เรื่องราวดีๆ จากหมีกับหมอนนุ่น...
อย่าปล่อยให้ความรู้สึกเป็นเรื่องที่ต้องเก็บเอาไว้ฝ่ายเดียว แล้วเมื่อไหร่จะเข้าใจกันเล่า พูดกันมากขึ้น -- ฟังกันมากขึ้น -- เข้าใจกันมากขึ้น และ... รักกันมากขึ้น
ผู้เข้าชมรวม
294
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
<บทที่ 1 ที่มาที่ไป เธอคือเศษผ้ามอมแมม>
"เอาละนะฉันจะเริ่มเขียนจากอะไรดีน้า" แม่มดชรานั่งหลังงออยู่บนโต๊ะทำงานด้วยความเกียจคร้าน
"ไม่ได้ ๆ เรื่องนี้ต้องอยู่คู่กับต้นไม้นั้นอีกนาน ฉันต้องเริ่มเขียนเสียเดี๊ยวนี้แล้วล่ะ" นางพึมพำอยู่เพียงผู้เดียว แล้วก็จดปลายปากกาขนนก ลงบนกระดาษ ข้อความที่เกิดขึ้นน่าประหลาดมันวิ่งไปเองราวกับมีเวทมนต์
ใช่สิ
เวทมนต์ ...เวทมนต์ของแม่มดผู้อยู่ในโลกนิทานอย่างไงล่ะ
พร้อมหรือยังที่จะไปอ่านเรื่องราวที่แม่มดคนหนึ่งบันทึกเอาไว้ เพื่อเป็นตำนานให้กับบางสิ่งบางอย่าง ถ้าพร้อมแล้วก็ มาอ่านกันเลยนะ
เอาละ คุณ ๆ รู้จักกันใช่ไหม เศษผ้าน่ะ ช่ายย นั้นแหละ ที่เอาไว้เย็บปักถักร้อยนั้นแหละ ในเรื่องนี้ก็มีเศษผ้าอยู่เหมือนกัน แต่เธอเป็นเศษผ้าที่ไม่เหมือนใคร อย่างไงล่ะ มาฟังกันดูดีกว่า
เป็นเรื่องของ เศษผ้าสีน้ำตาล ผืนหนึ่งที่เธอมีความคิดค่อนข้างแปลก (?) งั้นหรือ เอาเป็นว่าลองดูเธอต่อไปกันเถอะนะ
เศษผ้าน้ำตาลมอมแมม นางพบว่าตัวนางอับลักษณ์และไม่น่าพิศมัยเอาเสียเลย
นางไม่ดูน่าหลงไหลเท่า...ผ้าสีดำ
ไม่ดูสะอาด ผุดผ่องเท่า...ผ้าที่ขาว
ขาดความสบายตาเช่น..ผ้าสีเขียว
ไร้ความอบอุ่นต่างจากผ้าสีเหลืองที่เต็มไปด้วยประกายแห่งความหวัง และยังไม่ต้องเทียบความทันสมัยเช่นผ้าสีทองและเงิน
เหตุนี้เองเศษผ้าน้อยที่ไม่พอใจในความเป็นเศษผ้าของตน จึงไปขอความช่วยเหลือจากแม่มดชราผู้อาศัยอยู่บ้านต้นไม้ชายป่าแดนผืนผ้า แต่ละแดนจะมีแม่มดซึ่งทำหน้าที่นำของใช้ที่บังเอิญมีชีวิตจากโลกของมนุษย์มาไว้ยังโลกแห่งนิทาน แล้วก็บังเอิญอีกที่คืนนี้เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง เป็นวันว่างของแม่มดชราพอดีเขาจึงมีเวลาพอจะฟังเรื่องราวของเศษผ้าน้ำตาลมอมแมม
"เหตุใด เจ้าจึงไม่พอใจในความเป็นเจ้า"แม่มดเอยถาม ด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
"ไม่ใช่ฉันไม่พอใจในความเป็นฉัน หากแต่ฉันไม่ต้องการที่รูปลักษณ์ฉันเป็นเช่นนี้"
"เจ้าจะบอกกับข้ารึว่า หากมีร่างใหม่ แล้วจะมีอะไรดีขึ้น"
"ใช่ อย่างไงมันก็ดีกว่าที่เป็นอย่างงี้"
"ดีขึ้น? แน่ใจหรือว่ามันจะดีขึ้น มันอาจจะเลวร้ายกว่าเดิมที่เป็นอยู่ก็ได้"
"คงไม่มีอะไร...เลวร้ายไปกว่าที่เป็นอยู่แล้วละ"
"หึหึ บทเรียนที่ยิ่งใหญ่ ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าข้าคิดนี้ถูกต้องหรือเปล่า" แม่มดหันมายิ้มบางๆแก่เศษผ้าน้ำตาลมอมแมม "แล้วเจ้าจะไปยังที่ไหนละ หลังจากที่ดูดีกว่านี้ได้"
"เออ... ฉันคิดว่าจะนำร่างใหม่ไปให้ใคร ๆ ได้ชื่นชม"...นั้นเป็นความคิดน่าเกลียดเกินไปหรือเปล่านะ เจ้าเศษผ้าคิด
"ช่างตรงไปตรงมาจริงนะ ทำไมฉันจะช่วยเธอไม่ได้ละ"
และแล้ว แม่มดจึงเนรมิตร่างใหม่โดยการตัดเย็บให้แก่เศษผ้ากลายเป็นตุ๊กตาหมีไร้นุ่นสีน้ำตาล
"ถ้าอยากได้ร่างเดิมคืนให้กลับมาก็แล้วกัน"
"คาดว่าวันนั้นคงไม่มีเสียแล้วละ"เจ้าตุ๊กตาหมีตอบ มันยังแปลกใจไม่หายที่แม่มดยอมช่วยเหลือนาง
"ไม่แน่หรอก ซักวันเจ้าอาจจะไม่ต้องการมันแล้วก็ได้"
ตุ๊กตาหมีกล่าวขอบคุณแม่มด แม่มดไม่ได้พูดอะไรเพิ่มอีกนอกจากว่าบทเรียนอันยิ่งใหญ่กำลังรอตุ๊กตาหมีหน้าใหม่อยู่ หากพลาดพรั้งอยากคืนร่างเดิมก็ให้รีบกลับมาเสียละ แต่นั้นกว่าแม่มดจะกลับมามีเวลาพักผ่อนเช่นนี้อีกก็ต้องกินเวลาไปอีกนั้นก็เป็นเวลา 30 วันพอดี จึงจะเป็นวันพระจันทร์เต็มดวงอีกครั้ง ("ฉันละหน่ายกับพวกสิ่งมีชีวิตแปลกปลอมในอนาคตอีก 4 พันปีจริง ๆ คอมพิวเตอร์มันพยายามควมคุมเด็กทั้งโลกอีกแล้ว" แม่มดพูดกับตุ๊กตาหมีก่อนจะเดินผ่านกระจกเงาไปยังอีกฝั่ง)
