คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : {1} มหาภัย ยัยตัวแสบ BY : MOON
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Present
'มหาภัย ยัยตัวแสบ'
Nickname : Sing
FACEBOOK CiLK
SUPER FAN OF KANGIN SUNGMIN AND HANGENG ZHI13
สาวงามนามไพเราะคนนี้เป็นคนมีจินตนาการสูงส่ง(ในทางที่ดี) แต่พูดและบรรยายออกมาไม่เป็น จากที่อ่านจากที่เขียนก็น่าจะพอทราบกันแล้ว เป็นที่ตรง จนบางทีก็ตรงเกิ้น ยังไงก็ขออภัยมา ณ.ที่นี้ด้วยนะคะ คิดไม่ออกไม่ค่อยจะเคยมองตัวเองเท่าไร ถ้าใครเห็นอย่างไรก็ช่วยมาเสริมหน่อยแล้วกันนะ
“ หยุดเดี๋ยวนี้น้า ยัยตัวแสบ!! ” เสียงตะโกนดังไล่หลัง
“ คิดหรือไงว่าเค้าจะหยุด ไม่มีทางซะล่ะ แบร่ “ รู้จักฮานึลน้อยไปซะแล้ววววว พ่อจ๋าแม่จ๋า รักพ่อแม่จังที่ให้หนูเกิดมาแขนขายาว กร้ากกกก นี่เป็นเสียงที่ดังเป็นกิจวัติวันล่ะหลายๆครั้ง ถ้าสองสาว เอ้ย! สองหนุ่มสาวคู่นี้อยู่ด้วยกัน ทำไมหน่ะหรอ เคยได้ยินไหม ‘ ขิงก็ราข่าก็แรง ‘ มันก็ประมาณนั้น ถามว่าทำไมถึงกัดกันบ่อยนัก เอ... จะว่ายังไงดีหล่ะ เรื่องมันยาวนะคะ ถ้าไม่เบื่อกันก่อนเค้าก็จะเล่าให้ฟัง ก็เรื่องมันมีอยู่ว่า
ฮานึลเป็นคนไทยโดยกำเนิด และได้มีโอกาสดิ้นรนจะได้ไปเรียนที่เกาหลี แล้วนึกออกไหมคะ ที่เด็กคนนึงได้อยู่ไกลบ้านห่างพ่อแม่ มันจะเศร้าสักแค่ไหน... ที่ไหนล่ะคะ ฉันนี่แหละสุดจะดีใจเลย ได้ออกมาจากบ้านไม่ต้องมีผู้ใหญ่มาควบคุม โอ้วววว ไม่อยากจะบรรยายเดี๋ยวหาว่าอกตัญญู มาอยู่เกาหลีทั้งทีก็ต้องมีชื่อเกาหลีด้วย คนที่นี่เรียกฉันว่า ‘ ฮานึล ‘ ค่ะ
หลังจากที่ลั้นล้ามาเป็นเวลาหลายเดือน ความลำบากเริ่มเข้ามาแทรก เนื่องด้วยทางบ้านที่เมืองไทยพบภัยเศฐษกิจขั้นรุนแรง จึงส่งเงินมาให้ผลาญเอ้ย ส่งมาให้ใช้ลดลงไปกว่าครึ่ง แล้วคิดไหมคะว่าเด็กคนนี้เด็กที่เกิดมาใช้แต่เงินคนนี้จะเป็นอย่างไร... งานเข้าสิคะ ไหนจะค่าห้องค่าอาหาร ทำไงล่ะทีนี้.. พูดไม่ออกบอกไม่ถูก
“ แม่ หนูอยากกลับบ้าน ฮือออออ “สาวน้อยคร่ำครวญ น้ำตาไหลอาบสองแก้ม
“ จะกลับได้ยังไงลูก เงินก้อนสุดท้ายแม่ก็ส่งให้ลูกไปหมดแล้ว ตอนนี้แม่ต้องกลับไปอยู่บ้านยาย พ่อก็ไปบ้านย่าแล้วแม่จะเอาเงินที่ไหนซื้อตั๋วให้กลับมาล่ะคะ อดทนหน่อยนะลูก ลองหางาน part time ทำไปก่อน อีกไม่นาน.. เชื่อสิอีกไม่นาน เราต้องกลับเป็นเหมือนเดิมนะคะเด็กดี เชื่อแม่นะ” มารดาอธิบายอย่างใจเย็น พลางพยายามสะกดเสียงสะอื้นไม่ให้สาวน้อยปลายสายได้ยิน
“ แม่ค๊าา หนูคิดถึง ฮึก..บ้าน อยู่นี่หนูจะทำอะไรจะอยู่ยังไง ฮึก..ค่าห้องหนูก็ยังไม่ได้จ่าย เงินก้อนสุดท้ายก็อยู่ได้ไม่นานเองน้า แม่ แม่จะทิ้งหนูแล้วหรอแม่ ฮือออออ “
“ อย่าคิดแบบนั้นสิลูก เราต้องผ่านไปได้นะ เป็นลูกแม่ต้องอดทนรู้ไหม เป็นลูกแม่ต้องอดทน”
เป็นลูกแม่ต้องอดทน... เป็นลูกแม่ต้องอดทน วูบ! ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยสภาพไม่น่ามองสักเท่าไร ‘ ฝัน ..เราฝันเรื่องนี้เป็นรอบที่เท่าไรแล้วเนี่ย ‘ ทำไมยังทำใจไม่ได้นะ ต้องเข็มแข็ง เป็นลูกแม่ต้องอดทนสิ ลูกแม่ ต้องเข้มแข็ง.. แหมะ เหมะ..
