จ้องจับผิดทักษิณ "คนเดียว"
เหมือนให้ใบสั่ง "แม้ว" ที่ขับรถเร็ว ในสนามแข่งรถ Formula 1
โดย ทวีวุฒิ จุลวัจนะ 25 กุมภา 08
เกมของอุตสาหกรรมธนาคารคือหากำไรจากส่วนต่างดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก คือยิ่งกว้างยิ่งกำไรมาก แบบปี 50 ที่คนไทยจะตายกันไป เพราะรายได้ตก แต่ค่าครองชีพสูงขึ้น ธนาคารบางแห่งได้ดอกเบี้ยรายรับ เพิ่มขึ้น สามสี่พันล้าน แต่ดอกเบี้ยรายจ่าย เพิ่มขึ้นสามสี่ร้อยล้าน เรียกว่าสมัยทหารและ TDRI ครองเมือง ธนาคารรวยเละ
เกมของอุตสาหกรรมน้ำมันคือปรับราคาน้ำมันตามราคาตลาดโลก ที่คิดเป็น ดอล ไม่ใช่ บาท คือถ้าราคาในดอลขึ้นไป 10% ราคาน้ำมันในไทยก็ขึ้นไป 10% อุตสาหกรรมไม่สนใจว่า บาทจะแข็งค่าขึ้นขนาดไหนคือเคยเห็นบ้างไหม การประกาศลดราคาน้ำมัน เพราะบาทแข็งขึ้น เช่นจาก 38 บาทต่อดอลปีที่แล้ว มา 29 บาทต่อดอล ตอนนี้ คือบาทแข็ง ขึ้น 30% ส่วนน้ำมันปีที่ผ่านมา ขึ้นไปจาก 70 เป็น 100 คือก็ราวๆ 30% คือพอๆกัน แต่ราคาน้ำมันในไทย พุ่งขึ้นไม่หยุด สรุปรวยเละ
เกมของอุตสาหกรรมโรงงานคือกดค้าใช้จ่ายด้านแรงงานให้ต่ำที่สุด ให้ต้นทุนต่ำเพราะค่าแรงงานเป็นสัดส่วนที่สูงในค่าใช้จ่าย อุตสาหกรรมบอกว่า ต้องต่ำเพื่อให้สู้ คู่แข่ง ต่างชาติได้ แล้วเรื่องก็จบอยู่ตรงนั้น ในไทยขึ้นกันบาทสองบาทต่อปีไม่กี่เปอร์เซ็นต์ ทั้งที่ แบบค่าแรงในประเทศ คู่แข่ง ไทย เช่นจีน ขึ้นไป 30% แล้ว เวียดนาม อีก 10% คือค่าแรงในไทย อิงอยู่กับดัชนี ค่าครองชีพ ในไทยไม่ได้อิงอยู่กับ ดัชนี ความสามารถในการแข่งขัน สรุปโรงงานรวยเละ
ปัญหาพวกนี้ ในระบบเศรษฐกิจไทย สร้างความเสียหาย ให้แก่ประชาชนโดยตรง เรียกได้ว่าเป็นการ เอาเปรียบ ประชาชนอย่างมาก คือเรายังไม่ทราบว่าทักษิณ โกงกิน และทับซ้อน จริงหรือไม่แต่ก็ถูกพวกเผด็จการ นำมาตีแผ่เป็นข่าวใหญ่โตของบ้านเมือง แต่ก็แน่นอนว่า พวกเผด็จการ แค่สงสัยว่าทักษิณสร้างความเสียหายให้รัฐ จากการโกงกิน และทับซ้อน ก็ยึดอำนาจและตั้ง คตส.มาตรวจสอบความเสียหายที่ ทักษิณและทุนโทรคมทำให้ชาติ คือพวกรัฐประหาร รักชาติมากแต่มันก็แปลก ที่เวลามาถึง การเอาเปรียบประชาชนแบบตรงๆ ไม่ใช่เงินภาษีทางทหารกลับไม่สนใจ และไม่ทำอะไรเลย
