การข่าว คมช แผ่นเสียงตกร่อง
วอร์รูมออกข่าว ใช้เงิน เอนี่หูผมได้ยินเองไปหรือเปล่านะ ในสองสามเดือนที่ผ่านมานี่เอง ได้ยินแบบตอนตุลาการ ยุบทรท แบบสะท้านเมืองจนคนด่ากันว่าการเมือง วอร์รูม ก็รีบออกข่าวว่าอำนาจเก่า ลอบบี้ ซื้อตุลาการด้วยเงิน 1,000 ล้าน อยู่ๆมีข่าวปล่อยจากฮ่องกงว่าทักษิณซื้อบ้านพันล้าน วิร์รูมก็ออกข่าวทันที ว่าทักษิณมีบ้านอีกทั่วโลกอีกหลายหลัง ซื้อมาด้วยเงิน หลาย 1,000 ล้าน แล้วก็เลยมาที่ วอร์รูมออกข่าวอีกอำนาจเก่า จ้างคน หัวละ 500 ให้มาร่วม ม็อบพีทีวี แล้วพอพีทีวีใหญ่จนกลายมาเป็น นปก วอร์รูม ก็เอาอีก กลายเป็น 1,000 บาทต่อหัว สำหรับใครที่ร่วม ม็อบ นปกพ่วงท้ายด้วยตัวเลขว่า แต่ละวันที่ประท้วง ต้องใช้เงิน 10 ล้าน ยังไม่พอ วอร์รูมบอกอำนาจเก่า ให้เงิน ม็อบ มา2,000 ล้านเพื่อโค่น คมช แล้วพอทักษิณจะออกเวปส่วนตัววอร์รูมมาอีก ทักษิณตั้งงบ 50 ล้าน สำหรับเวบ พอนักประชาธิปไตยเขารวมหัวกันจะไม่เอา รธน ฉบับทหารกัน ก็บอกอีก อำนาจเก่า ให้งบ 3 ถึง 4,000 ล้าน คว่ำ รธนยังมีอีกมากถ้าจำไม่ผิด แบบ อำนาจเก่าให้ อดีต สส ทรท คนละ 100,000 ทำกิจกรรม ล้มรธน
คตส ออกข่าวยึดเงินกับโกงกิน
แล้วเอหูผมได้ยินไปเองอีกหรือเปล่านะ ในสองสามเดือนที่ผ่านมา คตส ออกข่าวยึดเงินทักษิณและ เครือญาติ แทบทุกอาทิตย์ ตรงนี้ 1 พันล้าน ตรงนั้น 5 พันล้านมากหน่อย เป็น 10,000 ล้าน คือยึดอย่างไรไม่หมดเสียที ออกข่าวยึดมาเป็นระรอกอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายข่อขู่ว่าจะเริ่มยึดของ พลพรรค คนในทรท คือ คตส ยึดเงินไปแล้วออกข่าวอำนาจเก่าโกงกิน มาพร้อมๆกัน เดี๋ยวก็อำนาจเก่าทำความเสียหายพันล้านตรงนี้ เสียหาย หมื่นล้านตรงนั้น โยกเงิน เท่านั้น ไปที่นี่ โยกเงิน เท่านี่ไปที่นั่น
พลวัตแห่งเหตุและผล ที่มาสกปรกที่ไปสกปรก ถ้าเอาสิ่งที่ แกนหลัก ของ คมช และ รัฐบาล ในการ ทำลายล้างอำนาจเก่า ทั้งสองส่วนนี้ คือวอร์รูม และ คตส มามองในแง่ผสมผสาน แบบ พลวัตของเหตุและผลแล้ว มันจะมีอะไรมากไปกว่า การแสดง ให้เห็นว่า เงินอำนาจเก่นั้นสกปรก และกำลังใช้ไปในทางสกปรก มันก็เท่านั้นเอง ผมไม่ขอวิเคราะห์มากนักนะครับ ถึงจุดออนของ การแสดงสด แบบนี้มันเห็นได้ชัดว่าแรกเลย วอร์รูมนั้น สร้างข้อมูล การใช้เงินของอำนาจเก่ามาจากจินตนาการ ทั้งสิ้น ไม่มีหลักฐานแม้แต่ชิ้นเดียว คือถ้ามีทำไมไม่เอาไปฟ้องศาล
ส่วนที่สองคืออย่างที่คนของกระทรวงยุติธรรมด่า คตสเอาไว้ใน ประชาทรรศร์ คนเราต้องถือว่าไม่ผิดจนกว่าศาลจะตัดสินว่าผิด ส่วน คตส นั้นผิดมาตั้งแต่การตั้งขึ้นมาแล้ว คือ คตส นั้น ไม่ใช่ ศาลเป็นเพียงคณะทำงานเท่านั้นเอง ที่ก็นับวันที่ผ่านไป ยิ่งเห็นชัดว่าการเมืองขนาดไหนฉะนั้น ทั้งสองสาเหตุ แห่งผลวัตเหตุผล ที่ว่าด้วย ที่มาเงินสกปรกและที่ไปเงินสกปรก นั้น ใช้ไม่ได้เลย
ประชาธิปัตย์ รู้ซึ้งถึงความพ่ายแพ้ของ ใบมีดโกน อาบน้ำผึ้ง มันก็แปลก ที่มองออกไปทั่วไทยแล้วคงไม่มีองค์กรไหน ที่มีคนนั่งทำงาน ประชาสำพันธ์ ที่มารวมกลุ่มกัน ตอนนี้มากไปกว่าที่กำลังทำให้ คมช และกลไกทั้งหมด ของ คมช คือในแวดวงบริษัทประชาสำพันธ์แล้ว เขาทึ่งกันมากถึงคุณภาพและปริมาณ ของคนที่กำลังทำ สงคราม ข่าว และ Propaganda War ให้ คมช รวมถึงเงินที่ทุมลงไปด้วย