เมื่อได้ร่างใหม่ เจ้าตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลมอมแมมจึงออกเดินทางเพื่ออวดโฉมแก่โลก ช่วงแรกผ่านไปด้วยการไปเยื่อนเหล่าผ้าสีต่าง ๆ
"โอ๊ะ เธอดูดีมาก"ผ้าสีดำพูด
"นั้นเกิดอะไรขึ้นกับเธอ มันเยี่ยมจริง ๆ"ผ้าสีขาวเอยชม
"ดีใจด้วยถ้านั้นทำให้เธอพอใจ"นั้นเป็นคำชมจากผ้าสีเหลือง
บรรดาเศษผ้าสีต่าง ๆ พากันเอยชมเจ้าตุ๊กตาหมีตัวใหม่(อย่างขอไปที) แต่นั้นเป็นแรงจูงใจให้เธอออกเดินทางไกลขึ้น ไกลขึ้น
แต่แล้วเมื่อเธอออกเดินทางได้ไกลขึ้น ไกลขึ้น ออกจากเขตชนบทของนาง ยิ่งนางเข้าใกล้แดนแห่งตุ๊กตามากเท่าไร นางก็ยิ่งถูกมองหมิ่นด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยามจากเหล่าบรรดาตุ๊กตาสีสวยงาม
วันที่ห้า เจ้าตุ๊กตาสีน้ำตาลมอมแมม
นางพบว่าตัวนางมิได้ต่างไปจากครั้งเป็นเศษผ้าแม้แต่น้อย
นางไม่ดูน่าหลงไหล เท่าตุ๊กตาหญิงสาวผมฟู หุ่นดี ในชุดเจ้าหญิง
นางไม่ดูสะอาดเท่า ตุ๊กตากระต่ายหูยาวตัวอ้วนกลม
นางไร้ซึ้งความอบอุ่นและสบายใจเท่าตุ๊กตาหมีตัวอ้วนสีเหลือง ใส่เสื้อตัวหลวมมีอักษรกลางอกสะกดได้ว่า P o o h
นางเป็นตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลมอมแมม ผอมโคลก ใบหน้าเหี่ยวย่น เป็นทุกสิ่งที่ดูน่ารำคาญลูกตา เจ้าตุ๊กตาน้อยยังไม่ย้อท้อ นางยังคงตั้งหน้าตั้งตาเดินทางต่อไป หากความหวังนั้นเปลี่ยนไป จากเดินทางเพื่ออวดโฉม กลายเป็นเดินทางเพื่อค้นหา เหล่าตุ๊กตาที่เป็นเหมือนนาง ซึ่งนางก็ไม่รู้ว่าจะหาค้นพบได้ที่ไหน และอาจจะไม่มี ห่างจากแดนตุ๊กตา ไกลขึ้น ไกลขึ้น นางยิ่งอ่อนล้าเต็มที ความเหนื่อยล้าเข้าแทรกแซงความมุ่งมั่นที่เคยมีอยู่เต็มเปี่ยม จนในที่สุด... สติของนางก็ดับวูบ นางล้มฟุบลงไปกับพื้นใบไม้แห้งๆ ห่างจากแดนตุ๊กตาไม่ไกลนัก...
"ใยเธอถึงมีสีหน้าเศร้าใจนัก" เสียงนุ่ม ๆ ราวกับคลออยู่ในลำคอกล่าวถาม เมื่อเจ้าตุ๊กตาสีน้ำตาลมอมแมมลืมตาขึ้นช้า ๆ ภาพเบลอ ๆ เริ่มเข้าที่เข้าทาง นางกำลังนอนตะแคงบนหมอนใบนุ่มสีขาว
"อืม..." เจ้าตุ๊กตาสาวผลิกตัวกลิ้งคลุกๆ กับพื้นก่อนจะดีดตัวเด้งขึ้นกลางอากาศแล้วตกมายังพื้นดินดัง "ตุบ"ตามมาด้วยเสียงร้อง"อุบ" และตามมาด้วยเสียงโอดครวญอีกครู่ใหญ่ นี้ก็เป็นอีกครั้งที่นางยังไม่ยังชินกับการเป็นตุ๊กตาเสียเท่าไร
"นั้นเธอทำอะไรนะ" หมอนสีขาวสวมปลอกสีฟ้าประดับลายดอกหญ้า ค่อย ๆ ชันกายลุกขึ้นนั่ง "ฉันไม่เคยเห็นตุ๊กตาตัวไหนทำแบบนี้หลังตื่นนอนเลย"
"ฉันแค่...ยังไม่ชินกับการเป็นตุ๊กตา...เท่านั้นเอง" และนั้นก็เป็นความจริง ครั้งนางเป็นแค่ผืนผ้าการกระทำเช่นนั้นไม่ทำให้นางตกพื้นมาเจ็บตัวแบบนี้ มันเป็นวิธีการปลิวลงสู่พื้นอย่างกระชุ่มกระชวย
"เธอเพิ่งเกิดหรือ" เจ้าหมอนมีน้ำเสียงสนอกสนใจ
"อืม จะว่าอย่างงั้นก็คงจะได้"
"ถึงว่าสิ เธอคงยังไม่ได้รับการแต่งตัวดี ๆ ก่อนที่จะถูกแม่มดจับได้สินะ" เจ้าหมอนถาม แต่เจ้าตุ๊กตาหมีได้แต่นิ่งเงียบ ความนิ่งเงียบแบบนี้ทำให้เจ้าหมอนรู้สึกไม่สบายใจนัก มันเกรงว่ามันคงพูดอะไรผิดพลาดออกไปเสียแล้ว "มากับฉันสิ ฉันสามารถแต่งเธอให้เป็นตุ๊กตาหมีแสนสวยได้นะ"
"จริง ๆ นะ"เจ้าตุ๊กตาเงยหน้ามาสบตากับเจ้าหมอนนุ่น
"ไปกับฉันสิ"
ระหว่างการเดินทางเจ้าหมอนได้บอกว่าตุ๊กตาหมีหลับไปสองวันเต็ม ๆ แต่นั้นไม่ได้ทำให้เจ้าหมอนเดือดร้อนเลยเพราะหน้าที่ของหมอนคือพาผู้นิทราให้หลับฝันอย่างมีความสุข เจ้าหมอนยังเล่าเรื่องการเดินทางของตนว่าผ่านไปยังที่ใดบ้างเพื่อซ่อมแซมปลอกของตน และใคร ที่ไหน จะช่วยแต่งแต้มสีสันให้แก่เจ้าตุ๊กตาหมีได้ แต่เจ้าหมอนกลับไม่ได้เล่าเรื่องที่ตนแอบเห็นความฝันอันน่าเศร้าของตุ๊กตาหมีที่เห็นค่าตัวเองเป็นแค่เศษผ้าสีน้ำตาลมอมแมมที่แสนสกปรก ในฝันนั้น เศษผ้าสีน้ำตาลมอมแมมถูกดูถูกจากเหล่าตุ๊กตาแสนสวยต่าง ๆ นา ๆ
เจ้าหมอน สงสารจับใจ ...
