้วย นี่คือคำสั่ง" ท่านทูต กระแทกแฟ้มงานลงบนโต๊ะ ทำให้หญิงสาวไม่กล้าปฎิเสธ
        "ค่ะ...ก้อด้ายยยยยค่ะ" เธอทำหน้าบึ้ง พลางเดินคอตกออกไป เพราะถ้าเธอรับงานนี้ก็เท่ากับว่าเธอจะอดดูทีมรีลมาดริดแข่งไปอีกหลายนัดแน่ๆ จึงทำให้เธอตัดสินใจเดินกลับมาถามท่าน
         "กี่วันค่ะ"
        "ประมาน 1 เดือน "
        "หนึ่งเดือน" เธอเผลอโวยวาย   "1-2-3-4 สี่นัด" เธอกรีดนิ้วเรียวไปทีละนิ้ว เพื่อนับถึงนัดที่เธอจะอดดูทีมรัก

    แข่ง
        "อะไรนะ " ท่านทูตวีรพา เอ่ยถาม "เป - ล่า....ค่ะ" เธอตอบอย่างตะกุกตะกัก  "งั้นก็ไปเตรียมตัวได้ วันมะรืนจะเดินทาง เรื่องตั๋วจัดการให้เรียบร้อยแล้วนะ ไม่ต้องเป็นห่วง" นางบอกแต่สายตายังคงจับจ้องอยู่กับแฟ้มงาน

         แล้ว .........ท่านค่ะเรื่องที่ดิฉันบอกไว้

        เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง กลับมาฉันให้เธอไปแน่ท่านทูตพูดแต่ก็ยังก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ต่อไป
             นี่ ท่านทูต กะมัดมือชกฉันเลยนะเนี่ย จัดการทุกอย่างไว้เสร็จสรรพ ปฎิเสธไม่ได้เลยเนี่ย




           สนามบินในเมืองบาร์เซโลน่า มีผู้คนเยอะแยะมากมาย เพราะที่นี้เป็นเมืองท่าของสเปน จึงทำให้มีคนหลากหลายเชื้อชาติ และที่นี้ก็ค่อนข้างจะมีวัฒนธรรมในตัวเองสูง ผู้คนที่นี้คิดว่าตัวเองมไม่ใช่คนสเปน แต่เป็นคนกาตาลัน เพราะที่นี้เรียกตัวเองว่าแคว้นกาตาลุนย่า และไม่ค่อยชอบที่มีคนมาเรียกพวกเขาว่า คนสเปน เท่าไหร่ เพราะในอดีตเคยถูกเมืองหลวงกดขี่มามาก จึงทำให้ทีมฟุตบอลของเมืองนี้ คือ ทีมบาร์เซโลน่า เป็นหนทางที่แสดงออกสิ่งเดียวในการจะต่อสู้ได้กับทีมรีลมาดริดจากเมืองหลวง
          หญิงสาวร่างบางคนหนึ่ง  เดินก้าวออกมาจากสนามบินอย่างเร่งรีบ พร้อมพูดกับแท็กซี่ ด้วยภาษาสเปนอันชัดเจนของเธอ ถึงที่หมายที่จะไป
        เคทก้าวออกมาจากแท็กซี่ ยืนอยู่หน้าอพาทเมนท์ ที่มีลักษณะ 2 ชั้น ตัวบ้านสีขาวล้วน ออกแบบและตกแต่งโดย เพื่อนสนิทของเจ้าของบ้านนั่นเอง สาวน้อยลูกครึ่ง ไทย - จีน -โปรตุเกส  ที่ดูท่าทางเหมือนเด็ก หน้าตาออกแนวหมวย  ฝรั่งที่มีส่วนมาจากเลือดผสมของฝ่ายแม่นั่นเอง บุคลิกดูน่าถะนุถนอม   เดินเข้ามาหากระโดดกอดเธอ