แต่ปัญหามันมีทำไม คะแนน รัฐบาล สุรยุทธ ถึง ตกเอาตกเอาจนสอบตกไปแล้ว ประเด็นคือ คมชลงทุนสร้างหนังเรื่อ ที่มาที่ไปของอำนาจเก่าสกปรก ไม่เชื่อดูเงินสิ แต่ทำไม ยิ่ง อัดอำนาจเก่า มันก็ไม่ตายเสียที แถมตัวเองกลับ ตาย คือทุกคนก็ทราบว่าผมอยู่ขั้ว ประชาธิปไตย และ ทรท และ ทักษิณฉะนั้นไม่ต้องมาเชื่อผมก็ได้ แต่ลองไปถาม ปชป ดูสิ ว่าทำไมเขาก็ทำแบบ คมช นี่หละมาเป็นปีๆแล้ว เก่งกว่า คมช เสียอีก แต่ทำไมมันไม่ได้ผลเสียที คือ โต้วาทีชนะทรททุกครั้ง การทำสงครามข่าว ชนะ ทรท ทุกครั้ง แต่แพ้เลือกตั้ง ทุกที คือลองไปถาม ปชปต้นตำหรับ การทำประชาสำพันธ์สมัยใหม่ ดูสิว่าที่ผมเขียนมาจริงหรือไม่
บทเรียนสำหรับคมช ผมเขียนมาสามตอนเรื่องแอฟริกา หาอ่านได้ที่ //www.freewrbs.com./tavivoot-web-portal นะครับ ที่เขาโตเฉลี่ยตอนนี้ 8% ทั้งทวีปเพราะเขาเน้นสิ่งที่เรียวว่า Co-operative Democracies with Creative Political Competition หรือ ประชาธิปไตยแห่งความ ร่วมมือ ที่การแข่งขันทางการเมือง สร้างสรรค์ ไม่ใช่ ทำลายล้าง
สิ่งนี้ผมเรียกว่าเป็นสิ่งที่ประชากรทั่วโลก แสวงหา ในภาวะที่โลกนี้ มีแต่ความแตกแยก การแข่งขัน แย่งชิงเพื่อชนะเท่านั้น และสงครามและความไม่สงบ มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ที่จะหาความสุขท่ามกลางความขัดแย้ง และมันเป็นธรรมชาติ ของมนุษย์ ที่จะ แสวงหา แล้วเห็นแล้วเข้าร่วม กับคนที่มีอุคมการณ์เดียวกันนั้น ถ้าจะให้สรุปคือ ในขณะที่ ปชปกำลังพาดฟัน มีดโกนอาบน้ำผึ่งอย่างเมามัน และสร้างแผลลึกให้แก่ทรท แต่ในขณะเดียวกันคงไม่มีใคร ประสาทพอ ที่จะมาเถียงกับผมนะครับ ว่าทรทนั้นเขามองที่ผลงานเขาสร้างสรรค์มาก และใช้เวลาและทรัพยากรณ์น้อยมาก ในการทำสงคราม ใบมีดโกนอาบน้ำผึ้ง
แล้วผลเป็นอย่างไร ก็คือ คนไทยแสวงหา มองเห็น แล้วเข้าร่วม กับ ทรท ท่านที่ชอบ ปชป และ คมช คงจะบอกว่าไม่จริง รอดูผลเลือกตั้งครั้งหน้าสิจะเห็นได้ชัดว่า การเมืองแบบการทำลายล้าง ด้วยสงครามข่าวจะชนะแน่นอนผมกฌไม่เถียงด้วยหลอกครับ การวิเคราะห์ของผมนั้นใช้ตัวอย่างจากอดีตแต่ผมขอกล่าวเท่านั้นเองว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้มันจะมีสาเหตุอื่นเข้ามาอีกมากมายนักครับ เช่นแผนสามสี่ขั้นของบังที่จงใจใช้กลไกทั้งหมดของ คมช ทำลายล้าง ทรท คือลงมันทำกันขนาดนี้ พลังสร้างสรรค์มันก็สู้ไม่ได้ครับ เพราะอำนาจทำลายล้างมันมากเหลือเกินแต่ในภาวะปรกติ มันทำลายกันขนาดบังจ้องทำลายไม่ได้ครับ
สาเหตุ ฝ่าย ทรท และ นักประชาธิปไตย คงจะถามผมว่ามาเขียนทำไม เอา ความลับ ด้านกลยุทธ และ ปรัชญาระดับสูงมาส่องแสงสว่างให้ คมช และ ปชป ทำไมมาบอกเขาทำไม อะไรแบบนั้น แรกเลยผมนั้น Co-operative Democracy จริงๆ ครับและอยากเห็นการเมืองไทยพัฒนาไปข้างหน้า แล้วจะมานั่งส่องแสงสว่างให้ใครเห็นครับถ้าไม่ใช่พวกที่จมอยู่ใต้โคลนตม เหมือนทักษิณมองคนจนนะครับว่าเป็นทรัพยากรที่สำคัญไม่ใช่ตัวถ่วงชาติ ผมก็มองพวกนี้ว่า ถ้าพัฒนาได้ คงดี ต่อชาตินะครับ แทนที่จะมาถ่วงเราทุกคน
อีกอย่าง ผมนั้นถึงจะเป็นส่วนหนึ่งของ พลพรรค ทรท และเป็นนักประชาธิปไตยด้วย แต่ก็รักชาติพอสมควรครับ และสร้างสรรค์มากคือผมเห็นท่านโฆสิต เอา โอทอปมาปัดฝุ่น แล้วเสริมจุดอ่อนเข้าไป ทำให้มันดีขึ้นถึงจะเข้าใจว่าถ้า คมช ไม่เข้ามา ทรทก็กำลังจะไปในแนวโฆสิตนี้อยู่แล้วแต่พอผมเห็นโฆสิตแล้วผมชอบครับ เพราะมันดีต่อคนจนคนระดับกลางครับที่เขาทำคือมันมีประโยชน์ ผมไม่มองว่าเขาไม่ดี ที่ทำแบบนั้น เหมือนที่คนในทรทหลายคนมองครับสิ่งที่ท่านโฆสิตทำกับโอทอป มันเป็น Co-operative Democracy with Creativity Political Competition ครับ
สรุปง่ายๆ เบื่อแผ่นเสียงตกร่องของ คมชเต็มที่แล้วครับ