ตุ๊กตาหมีเดินทางไปยังสายน้ำสีทองเพื่อชุบตุ๊กตาสีน้ำตาลมอมแมมสกปรกกลายเป็นตุ๊กตาสีทองเปร่งปรังดังใจหมาย จากนั้นทั้งคู่จึงตั้งเป้าหมายเดินทางไปยังเขตแดนแห่งเข็ม เพื่อหาชุดใหม่ให้แก่ตุ๊กตาหมี ทั้งคู่เดินทางผ่านทุ่งดอกไม้ ผ่านทุ่งกุหลาบหลากสีที่มีเหล่าผีเสื้อใบไม้ บินพรึบพรับเวียนวนไม่ไกลห่าง เจ้าหมอนสัญญาว่าจะพาตุ๊กตาหมีมายังที่นี้อีกหากการเดินทางจบลง ทั้งคู่ข้ามสายน้ำหลายสายรวมถึงได้รับความช่วยเหลือจากหุ่นยนต์นักบินพาบินข้ามเหวลึก นับวันที่เจ้าหมอนได้เห็นความฝัน ยามหลับไหลของตุ๊กตาหมี มันก็ได้แต่หวังว่าสักวันมันจะได้เข้าไปอยู่ในฝันของนาง เพียงแต่ทุกครั้งที่นางฝัน นางยังเทียบคุณค่าของตนเพียงแค่เศษผ้าสีน้ำตาลมอมแมมเรื่อยมา ซึ่งนั้นทำให้เขาเห็นใจนางมากเพราะเขาก็ประกอบด้วยเศษผ้าเช่นกันก่อนจะได้รับการตกแต่งจนเป็นหมอนและถูกแม่มดนำตัวมายังโลกนิทานในภายหลัง...
แม่มดมีหน้าทื่นำของใช้ที่มีชีวิตมายังโลกนิทาน ที่ ๆ ควรจะอยู่..
...เมื่อไรที่นางขาดแคลนกำลังใจ เขาจะคอยอยู่เคียงข้าง
...เมื่อใดที่นางมีความสุข เขาหวังแค่ว่าอย่างน้อยจะสามารถมีสิทธิยิ้มอยู่ห่าง ๆ ได้ทุกครั้ง
...ทุกครั้งที่นางโมโห เขาจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
และแล้วทั้งคู่ก็เดินทางมายังดินแดนแห่งเข็ม หมอนนุ่นจึงพาตุ๊กตาหมีไปหาเข็มผู้เป็นที่รู้จักกันครั้งที่เจ้าหมอนนุ่มออกเดินทางเพื่อซ่อมแซมปลอกของตน ครั้งนี้ก็อีกเช่นกัน เจ้าหมอนก็มาเพื่อขอความช่วยเหลือจากเข็มอีกครั้ง
"เธอไปรอในห้องวัดตัวนั้นเลยนะเดี๋ยวฉันจะไปคุยอะไรกับเข็มปักนิดหน่อย" เจ้าหมอนเอย ให้ตุ๊กตาหมีไปรอยังห้องกว้างใหญ่ซึ่งภายในมีผ้ามากมายที่ไม่มีชีวิตเป็นของตนแขวนอยู่เต็มเพดาน และเป็นแทบทุกสิ่งภายในห้องนั้น ฉับพรันนางนึกได้ว่าความจริงแล้วนางมิได้ต่างจากผ้าเหล่านี้เลย นางเคยไร้ค่า ไร้ราคาในแบบที่ผ้าเหล่านี้เป็น เพียงแค่นางโชคร้ายที่ได้มีชีวิต แต่นั้นก็ทำให้นางได้พบกับ"เขา" เจ้าหมอนนุ่มผู้แสนอบอุ่น นั้นถือเป็นความโชคดีบนโชคร้ายเลยทีเดียว
"ท่านมาเพื่อวัดตัวสินะ" เสียงเล็กจากเข็มขนาดจิ๋ว เอ่ยเรียกความสนใจจากเจ้าตุ๊กตาหมี "มากันฉันทางนี้สิ"
<บทที่ 2 แปลงโฉมงาม (?) และความเป็นจริง>
"ทางเราไม่ได้มีนโยบายจะบริจาคผืนผ้าแก่ใครนะ"เข็มปักเอยกับหมอนนุ่น เมื่อตุ๊กตาหมีพ้นไปจากห้องรับแขก
"ฉันก็รู้ แต่ฉันไม่ได้ต้องการขอบริจาคพื้นผ้า เราแค่ต้องการงานฝีมือจากท่าน" เขาพูดแล้วจึงถอดปลอกหมอนสีฟ้าออก
"โอ้ ครั้งก่อนท่านให้เราซ่อมแซมมันเพราะท่านรักมันมาก"เจ้าเข็มปักพูด แล้วนิ่งไปพักหนึ่งที่จดจ้องสายตาของเจ้าหมอนนุ่นอย่างไม่เชื่อสายตา"แสดงว่า...ท่านพบสิ่งที่รักยิ่งกว่าแล้วหรือ"
"ฉันคิดว่าเช่นนั้น แต่ท่านห้ามบอกเรื่องนี้กับตุ๊กตาหมีนะ"
"อ่า..."เข็มปักสังเกตเห็นแววตาจริงจังคู่นั้น จึงกล่าวต่อไปว่า "ไม่มีปัญหา" ก่อนจะส่งเสียงเรียกเจ้าเข็มตัวน้อย ๆ ที่วิ่งกรูกันออกมาเบื้องหน้า
"ขอชุดที่สวยที่สุดสำหรับเจ้าหญิงของฉันนะ เออ...แล้วก็ให้มีขนาดใหญ่พอที่นางจะอ้วนกว่านี้ได้อีกสิบเท้าด้วย"
และแล้วชุดทรงเจ้าหญิงงามสง่าในสีฟ้าลายดอกหญ้าก็มาประดับประดาบนร่างเจ้าตุ๊กตาหมี พร้อมกับหมวกปีกกว้างของขวัญจากเข็มปัก
("อันที่จริงฉันทำไว้นานแล้วแต่ไม่รู้จะไปให้ใคร เผอิญเธอโชคดีนะที่ใส่ได้" เข็มปักพูด) แต่ที่เป็นความแปลกใจแก่ตู๊กตาสาวนักคือ ปลอกหมอนที่หายไป
"ปลอกของเธอละ"
"ฉันแค่คืนมันกับพวกเขาน่ะ" หมอนนุ่นพูดคำที่ซักซ้อมไม่ต่ำกว่า สิบเที่ยว
"คืน?" ตุ๊กตาหมีจับชายกระโปรงของตน "ถ้าเช่นนั้น ฉันก็ต้องคืนชุดนี้กับพวกเขาเช่นกันสิ"
"ไม่หรอก"
"ทำไม ปลอกนั้นไหนเธอบอกว่าเป็นของเธอ แค่เอามาให้เขาซ่อมอย่างไง"
"เออ"
"ทำไม บอกฉันสิ แค่ซ่อมก็ต้องคืนด้วยแล้วชุดนี้ละ"
"เออ คือ..."