        เคทหญิงสาวตะโกนลั่น

       มุก

        คือ ต้องขอโทษด้วยนะ ที่มุกไม่ได้ไปรับนะ ยุ่งๆกับงานเลี้ยงวันเกิดให้เพื่อนอังเดรอยู่ หญิงสาวที่ชื่อ มุก ลากแขนเพื่อนสาวเข้ามาในบ้าน มุกดีใจมากเลยนะเนี่ย ที่เคทบอกว่าจะมาอยู่ด้วยกันสักพักนึง เราไม่ได้เจอกันนานเลยนะเนี่ย ตั้งแต่เคทกลับไปเมืองไทยหลังจบโทนะ  ไหมมุกนะทรมานมากเลย อยู่คนเดียวมันน่าเบื่อที่สุดมุกระบายออกมา ให้เพื่อนสาวฟัง

       ฉันก็คิดถึงเธอนะมุก แต่ฉันไม่อยากมาเลย เพราะมันทำให้ฉันอดดูทีมรักไปเกือบ4นัดแหนะ

       เธอนี่ก็ยังบ้าบอลไม่หายเลยนะ  อยากรู้จังคนประเภทไหนที่จะทำให้เธอสนใจได้มากกว่าฟุตบอลนะ  มุนินทร์รู้ดีว่าเพื่อนเธอชอบดูฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจขนาดไหน  ไม่ว่าจะบ้านตัวเองจะไฟไหม้  หรือว่าน้ำท่วมโลก แต่ถ้าทีม

    รีลมาดริดมีแข่ง เธอคนนี้ไม่มีพลาด นอกจากจะโดนสั่งงานแบบนี้

            เคทกับมุก รู้จักกันมานานพอสมควร  เริ่มมาจากเรียนด้วยกันที่มาดริด แต่มุนินทร์เรียนได้เพียง2ปี พ่อของเธอก็ส่งไปอยู่ที่อเมริกา ด้วยนิสัยที่แก้ไม่หายนั่นก็คือ ชอบกินไวน์(มากเกินขนาด) เป็นที่ร่ำลือกันในมหาวิทยาลัยมากๆ สมัยที่เรียนอยู่  ถึงความเก่งกาจในการดื่มไวน์ของหล่อน ทั้งชั้นปี ไม่มีใครคอแข็งเท่าหล่อนอีกแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พ่อของเธอ ตัดสินใจให้ลูกสาวคนดีไปเรียนที่อเมริกา เพราะถ้ายังอยู่ที่สเปนซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการทำไวน์องุ่นมาก พ่อของหล่อนกลัวว่าไวน์จะหมดโลกเพราะลูกสาวของเขานั่นเอง  ที่กินมันทุกวันเหมือนเป็นน้ำเปล่าอย่างนั้นแหละ

    แต่เพื่อนสนิทอย่างเคท มีหรือจะปล่อยให้เพื่อนทรมานอยู่ที่อเมริกาอยู่นาน  หลังจากจบตรีที่มาดริด เธอก็ได้ทุนไปต่อโทที่บอสตัน สหรัฐอเมริกา แม้จะคนละที่กับมุนินทร์ ซึ่งอยู่ที่ซีแอตเติล คนละฝากฝั่งของอเมริกา  แต่มีวันหยุดเมื่อ

    ไหร่ สองสาว มีได้นัดกันออกไปตะลอนๆเที่ยวกันตลอด แน่นอนว่าพ่อเธอไม่เคยรู้เรื่องนี้แน่

           หลังจากจบปริญญาโท เคทก็ได้กลับมาทำงานที่กระทรวงต่างประเทศที่เมืองไทย ส่วนมุนินทร์ถูกพ่อเรียกตัวกลับมาช่วยงานที่เกี่ยวกับเรือเช่าที่สเปน  มุกเองก็อดจะบ่นพ่อไม่ได้ว่าส่งไปทำไมตั้งอเมริกา กลับมาก็มาเกาะพ่อกินอยู่ดี

     

     

     