โพสและเนชั่น ถูกอัด
โอแม่เจ้า กรรมการของ Asia Human Rights Watch ออกมาเขียนจดหมาย ส่วนตัว แล้วร่อนไปทั่วโลก ระบายความอึดอัดใจ ต่อสำนักข่าวไทยทุกวันนี้ พูดถึง เนชั่น และ บางกอกโพส อย่างตรงๆ ว่าไม่จริงใจในการเสนอข่าว หรืออีกนัย มีวาระแอบแฝงนั่นเอง ผมคงจะเฉยๆเรื่องนี้ เพราะทราบมานานแล้วว่า สุดจะเอนเอียงเลียเผด็จการ แต่พอได้ฟังว่าถึงขนาดคนนอก ยังทนแทบไม่ได้ ก็ชื่นใจขึ้นมาบ้าง ว่าอย่างน้อย มุมมองนักข่าวเพื่อประชาธิปไตย อย่างผม ก็ยังคงถูกต้อง แต่เพื่อนๆ ในบางกอกโพสและเนชั่น ที่ยังทั้งรักกันและเกลียดกัน มาถึงทุกวันนี้นั้น สุดจะหลงทางแล้ว แล้วคนที่รู้จักกับ Asia Human Rights Watch ดี ก็คงจะถึงบางอ้อกันเป็นแถบ เพราะไม่ใช่ใครอื่นไกล ก็พวกเดียวกับที่ตอนทักษิณเป็นนายก ออกมาแจมกับสารพัดองค์กรไทย อัดทักษิณเสียย่อยยับ
แต่มาวันนี้ กรรมการท่านนี้ บอก เผด็จการ คมช นั้นแย่กว่าทักษิณมากมายนัก แล้วเรื่องที่เขาเป็นห่วงที่สุด คือ กระบวนการยุติธรรมไทย กรรมการท่านนี้พูดตรงๆ ทักษิณไม่ได้รับแม้แต่ครั้งเดียว ตั้งแต่เผด็จการเข้ามา คือ ทั้ง คตส ทั้ง ยุบพรรค ทั้ง อายัดทรัพย์สิน
มันก็คงจะเป็นอีกเพียงองค์กรเดียว ในหลายๆสิบองค์กรแบบเดียวกัน ที่สรุปออกมาแบบนั้น และมันก็คงจะเป็น อีกสื่อเดียว ในหลายๆสื่อชั้นนำและไม่นำทั่วโลก ที่รายงานออกมาแบบนั้น แบบว่ามันไม่มีความยุติธรรมแล้วในไทย
ประเด็นของสื่อไทยคือ ในขณะที่ก็ทราบกันดี ว่าเข้าข้างและเลีย คมช กันมากมายหลายสื่อ เกลียดทักษิณกันสุดกู่ เข้าข้างพันธมิตรแบบสุดๆ และแอบสนับสนุนให้ ปชป เป็นรัฐบาล นั้น สิ่งที่เสียไปนั้น เพื่อ วาระแอบแฝง และ ความ ไม่จริงใจในการเสนอข่าวนั้น สื่อกำลังทำอะไรอยู่
ทักษิณพูดเสมอว่าไม่ต้องมาเชียร์เขา ขอให้เสนอแต่ความจริงเท่านั้น อย่าบิดเบือน แต่สิ่งที่ทักษิณขอนี่ ให้เขากันไม่ได้ หรืออีกแง่ คือ ให้กับคนอ่านไม่ได้ เพราะตัวเองกำลังเล่นการเมืองอยู่อย่างเมามัน ปัญหาจริงๆแล้ว มันใหญ่ ยิ่งกว่า การ ยอมเสียจริยธรรมและจรรยาบรรน ของตัวเองได้ แบบที่ชอบด่าทักษิณกันว่า ทักษิณไม่มีจริยธรรมและจรรยาบรรณ คือด่าทักษิณกัน แต่ไม่เคยเอากระจกมามองตัวเองเลย ว่า เลวทรามขนาดไหน
ตรงนั้นนะมันใหเอภัยกันได้ แต่ปัญหาหลักของชาตินะ มันคือ คนรักทักษิณนั้นมากมายนัก และเวลาเขาอ่านข่าว ในแทบทุกสื่อวันนี้ เขาเห็นความเลวทราม การเอนเอียง ความข้างเดียว และอีกร้อยแปดวิชามารที่พวกเรานักข่าวเก่งกันนัก ในการทำสงครามข่าว คือพอพวกคนรักทักษิณเขาอ่าน กัน
เวลาเขาอ่านกัน แทนที่จะกลายเป็นไปจูงจมูกเขา มันกลับ สุมไฟ ความเกลียดชัง และทำให้เขาเห็นว่าต้องต่อสู้ พูดง่ายๆ สื่อไม่รู้จะกี่สำนัก เป็นต้นตอสำคัญทีเดียว ของอารมณ์เกลียดชังและแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ในไทย เพื่อนผมแทบทุกคน โทรมาบอกว่า โพส เลวทรามเกินไปจนไม่เหลือสติ ก็เพราะวันรุ่งขึ้น หลังทรทถูกยุบ โพส ลงเสียอย่างสะใจว่า Bye Bye Thai Rak Thai คือมันสุดจะตอกย้ำ คนเจ็บ ทั้งที่ สติของชาวโพสเอง ลึกๆ ก็รู้อยู่แล้วว่า ทรท จะถูกยุบแน่นอน
แต่ก็ยังไม่วาย ต้องตอกย้ำว่ามันถูกต้อง หรือจะเป็นเนชั่น โหมโรงว่าคำตัดสินถูกต้องอย่างสุดกู่ ย้ำแล้วย้ำอีก แต่ปัญหานะ คือ แทบทั้งโลกเขาราบยงานไปอีกทางทันที