“ ฮือออออออออ ทำไม ทำไม ทำไม ” คืนนั้นฮานึลนอนไม่หลับตลอดคืน
วันรุ่งขึ้นฮานึลก็ยังคงต้องไปเรียนด้วยสภาพที่ดูก็รู้ว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ด้วยความหวังว่าจะเรียนให้จบและกลับบ้านซักที
“ โอ้ย ทำไมมันถึงได้ร้อนนักนะ ” สาวน้อยสบทอย่างอารมณ์เสียพร้อมกวาดสายตาก็มองเข้าไปในร้านกาแฟแห่งหนึ่งหน้ามหาลัย
“ เอ๊ะ! นั่นหน้าคุ้นๆ ใครน้า... ใช่แล้วซีวอน กรี๊ดดดดด!!! ” ฮานึลกระโดดด้วยความดีใจสุดขีด ‘ เจอไอดอลค่ะ ฮานึลมาเกาหลีตั้งนานก็เพิ่งจะเคยเจอไอดอลตัวเป็นๆ ก็วันนี้แหละ ‘ แฟนคลับจำเป็นจะทำไงล่ะคะ ก็วิ่งเข้าไปขอถ่ายรูปน่ะสิ โอ้ยยย! โชคดีเป็นบ้าเลย
“ ซีวอนคะ ขอถ่ายรูปด้วยหน่อยได้ไหมคะ” ฮานึลวิ่งเข้าไปขอพร้อมทำตาวิงวอนมองศิลปินเหมือนลูกหมาหลงทาง
“ ได้ครับ” ซีวอนตอบแถมยิ้มกระชากใจมาหนึ่งที ‘ อ่าาา~ สวรรค์.. ทำไมถึงมีคนหล่อขนาดนี้ที่นี่ ทำไมไม่มีที่เมืองไทยบ้าง ชั่งไม่ยุติธรรมเสียเลย ‘ เพียงไม่นานภาพถ่ายล้ำค่านี้ก็ขึ้นในหน้าเฟสบุค เย็นวันนั้น เพื่อนที่ทั้งรู้จักและไม่รู้จัก ต่างทักและเข้ามาพูดคุยกับฮานึลอย่างคับคั่ง
รุ่งขึ้นฮานึลค่อยเดินไปมหาลัยอย่างเบิกบานใจแทบจะบินไปเลยทีเดียว ‘วันนี้ต้องเจอดาราให้ได้อีกซักคนนึง ฮี่ฮี่’ สาวน้อยพูดขึ้นในใจ ขณะเดินเข้าไปภายในคณะเรียน
“ ฮานึลมีคนมาหาเมื่อวานอ่ะรู้ยัง? ”
“ ยังไม่มีคนมาบอกเลยฉันเพิ่งมาถึง ใครมาหรอรู้ปะ? ” ฮานึลถามเพื่อนอย่างอดสงสัยไม่ได้ว่าใครมาหา
“ เห็นบอกว่าเป็นคุณป้าเจ้าของบ้านนะ ” เพื่อนอธิบายเท่าที่ทราบ
“ หา! ว่าไงนะป้ามาหรอ.. วันนี้วันที่เท่าไรแล้วเนี่ย? ” ฮานึลตกใจตาโตรีบถามเพื่อนต่อทันที
“ วันที่ 25 อ่ะทำไมมีอะไรหรอ? ”
“ ตายแล้วววววๆๆๆ ฉันยังไม่ได้จ่ายค่าห้องหน่ะสิจะมีอะไรได้ ฉันไปก่อนนะ ถ้า’จารย์ถามหาก็บอกว่าป่วยแล้วกันนะ ไปแหละๆๆๆ .... ตายแล้วลืมไปได้ไงเนี่ย แล้วนี่จะเอาเงินที่ไหนไปจ่าย โอ้ย..คิดแล้วจะบ้า ” ฮานึลเดินพูดคนเดียวเหมือนคนบ้า ในตอนที่กำลังรอไฟเขียวเพื่อข้ามถนน
Rrrrrr Rrrrr
“ สวัสดีค่ะ ”
“ ฮานึลนี่ป้านะคะ คือตอนนี้ป้าอยู่หน้าห้อง ถ้าวันนี้หนูไม่เอาเงินมาจ่ายป้า ก็มาขนของไปเก็บที่อื่นนะลูก ตอนนี้ป้าขนของออกมาไว้นอกห้องเรียบร้อยแล้ว มาไวไวนะคะ เดี๋ยวของจะหายซะก่อน “ ตู้ดดดดๆๆ พูดจบก็วางสายทันที
“ ห๊ะ! ฮัลโหลป้าคะ เดี๋ยวป้า! โหยอะไรวะ! วางไปแล้ว” ฮานึลสบถอย่างอารมณ์เสีย และรีบวิ่งไปที่ห้องทันที คืนนั้นฮานึลขนของทั้งหมดไปที่สวนสาธารนะในมหาวิทยาลัย อย่างทุลักทุเล
“ เอาวะคืนนี้ก็นอนมันแถวนี้ไปก่อนแล้วกัน ค่อยไปตายเอาดาบหน้า ” ฮานึลรำพึงกับตัวเอง เวลาก็ล่วงเข้าสี่ทุ่มไปแล้ว พญาธิในท้องก็เริ่มออกมาก่อกวนเป็นครั้งที่ สาม สี่ และห้า... ฮานึลมองไปรอบตัวแต่ไม่มีอะไรให้กินแต่ ‘ เอ๊ะ! ตึกนั้นทำไมยังไม่ปิดไฟ แบบนี้มันต้องไปดูสักหน่อย ’ หุหุหุ
ยิ่งเดินเข้าใกล้ก็เห็นว่าเหมือนจะเป็นงานเลี้ยงที่จัดอย่างหรูหรา มีอาหารตั้งเรียงรายมากมาย เครื่องดื่มทั้งหน้าตา สีสันน่ารับทาน ‘ ล..ละ..เลี้ยงรุ่น!! ว้าววว~ หวานปาก โชคดีวุ้ยวันนี้ ได้ของกินฟรี ’ โฮะโฮะ ‘ ได้ใช้วิชาหลบหลีกผู้คนแล้ว อิอิ ’ คิดพลางแอบย่องเข้าไปในงานอย่างไม่มีคนสังเกต ปึก! ตึ่ง! เคร้ง! เพล้งๆๆ ! ‘ โอ้ววววว ไม่นะ... ชิบหายซวยแล้ว หนีก่อนดีกว่า ’ จากนั้นฮานึลก็ใส่เกียร์หมาวื่ง 4x100 กันเลยทีเดียว
ตึก ตึก ตึก เสียงเหมือนมีคนวิ่งมาจากด้านหลัง “ อะไรกันเนี่ย ไอ้เด็กนั่นเป็นใคร โอ้วววไม่นะ พังหมดแล้ว หนังชั้น. จับให้ได้! ใครปล่อยให้เข้ามาเนี่ย เสียหายหมดแล้ว .. ใครจะรับผิดชอบ! หาตัวให้เจอนะ! “ โปรดิวเซอร์ปาร์คคร่ำครวญอย่างโกรธแค้น