แล้วก็แปลกอีกคือประชาชนทั่วไปจ่ายภาษีโดยเฉลี่ยอย่างมากก็หมื่นสองหมื่นต่อปีหรืออาจจะน้อยกว่านั่นเสียอีก ถ้าทักษิณโกง และทับซ้อนจริงอย่างมากก็โกงภาษีไปได้สัก 10% ของทั้งหมด ก็หมายความว่าโดยเฉลี่ย โกงจาก ประชาชนไปคนละพันสองพัน ต่อปี แต่แบบธนาคาร น้ำมัน และอื่นๆ ที่ เอาเปรียบ ผู้บริโภคทุกวัน คิดออกมาแล้ว เป็นหมื่นๆบาทต่อปี ที่โกงกันเอาไป แล้วถ้าจะให้ถามว่าแปลกไหมที่ ชิน ถูกด่าย่อยยับ ว่ากำไรมากเพราะทักษิณทับซ้อนให้ แต่พอมาถึง เทเลคอมอื่นๆที่ก็ได้รับผลประโยชน์ ไม่มีใครต่อว่า ยิ่งไปกว่านั่น ไม่มีใครต่อว่า ธนาคารบริษัทน้ำมัน หรือโรงงาน และอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ก็มีเกม ของตัวเองทุกอันที่เอาเปรียบประชาชน แต่ไม่เป็นไร สรุปสักหน่อย อุตสาหกรรมแสวงหาผลประโยชน์แบบโกงๆ คดๆ เราเรียกว่า เอาเปรียบ แต่นักการเมือง สร้างความเสียหาย โกงกินไม่ถึงเสี้ยวของอุตสาหกรรม กลับถูกเรียกว่า เทวทัศ
แล้วนี่ยังไม่พูดถึง สัจธรรมและความจริง คือแทบทุกคน ทุกภคส่วน ทุกอุตสาหกรรมรวมถึงประชาชนเองด้วยที่พยายามเสียภาษีให้น้อยที่สุด เท่าที่จะทำได้ คือเป็นเช่นนี้มาอย่าง ยาวนาน ยิ่งต้องเสียภาษีมาก ยิ่งหาช่องโห่วช่องว่างของกฎหมาย หาทางเสียภาษีให้น้อยลงไป คือเชื่อหรือไม่ก็ตาม ทุกวันนี้ บริษัทไทยเป็นร้อยเป็นพัน ไปเปิดบริษัทตามประเทศ ที่เป็นสวรรค์ของการเลี่ยงภาษีหรือจะเอาในประเทศ ตลาดหุ้นไทย ประกาศไปทั่ว มาจดทะเบียนสิ จะได้เสียภาษีน้อยๆ หรือ BOI ก็ ประกาศไปทั่วโลก มาคุยกับเราสิ เราจะลดภาษีให้ ถ้ามาลงทุนในไทย (หรือจะเถียง..)
ทั้งหมดที่เขียนมา ไม่ใช่ความลับอะไร แต่เกิดขึ้นจริง ซึ่งๆหน้าประชาชน แต่ทำไมประชาชนกลุ่มหนึ่งมองไม่เห็น และทำไมสิ่งเช่นนั้น ถูกปล่อยให้เกิดขึ้น คืออะไรทำให้เรายอมรับได้ ดอกกู้สูงๆ ดอกฝากต่ำๆ จนกำไรธนาคาร ในปีที่แล้วที่คนตกงานกันเป็นแสนๆ และนักศึกษาจบใหม่หางานไม่ได้ ทำไมกำไรธนาคารจึงขึ้นกันไปเกือบ 20% ทำไมเรายอมรับสิ่งแบบนี้กันได้ แต่เรายอมรับนักการเมืองที่ถูกกล่าวหาว่าโกงกิน บาทเดียวก็ไม่ได้ จนไปกันถึงขนาดที่ว่า นักการเมือง แค่ทำถูกกฎหมายก็ไม่พอเช่นที่ด่าทักษิณกัน ว่าถึงจะออกมาถูกกฎหมาย แต่ว่าทักษิณก็ผิด อยู่ดี เพราะ ผิด จริยธรรมและจรรยาบรรณ คือแล้วเราเคยไปถามหา จริยธรรมและจรรยาบรรณ จากอุตสาหกรรมธนาคารและอื่นๆไหม
สาเหตุหลัก ที่ไม่มีใครออกมาโวยวาย ประท้วงหรือด่านายธนาคารว่า เทวทัศ ก็เพราะความสัมพันธ์อันล้ำลึก ระหว่างอุตสาหกรรมต่างๆและสื่อ คือสื่อ ถูกซื้อไปหมดแล้วถูกซื้อไปตั้งนานแล้ว คือสื่อพึ่งโฆษณา จากอุตสาหกรรมสิ่งที่สองก็คือ ข้าราชการ ที่นั่งอยู่ในตำแหน่ง และสืบทอดอำนาจ กันเป็นระบบช่วงๆปกป้องผลประโยชน์ของอุตสาหกรรมต่างๆ มาอย่างยาวนาน จนส่วนมาก ลืมประชาชน