ผมพูดเสมอว่าไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับการทำความดี การทำสิ่งที่ถูก และพร้อมลืมวันข้างหลังตลอดเวลา ก็เพราะพระอาทิตย์ขึ้นเหนือฟ้าใหม่ทุกวัน ก็ยังไม่สายเกินไปที่สื่อไทย ระดัยสถาบันอย่างโพส หรือระดับแรงๆแบบเนชั่น จะเอาหัวออกจาก ในกะลา แล้วออกมาอยู่ นอก กะลา กับคนไทยเป็นแสนเป็นล้าน แล้วเปิดหูเปิดตา ถามตัวเองดู ว่า ทำไม ฝรั่งแทบทั้งโลกถึงไปอีกทาง ถึงขนาด กรรมการ Asia Human Rights Watch ยังต้องออกมา ปลง กับสื่อไทย
อชิงตันโพส ด่า คมช กระจุย
หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ สื่อที่เป็นรู้จักในระดับโลกของสหรัฐอเมริกาตีพิมพ์บทบรรณาธิการ ชื่อ "ความผิดพลาดของนายพล" โจมตีคณะนายทหารที่รวมตัวกันเป็นคมช.ในเวลานี้ว่า ทำความผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำอีกตลอดเวลานับตั้งแต่เริ่มความผิดพลาดครั้งแรกด้วยการยึดอำนาจขับรัฐบาลที่มาจากกระบวนการประชาธิปไตยของ พ.ต.ท.ทักษิณพ้นจากตำแหน่งโดยชี้ว่าในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาคมช.ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าทำไมการรัฐประหารจึงไม่ได้ผลและได้ทำความผิดซ้ำซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ
วอชิงตัน โพสต์เห็นว่าคมช.คิดผิดที่เชื่อว่าภาวะปั่นป่วนทางการเมืองที่เกิดขึ้นจากพ.ต.ท.ทักษิณนั้นจะหมดไปด้วยการเนรเทศให้อดีตนายกรัฐมนตรีไปอยู่แต่ในต่างแดนในขณะที่ยังมีผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ในประเทศอีกหลายล้านคนความไม่แน่นอนทางการเมืองและการบริหารงานแบบตะกุกตะกักของรัฐบาลที่แต่งตั้งโดยคณะทหารได้รับการพิสูจน์แล้วว่าราคาแพงมหาศาลเพราะการลงทุนในประเทศทรุดฮวบและการก่อความไม่สงบของมุสลิมทางภาคใต้ยิ่งเลวร้ายมากยิ่งขึ้น
บทบรรณาธิการดังกล่าวชี้ว่าคมช.ยังคำนวณผิดพลาดอีกด้วยการที่คณะตุลาการรัฐธรรมนูญประกาศยุบพรรคไทยรักไทยและห้ามไม่ให้แกนนำกว่า 100 คนทำกิจกรรมทางการเมืองนาน 5 ปีในขณะที่พรรคคู่แข่งอย่างประชาธิปัตย์ผู้จุดชนวนให้เกิดการรัฐประหารด้วยการประท้วงตามท้องถนนหลุดพ้นจากข้อกล่าวหา
"โชคดีสำหรับคณะนายพลที่การตัดสินของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญไม่ก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นในทันทีทันใดแต่ผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณยังคงไม่หายไปไหนบางส่วนได้ประกาศที่จะก่อตั้งพรรคใหม่ภายใต้ชื่อใหม่เพื่อดำเนินรอยตามอีกบางส่วนแสดงความไม่เห็นด้วยกับทหารออกมาด้วยการลงมติต่อต้านรัฐธรรมนูญซึ่งกำลังอยู่ระหว่างกระบวนการร่างโดยคณะทำงานที่ไม่ผ่านการเลือกตั้งอีกคณะมีเหตุผลสนับสนุนมากมายที่จะดำเนินการต่อต้านดังกล่าว อาทิร่างรัฐธรรมนูญรวมเอาลักษณะที่ไม่เป็นประชาธิปไตยไว้ด้วยรวมทั้งการที่กำหนดให้วุฒิสมาชิกไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการเลือกตั้งทั่วไป"บทบรรณาธิการระบุ
วอชิงตัน โพสต์ระบุด้วยว่าถ้าหากว่าในที่สุดแล้วมีการเลือกตั้งขึ้นมาได้ก็ไม่มีทางที่คณะทหารจะรับประกันได้ว่าตัวแทนของพ.ต.ท.ทักษิณจะไม่ได้รับชัยชนะอีกครั้งถ้าหากการเลือกตั้งดำเนินไปอย่างเสรีและเป็นธรรมถ้าหากพรรคการเมืองอื่นสามารถเข้าสู่อำนาจได้ด้วยการบิดเบือนก็อาจจะทำให้ขาดความชอบธรรมในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจหรือต่อสู้กับการก่อความไม่สงบ
บทบรรณาธิการดังกล่าวสรุปว่ามีทางเดียวที่ไทยจะสามารถขจัดอิทธิพลของ พ.ต.ท.ทักษิณออกไปได้ก็คือการแสดงให้เห็นว่านโยบายของ พ.ต.ท.ทักษิณล้มเหลว และให้ผู้มีสิทธิออกเสียงปฏิเสธพ.ต.ท.ทักษิณในกระบวนการเลือกตั้งนี่เองที่แสดงให้เห็นว่าการเข้าแทรกแซงของทหารนำประเทศไปสู่ความมืดมนและทางออกก็ไม่ใช่ว่าจะหาพบได้ง่ายๆ ในที่สุด