“ อยู่นี่ครับ ปาร์คพีดี ” สต๊าฟคนนึงเอ่ยขึ้น พลางลากแขนฮานึลเข้ามา
“ ไหน ใคร มาจากไหน ใครพามา “ ฮานึลงงเป็นไก่ตาแตก ‘ มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย มากินของฟรีมันเรื่องใหญ่ขนาดนี้เลยหรอ ’
“ เด็กคนนี้แอบเข้ามาครับ ”
“ ฉันจะหักเงินทุกคนที่ให้คนไม่เกี่ยวข้องเข้ามา! ทุกคนหุบปาก! เลิกกองกลับบ้านโว้ยย.. ส่วนเธอ ชื่ออะไรบ้านอยู่ไหน เธอต้องรับผิดชอบ! ” พีดีปาร์คตะโกนอย่างหงุดหงิด
“ รับผิดชอบ? ..รับผิดชอบอะไรคะลุง หนูยังไม่ได้ทำอะไรเลย กินไปนิดเดียวเองต้องเสียขนาดไหนกันเชียว ”
“ หืม.. เธอว่าไงนะ? รับผิดชอบอะไรงั้นหรอ? เหอะเหอะ.. งั้นเธอลองหันกลับไปมองสิ ว่าเธอทำอะไรลงไป! ”
ฮานึลค่อยๆ หันกลับไปมองภาพที่เห็นคือภายในงานเศษแก้วกระจายเต็มไปหมด โต๊ะกลมกลางงานตัวสวยล้มไม่เป็นท่า ... ‘ นี่มันมีสงครามเกิดขึ้นหรือไง?! ทำไมข้าวของมันถึงได้ตกหล่นเรี่ยราดได้ขนาดนี้เนี่ยไม่จริงม้างงง.... ’
“ หมายความว่า... ทั้งหมดนี้อย่าบอกนะ... ” ฮานึลเอ่ยขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตา
“ ใช่! ฝีมือเธอทั้งหมด ” ปาร์คพีดีกดเสียงต่ำ
“ ไม่มีทาง! หนูยังไม่ได้ทำอะไรเลย อย่ามาป้ายสีกันสิคะ ” ฮานึลไม่เชื่อง่ายๆ บอกปฏิเสทเป็นพันละวัน
“ ไม่ได้ทำอะไร?! ยังพูดออกมาได้นะ เราถ่ายละครกันอยู่ดีๆ เธอก็เข้ามาแล้วก็พังข้าวของจนมันกลายมาเป็นแบบนี้ จะบอกว่าไม่ได้ทำงั้นหรอ?! ฉันมีหลักฐานนะ จะดูไหม?! ” พีดีปาร์คทวนคำเสียงสูงก่อนจะพ่นออกมาเป็นไฟ
“ ดูค่ะ! หนูอยากเห็น ” ฮานึลยืนยัน
“ เอ้า! ดูซะให้เต็มตา เห็นไหมว่า นั่น!.. เธอ! และก็ตอนนี้ เห็นไหม?! ความพินาศเกิดขึ้นแล้วเธอก็วิ่งหนี มีอะไรจะพูดอีกไหม?! ” ปาร์คพีดีชี้และบรรยายอย่างละเอียด
‘ โอ้ววว..จริงอ่ะ?! ไม่นะไม่ๆ ไม่มีทาง ม้ายยยยย ’
“ ห..หน...หนูไม่ได้ตั้งใจจริงนะคะ หนูไม่ได้ตั้งใจนะ หนูไม่มีเงิน ยกโทษให้หนูได้ไหมคะ ” ฮานึลอ้อนวอน
“ ถ้าเธอไม่มีเงินเธอต้องชดใช้ด้วยร่างกาย ” ปาร์คพีดีพูดพร้อมยิ้มมุมปาก
“ เอ๊ะลุง?! คนเลวขนาด คนไม่มีทางไปยังจะคิดอะไรไม่ดีได้อีก! ” ฮานึลตะโกนอย่างตกใจ
“ หุบปาก! ฉันไม่ได้จะเอาไปขาย พรุ่งนี้เธอต้องไปทำงานที่ออฟฟิส... เจอกันหน้าออฟฟิสตอนเจ็ดโมงตรง
ห้ามเลทห้ามสาย! ฉันไม่ชอบคนไม่ตรงต่อเวลา ” ลุงยื่นนามบัตรมาให้ “ ที่อยู่ตามนี้ อย่าลืม! เจ็ดโมง ”
“ ค่า รู้แล้วค่า ”
7:01 ฮานึลหอบกระเป๋าวิ่งหน้าตาตื่นมาแต่ไกล เมื่อมาถึงหน้าบริษัทก็พบว่าปาร์คพีดียืนอยู่ก่อนแล้ว สาวน้อยค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาจากอาการหอบพีดีก็พูดขึ้นทันที
“ เธอมาสาย ” ฮานึลมองค้อนพีดีวงใหญ่หลังจากนั้นพีดีก็พูดขึ้นว่า
“ เธอเข้าไปได้แล้ว ” สาวน้อยเดินก้มหน้าตามพีดีเข้ามาในออฟฟิสที่เขียนข้างด้านหน้าว่า SM ENTT. ‘ ชื่อนี้มันคุ้นๆ ยังไงไม่รุ้สิ ’
“ ต่อไปนี้ เธอแค่ทำให้ห้องนี้สะอาดเรียบร้อยตลอดเวลาเท่านั้น... นั่นคนที่จะดูแลเธอชื่อไอริส อยู่ตรงด้านโน้น ” พีดี อธิบายสิ่งที่ต้องทำให้ฉันก่อนที่จะชี้ไปที่สไตล์ลิสสาวสวยหน้าตาดี
ฮานึลมองไปรอบๆ ห้องเสื้อผ้า ‘ ทำไมมันถึงได้มากมายขนาดนี้ แต่ก็ไม่เห็นจะเลอะตรงไหน งานนี้หมูสิคะ ’
“ รับทราบค่ะคุณลุง ” ฉันตอบรับหลังจากที่พีดีได้ยินประโยคตอบรับก็หันหลังกลับมาแล้วถามด้วยเสียงสูง
“ เธอไม่รู้จักฉัน?! ไม่ได้อ่านนามบัตรหรือไง ”
“ อ่านค่ะ แต่ฉันอ่านแค่ที่อยู่น่ะ แหะแหะ ” ฉันตอบแล้วเกาหัวอย่างอายๆ ก่อนที่จะหยิบนามบัตรมาอ่าน ‘ ปาร์คหรอ?...... อืม.. อ๋ออ ’
“ เรียกฉันว่าเจ้านาย เหมือนที่คนอื่นเรียก อย่ามาเรียกฉันว่าลุง” พีดีปาร์คพูดอย่างตำหนิ
