คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่3
บทที่ 3
“ปล่อย วัติ ภูเจ็บแล้ว”
“บอกแล้วว่าถ้าตื่นแล้วให้ปลุกวัติ แล้วทำไมไม่ทำหะ”
“คร้าบๆ วันหลังจะไม่ทำอีกครับ”ภูไม่วาย ยังคงแซววัติอีก
“นี่ ไม่เชื่อฟังหรอ นี่แนะ”วัติกระหน่ำจี้เอวภูอย่างเอาเป็นเอาตาย
“พอแล้วๆ ยอมแล้วๆ”
“อย่าทำแบบนี้อีกนะครับ”
“คร้าบ คุณวัติ”ตอนนี้วัติยอมปล่อยพันธนาการออกจาตัวภูแล้ว
“เออ วัติครับ ภูมีเรื่องจะขออ่ะครับ”
“หืม มีอะไรหรอ”
“คือ...คือ พี่ทีเค้าชวนภูไปติวหนังสืออ่ะ วันนี้ตอนบ่ายโมง”
“ไม่! อนุญาต”
“วัติ แค่ติวหนังสือเอง รุ่นพี่ของวัติก็นัดไม่ใช่หรอ”
“แต่วัติไม่อนุญาต ให้ภูไป”
“แต่ภูตอบตกลงไปแล้วหนิหน่า”
“อะไรนะ ภูยังไม่ภามอะไรวัติเลย แล้วภูก็ตอบตกลงไปเฉย งั้นก็ตามใจภูจะไปก็ไปเลย”
“ภูขอโทษ งั้นภูไม่ไปก็ได้ วัติอย่าโกรธนะ”
“จะไปก็ไป วัติไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งหนิ”พูดจบวัติก็ปิดประตูห้องน้ำเสียงดัง คุยตอนนี้ก็จะมีแต่ชวนทะเลาะ ทำไมเป็นคนโมโหร้ายแบบนี้ว่ะ คนอุตส่าห์มาถาม ภูได้แต่คิดน้อยใจตนเอง
“ถ้าวัติยังไม่ออกมา ภูไปแล้วนะ ไม่อยากไปสาย”
“....”
ภูจึงนั่งรถมอเตอไซค์รับจ้างออกมาหน้าปากซอย แล้วจึงต่อtaxiไปมหาวิทยาลัย
“ขอโทษ....นะครับที่ภู..มาสาย”ภูพูดติดๆขัดๆเนื่องจากเพิ่งผ่านการวิ่งมาจากหน้ามหาวิทยาลัย
“ไม่เป็นไรครับ พี่ก็เพิ่งมาไม่นานเอง ไม่เห็นต้องวิ่งมาเลย ภูเหนื่อยๆอย่างนี้เราไปหาอะไรอร่อยๆกินดีกว่า”
“เราจะมาติวหนังสือกันนะครับ”
“เอาหน่า กินอิ่มๆจะได้มีแรงไงครับ”
“แต่...”
“ไม่มีแต่ครับ”
ภูจึงจำใจไปกินข้าวกับพี่ที การอยู่กับพี่ทีทำให้พูดลืมเรื่องหงุดหงิดใจในตอนเช้าไปเสียปลิดทิ้ง หลังรับประทานอาหารกันจนอิ่มแล้ว จึงเริ่มติวหนังสือกันที่บ้านของพี่ที บ้านพี่ทีไม่ซิต้องเรียกว่า คฤหาสน์ถึงจะถูก พ่อของพี่ทีเป็นคนมีอิทธิพลประจำจังหวัด แต่จำเป็นจะต้องไปกรุงเทพฯเรื่องงานอยู่บ่อยๆ พี่ทีจึงอยู่กับคนรับใช้ไม่กี่คน
“พี่ทีไม่เหงาหรอครับ”
“ตะก่อนเคยเหงาครับ แต่พี่มีน้องภูพี่ก็ไม่เหงาแล้วครับ”
“เออ...พี่ทีตรงนี้ภูไม่เข้าใจครับ”ภูรีบเปลี่ยนบทสนทนาอย่างเร็ว พี่ทีได้แต่ยิ้มๆแล้วสอนต่อ
“พี่ว่า ภูนอนนี้เถอะนะ นี่ก็ดึกแล้ว”
“อย่าดีกว่าครับ แล้วภูก็ไม่ได้บอกเพื่อนไว้ด้วย”
“วัติอ่ะหรอ โทรไปก็ได้หนิ”
“อย่าดีกว่าครับ แล้วนี่ก็ติวเสร็จแล้วด้วย ภูขอตัวกลับบ้านดีกว่า”
“ก็ได้ครับ แต่ต้องให้พี่ไปส่งนะ”
“ครับ”