กันไปแล้ว คือในที่สุดแล้ว ข้าราชการมองตำแหน่ง และผลประโยชน์ จากภาคเอกชนหลังออกจากภาคราชการ เส้นสายโยงใย เลยเกิดขึ้น นานก่อนการออกจากการเป็นข้าราชการอีกสิ่งคือ Packaging หรือ การบรรจุพัน นักธุรกิจ ถูกปกป้องโดย หลากหลายความคิดเช่น การหากำไรให้มากๆ ไม่ผิดอะไร เพราะเป็นทุนนิยม ค้าขายเสรีนิยม และต่างๆทั้งที่จริงแล้ว การหากำไรที่มากไป และเอาเปรียบประชาชน มันไม่ใช่ทุนนิยม หรือค้าขายเสรี อีกสิ่งคือเกนนำการโกงการเอาเปรียบพวกนี้ ก็คือชนชั้นสูงรวยๆ หรืออำมาตรนั่นเอง
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ทำให้การ เอาเปรียบหรือโกงกินกันตรงๆ พวกนี้ ไม่มีใครต่อว่า ก็เพราะ ทำกันทุกคนมีส่วนเอี่ยวกันทุกคนกับการโกงกินนี้ ประชาชนก็อยากให้องค์กรที่ตัวเองทำงานอยู่ด้วย กำไรมากๆ จะได้โบนัส และขึ้นเงินเดือนบริษัทเองอุตสาหกรรมเอง ก็ต้องการกำไรมากๆ จะได้มีมากๆ ให้ผู้ถือหุ้นและมูลค่าขององค์กรมากขึ้น รัฐบาลก็ไม่ทำอะไร เพราะถ้าทุกคน ได้มากขึ้น ก็หมายถึงภาษีที่มากขึ้น ถ้าเห็น สัจธรรมและความจริงนี้ จะยิ่งต้อง แปลกใจ ที่องค์กรแบบ ชิน จากเป็นร้อยพันหมื่น องค์กร ถูกดึงออกมา แล้วถูกรุมยำ ก็เพียงเพราะเป็นของทักษิณ
แล้วที่เขียนมาทั้งหมดยังไม่พูดถึงความเสียหายที่บางอุตสาหกรรมสร้างให้ประเทศเช่นอุตสาหรรมธนาคารและทุนการเมืองของนายธนาคาร เช่นวิกฤต ต้มยำกุ้ง ของธนาคาร และประชาธิปัตย์ไม่ใช่หรือที่สร้างความเสียหาย เป็น ล้านล้านล้าน โดยตัวเล่นแทบทุกคนในอุตสาหกรรมเอง หรือ คนของตัวเองในภาคการเมือง ก็ยังเชิดหน้าชูาในสังคมมาได้ถึงทุกวันนี้
สุดท้ายใครเสียหาย และถูกเอาเปรียบมากที่สุดใครถูกโกงมากที่สุด ก็คือคนจนและภาคเกษตรรายย่อย ก็คือคนกลุ่มใหญ่มากในไทย ที่ไม่มีทางต่อสู้ มาตอนนี้ ไทยมีพรรค ของคนจนและระดับกลางล่าง คนที่จะมาเป็น รัฐมนตรีคลัง มาจากนอกอุตสาหกรรมพวกนั้น แต่เป็นหมอที่คลอด 30 บาทออกมาแต่ก็มีความรู้ด้านการบริหาร เพราะจบ Sasin ด้านบริหารมา แล้ว Sasin ก็เป็นสถาบันการศึกษา ที่ติดอันดับ สุดยอดหนึ่งในสิบของเอเชีย คนคนนี้ก็คือ หมอเลี๊ยบ อะไรจะเกิดขึ้นในไทย เพราะกระทรวงการคลังนั้น คือจุดศูนย์รวมและแกนกลางของเศรษฐกิจไทย ขอเตือนด้วยความหวังดี ว่า อย่ากระพริบตา และ อย่าแปลกใจกระทั่งนโยบายนี้ยังถูกรุมกระหน่ำโจมตี รุมทึ้ง ต่างๆ นานา จนมีคนเคยพูดไว้ว่า 30 บาท ตายทุกโรค ปัจจุบันนโยบายดีดังไปทั่วโลก จนมีทำให้คนต้องลอกการบ้านคลอดนโยบายรักษาฟรี....
ความคิดเห็น