"นั้นเป็นเพราะเราไม่คิดเล็กคิดน้อยกับสตรีผู้เรอโฉมน่ะสิ"เข็มปักเป็นฝ่ายแก่ต่างให้แก่ปลอกหมอน
"ถ้าเช่นนั้น ช่วยไม่นำปลอกของเขาไปได้ไหม" นางรู้สึกถึงข้อแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้นจากเข็มปัก
"เกรงว่าสิทธิของเขาจะไม่เพียงพอ" เข็มปักเอย อย่างเรียบเฉย
"ใช่ แค่ฉันได้รับการซ่อมนั้นก็เป็นสิ่งที่วิเศษแล้ว" เจ้าหมอนยัดนุ่นเอย "เรารีบไปก่อนที่เขาจะเปลี่ยนใจเถอะ"
"แต่ ... "
"ไหน ๆ เขาก็ให้ชุดสวยแก่เราแล้ว ไปกันเถอะ"
"ก็ได้" ตุ๊กตาหมีว่าตาม ขณะที่เดินออกจากบ้านของเข็มปัก เจ้าหมอนนุ่นหันมาขยิบตากับเข็มปักเป็นเชิงขอบคุณ
"โชคดีจงมีกับหมอนนุ่นผู้หลงในความรัก..."เข็มปักพูดลอย ๆ "เอ้าเด็ก ๆ มาดูอะไรกัน เราต้องเตรียมชุดสำหรับคุณหญิงอีกหลายชุดนะ"
ทั้งสองเดินทางกลับมายังทุ่งดอกกุหลาบหลากสีอันที่ ที่เคยให้คำสัญญากันไว้ว่าเมื่อวันใดที่ตุ๊กตาหมีดูสวยงามแล้วทั้งคู่จะกลับมา เหล่าผีเสือต่างบินมาต้อนรับตุ๊กตาหมีและหมอนนุ่นอย่างอบอุ่น แต่ละวันอันแสนสุขผ่านพ้นไปด้วยกิจวัตรเฉกวันวาน ทางตุ๊กตาหมีวิ่งเล่นกับหมู่ผีเสื้อ มีความสุขที่ได้รับฟังนิทานจากดอกกุหลาบสีต่าง ๆ รวมทั้งเฝ้ารอวันที่หมอนนุ่นจะบอกรักแก่นาง แต่นั้นเหมือนกันนางหลอกตัวเอง เพราะนับวันหมอนนุ่นดูนิ่งเฉยไม่มีชีวิตชีวา ทำให้นางรู้สึกเหินห่างไปทุกที
ทางหมอนนุ่นเฝ้ามองวันคืนพ้นผ่านความคิดที่อยากครอบครองนางมันเปลี่ยนเป็นอยากคุ้มครองนางตั้งแต่เมื่อไรเจ้าหมอนนุ่นไม่ทันสังเกต แต่ยิ่งนับวันหมอนนุ่นกลับเป็นฝ่ายมองเห็นว่าตนไม่มีค่าคู่ควรกับตุ๊กตาหมีแต่อย่างใด เขาหวังเพียงแต่จะได้เห็นนางมีความสุข จนจู่ ๆ คืนหนึ่งเจ้าหมอนนุ่นก็แอบเดินทาง พ้นจากชีวิตของตุ๊กตาหมี โดยไม่ทิ้งข้อความใด ๆ ไว้ให้นาง ช่วงเวลาที่ใช้ชิวิตร่วมกันในทุ่งแห่งกุหลาบเป็นเวลาหลายวันนั้นนางทำให้เขาเบื่อหน่ายหรือเปล่า ทำให้เขาเสียใจอะไรหรือเปล่า ทำไมเขาต้องจากนางไป? ตุ๊กตาหมีคิดไม่ตก ตุ๊กตาหมีเศร้าใจมาก เหล่าบรรดาผีเสื้อและดอกกุหลาบต่างพากันปลอบใจนางอยู่นานหลายวัน
...
