4 ปีซ่อม 4 ปีสร้าง...มันปฏิวัติกลายเป็น 1 ปีทำลายสิ้น...ผมจะสร้างรากฐานประเทศไทย...อ๊วกกก
ที่มา เวบไซต์พันทิปโดย minimalist 21 กรกฎาคม 2550
ที่ผ่านมาถ้ามันคิดเป็น มีความรู้ความเข้าใจ ปัญหามันไม่เป็นหนักถึงขนาดนี้หรอกครับ..
เครื่องไม้ เครื่องมือ คน อยู่ที่รัฐบาล มีพร้อมหมด..แต่มันบริหารไม่เป็น นี่..ถ้าเป็นรัฐบาลทักษิณ ข้าราชการทั้งกระทรวงคลัง พาณิชย์ อุตสาหกรรม ต่างประเทศ (พวกทูตพาณิชย์ที่ไทยมีทั่วโลก ทุกทวีป)กระทรวงคมนาคม รัฐวิสาหกิจต่างๆ พวกนี้จะถูกบ้องหู ไล่บี้ให้ไปทำงานเพื่อขยายตลาดใหม่ ๆ ที่ยังพอแข่งขันได้ เจาะตลาดเฉพาะ ที่ยังมีช่องทางแลกเปลี่ยนกันได้ เขาผลิตไม่ได้แต่เราผลิตได้ แลกเปลี่ยนกันไป..เป็นตลาดใหม่ของผู้ส่งออก ราคาลดลงก็ต้องหาปริมาณมาช่วย..หรือรัฐวิสาหกิจถูกบี้เร่งการลงทุนภาครัฐในโครงการเมกกะโปรแจ็คลิ่วๆ ไปแล้ว..ใช้อำนาจทางการบริหารของฝ่ายบริหารดำเนินนโยบายด้านการลงทุน เพื่อลดปัญหาแรงกดดันของค่าเงินบาทได้ และยังเป็นการเดินนโยบายการคลังเพื่อทำให้ดุลบัญชีนำเข้ามันเพิ่มมากขึ้น..ทำให้ดุลบัญชีมันขาดดุลติดต่อกัน ก็ลดแรงกดดันค่าเงินไปได้ทันทีในระยะยาว เพราะจะพึ่งให้ ธปท. แก้ปัญหาด้วยนโยบายทางการเงินอย่างเดียวไม่ได้มันมีข้อจำกัด ระบบมันมี 2 ขา เหมือนคนที่ยืนด้วยลำแข้ง 2ลำแข้ง..มันต้องใช้ทั้งลำแข้ง..ตอนนี้มันใช้ลำแข้งขาเดียวก็เลยกระเผลกๆมาตั้งแต่ปฏิวัติมาแล้ว จนตอนนี้จะล้มเซไปแล้ว...อีกไม่นาน ถ้าไม่หาหลักค้ำ
อีกลำแข้งของการแก้ปัญหา มันจึงเป็นบทบาทของภาครัฐ ที่จะต้องทำหน้าที่เป็นเครื่องจักรทางเศรษฐกิจ แทนที่เครื่องจักรทางเศรษฐกิจที่เป็นการลงทุนของภาคเอกชน ซึ่งที่ผานมา ถือว่าเต็มประสิทธิภาพแล้วหลังจากฟื้นจากวิกฤติปี 40 ที่งัดเอาสิ่งที่มีอยู่แล้วมาเร่งตัวของการผลิตต่างๆ...จึงถือว่าถึงขีดความสามารถสูงสุดแล้ว ถึงเวลาต้องแตะมือกับภาครัฐสลับกัน เพื่อให้เอกชนเบาเครื่องแล้วปรับตัว ยกระดับ ปรับคุณภาพเพื่อแข่งขันได้ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า
ระหว่างนี้หน้าที่กระตุ้นเศรษฐกิจจึงอยู่ที่ภาครัฐในโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ยังจำเป็นต้องทำ...ซึ่งรัฐบาลทักษิณตั้งไว้ประมาณ 4-5 แสนล้านบาท..ช่วงนี้ภาคเอกชนก็ใช้เวลาค่อยๆปรับตัวไป เร่งไม่ได้เพราะมีขีดจำกัด ต้องดูตามกำลังคน การพัฒนาคนในภาคเอกชน การวิจัย และตลาดที่เป็นตัวกำหนดการลงทุน ทิศทางในการปรับตัวตามความต้องการตลาด ใช่ว่าเงินบาทแข็งแล้วจะบอกว่าต้องนำเข้า ขยายการลงทุนอย่างไม่คิด เพราะนำเข้ามันช่วงนี้มันถูกราคาจริง แต่ผลิตแล้วตลาดไม่มี มันจะมีประโยชน์อะไร ถ้าคิดตามหลักพอเพียงที่รัฐบาลโฆษณามาตลอด คือการใช้เหตุผลในการลงทุน..