        คืนนี้เราไปหา ที่ไหนดริ๊งค์กันดีหล่ะ มุก  เคทถามขณะที่เธอ จัดแจงเสื้อผ้าเข้าตู้

       คือ............ คืนนี้ มีงานเลี้ยงวันเกิดให้อเล็กซ์เพื่อนอังเดรเขานะ จำเป็นต้องไปด้วย  เคทไปด้วยกันสิ งานนี้คนที่กระทรวง ที่สถานกงสุลไปเต็มเลยนะ จะได้รู้จักกันไว้ หญิงสาวที่นอนเอกเขนกอยู่บนเตียง พลิกตัวมาคุยกับเธอ

         อังเดร คือ แฟนหนุ่มของมุนินทร์  ที่เพิ่งออกเดทกันได้ไม่นาน ซึ่งเป็นชาวสเปน ทำงานอยู่ที่สถานกงสุลในเมืองบาร์เซโลน่า 

      ว่าแต่คุนอเล็กซ์ไรเนี่ย เขาทำงานอยู่ที่สถานกงสุลด้วยหรอ ถึงมีคนที่นี้ไปกันเยอะจัง เธอเอ่ย

     เปล่าหรอก เพียงแต่เขา........  ---------- ป๊อปปูล่า ในหมู่สาวๆมากเท่านั้นเองมุกดันตัวเองขึ้นมานั่งขัดสมาธิคุยกับเธอ

     หา -------- แค่หล่อเนี่ยนะ  หญิงสาวร้องอย่างตกใจ ไม่ใช่แค่หล่ออย่างเดียว เขาเนี่ยเป็นนักการทูตอนาคตไกล เหมือนกับเธอเดี๊ยะเลยนี่  ตอนนี้ช่วยงานท่านรมต.ต่างประเทศ สเปนอยู่  สาวๆที่นี้ใครไม่หลงเสน่ห์เขา ฉันว่าก็แปลกแล้ว มุกว่า

      หล่อ แต่ขี้เก๊ก เพลย์บอย ฉันว่าก็ไม่ไหวนะ

     ข้อแรกไม่ใช่แน่นอน เขานะกันเอ๊ง กันเอง ......แต่ว่าข้อหลังเนี่ย ฉันไม่เถียงว่าเป็นเรื่องจริง  มุนินทร์ทำท่าคอตก

     ฮ่ะๆ   เป็นงัยล่ะ ผู้ชายไม่มีใครดีเลิศหรอกนะ   เคทเดินเข้าไปโอบบ่าเพื่อนสาว นี่  ฉันจะฟ้องอังเดรแน่ ว่าเธอมองผู้ชายคนอื่นเธอชี้หน้ามุกแบบรุทัน

    เคทททททท........มุกก็แค่ล้อเล่นเองมุนินทร์บอก พลางเอาหมอนใบยักษ์ขว้างใส่เพื่อนสาว เคท โต้ตอบกลับไปด้วยหมอนข้างตัว สองสาวขว้างหมอนใส่กันจนทำให้ห้องนั้น กลายเป็นห้องสงครามหมอนไปในทันที

                        ผู้ชายคนนี้จะมีดีกันสักแค่ไหนเชียว คงจะดีแต่หล่อ เก่ง เท่ สมาทร์   ซึ่งมันก้อดีหมดเลยนี่หว่า ?????   เฮ้อ!  คิดรัยเนี่ยเรา  ทำไมต้องคิดมากกับเรื่องผู้ชายคนที่เพิ่งจะได้ยินชื่อด้วยเนี่ย

      

     

               สถานที่จัดงานวันเกิดนี้ เป็น ร้านอาหารแห่งนี้ ตั้งอยู่บนเชิงเขา แถบๆชานเมืองบาร์เซโลน่า ตกแต่งด้วยไฟ สีสวยงาม โคมไฟสีส้มฉายแสงอย่างสวยงาม ประกอบกับดาวในคืนนี้ที่สุกสว่าง ประกาย เหมือนว่ามีเรื่องดีเกิดขึ้น  รอบๆงาน ผู้คนที่ร่วมงานส่วนใหญ่ก็เป็นเพื่อนสนิทของเจ้าของงาน และสาวๆที่หมายปองในตัวเจ้าของงานซะเป็นส่วนใหญ่