“ รับทราบค่าเจ้านาย หนูจะพยายามทำงานให้ดีที่สุดค่ะ ” ฮานึลรับคำพร้อมทำท่าตะเบ๊ะอย่างทะเล้น
“ ดี ชั้นจะคอยดู อย่าคิดว่าจะอู้ได้เพราะฉันให้คนจับตามองเธออยู่ ” แล้วเจ้านายก็เดินออกไป
‘ อู้ย คุณลุงมหาภัย งานง่ายๆขนาดนี้อะไรมันจะมากมาย ’ ก่อนที่จะมีอะไรทำฮานึลจึงเดินสำรวจออฟฟิส ‘ ห้องว่างทำไมมันเยอะนักนะ ถ้าขอมาอยู่เค้าจะให้ไหมน้าา ’ ฉันเดินพรางครุ่นคิดก่อนจะหันมาถามพี่สาวสไตล์ลิส
“ พี่ไอริสคะห้องว่างพวกนี้ฉันขอเข้ามาอยู่ได้ไหมคะ? ” ฮานึลถามเสียงอ่อนเสียงหวาน
“ ได้สิทำไมจะไม่ได้หล่ะ พี่ก็อยู่ที่นี่แหละ เพราะไม่ค่อยมีเวลาได้กลับบ้านเท่าไร... งานเยอะนะที่นี่หน่ะ มีออกนอกสถานที่บ่อยๆด้วย ” พี่ไอริสตอบพร้อมส่งยิ้มน่ารักกลับมา
“ งั้นฮานึลขอมาอยู่ที่นี่ด้วยคนนะคะ ”
“ ได้สิจ้ะ แล้วพี่จะบอกเจ้านายให้นะ ” พี่ไอริสว่าอย่างใจดี
“ ขอบคุณมากค่ะ ดีจังเดี๋ยวคืนนี้จะขนของมาให้หมดเลย ฮิฮิ ” มีบ้านฟรีอยู่แล้ววุ้ย หุหุ
ประมานสิบโมงกว่าๆ ก็เกิดความโกลาหลเกิดขึ้นหน้าบริษัท ฮานึลจึงวิ่งไปดู ภาพที่เห็นคือชายหนุ่มหน้าตาดีหลายคนค่อยๆ เดินเข้ามาอย่างช้าๆ พร้อมด้วยรอยยิ้มสดใส ‘ เห.. หน่ะ..นะ...นั่นนั่นมัน super junior นี่นา โอ้ยยย.. วันนี้โชคดีอะไรแบบนี้เนี่ย ได้ทำงานกับไอดอล แอร้ยยยยย.. .แค่คิดก็เขินแล้ว’ ฮานึลมองชายรูปงามเดินผ่านไปคนแล้วคนเล่า ทุกคนล้วนแล้วแต่มีออร่าที่งดงามบอกไม่ถูก มันเป็นอะไรที่มีแรงดึงดูดมาก แต่อยู่ๆ ก็มีเด็กผู้หญิงคนนึงไม่รู้ว่ามาจากที่ไหน วิ่งเข้ามากอด แล้วกระโดดหอมแก้มทุกคนและวิ่งจากไป ที่แปลกก็คือ ไม่มีหนุ่มคนไหนตกใจกับการกระทำนั้น ฉันไปสอบถามจากพี่ไอริสก็รู้ว่าเด็กคนนั้น เป็นลูกสาวของเจ้านายเธอชอบ SJ มากเป็นพิเศษจึงมักจะทักทายแบบนี้เป็นประจำทุกวัน ‘ เด็กอะไรมันจะ น่าอิจฉาปานนั้น ’
“ สวัสดีค่ะ ฉันชื่อฮานึล อายุ 24 ปี จะมาทำงานตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ ”
เงียบ... ‘ เอ่อ.. สงสัยไม่ได้ยิน เอาใหม่ ’
“ สวัสดะ.... ” เพิ่มระดับเสียงขึ้นอีก
“ หนวกหู! ได้ยินแล้ว เงียบซะทำงานของเธอไป ” จะเป็นใครไปได้นอกจากคิมฮีชอล ที่เค้าว่ากันว่าเป็นคนสี่มิติ เดาทางเค้าไม่ได้คนนี้ พี่ฮีเป็นคนสวย จะว่าสวยจนพวกเราที่เป็นผู้หญิงต่างต้องอายเมื่อไปเทียบกับพี่เขา
“ เอ่อ ข..ขอโทษค่ะ “ ฮานึลก้มหัวขอโทษอย่างตกใจ
“ ทำไมพี่ไปพูดกับฮานึลแบบนี้ล่ะ ยินดีที่รู้จักนะครับฮานึล ผมซีวอน ” ซีวอนพูดพลางส่ายหน้าระอาแบบยิ้มๆ ให้ฮีชอลก่อนจะหันมาแนะนำตัวกับฮานึล ‘ ว้าวววววๆ พ่อพระเอก ใจดีมีเมตตามนุสัมพันธ์ดี ’
“ คนนั้น พี่ชินดง ทงเฮ ฮยอคแจ เรียวอุค คยูฮยอน พี่เยซอง คิบอม ทางนั้นฮันเกิง ที่แก่หน่อยตรงโน้นก็พี่อีทึกเป็นหัวหน้าวง.. เอ้าพวกนาย น้องคนนี้ชื่อฮานึลจะมาทำงานตั้งแต่วันนี้ ” ซีวอนแนะนำฉันให้เหล่าเมมเบอร์ได้รู้จัก ทีละคน
ฟุบ.. ทุกสายตาหันมามอง
“ เอ่อ.. ส.. สวัสดีค่ะ ฮานึลค่ะ ยินดีที่รู้จักนะคะ “ ฉันก้มหัวแนะนำตัวอย่างประหม่า ‘ ทำไมเขาช่างเป็นคนดีมากมายขนาดนี้นะ ปลื้มค่ะ วันนี้แม้ฮานึลยังรู้จักไม่ครบทุกคนแต่รอบตัวฮานึลก็มากไปด้วยผู้ชายหน้าตาดี.. สบายใจค่ะ แต่งานจริงๆก็หนักใช่ย่อยเลยนะเนี่ย.. เอาวะ! เพื่อความสุขของตนเองและครอบครัว(เกี่ยว?)ฮานึลต้องอดทน ฮึบ! ฮ่าๆ ’
วันนี้ฮานึลตื่นนอนแต่เช้าเข้ามาทำความสะอาดห้องหลายๆ ห้องในตึก แต่สักพักก็ได้ยินเสียงแปลกๆดังมาจากอีกฟากของตึก ‘ ตายล่ะ! เช้ามืดแบบนี้อาจจะโดนผีหลอกหรอเนี่ยตายๆ แต่อยากรู้อ่ะ... ขอไปดูหน่อยแล้วกัน ‘ ฮานึลพยายามหาที่มาของเสียงแม้จะกลัวอยู่บ้าง เธอค่อยๆเดินไปตามทางเดินที่มืดสลัว เท้าที่ก้าวออกไปแต่ละก้าวยิ่งเพิ่มความกลัวขึ้นจับใจ จนในที่สุดเสียงก็มาหยุดอยู่ที่ห้องซ้อม เธอกลั่นใจก่อนจะแนบหูเข้ากับประตูห้องซ้อม