สำหรับคู่รักแล้วเล่าใยเอาความคิดตนมาชักนำ ...หากเพียงแค่พูดกันให้มากขึ้น เข้าใจกันให้มากขึ้น ... ไม่ต้องรอช้าหรอก ความรักก็ย่อมมากขึ้นเช่นกัน นางใช้ชีวิตในทุ่งกุหลาบเพื่อรอคอย"เขา"คนนั้นกลับคืนมา ทุกเช้าเจ้าผีเสื้อที่เห็นใจนางจะนำปุยนุ่นจากต้นนุ่นอีกฝากของป่ามาให้นาง หวังว่ามันจะทำให้นางดูสดใสได้ซักวัน นางก็ได้แต่ยิ้มรับ รอยยิ้มที่ไม่ได้ไปถึงดวงตาคู่เศร้านั้น
วันแล้ววันเล่าจนล่วงเลยเข้าสู่ฤดูหนาว กุหลาบหลากสีต่างมุดลงกลับสู่ใต้ดิน เหล่าผีเสือโบยบินจากทุ่งร้างไป ในที่สุดตุ๊กตาหมีแสนงามก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังดินแดนแห่งตุ๊กตา เมื่อความเศร้าโศกกลายเป็นความเคยชินและนางจะไม่ทิ้งตัวเองอีกแล้ว นางจะรักตัวเองให้มากกว่านี้ ดั่งที่นางรู้สึกว่า "เขา" ต้องการให้นางรักตัวเองให้เป็น บัดนี้นางจะไม่มองตัวเองไร้ค่าแล้ว แม้ใครดูหมิ่นนางจะไม่คิดเก็บมาใส่ใจ คำหมิ่นเหล่านั้นก็จะไม่ติดค้างอยู่ที่ผู้เอยหรือผู้รับฟังอีกต่อไป ใยนางจะต้องปล่อยปะเวลาอันมีค่าและสิ่งมีค่าที่สุดคือความทรงจำที่นางเคยมี นั้นจะดำรงอยู่ในใจนางเป็นกำลังใจให้นางออกเดินทาง สุดท้ายนางตัดสินใจออกเดินทางอีกครั้งเพียงผู้เดียว เพื่อไปอวดโฉมกับตุ๊กตาที่เคยหมิ่นนางไว้แต่ครั้งก่อน และเผื่อว่านางจะได้พบกับหมอนใบขาวอีกครั้ง
น่าแปลกที่ชุดเจ้าหญิงของนางสามารถปรับขนาดเพียงแก้ปมด้ายส่วนต่าง ๆ แล้วผูกใหม่ รับกับรูปร่างอ้วนฟูน่ารักของนางซึ่งเต็มไปด้วยนุ่น ต่างจากตุ๊กตาหมีผอมโครกเช่นแต่ก่อน บัดนี้นางไม่ใช่ ตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลมอมแมม ตัวผอมโครก ผ้าสกปรกมอมแมม ไม่มีชุดสวยใส่ นางเป็น ตุ๊กตาหมีสีทอง ที่อ้วนฟูน่ารัก เนื้อผ้าสะอาดสะอ้าน สวมชุดเจ้าหญิง แถมยังมีหมวกปีกกว้างน่ารักอีกต่างหาก
นางไม่ได้รับการต้อนรับอย่างดูหมิ่นเช่นครั้งก่อน บัดนี้นางเป็นตุ๊กตาตัวหนึ่งที่ดูดีและทันสมัยในหมู่บรรดาตุ๊กตาทั้งหลาย ตุ๊กตาผู้ชายหลายตัวเข้ามาพูดคุยทำความรู้จักนาง บางตัวให้ดอกไม้ที่ทำจากผ้าแก่นางเป็นเครื่องประดับชิ้นใหม่ ชีวิตในเมือง สีสัน และความหรูหราเริ่มพัดผ่านมายังชีวิตแห่งตุ๊กตาหมี นางลืมไปสิ้นซึ่งเรื่องของหมอนนุ่นชายผู้ทำให้นางได้มีวันนี้ นางหลงไหลในความเป็นอยู่ปัจจุบัน
ตุ๊กตาสุนัขบลูด๊อกผู้ร่ำรวย ผู้ซึ่งหลงไหลในการพนัน พานางนั่งรถเที่ยวรอบเมืองในยามเย็นและพาไปสปาร์ตุ๊กตาทุกอาทิตย์ที่ซึ่งมีทั้ง นวดตัว ทั้งขัดฟอก และอบกลิ่นสมุนไพร
ชีวิตในเมืองหลายวันผ่านไปอย่างหรูหรา บ่ายวันหนึ่งตุ๊กตาบลูด๊อกพานางไปยังงานเปิดสถานประกอบการพนันแห่งใหม่ในตัวเมือง ครั้งนั้นก็มีบุคคลร่ำรวยมากรวมตัวกัน เข็มปักเขาก็มางานนี้ด้วย ตุ๊กตาหมีเห็นเข้าจึงรีบวิ่งไปหาเข็มปักในทันที
"คุณเข็มปัก"ตุ๊กตาหมีเอยเรียกความสนใจจากเข็มปัก "ใช่คุณหรือเปล่าที่ ตัดชุดนี้"
"อ้อ เออ ใช่สิ"เข็มปักตอบ"ไม่มีเข็มปัก เล่มไหน ตัวใหญ่และร่ำรวยไปกว่าผมอีกแล้ว"
"ดีใจจังที่ได้พบคุณ"
"เช่นกัน "
"หมอนนุ่น ได้ไปหาคุณบ้างหรือเปล่า"นางยิงคำถามแทบจะทันที
"อ่า เปล่านี่ครับ"เข็มปักออกจะ งง ๆ "เขาไม่มางานนี้หรือ"เข็มปักกวาดสายตามอง
"แล้วคุณได้ยินเรื่องของเขาบ้างหรือเปล่า"
"เปล่านี่"เข็มปักตอบ พลางจิบน้ำตำลึงสีเขียวอำพัน "อาา กลิ่นนี้มัน คุณไปได้นุ่นที่มีกลิ่นน้ำยาซักล้างของผมนี้ มาจากที่ไหนงั้นหรือ"
"นุ่น?"
"อ้าว สวัสดีคุณเข็มปัก ยอดนิยมของสาว ๆ เช่นเคย"ตุ๊กตาบลูด๊อกเอยอย่างนุ่นนวล ก่อนจะช้อนกอดเอวร่างตุ๊กตาหมี "ไม่นึกว่าพวกคุณจะรู้จักกันมาก่อนเลยนะเนี้ย"
"สวัสดีคุณบลู"เข็มปักเอย
"เราต้องขอตัวก่อน แล้วเจอกันครับ"บลูด๊อกเอยอย่างเนิบนาบ และไร้มารยาท"ผมมีคนอยากแนะนำให้คุณรู้จักจริง ๆ" เขาหันมาพูดกับตุ๊กตาหมี พลางดึงร่างนางตามติดไปด้วย
คืนนั้นเป็นงานราตรีที่หรูหรา เสี่ยหลายหน้าหลายตาที่ห้อมล้อมไปด้วยตุ๊กตาทันสมัย และ สวยงามกว่าตุ๊กตาหมี จนบลูด๊อกมองตาไม่กระพริบด้วยความกระหาย ราวกับว่าตุ๊กตาหมีที่ตนควงมาเป็นของเก่าไร้ค่าลงไปทันที ... ตุ๊กตาหมีน้อยๆ ผู้อ่อนต่อโลกไม่ได้เอะใจในความน่ารังเกียจของบลูด๊อกนี้เลยแม้แต่น้อย เธอได้แต่เพียงแค่ยิ้มรับกับการทักทายจากเหล่าตุ๊กตาทันสมัยที่พูดจาดูหมิ่นความเชยของนางตลอดเวลา ... สำหรับเรื่องนี้ตุ๊กตาหมีไม่รู้สึกอีกแล้วว่าตัวเองจะต้องเสียใจ นางคงเสียใจยิ่งกว่าถ้านางไม่นำอดีตที่ผ่านมา มาเป็นบทเรียนให้กับตัวนางเอง ..