             สองสาวที่เพิ่งเดินทางมาถึงงาน ต่างก็อดชื่นชมกับผลงานตกแต่งร้านนี้ไม่ได้ คนที่ออกแบบได้ขนาดนี้ ต้องมีจินตนการล้ำเลิศมากแน่ๆ  สาวน้อยน่ารักสดใส ตามสไตล์ลูกครึ่ง วันนี้เธอมาในชุดราตรียาว สายเดี่ยว สีเขียวอ่อน รวบผมยาวประบ่า ไว้ด้านหลัง  เผยให้เห็นรูปหน้าเรียว อย่างเด่นชัด  กับสาวสวยเชื้อสายไทยแท้อีกคนหนึ่งที่ วันนี้เธอดูสวยเด่นเป็นพิเศษตั้งแต่ก้าวเข้ามาในงาน ดูเหมือนจะมีสายตาของชายหนุ่มหลายคู่ มองเธอไม่วาง เคทเลือกเดรสสั้น สีขาว ปล่อยชายพลิ้ว ระต้นขานวล  ประกอบกับผมยาวสลวยดัดเป็นลอน  รูปหน้าเรียวงาม ตามแบบสาวไทย
         มุก เดี๋ยว เคทไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ เดี๋ยวตามไป    เธอบอกกับเพื่อนสาวที่กำลังยืนคุยกับเพื่อนคนอื่นๆอยู่

     



         "อเล็กซ์...." มุก หรือ มุนินทร์ เรียกเขา 
         "อ้าว.....มุนินทร์  ผมนึกว่าคุณจะไม่มาซะอีก" เขาพูดกับหล่อน อย่างคนที่สนิทสนมกัน
         "แหม วันเกิดนายทั้งทีนิ จะพลาดได้ไง วันนี้นายนี่หล่อสมคำล่ำลือ จริงๆ -- เออ...ว่าแต่ ---ฉันมีคนๆนึงอยากแนะนำให้นายรู้จักนะ แต่ว่าตอนนี้ เธอไปเข้าห้องน้ำนะ "
        "ผู้หญิงหรอ"
        "ใช่นะสิ  สวยมากด้วยนะ ....--- งั้นไว้เดี๋ยวเจอเธอแล้วจะพามาแนะนำนะ ฉันไปก่อนละกัน จะไปหาอังเดร ....  

           ......สุขสันต์วันเกิดนะ"

             มุนินทร์ยื่นของขวัญให้เขา แล้วสวมกอดกันอย่างสนิทสนม  -- -  เคทเดินออกมาจากห้องน้ำเห็นเหตุการณ์ที่เพื่อนเธอสวมกอดกับชายหนุ่มคนนึง 

         อีตานั่นนี่..................  .....ฮ่ะ ฮ่า   นึกอะไรสนุกๆออกแล้ว สิ

     




       "งัย อังเดร เพื่อนยาก แฟนแกตามหาอยู่นู้นนะ" ชายหนุ่มทักเพื่อนผู้มาร่วมงาน แล้วพยักหน้าไปทางแฟนสาวของเขา  ปล่อยเขาไปก่อนเถอะ  คงอยากสนุกอยู่นะ อังเดรตอบ แล้วหยิบเบียร์ขึ้นมากรอกปาก

        เป็นไงมั้งหล่ะ ช่วงนี้ งานที่สถานทูตคงยุ่งมากใช่ไหม  เจ้าของงานถาม

       ฉันคงน้อยกว่า แกแหละนะ เพราะว่า ฉันก็เป็นแค่พนักงานสถานทูตละว่ะ  ใครจะไปดีเหมือนแกเหล่า เป็นถึงระดับหน้าห้องรมต.ต่างประเทศเชียวคู่ซี้ตอบกลับ
        "แต่อย่างนึงที่ฉันสู้แกไม่ได้ว่ะ   ...........ก็ มุนินทร์ไง ดูเธอสิ "  สองหนุ่มมองไปทางมุก ที่กำลังซดไวน์เข้าปากอย่างเมามัน สดใส ร่าเริง เข้ากันดีกับทุกคน ฉันอยากได้ผู้หญิงอย่างนี้จริงๆ” --- เขามองมุกด้วยสายตาเจ้าชู้ ทำให้อังเดรมองเขาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ   ---