“ พี่ครับ อย่าจับตรงนั้นสิ อะ โอ้ยยย! เจ็บนะ! เบาๆ หน่อยสิครับ ”
“ นายก็อยู่นิ่งๆ สิ ดิ้นไปดิ้นมาอยู่ได้ อยู่นิ่งๆจะได้ไม่เจ็บ ”
‘ เอาแล้วไงคะ! เสียงนี้... ถ้าจำไม่ผิดนี่สองคนที่ไม่อยู่เมื่อวานนี่นา... งั้นขอดูหน่อยแล้วกันนะ ’ ฮานึลค่อยๆแง้มประตูเข้าไป.... พลั่ว! เธอลงไปกองกับพื้น ‘ อายค่ะอาย อยากที่จะแทรกแผ่นดินหนี ’
“ เธอเป็นใครมาทำอะไรที่นี่ ” เสียงนุ่มๆ ดังขึ้นเหนือหัวฮานึลอย่างตกใจ
“ เอ่อ... ฉะ ฉันฮานึลเป็นพนักงานใหม่ของที่นี่ จะมาทำความส...สะ ” ฉันบอกพลางก้มหน้าก่อนที่จะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามอง.... ‘ ผ.. ผะ.. ผู้หญิงไม่ใส่เสื้อ!.. ผ.. ผะ.. ผู้หญิงไม่มีหน้าอก! ผ.. ผะ.. ผู้ชายนี่นา! ’
“ ว้าย ทำไมค..คุณ..ไม่ใส่เสื้อหล..หล่ะคะ?! แล้วเมื่อกี้.. ฮานึลได้ยินเสียงแปลกๆ คุณสองคนกำลังง... ” ฉันพูดพลางปิดตาหน้าแดง
“ หยุด! เธอไม่ต้องคิดต่อ มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด และผมก็ไม่จำเป็นจะต้องอธิบายให้เธอฟัง ถ้าจะทำความสะอาดก็เข้าไปทำ ผมจะไปแล้ว ” แล้วผู้ชายหน้าหวานก็เดินออกจากห้องไปพร้อมกับชายหนุ่มรูปงามอีกคนที่ ‘ ไม่ใส่เสื้อ ’ ฮานึลมองตามตาค้าง ‘ หน้าตาก็น่ารักแต่คำพูดของเธอช่างบาดจิตใจจริงๆ “ ซองมิน ” ฉันจะไม่ลืมคำพูดเธอของเลย ’
ช่วงบ่ายฮานึลต้องไปช่วยพี่ไอริสจัดเสื้อผ้าคอสตูมของหนุ่มๆ SJ
“ นี่ใครจัดชุดนี้ให้ผมเนี่ย ไม่มีเซ้นท์เอาซะเลย มันต้องแบบนี้ เสื้อสีชมพู กางเกงแดง หมวกชมพู ต้องแบบนี้เห็นไหมเจ๋งจะตาย ” หนุ่มหน้าหวานพูดออกมาก่อนที่จะยิ้มอย่างพอใจกับชุดที่ตนจัด
“ เนี่ยนะเจ๋ง?! คนบ้ายังไม่อยากจะใส่เลย ” ฉันบ่นอุบอิบ
“ ว่าไงนะ?! เธอกล้าดียังไงมาบอกว่าแฟชั่นสุดฮิตของผมไม่ดี เธอ! คนเมื่อเช้านี้ เป็นเด็กใหม่ยังทำเป็นพูดดีอีก ”ซองมินชี้หน้าบ่น
‘ แหนะ ขนาดบ่นยังจะได้ยินอีก หูดีเป็นบ้า ’ ฉันคิดพลางยกมือขึ้นเท้าเอว
“ หืม.. มันจะมากเกินไปแล้วนะมาว่ากันได้ไง?! นายไม่รู้ตัวหรือไงว่า นั่น! ที่เรียกว่าเจ๋งของนายอะ มันเป็นอะไรที่ทำร้ายคำว่าแฟชั่นมากกกก ไม่เชื่อนายลองถามทุกคนดูสิ รู้ตัวเองซะบ้างเถอะไม่มีคนบอกเลยไม่รู้ตัวหรือไงกัน คอมมอนเซ้นท์นี่ไม่มีเลยคนอะไร ” ฉันจึงตอกกลับเป็นชุด
“ เธอออ! กล้าดียังไง?! ผมอายุมากกว่านะทำไมถึงพูดจาแบบนี้ ไม่รู้จักวัฒนะธรรมของคนที่นี่หรือยังไง?! ”
“ หยุด!!!! จะเถียงกันทำไมเนี่ย ซองมิน ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ฮานึล ทำงาน!!!!!!” พี่ทึกตะโกนอย่างเหลืออด
“ ขอโทษค่ะ ” ฉันขอโทษเหล่าเมมเบอร์ก่อนที่จะแจ้นไปทำงาน ฟิ้ว~
วันนั้นทั้งวันฮานึลได้แต่ตั้งใจทำงาน ‘ กลัวโดนดุ ทำตัวดี ทำตัวน่ารักไว้ก่อน ’
“ วันนี้งานหนักหน่อยนะ ” เสียงนางฟ้าพูด ฉันจึงช้อนตาขึ้นมอง แลเห็นลักยิ้มนางฟ้าจึงตาพร่าเล็กน้อย
“ ไม่หรอกค่ะ ฮานึลต่างหากที่ทำให้ลำบาก วันนี้ต้องขอโทษด้วยนะคะ ” ฉันกล่าวพลางก้มหน้า
“ ไม่ พี่ต่างหากที่ต้องขอโทษ พอดีวันนี้พี่อารมณ์ไม่ดีนิดหน่อยเลยพาลหงุดหงิดใส่เธอ พี่ขอโทษจริงๆนะ ”
“ โอ้ยทำไมพวกพี่เป็นคนดีกันจัง ขนาดคนบางคนยังไม่มาพูดกับหนูดีดีเลยซักครั้ง ” ฮานึลพูดแขวะหันไปทางชายหนุ่มหน้าหวานที่ตนกำลังพูดถึง ชิ้ง เหมือนสายตาปะทะกันขนเริ่มลุกซู่เหมือนกับตอนที่ถูกผีอำ(ทั้งๆที่ไม่เคย ฮ่าๆ) แล้วซองมินก็สะบัดหน้าหนี
“ งั้นวันนี้เพื่อเป็นการไถ่โทษ ไปหาอะไรกินกับพวกเรานะ ”
“ ไม่นะ! พี่ทำไมต้องพายัยนี่ไปด้วยล่ะ ผมไม่ให้ไปนะ! ” ซองมินโวยวายขึ้นทันทีที่ได้ยิน