หลังจากงานเปิดตัวนั้น บลูด๊อกก็เริ่มอารมณ์เสียใส่กับตุ๊กตาหมีบ่อยขึ้น ทุกวัน ทุกวัน ตุ๊กตาหมีได้แต่ปลอบใจในทุกเรื่องที่บลูด๊อกพาลมาลงกับนาง
"ฉันว่าบางทีคุณน่าจะเปลี่ยน เออ หมายถึงที่เล่นเสียใหม่"
"เปลี่ยนงั้นหรือ เขาไม่ได้โกงอะไรซักหน่อย"
"ถ้าเขาโกง คุณจะรู้หรือ"
"รู้ซี่ นี้คุณจะบอกว่าผมอ่อนต่อโลกอะไรอย่างนั้นใช่ไหม"
"เปล่า ไม่ใช่ ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น เพียงแต่ จะไม่ดีกว่านี้หรือหากคุณตั้งตัวหาเงินก่อนใหญ่ ๆ จากสถานพนันอื่นแล้ว..."
"ไม่มีคำว่า 'อื่น' " เจ้าบลูด๊อกตวาด "คนอย่างผมไม่มีทางแพ้ แล้วผมก็ไม่ต้องการได้ยินความคิดปัญญาอ่อนเหล่านั้นอีก"
"ฉันเสียใจที่แสดงความคิดปัญญาอ่อนออกไป" น้ำเสียงเธอเหลืออดเต็มที...
เจ้าบลูด๊อกไม่ตอบ เพียงแต่เดินตึง ๆ ออกจากห้องคอนโดที่เขาเช่าเป็นรายวันให้แก่ตุ๊กตาหมี
วันแล้ววันเล่า ฤดูหนาวผ่านพ้นไปอย่างทุกข์ทรมาน ตุ๊กตาต้องคอยเอาอกเอาใจบลูด๊อกเสียทุกเรื่อง ตั้งแต่ที่สถานประกอบการพนันแห่งใหม่เปิด
ตุ๊กตาหมีถูกตัดขาดจากโลกภายนอกคอยเฝ้าในคอนโด เป็นยังที่ระบายอารมณ์ให้บลูด๊อก จนวันหนึ่งที่ตุ๊กตาหมีได้ทราบความจริง จากการบังเอิญไปได้ยินวงซุบซิบของเหล่าตุ๊กบาบี้ไอโซกล่าวถึงว่าบลูด๊อกได้แอบไปพบรักใหม่กับลูกสาวเจ้าของกิจการการพนัน นั้นเป็นเหตุที่ทำให้เขาคิดเลิกกับตุ๊กตาหมี
ตุ๊กตาหมีได้ยินดังนั้นจึงหนีหน้าออกจากตัวเมือง ด้วยความที่เธอเป็นคนในสังคม นั้นกลับทำร้ายตัวเธอเอง ตุ๊กตาหมีคงปล่อยให้ตัวเองทำใจแล้วบอกกับตัวเองว่า 'ช่างมันไป' เฉกเช่นทุกครั้งไม่ได้เป็นแน่ ทางเดียวที่จะทำร้ายตัวเองน้อยที่สุด นางต้องการพักผ่อน ... และ ที่ๆ เงียบสงบ ตัดขาดจากโลกภายนอกให้หลุดพ้น เสียดายที่ในโลกนิทานนี้ศาสนาพุทธมิได้ลงไปทั่วถึง นางจึงได้แต่ออกเดินทางอีกครั้งพ้นจากแดนแห่งตุ๊กตาไป...
ในเส้นทางที่เท้าพาเดินไป ...ในเส้นทางสายเดิม ที่คุ้นเคย ...
<บทที่ 3 กลับมาอีกครั้ง กับความทรงจำที่จะคงอยู่นิรันดร>
ทุ่งหญ้าแห่งนั้นกว้างใหญ่ นางจำภาพนี้ได้ดี มันเปลี่ยนไปจากแต่ก่อนเล็กน้อย แต่ก็ร่มเย็น ... ชวนสบายใจ นางนั่งลง ให้สายลมอ่อนพัดผ่าน ฟังเสียงใบหญ้าหวีดหวิว ฟังเสียงลมหายใจจากขุนเขา ... ปล่อยใจให้สงบนิ่ง... ที่นั้นผีเสื้อตัวน้อยสีสวยต่างพากันเล่านิทานแก่กัน นางจำได้ว่านิทานที่ผีเสื้อหรือดอกกุหลาบเล่านั้นดีเพียงใด นางจึงหยุดฟังเรื่องราวที่ผีเสื้อกำลังเล่ากันอยู่ หวังเป็นกำลังใจให้นางได้ต่อสู้กับอุปสรรคนานา ๆ
"แล้วเขาก็พาเธอมาอีกหรือ" เจ้าผีเสื้อสีเขียวสะท้อนแสง กระพือปีกพรึบพรับพลางถาม เจ้าตัวสีทอง
"ใช้ ทั้งคู่กลับมายัง ทุ่งดอกกุหลาบอีกครั้ง หลังจากไปสู้กับมังกรร้ายเพื่อแย่งชุดเจ้าหญิงมา"
"โอ้โห ฉันนึกว่าเขาจะไม่รอดเสียอีก"ผีเสื้อตัวจ้อยกล่าว
"อันที่จริง ในเรื่องนี้ฉันก็ไม่แน่ใจนะ เพราะที่ฟังจากผีเสื้ออีกหมู่เขาเล่าว่าไปสู้กับมนุษย์โลกนับพันเชียวละ แต่ก็ยังดีที่เจ้าหญิงเคยช่วยชีวิตโทรลไว้ครั้งหนึ่ง โทรลจึงกลับมาแทนคุณ"
"โอ้โห"ผีเสื้อทั้งฝูงร้องเป็นเสียงเดียว ตุ๊กตาหมีรู้สึกคุ้นกับเรื่องที่ผีเสือเล่า อาจเป็นเพราะว่าส่วนใหญ่แล้วจะต้องมีมังกร และเจ้าหญิงมาวุ่นวายกันเสมอ
"แล้วเขาก็กลับมา "เจ้าตัวสีทองตัดบท "ทั้งสองกลับมาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในทุ่งกุหลาบทางเหนือนู้น"
"อย่างนี้ก็จบแล้วซิ"เจ้าตัวจ้อยสีเงินกล่าว
"ไม่หรอก เรื่องทั้งหมดยังไม่มีใครรู้ตอนจบ"เจ้าสีทองพูดอย่างมาดมั่น ก่อนจะเปลี่ยนท่าทีเป็นเหมือนเดิม"เออ ยกเว้นแม่มด..."