ที่มา มติชน วันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10684
สื่อนอกด่า "คดียุบพรรค" เละ
สื่อนอกซัดหนัก ยุบพรรคหวังยึดครองอำนาจต่อ งงใช้ความผิดลหุโทษยุบพรรคใหญ่สุดไม่มีที่ไหนในโลก
หนังสือพิมพ์ เดอะ วอลล์สตรีต เจอร์นัล
เขียนบทบรรณาธิการว่าคำตัดสินของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญซึ่งส่งผลให้พรรคการเมืองที่ได้รับความนิยมสูงสุดถูกยุบและนักการเมืองระดับสูงของพรรคถูกห้ามเล่นการเมืองเป็นเวลา 5 ปี ทำให้การยึดอำนาจโดยคณะนายทหารที่ผ่านมาแล้วเสร็จสมบูรณ์ลง อย่างไรก็ตาม คณะนายทหารก็ไม่สามารถควบคุมความปรารถนาที่จะก้าวไปสู่ประชาธิปไตยของประชาชนซึ่งไม่ได้สิ้นสุดลงเพราะคำตัดสินดังกล่าวได้
คำตัดสินดังกล่าวรังแต่จะเป็นแรงจูงใจให้พรรคของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผลักดันให้มีการฟื้นฟูประชาธิปไตยหนักขึ้น แม้เส้นทางจะมีอุปสรรคขวากหนามมากกว่าเดิมก็ตามที โดยเชื่อว่าการเลือกตั้งแม้จะมีขึ้นก็ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นการเลือกตั้งที่เป็นธรรมเพราะพรรคประชาธิปัตย์มีฐานเสียงสำคัญอยู่แต่เฉพาะในกรุงเทพฯและภาคใต้แต่จะไม่มีพรรคที่เป็นตัวแทนของส่วนที่เหลือของประเทศเข้าร่วม บทบรรณาธิการดังกล่าวไม่เชื่อว่า คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) จะยกเลิกประกาศห้ามดำเนินกิจกรรมทางการเมือง หรือการจดทะเบียนพรรคการเมืองใหม่ เพราะไม่ต้องการเห็นพรรคไทยรักไทยกลับมาอีก รวมทั้งไม่ต้องการให้ผู้นำพรรคอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ หรือนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ลงเล่นการเมืองอีกต่อไป คำตัดสินซึ่งน่าจะทำให้เส้นทางการกลับสู่ประชาธิปไตยชัดเจนมากขึ้นกลับกลายเป็นการเตะถ่วงกระบวนการดังกล่าวไป
(อ่านเพิ่มเติม Thai Democracy, Delayed ; Thailand's Judgment Day )
อินเตอร์เนชั่นแนล เฮรัลด์ ทริบูน (ไอเอชที)
ที่ติดตามรายงานข่าวกรณีนี้มาตลอด นำเสนอบทความแสดงความคิดเห็นของนายฟิลลิป บาวริ่ง ระบุว่า คำตัดสินของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญแม้จะพยายามทำให้ดูเหมือนเป็นคำตัดสินของกระบวนการยุติธรรมกลับเต็มไปด้วยนัยเชิงการเมือง และสะท้อนถึงความพยายามที่จะยึดกุมผลประโยชน์เพื่อการกุมอำนาจทางการเมืองต่อเนื่อง
นายบาวริ่งแสดงความกังขาต่ออำนาจของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญโดยชี้ว่าเป็นองค์กรที่ก่อตั้งขึ้นโดยคณะรัฐประหารที่ทำให้แทบไม่มีพื้นฐานตามหลักรัฐธรรมนูญนิยมหลงเหลืออยู่นอกจากนั้นยังเชื่อว่า สิ่งที่คณะนายทหาร, ข้าราชการระดับสูง และผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นประชาธิปไตยไม่เคยทำ นั่นคือเอาชนะไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับคืนสู่อำนาจผ่านการเลือกตั้ง
นายบาวริ่งชี้ด้วยว่า บาดแผลที่หลายฝ่ายพยายามจะเยียวยากลับส่อเค้าว่าจะบาดลึกมากยิ่งขึ้น เว้นเสียแต่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และพวกจะตัดสินใจปลดระวางตัวเองเปิดทางให้นักการเมืองที่ใช้เงินปูทางสู่อำนาจจากยุคก่อนหน้านี้ให้ออกมาท้าทายพรรคประชาธิปัตย์ที่กลายเป็นองค์กรทางการเมืองเดียวที่ยังมีนัยสำคัญในกระบวนการเลือกตั้งทางการเมืองในเวลานี้