แล้วปัญหาค่าเงินบาทแข็ง มันส่งสัญญาณเตือนให้เห็นมาตลอดกว่า 8 เดือน แต่รัฐบาลมันไม่ได้คิดที่จะติดตามดำเนินการอะไร มันส่งสัญญาณเหมือนคนเป็นไข้มาแล้วกว่า 8 เดือนอาการมันมีให้เห็น แต่ไม่มีใครทำตัวเป็นปรอทวัดไข้.. ตัวเลขการส่งประกันสังคมที่เอกชนผ่อนส่ง จนหยุดส่ง สะสมเพิ่มขึ้น..ที่กระทรวงแรงงาน ถ้ามันทำงานเป็น มันต้องเห็นแล้วว่า มีอาการ...หรือตัวเลขที่กระทรวงคลัง กรมสรรพากรรายงานภาษีมูลค่าเพิ่มลดลง รายได้ของนิติบุคคลลดลง นี่ก็คืออาการ หรือกระทรวงพาณิชย์ การนำเข้าลดลง นี่ก็คืออาการที่เป็นปัจจัยเร่งค่าเงินให้ไหลเข้า เพราะมันเกินดุล..แล้วสะท้อนให้เห็นว่าวัตถุดิบที่เข้ามานั้นมันลดลง...ซึ่งส่งผลมาถึงกระทรวงอุตสาหกรรม โรงงานต่างๆ กำลังผลิตลดลง ถ้ามีการมอนิเตอร์ ตัวเลขพวกนี้จากทุกหน่วยงาน ในครม. มันก็รู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น..
แต่ไม่มีการติดตาม ทั้งที่ตัวเลขมันมีการเก็บสถิติไว้ตลอดแล้วยังเข้าใจภาพลวงของตัวเลขผิดๆ กลับมาบอกว่าเศรษฐกิจดี ส่งออกพุ่งสูงสุด ตลาดหุ้นดัชนีพุ่งสูงสุด...จีดีพีจะขยายตัว 4-4.5 % แน่นอน...ตัวผู้นำออกมาพูดเองในรายเปิดบ้านพิษณุโลก...เพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กลับมา..พูดตามที่เขารายงานมาว่า ท่านต้องพูดหน่อยในวันเสาร์ออกรายการ..เพราะท่านคือนายกรัฐมนตรี มันมีน้ำหนักถ้าออกจากปากผู้นำประเทศ แต่เบาปัญญา เพราะผู้นำคนนี้มันไม่รู้เรื่องอะไรเลย...มันหลอกประชาชนว่า จะดี
ซึ่งต่างจากรัฐบาลทักษิณอย่างสิ้นเชิง ท่านสนใจติดตาม มอนิเตอร์ตัวเลขต่างทั้งหมด ใน ครม. ต้องรายงานเข้ามาทำให้เข้าใจว่าอะไรจะเกิดขึ้น ทำไมตัวเลขสถิติลดลง มันมีอาการอะไรที่บ่งชี้...จึงเกิดการเฝ้าระวัง รัฐบาลก็วิเคราะห์กลยุทธิ์ในการปฏิบัติล่วงหน้า ต้องทำอะไรต่อไป..ถ้าไม่ทำจะเกิดอะไรขึ้น...