"แล้วหลังจากนั้นละ"
"ก็เจ้าหญิงใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเรื่อยมา ๆ จนลืมสังเกตว่าองครักษ์ของนางเป็นอย่างไง"เจ้าผีเสื้อสีทองพูด "ลืมสังเกตไปด้วยซ้ำถึงความรักที่องครักษ์มีแก่เจ้าหญิง"
"แล้วทำไมองครักษ์ไม่บอกไปเลยเล่า"ตัวจ้อยสีเงินถามขึ้น
"มันไม่เหมาะสมนะซี่"เจ้าสีเขียวเอ็ด "เล่าต่อสิ"
"เจ้าหญิงนั้นดูมีความสุขมากมายแต่ยังขาดคุณสมบัติบางอย่างอยู่ ตัวนางกลับผอมพลี...เอ๊ะ เขาเรียกว่าอย่างไงนะ เอาถือคือแบบว่านางไม่มีปุยนุ่นเลยแม้แต่น้อย ข้าคิดว่าตอนมนุษย์สร้างนางคงลืมใส่มาด้วย"
เจ้าตุ๊กตาเบิกตาโผล่งกว้าง ความรู้สึกบางอย่างบอกว่าเรื่องนี้ช่างคุ้นเคย "องครักษ์ รักนางงั้นหรือ... เจ้าแน่ใจหรือ"
"อย่างขัดซี่"ตัวจ้อยเอ็ดตอบ
"รักสิ ก็อย่างที่บอกรักมากด้วย เพราะจู่ ๆ ต่อมาองครักษ์ก็แอบหนีหน้าไปจากองหญิงไปอยู่ในป่าไม่ไกล เพื่ออะไรหนะหรือ ก็เพื่อให้พวกเรา เหล่าผีเสื้อนำปุยนุ่นในตัวเขามาให้กับเจ้าหญิงนะสิ"
"แล้วทำไมเขาไม่ให้เองเสียละ"เจ้าตัวสีเขียวถาม
"ก็เขารู้ว่าองหญิงต้องไม่รับเอาไว้นะซิ" ตัวสีทองกล่าว"เจ้าหญิงนั้นโง่มากเลยไม่รู้ระแคะระคายซักนิดว่าแถบนั้นไม่มีต้นฝ้าย หรือ นุ่น"
"ช่าย"ผีเสื้อทั้งฝูงกล่าวเป็นเสียงเดียว
"ก็ว่านะ หล่อนไม่เคยออกสู่โลกภายนอกนี้นะ แต่ก็อีกนั้นแหละ ไม่คิดจะออกเดินทางตามหาองครักษ์เลยด้วย จนกระทั้งนุ่นเต็มตัว จนฤดูหนาวพัดผ่าน"
"โอ้ย ฉันสงสารองครักษ์หมอนไร้นุ่นนั้นจัง ป่านนี้คงนอนหนาวอยู่ไหนซักแห่ง"
ตุ๊กตาหมีไม่ทันได้ฟังคำวิจารณ์นั้นจนจบนางรีบออกเดินทางต่อทันทีหยาดน้ำตาแห่งความโศกเศร้าอาบทั่วใบหน้า เป้าหมายคือบ้านต้นไม้ของแม่มดแห่งแดนผ้า นางคิดถึงหมอนนุ่นขึ้นมาจับใจ เขาอยู่ที่ไหน เขายังสบายดีอยู่หรือเปล่า ตลอดเวลาที่นางเดินทางนางคิดถึงแต่ช่วงเวลาที่ได้อยู่กับหมอนนุ่น รวมถึงเรื่ององครักษ์และเจ้าหญิงอีกด้วย นางหวังว่าอยากให้เจ้าผีเสื้อด่าทอนางให้รุนแรงกว่านี้ ให้สาสมกับที่นางทำไว้กับหมอนนุ่นผู้จงรักต่อนาง แต่นั้นก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้น ความช่วยเหลือจากแม่มดชราเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด การเป็นเศษผ้าสีสกปรกหรือจะเป็นอะไรที่ไร้ค่าก็ไม่ได้เลวร้ายไปกว่าความจริงที่นางกำลังเผชิญอยู่
การที่นางจะเป็นเศษผ้า หรือ ตุ๊กตา ปัญหาไม่ได้ลดน้อยลง เพียงแต่มันเปลี่ยนรูปแบบการปะทะเสียมากกว่า ขึ้นอยู่กับเรายอมไหวผ่านมันลดพื้นที่ปะทะให้น้อยที่สุด หรือจะรับแรงปะทะมันเสียทุกอัน ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลย
กว่าจะเดินทางไปถึงก็ล่วงไปเป็นเวลาเย็น แม่มดชรานั่งยิ้มกริ่มรับท่าทางอิดโรยของตุ๊กตาหมีซึ่งเดินทางมาจากแดนไกล
"ข้าตั้งใจหยุดงานเพื่อรอฟัง บทสรุปจากเจ้าอยู่นะ "แม่มดชราเอยเป็นประโยคแรก ขณะที่ประตูบานแฝดเปิดด้วยตัวมันเองเมื่อตุ๊กตาหมีเดินผ่านเข้ามา
"ใช่ ...ฉัน...มาเพื่อ...ขอความช่วย...เหลือ"นางพูดไปหอบไป
"อะไรทำให้เจ้า คิดว่าข้าจะช่วยเหลือเจ้าอย่างงั้นหรือ" แม่มดชราพูดก่นอจะดีดนิ้วดังเปาะ ประกายระยับสีเขียวพุ่งจากปลายนิ้วห่อหุ้มร่างเจ้าตุ๊กตา แล้วพรันสลายไปพร้อมความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง
"ฉัน...ฉันจะยอมคืนร่างเป็นเศษผ้า หรืออะไรมากกว่านั้นก็ได้ตามที่ท่านต้องการ จะอยู่รับใช้ท่านตลอดกาล" ตุ๊กตาหมีพูด หยาดน้ำตาเริ่มเอ่อล้นขอบดวงตา
"โอ้ แสดงว่านี้เป็นเรื่องใหญ่จริง ๆ"แม่มดชราพูดไปอย่างนั้นแหละ อันที่จริงแม่มดรู้ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นกับตุ๊กตาหมี นับว่านั้นเป็นงานวิจัยชิ้นเล็ก ๆ ของหล่อนเลยก็ว่าได้