“ งั้นนายก็ไปหาอะไรกินเองคนเดียวไม่ต้องไปกับพวกพี่สิ ” พี่ทึกหันไปบอกกับซองมิน ซองมินเจอประโยคนี้ถึงกับอึ้งตาค้างแต่ก็ยอมสงบลงนั่งบ่นอุบอิบให้ดังเป็นระยะ
“ ค่ะ ” ฮานึลตอบพี่ทึกพร้อมกับยิ้มหวาน แล้วพี่ทึกก็จับแขนพาไปหาเหล่าเมมเบอร์ที่กำลังยืนรออยู่ที่หน้าบริษัท
พี่ทึกพาฉันไปเลี้ยงหมูสามชั้น มันเป็นอะไรที่สุดยอดมาก เมื่อไปกินอาหารกับหนุ่มหล่อ ‘ อะไรมันจะมีความสุขขนาดนี้ ’ ฮานึลก็จัดเต็มและจัดหนัก ทั้งกินทั้งถ่ายรูป ถือโอกาสตีซี้กับทุกคนไปในตัว ฉันถ่ายรูปเล่นนั่นนี่ซะจนเมมเต็ม แล้วฉันก็แอบไปเอามือถือนายซองมินมาถ่ายรูปเล่นด้วย ‘ กร้ากกก แก้แค้นเล็กๆ น้อยๆ นี่แหนะเอาเป็นรูปขึ้นวอล์ด้วยเป็นไง ควันได้ออกหูแน่นายอ้วน หึหึ ’ หลังจากนั้นคนอื่นๆ ก็กลับบ้าน มีพี่ฮันกับซีวอนไปส่งฉันที่บริษัท เราสามคนคุยกันอย่างถูกคอ
“ วันนี้ขอบคุณมากนะคะ ฝากขอบคุณทุกคนด้วย ฮานึลแฮปปี้มากเลยค่ะ แล้วเจอกันนะคะ ” ฉันกล่าวขอบคุณก่อนจะส่งเมมเบอร์ทั้งสองที่ขับรถกลับลาลับสายตาก่อนที่จะเดินขึ้นห้อง
นี่คือจุดเริ่มต้นชองฮานึลที่นี่ค่ะ แล้วนี่ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว หลายๆ คนอาจถามว่าแล้วทำไมยังอยู่ยังใช้หนี้ไม่หมดหรอ? ไม่ใช่หรอกค่ะ แต่มันไม่มีที่ไปต่างหาก ฉันจะอยู่ให้ที่นี่เป็นบ้านเชียวค่ะ
ปัจจุบัน
“ หยุดเดี๋ยวนี้น้า ยัยตัวแสบ!! ” เสียงซองมินดังไล่หลัง
“ คิดหรือไงว่าเค้าจะหยุด ไม่มีทางซะล่ะ แบร่ “ เจ้าของเสียงตะโกนวิ่งไปหลบหลังหนุ่มรูปงามนามว่าฮีชอล
“ พี่จ๋า ช่วยน้องด้วยนะคะ พี่อ้วนเค้ารังแกหนู หนูแค่เดินผ่านเค้าก็วิ่งไล่หนูแล้ว ” ฮานึลฟ้อง พี่ฮีมองฉันด้วยสายตาที่ติดจะรำคาญหน่อยๆ ฮานึลจึงรีบบอกออกไปว่า
“ หนูกำลังจะไปหาป๊ะป๋าขา พี่พาหนูไปส่งหน่อยนะคะ นะคะ นะคะ ” ฉันเริ่มอ้อน
“ วุ่นวายจริงๆไปเองไม่เป็นหรือไง ” พี่ฮีพูดเสียดัง
“ พี่ไปส่งหน่อยนะคะ ไม่งั้นพี่อ้วนเค้าต้องตามจิกกัดหนูไปตลอดทางแน่เลยอ่ะ ถ้าพี่ไปส่งเค้าจะซื้อขนมให้กิน พาไปส่งหน่อยนะคะ น้านะนะน้า ” ในเมื่ออ้อนธรรมดาไม่ได้ผลก็ต้องหาของกินมาล่อด้วย
“ ฉันไม่ใช่ชินดงนะเอาของกินมาล่อเนี่ย ยัยเด็กนี่... เอาช็อกโก้บอลนะ เอามาซักครึ่งโหล เอ้า! ยืนอยู่ทำไม มาเร็วสิ ฉันยังมีงานต่อนะ ชักช้าอยู่ได้” ฮีชอลบ่นอย่างรำคาญ แต่ก็ยอมตกลง
“ ค่า มาแล้วค่าพี่ฮีสุดสวย ” ฮานึลรีบวิ่งตามฮีชอลไปก่อนจะหันไปแลบลิ้นปลิ้นตากับร่างอวบ แบร่
“ ฝากไว้ก่อนเถอะ ” เสียงซองมินบ่นออกมาให้พอได้ยิน
“ คิคิ ” คิดแล้วฉันก็หัวเราะ
“ เป็นอะไร? ” พี่ฮีชอลถามอย่างสงสัย
“ ไม่มีอะไรค่ะ แค่อารมณ์ดี อิอิ รักพี่ฮีจังค่ะ กร้ากกกก “ ฉันบอกพี่ฮีชอลก่อนที่พี่จะมองมาแล้วทำหน้าประมาณว่า ‘ ยัยเด็กนี่ท่าทางจะบ้า ’
“ ป๋าขา ฮานึลมาแล้ว มีอะไรให้รับใช้คะ ” ฉันลากเสียงยาวมาตั้งแต่เปิดประตูเข้ามาในห้อง
“ หืม ท่าจะอารมณ์ดีมากนะเนี่ย วันนี้เราต้องตามซองมินไปจัดคิสนะ เข้าใจไหม ” ฮันเกิงบอกอย่างอารมณ์ดี
“ แล้วทำไมต้องเป็นฮานึลล่ะคะ คนอื่นไม่มีแล้วหรอ ” ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มของฉันเริ่มสลดลงอย่างช้าๆ
” คำสั่งเจ้านาย โอเคไหม ” พี่ฮันย้ำอย่างรู้ทัน
“ แต่ว่าฮานึลไม่อยาก... “ ฮานึลกำลังจะอ้าปากบอกปฏิเสธ
“ คืนนี้พี่ไปด้วย เดี๋ยวพี่เป็นโล่ให้ แบบนี้จะไปได้รึยังคะ ” พี่ฮันออกตัวอย่างทะเล้นก่อนที่ฮานึลจะงอแงไปมากกว่านี้
“ ไปค่ะ รักป๋าที่สุดเลย ” ฉันกระโดดกอดพี่ฮัน
‘ โอ้ยยยยยย นี่ก็ปาเข้าไปสามทุ่มแล้ว การนั่งเฉยๆ มันง่วงมากกกกกกกกกกกกกกก เอาไงดีเรา... จะว่าไปตอนทำงานอีตาซองมินก็ดูเทห์ดีนี่นา คิคิ แต่ปากเนี่ย คนสวยรับไม่ได้ค่ะ ไม่เอาๆ เลิกคิดๆ นอนดีกว่า ราตรีสวัสดิ์ค่ะทุกคน ’ ฉันเอนหลังและเริ่มเข้าสู่นิทรา
คร่อก ZZzzz
.