“ถ้าเรียนจบแล้วน้องภูจะทำอาชีพอะไรครับ”พี่ทีถามขณะที่ขับรถอยู่
“ภูคงจะไปช่วยงานพ่อแม่ที่ไร่อ่ะครับ”
“น้องภูมีไร่ด้วยหรอครับ”
“ครับ เป็นมรดกตกทอดมาอ่ะครับ ไว้ปิดเทอมพี่ทีจะไปเยี่ยมที่ไร่ก็ได้นะครับ”
“จริงหรอครับ อย่าหลอกพี่นะ พี่ไม่ยอมจริงๆด้วย” ภูและทีต่างคุยกันสนุกสนานไม่นานก็ถึงบ้านพัก
“ขอบคุณนะครับที่มาส่ง”
“ไม่เป็นไรครับ หลับฝันดีนะครับ”
“ครับ บายครับ”
“บายครับ”
ภูยืนมองจนกว่ารถของพี่ทีจะหลุดโค้งออกไป
“อ่าว วัติยังไม่นอนหรอ”
“ยัง”
“แล้ววันนี้วัติไปติวหนังสือป่าว”
“ไป”
“นี่ เป็นไรถามคำตอบคำ ยังไม่หายโกรธอีกหรอ”
“ป่าว ไม่ได้โกรธ ใครจะกล้าโกรธภู”
“วัติครับ ภูแค่ไปติวหนังสือ ภูไม่ได้แอบไปเที่ยวกับพี่ทีเค้าหนิภูอยากเรียนเก่งๆสอบได้ดีๆ ภูไม่อยากให้พ่อแม่เสียใจ”
“วัติรู้แต่....”วัติยังพูดไม่จบภูก็พูดขัดขึ้นมา พรางนำมือปิดปากวัติไว้เบาๆ
“วัติครับ วัติก็รู้อยู่แก่ใจว่าภูรักใคร ขอให้วัติเชื่อใจภู นะครับ โกรธแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ”
“ภู..วัติขอโทษนะ เอางี้พรุ่งนี้ไปหาอะไรอร่อยๆกินกัน เป็นการไถ่โทษนะครับ”
“ได้ซิ แต่ภูกินจุนะ 55+”
Dear diary
เวลาประมาณสองทุ่มอยู่ๆวัติก็ดึงผมลุกออกจากที่นอน ถามอะไรก็ไม่ยอมตอบลากผมไปยังบันไดเล็กๆหลังบ้าน วัติได้แต่พูดออกมาสั้นๆว่า ‘ดูดาวกัน’ จากนั้นเราก็ปีนกันขึ้นไปบนหลังคาบ้าน
สวยจริงๆ ท้องฟ้ายามกลางคืนมีแสงระยิบระยับนับล้านดวง พากันส่องแสง พระจันทร์สีนวลฉายไฟสีเหลืองนวลตา เป็นเสมือนดวงใจของเวลากลางคืน ผมกับวัติได้แต่นั่งจับตามองดวงดาวกันอย่างเงียบกริบ
อยู่ๆวัติก็ให้ผมหลับตา สักพักผมรู้สึกถึงริมฝีปากอุ่นๆมาประกบกับริมฝีปากของผม มันดูนุ่มนวลและอบอุ่น
‘วัติรักภูนะครับ’ เป็นครั้งแรกที่วัติบอกรักผม ถึงตอนนี้จะเป็นเวลาตีสองแล้วแต่เสียงนั้นยังก้องอยู่ในหัวผมตลอดเวลา มันรู้สึกดีเหลือเกินกับคำว่ารัก ไม่ว่าอานาคตจะเป็นอย่างไร ขอให้เรามีเราตลอดไปก็พอแล้ว
ก่อนที่ภูจะทิ้งตัวลงนอน ไม่รู้อะไรดลใจให้หันไปหยิบมือถือขึ้นมาดู
156 missed call กับเบอร์คนแปลกหน้า และข้อความกว่า10ข้อความจากเบอร์เดียวกัน
‘ทำไมน้องภูไม่รับโทรศัพท์ครับ’
‘น้องภูเป็นอะไรหรือป่าวครับ ได้รับข้อความแล้วโทรหาพี่ด่วนเลยนะครับ’
‘ภู พี่จะบ้าตายอยู่แล้วนะ โทรกลับเดี๋ยวนี้’
..........
ภูทำอะไรไม่ถูกหลังจากอ่าน messages จบ โทรก็ไม่กล้าโทรกลับไป ได้แต่คิดทบทวนไปมาจนผล็อยหลับไป
ความคิดเห็น