(อ่านเพิ่มเติม Thailand facing uncertainty after court ruling )
นิวยอร์ก ไทม์ส
มีรายงานของเซธ มายแดนส์ อ้างความเห็นของนักวิเคราะห์เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณอาจยังคงใช้ความมั่งคั่งของตนเองและสร้างอิทธิพลเหนือเหตุการณ์ทางการเมืองจากแดนไกลต่อไป อย่างไรก็ตาม นายคริส เบเกอร์ นักประวัติศาสตร์ชาวอังกฤษผู้เชี่ยวชาญเรื่องประเทศไทย เชื่อว่าพรรคไทยรักไทยมีแนวทางหลงเหลือเพียงไม่กี่แนวทาง และ เชื่อว่าน่าจะใช้วิธีการรอไปอีกระยะหนึ่ง รอให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากการเลือกตั้ง แล้วถึงดูว่าจะมีหนทางเป็นไปได้อย่างไรหรือไม่
นายเบเกอร์เชื่อว่าทางการจะเปิดให้มีการตั้งพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งจะมีหลายฝ่ายแห่กันไปจดทะเบียนตั้งพรรค ส่วนหนึ่งจะเป็นกลุ่มนักการเมืองรุ่นเก่าที่เคยฟาดฟันและแบ่งสรรอำนาจกันมาในอดีต รัฐบาลใหม่ในอนาคตมีแนวโน้มจะเป็นรัฐบาลผสมหลายฝ่ายที่ไม่มีประสิทธิภาพแทนที่จะเป็นรัฐบาลซีอีโอที่รับคำสั่งจากเบื้องบนอย่างเดียวเหมือนกับในยุค ทักษิณ
นายเบเกอร์ชี้ด้วยว่า คำตัดสินของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นอิสระหรือไม่ ก็ต้องถือว่าเป็นคำตัดสินเชิงการเมืองอย่างชัดแจ้ง และไม่เคยปรากฏในประเทศอื่นใดในโลกที่ความผิดในการเลือกตั้งระดับลหุโทษอย่างนี้นำไปสู่การยุบพรรคการเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศได้
บทสรุปตอนท้ายของข้อเขียนดังกล่าวระบุว่า สถานการณ์ในขณะนี้จะนำไปสู่การเล่นเกมแห่งอำนาจกันมากขึ้น โดยจะเกิดพันธมิตรระหว่าง กลุ่มทหารและนักการเมืองที่ยังหลงเหลืออยู่มากขึ้น นักการเมืองจะต้องให้ความคุ้มครองนายทหารกลุ่มนี้ ไม่เช่นนั้นก็จะไม่มีการถ่ายโอนอำนาจ ซึ่งในความเป็นไปได้ที่เลวร้ายที่สุด ก็คือสถานการณ์นี้จะนำไปสู่การขึ้นสู่อำนาจของเผด็จการทหารในอนาคต
(อ่านเพิ่มเติม Thai Court Clears One Party but Convicts Another ; Thai Court Disbands Former Prime Ministers Political Party )
สำนักข่าวรอยเตอร์
ระบุว่าไทยต้องเผชิญกับภาวะปั่นป่วนทางการเมืองมากขึ้นไปอีกหลังจากมีการยุบพรรคไทยรักไทย และห้ามไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและกรรมการบริหารพรรคเล่นการเมืองยาวนาน 5 ปี ในขณะที่ความวิตกว่าจะเกิดความไม่สงบขึ้น ก่อนหน้าการเลือกตั้งที่กำหนดไว้ในเดือนธันวาคมนี้อีกด้วย
รอยเตอร์อ้างความเห็นของนักวิชาการด้านรัฐศาสตร์หลายคนรวมทั้ง นายฐิตินันท์ พงศ์สุทธิรักษ์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายสุขุม นวลสกุล และนางอลิซาเบธ มิลส์ นักวิเคราะห์ภูมิภาคเอเชีย ของบริษัทวิจัย โกลบอล อินไซท์ แห่งอังกฤษ ที่เชื่อว่า พรรคไทยรักไทยคงไม่ยอมถูกยุบล้มหายตายจากไปอย่างเงียบๆ แน่นอน การต่อต้านรัฐบาลและการต่อต้านการรัฐประหารจะทวีความเข้มข้นมากขึ้น เพราะผู้สนับสนุนพรรคไทยรักไทยมีเป็นจำนวนมาก และไม่เป็นสุขกับคำตัดสินครั้งนี้ อาจทำให้ความพยายามสร้างประชามติเพื่อรับรองรัฐธรรมนูญใหม่ยุ่งยากมากขึ้น