         ไอ้คำว่าอยากได้ของแก นี้แค่ควงเล่นชั่วคราวใช่ไหมอังเดรพูดอย่างรู้ทัน ฉันจะบอกให้นะเว้ย ผู้หญิงที่ดี เขามีค่ามากว่านั้น กี่คนแล้วหล่ะ ที่แกสะบัดเขาทิ้งอย่างไม่ใยดี แกจะทำตัวเพลย์บอยอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหนว่ะ 

        นี่......แค่ฉันมีน้องสาวตัวดี 2 คน ที่คอยวุ่นหาพี่สะใภ้ให้ นั่นก็แย่จะพอแล้วนะ เองอย่ามาทำให้ข้ากลุ้มหนักอีกเลยว่ะ  เขาเอ่ย
        ข้าก็แค่หวังดีกับเอง อายุก็จะเข้าเลข3อยู่แหละ ยังหาเมียไม่ได้สักที  หรือว่าจะเอาแม่แซลลี่นั่น

        เองก็เพี้ยนไป  ยัยนั่นวิ่งตามข้าทั้งวัน ผู้หญิงอย่างเนี่ยมันไม่มีอะไรท้าทาย ให้น่าค้นหาเอาซะเลย 

           ใช่ว่า เขาไม่คิดอยากมีเมีย เพียงแต่เขาไม่เจอคนที่ใจมันบอกว่าใช่จริงๆ  แล้วใช่ว่า เขาจะไม่เคยมองหาผู้หญิงคนนั้น  คนที่รักเขาจากใจ ไม่ใช่รูปกายภายนอก แต่ดูเหมือนว่าเขาพยายามจนเต็มที่ แม้กระทั่ง เดินทางท่องเที่ยวรอบโลก ตามฝันของเขา เพื่อที่ว่าสักวัน อาจจะได้เจอเธอคนนั้น

     

     

                       แต่เขาไม่รู้หรอกว่าเธอคนนั้น อยู่ไม่ไกลแล้วตอนนี้

     


           อเล็กซ์หยิบไวน์ขึ้นมาจะดื่ม  แต่พลันสายตาของชายหนุ่มก็เหลือบไปเห็นหญิงสาวร่างระหง ในชุดราตรีพลิ้วสวย ผมยาวสลวย รับกับใบหน้าเรียวงาม กำลังทักทายกับ แขกในงาน อย่างอารมณ์ดี เขาหลงเสน่ห์เธอตั้งแต่วินาทีนั่น และเหมือนกับชายหนุ่มอีกหลายๆคนในงานด้วยที่รู้สึกอย่างนี้ มีอะไรบางอย่างบอกให้เขาเดินเข้าไปหา และทำความรู้จักกับเธอ แต่ใบหน้าเรียวงามนั้นช่างคุ้นตาเหลือเกิน โอ้....  เองดูสาวคนนั่นสิว่ะ  สวยชิบหายเลย เขาร้องบอกอังเดร