“ งืมมๆ ...มิน ฉันชอบคุณ ”
เพลง
“ ฮานึล! ฮานึล!! เธอฝันบ้าอะไรของเธอ?! ยัยฮานึล! ตื่นนนนน! ไปกันได้แล้ววววววววววววว ” ซองมินตะโกนกรอกหูพร้อมเขย่าตัวฉัน
“ ว๊ายอะไรกันเนี่ย!? นายบ้าไปแล้วหรอ จะเอาตายเลยไง อีตาบ้า! ” ฮานึลสะดุ้งตื่นและโวยวายอย่างขวัญเสีย
“ เธอสิบ้า! ถ้าไม่ลุกจะปล่อยให้นอนตายตรงนี้ซะเลย เลิกงานแล้ว กลับบ้าน ”
“ หืม.. เสร็จแล้วหรอ เย้! กลับบ้านนอนๆ ง่วงมากเลยอ่ะ ปะปะ รีบไปกันเถอะ... แล้วป๋าล่ะ ป๋าไปไหนอ่ะ ”
“ หืม.. พี่ฮันเค้าไปห้องน้ำจะตามไปไหมหล่ะ เธอไปรอที่รถโน้น ”
ฉันจึงเดินไปรอที่รถก่อนพอมาถึงรถก็มุดเข้าไปคนแรก พี่ฮันกับพี่มินค่อยเดินมาพร้อมกัน ทั้งคู่คุยกันกระหนุงกระหนิง ‘ เอ๋ มันยังไงๆกันล่ะคู่นี้ จะมาเป็นโล่หรือมาสวีทกันแน่เนี่ย ’ พี่มินขึ้นรถมาก่อนหวังที่จะนั่งเบาะหน้า แต่พี่ฮันก็ดันมินเข้ามาเบาะที่ฉันนั่งอยู่ ถึงจะไม่ชอบก็ต้องนั่งกันไปก่อน ระหว่างทางกลับบ้าน รถติดมาก ไม่รุ้ว่าจะติดไปไหนนี่ก็ครึ่งชั่วโมงแล้วแต่รถยังไม่ขยับไปไหนเลยฉันจึงตัดสินใจหลับ ระหว่างที่หลังด้วยแรงโน้มถ่วงของโลกก็พาให้ หัวของฉัน และไหล่ของซองมินได้พบกันในที่สุดเพียงไม่นาน หัวพี่มินก็ได้แรงเหวี่ยงของการเลี้ยวโค้งชักนำมาให้พบกับหัวของฉัน คิคิ พี่ฮันยิ้มในใจพร้อมหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปประวัติศาสตร์นี้
อาทิตย์หนึ่งที่ผ่านมาฉันทำแต่งานจนหัวปั่น ‘ บริษัทนี้ใช้คุ้มจริงวุ้ย ’ วันนี้ต้องไปช่วยพี่ไอริสในสตูที่ SJ ถ่ายแบบกับนางแบบสาวสวย แต่สาวมาไม่ได้ ฉันเลยต้องเป็นตัวตายตัวแทน นางแบบจำเป็นมาแล้วววว ฉันโดนพี่ไอริสลากไปแต่งโน้นทานี่อย่างสนุกมือ
“ ไม่ต้องแต่งมากก็ได้นะพี่ไอริส ยังไงก็ไม่เห็นหน้าฮานึลอยู่แล้ว ” คยูฮยอนที่มีฉายาว่าคิมกูราแห่ง SJ พูดอย่างร้ายกาจ
“ ไม่ได้หรอกค่ะ ยังไงก็ต้องเนี้ยบไว้ก่อนจะให้พลาดไม่ได้ ไม่มีเวลาแล้ว ” เอ๊ะยังไงเนี่ยนี่คือชม?
“ โอ้โห นี่ใครเนี่ย ใช่ยัยเปิ่นฮานึลหรอ คนงามเพราะแต่งจริงๆ นะเนี่ย ” พี่หมีคังอินแซวอย่างสนุกสนาน พลางยิ้มกรุ่มกริ่มแบบกวนอารมณ์
“ พี่อ่ะ! นี่จะชมหรือจะว่าน้องคะเนี่ย ” ฮานึลเอ่ยอย่างงอนๆพลางสะบัดหน้าไปอีกทาง
บ่ายวันนั้นฉันง่วนกับการถ่ายรูปรวม พอถึงเวลาถ่ายรูปคู่ มีแค่ พี่ฮัน กับพี่มินที่ต้องถ่ายคู่กับฉันสองคน ทั้งคู่แสดงความเป็นมือโปรออกมาให้เห็นการถ่ายแบบจึงเสร็จไปอย่างรวดเร็วแม้จะมีข้อผิดพลาด (ซึ่งส่วนใหญ่เกิดที่ฮานึล) อยู่บ้าง แต่ภาพรวมก็ดูดีมากทั้งสองคน ทำเอาฮานึลหวั่นไหวเลยทีเดียว ต่อไปก็ถึงตาพี่หมีพี่ทึกถ่ายคู่กันเซ็ตคู่นี้เขาซี้กันแปลกๆ จะว่าแฟนเซอร์วิสก็ได้ล่ะมั้ง คนกรี้ดกันน่าดูเลยนี่นา
“ ผู้หญิงคนเมื่อกี้นั้นใครกันนะ มันจะมากไปแล้ว ออกมาห่างๆ พี่มินนะ! ปล่อยไว้ไม่ได้หรอก คอยดูนะ! ”
หลังจากถ่ายแบบเสร็จขณะที่ฮานึลกำลังเดินกลับห้องแต่งตัวก็แอบเห็น คยูฮยอน ยืนคุยกับเด็กผู้หญิงคนนึงตรงทางเดิน ซักพักมีการดึงเข้ามากอดด้วย ‘ ว๊าย มาเห็นอะไรเนี่ยฉัน ’ คนถัดมาที่เห็นคือ ฮยอคแจกำลังง้อเด็กผู้หญิงอีกคน คราวนี้ฮยอคแจค่อยๆช้อนมือเข้าไปกอดเธอจากด้านหลัง ‘ โอ้ยยยย.. โรแมนติกอย่างกับในหนัง... ไม่เอาแล้วรีบไปดีกว่าเรา ’ ภายในห้องแต่งตัวหญิงขณะที่กำลังเปลี่ยนชุดอยู่ๆก็มีเด็กกลุ่มหนึ่งประมาณสี่คนเข้ามาในห้องแล้วสาดน้ำใส่ฉันอย่างเต็มรัก
“ ว๊าย! อะไรกันเนี่ยพวกเธอ ทำแบบนี้ทำไม ” ฉันถามอย่างไม่พอใจ เสื้อเชิ้ตสีขาวเมื่อโดนน้ำก็แนบเนื้อราวกับโปรงแสงเห็นถึงส่วนเว้าส่วนโค้งทุกส่วนของร่างกาย ฉันรีบหาผ้ามาคลุมก่อนที่ใครจะเข้ามาอีก
“ เธอ อยู่ห่างๆจาก SJ อย่ามาเข้าใกล้พี่ๆของพวกเรานะ ” เด็กคนหนึ่งกล่าวออกมาอย่างทะนงตัว