ทำไมทักษิณ ถึงวางแนวเมกกะโปรแจ็คไว้ในช่วง 4 ปีสร้าง...ก็เพราะที่ผ่านมา 4 ปี ซ่อม มันคือเอาของเก่าที่ถูกทิ้งร้างจากวิกฤติปี 40 มาปัดฝุ่นเดินเครื่อง จนมันเต็มฝีเท้า ฝีเครื่องจักรมันแล้ว...หลังจากที่มันหยุดไป...
ท่านก็เห็นว่า อีก 4 ปีข้างหน้า เอกชนจะถูกปรับตัวเต็มที่แล้ว..ต้องการการช่วงเวลาที่จะปรับตัวรอบใหม่..รัฐจะทำหน้าที่แทนภาคเอกชนในการลงทุนภาครัฐ 4 ปีสร้างของภาครัฐจะเป็นตัวจักรสำคัญ และเห็นว่าเงินมันสะพัดอยู่ในโลกมากเหลือเกิน มันกำลังไหลมาทางเอเชีย...มันจึงเหมาะกับการที่รัฐจะเป็นเจ้าภาพจับเงินที่มันสะพัดในระบบโลกให้มันทำงาน...ระหว่างนี้เอกชนก็ปรับตัวไปทางด้านคุณภาพ และเทคโนโลยี เพื่อแข่งขันต่อในอีก 4-5 ปีข้างหน้าทำหน้าที่แทนภาครัฐ...สลับเครื่องจักรกันไปแบบนี้...
โดยในระหว่างที่ภาคเอกชนก็ยังปรับตัวไป และตลาดก็ยังอยู่ได้ เพราะค่าเงินบาทมันจะไม่แข็งแบบนี้ เนื่องจากการลงทุนภาครัฐที่เพิ่มขึ้น การนำเข้าจากภาครัฐในโครงการขนาดใหญ่ จะทำให้แนวโน้มดุลบัญชีขาดดุล ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ได้เงินบาทก็จะไม่แข็งค่า อย่างมากก็อยู่ในระดับ 37-38 เท่านั้นผู้ส่งออกก็อยู่ได้
ทั้งนี้หากไม่เกิดการปฏิวัติวันที่ 19 กันยายยน...และมีการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2549 ตามที่มีพระราชกฤษฎีกามาแล้ว ทุกอย่างก็จะเป็นไปตามแนวทางนี้ของรัฐบาลทักษิณ....ประเทศไม่เกิดปัญหานี้แน่นอน....
รัฐบาลทักษิณมีแต่คิดวางแผนระยะยาว..มันจึงป้องกันได้หมด เพราะเข้าใจกลยุทธ์ การเคลื่อนไหวในโลก...รัฐบาลที่บริหารไม่เป็นจึงมักแต่ทำงานแก้ปัญหาระยะสั้น อย่างดีก็ระยะกลาง..เพราะเดินตามหลังปัญหา ปล่อยให้ปัญหาเป็นผู้นำของผู้นำประเทศ..เวลาจะคิดทำอะไร ต้องมีปัญหาเกิดขึ้นก่อน จึงคิดออกว่าจะแก้อะไร...
เราต้องการรัฐบาลแบบนี้มั๊ยครับ...ถ้าไม่ต้องการก็ ต้องไปลงประชามติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับ คมช. ครับ...เพราะรัฐธรรมนูญ คมช. มันสร้างรัฐบาลแบบนี้ให้กับคนทั้งประเทศ...คือรัฐบาลผสม 3 สายพันธ์เป็นอย่างต่ำ...แล้วมันจะบริหารไปได้อย่างไร..คนโง่ยังไม่พอ...มันยังผสมความโง่แบบ tripple 3 พรรคเข้าไป ก็ยิ่งดักดานหนักข้อเข้าไปอีก..
หากยังปล่อยให้เป็นแบบนี้ ก็ถึงวาระที่ทำอัตวิบาตกรรมด้วยตัวเอง...คนไทยทั้งหมด โทษใครไม่ได้เลย...
ถ้าคุณไม่มาไล่มันออกไป...ปฏิเสธทุกอย่างที่เป็นผลพวงของการปฏิวัติ...เพราะทุกวันนี้ ผลร้ายของมันก็เห็นแล้วว่าเป็นอย่างไร...
ความคิดเห็น