       เออว่ะ  สาวเอเชียซะด้วย  คงเป็นจีนละมั้ง  อังเดรหันไปตามทางที่เขาบอก
       ไม่ใช่หรอก.... จากรูปลักษณ์แล้ว รอยยิ้มแบบนั้น ข้าว่า คนไทยแน่ เขาจิบไวน์ แต่สายตาก็ไม่ละจากเธอคนนั้น
           พลันสายตาของเธอ ก็หันมาเห็นเขาพอดี เขารู้สึกคุ้นหน้าเธอขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เหมือนกับว่าเคยเจอมา แต่ก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าที่ไหน - ------- -- แล้วเธอก็เดินมาหาเขา เธอเดินเข้ามาหาเขาจริงๆ เขาไม่ได้ฝันไป เธอเดินมาหยุดอยุ่ตรงหน้า
       "สวัสดีค่ะ ไม่คิดว่าจะได้พบกันอีก" เธอพูดเสียงหวานเหมือนชุดของเธอทีเดียว พร้อมยิ้มหวานให้ ทำให้เขาแทบละลาย
       "เราเคยพบกันด้วยหรอครับ" เขาถามพลางเดินเข้าไปใกล้ๆเธอ เขาได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ จากตัวเธอ เหมือนเป็นเสน่ห์ดึงดูดชายได้ดีทีเดียว
       "คุณคงจะจำไม่ได้ละสิค่ะ  ความจริงแล้วฉันคงไม่น่าพิศวาสขนาดให้คุณจำหรอกนะค่ะ " เธอเดินเข้ามากระซิบที่หูของเขา  ---- --"ฉันก็มาดริดนิสต้าคนนั้น คนที่คุณเดินชนฉันที่เบอร์นาบิวไง จำได้รึยังค่ะ"

        เขาจำเธอได้แล้ว แต่ก็สายเกินไปที่จะอธิบาย ชายหนุ่มรู้สึกว่า มีบางอย่างมากระทบตรงหน้าเขาอย่างรุนแรง

    เธอต่อยเขา  หมัดหนักซะด้วย  อเล็กซ์จับริมฝีปากตัวเอง ริมฝีปากหนา ที่เคยได้รูปสวยงาม บัดนี้เปื้อนไปด้วยเลือด  ผู้คนในงานหันมามองทางเขาและเธอเป็นสายตาเดียว

          อะไรกันเนี่ย เธอ ใช่ยัยมาดริดนิสต้าคนนั้นหรอ   ทำไมมันช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับดินจริงๆ
       "--อะไรกันนะ" มุนินทร์ วิ่งออกมาจากกลุ่มเพื่อน

       "อ้าว--อเล็กซ์ ใครทำนายเนี่ย" มุนินทร์พูดออกมา พร้อมหันไปมองคู่กรณีของ เพื่อนชาย "เคท....พวกเธอรู้จักกันหรอ"  มุกจับแขนเธอ

       "เรื่องมันยาวนะ มุก ไว้วันหลังฉันจะเล่าให้ฟัง ---- ขอตัวก่อนนะ"  หญิงสาวก้าวท้าวเดินออกไปจากบริเวณงานอย่างรวดเร็ว  
        "เคทๆ ---- เดี๋ยวสิ" มุนินทร์ร้องตะโกนตามหลังเธอไป
        "ใครนะ --- มุก " อเล็กซ์ถาม  "ก็คนเนี่ยแหละที่ฉันจะแนะนำให้นายรู้จัก" หล่อนพูดอย่างหัวเสีย
        "หา......แม่เนี่ยนะ"
        "แล้วตกลงรู้จักกานหรอ" เธอถามอย่างสงสัย
        " ไว้วันหลังค่อยเล่าให้ฟังและกัน เรื่องมันยาว วันนี้ฉันหมดอารมณ์" เขาตอบ พร้อมเดินหายออกไปจากบริเวณนั้น ปล่อยให้เพื่อนๆยืนชะเง้อมองกันยกใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้น พร้อมกับเสียงพูดคุยที่ตามมาเป็นระยะ ระหว่างที่ทั้งคู่เดินออกไป        

          แล้วจะมีใครบอกอะไร ฉันสักคนไหม ว่ามันเกิดอะไรขึ้น  มุกร้องพลางถอนหายใจ   หันไปมองผู้ชายตัวสูงคนข้างๆ 

      งานนี้สนุกแน่  หนุ่มตัวร้ายกะแม่สาวปากดี โคจรมาเจอกัน  คงไม่จบแค่นี้แน่  ร่างสูงข้างๆพูด

       บ่นไรของคุณนะ   สาวน้อยหันไปมองแฟนหนุ่ม     เรื่องนี้ต้องเป็น ทอล์ค  ออฟ เดอะ ทาวน์ แน่ พรุ่งนี้

                   

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×