นอกจากนั้นคำตัดสินครั้งนี้ทำให้ความน่าเชื่อถือของผลการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นกลายเป็นปัญหาขึ้นมา และจะทำให้ความพยายามที่จะฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตยขึ้นมาลำบากมากยิ่งขึ้น การดำเนินการทั้งเรื่องการลงประชามติและการเลือกตั้งจะเต็มไปด้วยอุปสรรคและคลื่นลม เว้นเสียแต่รัฐบาลจะสามารถกุมหัวใจกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคไทยรักไทยได้ ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีความพยายามใดๆ เลย ในที่สุดก็จะทำให้ผู้มีสิทธิออกเสียงกลุ่มใหญ่มากถูกทอดทิ้ง กลายเป็นช่องโหว่ขนาดใหญ่ในการเลือกตั้งและการลงประชามติไป
(อ่านเพิ่มเติม Thaksin banned from politics for five years )
เดอะ การ์เดียน หนังสือพิมพ์ของอังกฤษ
เอียน แม็คคินนอน ผู้สื่อข่าว มองไปในแนวทางคล้ายคลึงกัน โดยชี้ว่าความตึงเครียดทางการเมืองทวีขึ้นทันทีหลังจากการชี้ขาดยุบพรรคไทยรักไทย เป็นการผลักการเมืองไทยให้เข้าสู่ความสับสนมากยิ่งขึ้นไปอีก พร้อมกับก่อให้เกิดความวิตกว่าจะมีปฏิกิริยารุนแรงจากกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคไทยรักไทย โดยเฉพาะกลุ่มคนยากจนที่กำลังประสบความยากลำบากทางเศรษฐกิจอยู่ในเวลานี้
เอพี
อ้างความเห็นของนักวิชาการระบุเช่นเดียวกันว่า เชื่อความรุนแรงเอื้อประโยชน์ทหาร การชี้ขาดครั้งนี้อาจทำให้เกิดการเผชิญหน้าลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น ก่อให้เกิดสุญญากาศทางการเมืองขึ้น เนื่องจากรัฐบาลทหารและพรรคการเมืองที่เหลืออยู่ไม่สามารถเอาชนะใจคนเหล่านี้ได้ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความยุ่งยากมากขึ้นในอนาคต การต่อต้านอาจเป็นไปอย่างเงียบๆ แต่จะหยั่งรากลึกและแข็งแกร่ง
คริส เบเกอร์ นักวิชาการรัฐศาสตร์อีกรายเชื่อว่า อะไรหลายๆ อย่างอาจเกิดขึ้นได้นับจากจุดนี้กระบวนการต่อรองอาจเปลี่ยน หลายๆ อย่างอาจผิดแผกไปจากที่หลายๆ คนคาดหมาย "...คุณจะมาทำนายอนาคตการเมืองไทยยาวๆ ไม่ได้หรอก" นายเบเกอร์ระบุ พร้อมกับเตือนว่าความรุนแรงจะไม่เป็นประโยชน์มากมายนักสำหรับใครหรือพรรคไหน แต่จะเป็นประโยชน์ก็แต่กลุ่มนายทหารที่จะรวบอำนาจแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
สำนักข่าวเบอร์นามาของทางการมาเลเซีย
นำเสนอรายงานพิเศษชื่อ "บ๊าย-บาย ไทยรักไทย" ในวันเดียวกันนี้ เนื้อหาตอนหนึ่งระบุว่าแม้ว่าคนไทยหลายคนจะคาดหวังว่าการตัดสินของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญจะทำให้เกิดสันติและสมานฉันท์ขึ้น แต่เอาเข้าจริงก็ยังคงมีความหวั่นกลัวว่าจะเกิดความปั่นป่วนทางการเมืองขึ้นอีก และถ้าหากประชาชนเป็นจำนวนมากปฏิเสธการลงประชามติการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นตามมา ก็กลายเป็นเรื่องไม่แน่นอนและการฟื้นฟูประชาธิปไตยก็จะเนิ่นช้าออกไปอีกยาวนาน
(อ่านเพิ่มเติม Bye-bye Thai Rak Thai )
กลุ่มบริษัท เจพี มอร์แกน
กล่าวว่าผิดความคาดหมายค่อนข้างมาก และหากดูท่าทีของนักลงทุนต่างประเทศ รวมถึงสื่อต่างประเทศทั้ง CNN และ BBC ที่รายงานข่าวออกไปในวันที่ 31 พ.ค. ซึ่งตลาดหุ้นไทยหยุดทำการ 1 วันนั้น ทำให้เห็นสถานการณ์ทางการเมืองภายหลังจากนี้
จะมีคลื่นใต้น้ำที่รุนแรงมากขึ้น และเจพีต้องชี้แจงอย่างละเอียดและรอบคอบ เพื่อไม่ให้นักลงทุนต่างชาติเกิดความวิตกกังวลรุนแรงเกินไป และอาจจะต้องพิจารณาบางอย่างในการลงทุนความเสี่ยงที่จะเกิดมากขึ้น
โกลบอล อินไซด์
อลิซาเบธ มิลส์ นักวิเคราะห์ในกรุงลอนดอนของ โกลบอล อินไซต์ บริษัทให้บริการข้อมูลวิเคราะห์และคำปรึกษาของสหรัฐ กล่าวว่า อาจเป็นการง่ายเกินไปที่คิดว่าคำตัดสินของตุลาการรัฐธรรมนูญจะช่วยคลี่คลายปัญหาการเมืองในปัจจุบันได้ ขณะที่เป็นการยากที่จะ คาดเดาว่าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นจะมีความหมายอย่างไรต่อสังคมไทย