“ ฉันไปทำอะไรให้พวกเธอ ยัยเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม เธออายุเท่าไรถึงกล้าทำแบบนี้ เล่นไม่ซื่อนี่นา เข้ามาทีละคนเลยดีกว่าไหม พวกหมาหมู่ ” ฉันตะโกนใส่หน้ากลุ่มเด็กอย่างสุดจะทน และเริ่มท้าทายหัวโจกในกลุ่มนั้น ตอนนั้นเองเด็กคนนึงก็ กระโดดโถมตัวใส่ ทั้งตบ ตี ถีบ แต่ฮานึลก็ไม่ได้อยู่เฉย ตอบกลับไปอย่างสาสมเช่นกัน ซักพักเด็กๆเห็นท่าไม่ดีจึงรีบหนีออกไปก่อนที่จะมีคนมาเห็นเหตการณ์ สภาพฮานึลตอนนี้ ฟุบลงกับพื้นผมเผ้ากระเซิง น้ำยังคงหยดจากเสื้อไม่มีทีท่าว่าจะแห้ง หน้าตา เนื้อตัวฟกช้ำหลายแห่ง
“ อะไรกันเธอเป็นอะไรไปเนี่ยจะไปเล่นหนังที่ไหนถึงได้แต่งตัวแบบนี้” ซองมินล้อเมื่อเข้ามาเห็นแว๊บแรก “ หืม ทำเนียนนี่เหมือน... เฮ้ย! นี่เธอไปกัดกับหมาที่ไหนมาถึงสภาพเป็นแบบนี้เนี่ยใครทำเธ...... ” นี่คือคำถามสุดท้ายก่อนที่ฉันจะสลบไป ไม่รู้ว่านานเท่าไร ฉันรู้ตัวก็มานอนอยู่ที่ห้องแล้ว รอบเตียงรายล้อมไปด้วยซองมิน คยู ฮยอค ป๋า เจ้านาย และพี่ไอริส
‘ แหมะ แหมะ.. ฮืออออออ ’
“ ฮานึลฟื้นแล้วพี่ ” ฉันได้ยินเสียงคยูฮยอนเรียก
“ ฮานึลเป็นไงบ้าง?! รู้สึกดีขึ้นหรือยัง? ” ทุกคนพร้อมใจกันถามคำถามนี้กับฉัน
“ ฉันไม่เป็นไรแล้ว แต่ใครพาฉันมาที่ห้องคะ? ” ฉันถามอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก
“ ซองมินไปเจอเธออยู่ในห้องแต่งตัว ” พี่ฮันอธิบายให้ฟังคร่าวๆ หลังจากฉันฟื้นทุกคนก็กลับบ้านไปพักผ่อน ประมาณเที่ยงคืน ก็มีข้อความส่งเข้ามาในมือถือฉัน
.
“ ตั้งแต่พรุ่งนี้ ผมจะเป็นคนดูแลฮานึลเอง ผมชอบเธอ คบกันนะ พรุ่งนี้ผมจะไปฟังคำตอบแต่เช้า ราตรีสวัสดิ์ครับ เจ้าหญิงน้อยของผม ”
ฮานึลตกใจกับข้อความนั้นมาก รีบย้อนกลับไปดูว่าส่งมาจากไหน.. ซองมิน ‘ เอ๊ะนี่มันยังไงกันเนี่ย?! หรือว่าเรากำลังฝัน เราคงเหนื่อยมากเกินไปจริงๆ วันนี้เจอมาหลายเรื่อง ภาพลวงตาแน่ๆ นอนดีกว่าเรา ’ แม้จะข่มตาหลับเท่าไร แต่ในหัวก็ยังคิดถึงเรื่องข้อความทั้งคืนจนแทบจะไม่ได้นอน
6:00 ก๊อกๆๆ แอ้ดดดด...
เสียงเปิดประตูช้าๆ พร้อมกับเสียงการก้าวเดินเข้ามาใกล้ๆของใครบางคน ทำให้สาวน้อยที่แสนจะอ่อนเพลียตื่นจากราตรีอันแสนสั้น
“ ฮานึล ตื่นได้แล้วนะครับ ผมมาขอรับคำตอบ ” เสียงกระซิบที่ริมหูทำให้สติเริ่มกลับมา ฮานึลลืมตาโพลง เด้งตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว จนทำให้หัวไปโขกกับคางของหนุ่มนิรนาม
“ โอ้ย! อูยยยยย~ ค่อยๆ ลุกก็ได้ทำไมต้องเอาหัวมาโขกผมด้วยเนี่ย ” ชายหนุ่มโอดครวญ
“ ซองมิน ?!!!!! “
” ใช่ผมเอง คุณจะตอบผมได้รึยังล่ะ คบกับผมนะครับ ” ซองมินนั่งลงตรงข้างๆ ขอบเตียงพร้อมกับกุมมือฉัน
“ นี่ล้อกันเล่นหรอคะ ทำไมคุณ...? ” ฉันถามออกไปอย่างตกใจไม่คิดว่าเรื่องเมื่อคืนจะเป็นเรื่องจริง
“ ผมไม่ได้ล้อเล่น ผมจริงจัง ผมไม่อยากเห็นคุณโดนใครทำร้ายเหมือนเมื่อวานอีกแล้ว... ผมจะดูแลคุณเอง ให้ผมเป็นคนดูแลคุณนะครับฮานึล ” ซองมินมองลึกเข้ามาในดวงตาฮานึลอย่างมีความหมาย
‘ ไม่ได้ล้อเล่นกันจริงๆนะคะ? ซ่อนกล้องหรือเปล่าเนี่ย จะแกล้งก็รอให้หายก่อนสิตอนนี้เค้าป่วยอยู่นะอย่าเล่นแบบนี้ ’
ซองมินดึงตัวฉันเข้าไปกอด “ อ..เอ่อ ...พ... พี่ทำอะไรหน่ะ ”
“ คบกับผมนะฮานึล ถ้าเธอไม่ตอบตกลงผมจะไม่ปล่อยคุณไปไหน ”
“ พ... พี่ ต... ตกลงค่ะ ปล่อยฉันเถอะ คนเยอะแยะ ” ฉันก้มหน้างุดอย่างอายมากที่สุด เพราะภายในห้องตอนนี้ เต็มไปด้วยเหล่า SJ จะว่าไปก็มากันครบทีมทีเดียว
“ เห็นกันแล้วนะฮะ นี่แฟนผม ผมหวง โอเค?! ” ทันใดนั้นความโกลาหลก็เกิดขึ้นทุกคนพากันล้อฉันกับซองมินกันอย่างสนุกสนาน
.
.
.
มาถึงตอนนี้เรื่องราวของฉันก็มีความสุขมากมายอย่างที่ไม่เคยคิดฝันมาก่อนแล้ว แล้วความรักของพวกคุณล่ะคะ ว่างๆ ลองมาเล่าให้ฉันฟังบ้างนะคะ ^^
ความคิดเห็น