BBC
แอนดรูว์ ฮาร์ดิ้ง นักข่าวของบีบีซีประจำกรุงเทพฯ บอกว่า การยุบพรรคไทยรักไทยจะจุดชนวนกระแสโกรธแค้นในประเทศอย่างแน่นอน
สเตรท ไทมส์
รายงานว่า คำสั่งห้าม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ไม่ให้เล่นการเมือง อาจนำไปสู่กระแสโกรธแค้นของประชาชนไทยหลายล้านคน ซึ่งลงคะแนนเลือก พ.ต.ท.ทักษิณมาเป็นผู้นำ เนื่องจากเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้นำที่คอยช่วยเหลือคนยากจน
เอเอฟพี
รายงานว่า พรรคไทยรักไทยต่างคาดหวังว่า พรรคจะรอดพ้นชะตากรรมถูกยุบพรรค เหมือนพรรคประชาธิปัตย์ ที่รอดพ้นจากการถูกยุบพรรคจากคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญก่อนหน้านี้ แต่บรรดาแกนนำของพรรค สัญญาว่าจะยอมรับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะออกมาในรูปใดก็ตาม
ขณะที่บทวิเคราะห์ของเอเอฟพีมองว่า การยุบพรรคการเมืองไทย จะทำให้ไทยเกิดความวุ่นวาย แม้ว่าจะพรรคใดพรรคหนึ่งจะสามารถตั้งพรรคใหม่ได้ก็ตาม เพราะนักการเมืองที่มีประสบการณ์จะถูกตัดสิทธิลงเลือกตั้ง ส่งผลให้การเมืองไทยมีแต่นักการเมืองรุ่นหนุ่มๆ ที่จะต้องขึ้นมาดำรงตำแหน่งบริหารประเทศไทย ซึ่งถือว่าจะเปลี่ยนแปลงหรือพลิกโฉมการเมืองไทยไปโดยปริยาย
ทักษิณ "เสื่อมหรือไม่เสื่อม"
หยัดบอกว่าเสื่อม ทันที ที่ ปชป. ชนะภาคใต้ ก็น่าหัวเราะ แต่
ตอนนี้ประชาธิปัตย์ และหลายสื่อ กำลังสร้างกระแสว่า ทักษิณ เสื่อม แต่ความจริงคือ ไม่มีใครรู้จริง ว่า ทักษิณ เสื่อมจริงไหมและถ้าดูจากผลเลือกตั้ง ที่ผ่านมาทั้งระดับ ท้องถิ่น หรือชาติ กระแสความต้องการ ทักษิณ ก็ยังแรงอยู่ คำตอบจะมาก็เลือกตั้งคราวหน้า ตอนนี้ ก็น่าตรวจสอบตัวเองดู ว่าปัจจัยอะไร จะทำให้คุณเลือกใคร
ปัจจัยหลักคือแบบ
1. เรื่องใกล้ตัว แบบอยู่ดีกินดีขึ้น 2. เรื่องปรัชญา แบบปรัชญา ที่ขาประจำชอบพูด หรือแบบซีอีโอ
3. เรื่องสังคม แบบปราบยาแสพติด แบบบ่อนเสรี ถุงยางในรร 4. เรื่องส่วนตัว แบบ ชอบไม่ชอบทักษิณ
5. เรื่องตามก้นนักข่าว ตามก้นทักษิณ คือคิดเองไม่เป็น เลยตามติด แต่ความคิดนักข่าว หรือทักษิณ
6. เรื่องผลงาน เทียบระหว่าง ประชาธิปัตย์ กับ ไทยรักไทย 7. เรื่องกลัว ทักษิณจะกลับมา หรือกลัว ปชป จะกลับมา
8. เพื่อนและปากคนใกล้ตัวพาไป 9. หรือการหาเสียงใกล้เลือกตั้ง
ถ้าดูจะเห็นว่าถ้าคนเลือกกันด้วยเรื่องใกล้ตัว กระแสทักษิณ คงชนะขาดลอย เพราะเศรษฐกิจดีจริง ถ้าเลือกด้วยปรัชญา คงเด่นสำหรับคนกรุงเทพเท่านั้น ออกมาคงพอๆกัน นักวิชาการคงเลือกประชาธิปัตย์ นักธุรกิจเลือกกระแสทักษิณ สังคม พูดยากเพราะกระแสทักษิณ ก็มีดี แบบ ปราบยาเสพติด แต่ก็มีคนชอบหาเรื่อง พอเศรษฐกิจดี ก็จะแบนเข็มไปสังคม เรื่องส่วนตัวพูดยาก บางคนก็ชอบพวกมั่นใจในตัวเองแบบกระแสทักษิณ บางคนก็กลัว และหาว่ามากไป เรื่องตามก้น คนคงตามทักษิณ กันมากกว่าตามนักข่าว ผลงาน ไม่รู้จะพูดอย่างไร ตอนนี้คนลืมกันไปแล้ว ว่า ประชาธิปัตย์ที่ผ่านๆ มา แย่ขนาดไหน พรรคอื่น และกระแสทักษิณ ก็ไม่ค่อยชอบด่า ไม่ค่อยชอบประจาน ประชาธิปัตย์เสียด้วย กลัวก็พูดยาก เพราะ คนกลัวทักษิณกันก็มาก ชวนเชื่องช้า ไร้นโยบาย ดูจะไม่เป็นประเด็นแล้ว เพื่อน และปาก คงต้องให้กระแสทักษิณ นำโด่ง นองจากภาคใต้ เพราะประชาธิปัตย์คบยากในยามแย่หรือรุ่ง การหาเสียง คงสำคัญที่สุด แต่กระแสทักษิณก็ยังถูกมองว่าแย่อยู่
ความคิดเห็น