"ใหญ่มาก ฉันต้องการให้ท่านช่วยคน ๆ หนึ่ง ท่านต้องช่วยคนๆหนึ่ง คำสำคัญ...ค" น้ำตาไม่รู้ว่ามันมาจากไหนทั้งๆที่คิดว่าคงไม่มีอีกแต่มันก็ไหลเออ ออกมาโดยไม่ตั้งใจ
"เอาล่ะ เธอเรียนรู้อะไรมามาก และมันก็เป็นความยิ่งใหญ่ ... รู้มั้ยว่าความรักทำให้ดาวเล็ก ๆ ใบหนึ่งยังคงหมุนต่อไป" แม่มดชราใช้น้ำเสียงปลอบปะโลม
"ฉันเสีย--เสียใจ ช้าเกินไปสำหรับทุกสิ่ง--ฉันผิดพลาดเอง ถ้าเป็นไปได้ช่วยเปลี่ยนฉันกับเขาได้ไหม ท่านแม่มด ฉัน-- ฉันต้องบอกให้เขารับรู้อีก-- อีกว่า--ว่าเขาไม่ได้ เขาไม่ได้..."ตุ๊กตาหมีน้ำตาอาบแก้มอีกครั้ง
"เขาไม่ได้ทำถูกเลยที่จากฉันไป เขามีค่าที่สุดสำหรับฉัน" นางปล่อยโฮในที่สุด
"ฉันเข้าใจเธอ ... พรบทใดที่เธอต้องการจะขอกันเล่า ลองบอกฉันหน่อยได้ไหม"
"ฉันต้องการให้เขาปลอดภัย" ตุ๊กตาหมีพูดขึ้นเมื่อตั้งสติได้ และเสริมอีกว่า
" ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยสิ่งใด ฉันก็จะยอม"
"เธอแน่ใจอย่างนั้นหรือ? ฉันว่าเธออาจจะยังไม่เคยได้ยินกฏของเวทมนต์เสียแล้ว...เวทมนต์รักษาอาการต่าง ๆ นั้นไม่มีหรอก มีแต่เคลื่อนย้ายจากใครไปยังใคร" แม่มดชราค่อนเสียงลง "แล้วในกรณีของคนที่เข้าใกล้ความตายเต็มทีแล้ว... คงต้องหาใครมาแลกชีวิตกับเขาเท่านั้น ..."
ดวงตาเจ้าตุ๊กตาหมีเบิกโพลง นี้เป็นข่าวร้ายกาจที่ถาถมเข้าซัดนาง และหวังว่าจะเป็นข่าวสุดท้ายที่จะทำให้นางเจ็บปวดได้เพียงนี้
"ช่วย ... "ตุ๊กตาหมีสะอื้นไห้ ก่อนจะพูดถ่อยคำที่แสนหนักอึ้งออกจากริมฝีปาก"แลกชีวิต...เขา...กับฉันด้วยเถอะ"
"แน่ใจแล้วหรือ?..."เกิดความเงียบขึ้นภายในห้องของแม่มด ....
"ฉันคงเสียดายแย่เลยนะที่ไม่ได้เจ้ามาเป็นคนรับใช้" แม่มดชราทำลายความเงียบที่น่าอึดอัดนั้นในที่สุด "เอาเถอะ ถ้ามันเป็นคามต้องการของเธอ"
แสงสีขาววาบขึ้นภายในห้อง
ความรู้สึกอบอุ่น
ความรู้สึกคุ้นเคยเก่า ๆ
ภายทุกอย่างราวจะย้อนหลังเหมือนวีดีโอที่เล่นย้อนกลับ
จนไปยังจุดเริ่มต้น
ทุกอย่างกลายเป็นสีขาวหมดจด
ร่างบาง ๆ ของหมอนนุ่นที่แสนคุ้นเคยนั้นอยู่บนนั้น
กลางอากาศเหนือหัวของตุ๊กตาหมี ... ไม่สิ ในตอนนี้เธอเป็นเพียงเศษผ้า
เศษผ้าน้อยเคลื่อนตัวสูงขึ้น
ใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ
ใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ
สัมผัสเบา ๆ ของเศษผ้าลูบที่หมอนนุ่นอย่างถนุถนอน จู่ๆ ความขาวโพลนก็คลีตัวออกอย่างรวดเร็ว ประกายแสงสีขาวลอยฟุ้ง และกลายเป็นผีเสื้อหลากสีสัน กลิ่นดอกไม้หอมส่งกลิ่นโชย ปรากฏทิวทัศน์อันแสนคุ้นเคย ทั้งคู่อยู่กลางทุ่งดอกไม้ ที่ครั้งหนึ่งเคยสัญญากันไว้ว่าจะมาอีกครั้ง แม้ว่าทิวทิศน์จะสวยงามเพียงใด แต่เศษผ้าก็ไม่สนใจ เธอจ้องมองหมอนนุ่นราวกับจะได้เห็นเขาเป็นครั้งสุดท้าย ... ใช่ มันเป็นครั้งสุดท้ายจริง ๆ น้ำตาหยาดใส หยดลงบนหมอนนุ่น ... ดวงตาของเขาค่อย ๆ ลืมขึ้นมาอย่างช้า ๆ พร้อมกับที่แสงสว่างจุดเดียวนั้นส่องผ่านหมู่เมฆได้ลงมายังทั้งคู่
"กลิ่นนี้ ... ที่นี้มัน" หมอนนุ่นค่อยๆพูดอย่างช้า ๆ พร้อมกับการกลับมาของสติและความรู้สึกมีชีวิตชีวาอีกครั้ง แล้วเขาก็มองไปที่ใบหน้าเศร้าของผ้าสีน้ำตาลผืนน้อยที่โอบกอดเขาไว้
"ทำไมเธอถึงเศร้านักเล่า ผ้าผืนน้อย ... "
"ฉัน ... ดีใจ -- กำลังดีใจอยู่ตะหาก" เธอไม่ได้พูดปด เพียงแต่ความรู้สึกเศร้าก็เจือปนอยู่เช่นเดียวกับความดีใจที่ได้เจอเขาอีก
"เธอเป็นผ้าที่แปลกนะ ดีใจก็ร้องไห้ ฉันรู้สึกเหมือนเคยเห็นเธอมาก่อนนะ" หมอนนุ่นพยายามคิด ... ความทรงจำต่างๆ ค่อย ๆ ปะติดปะต่อกันอีกครั้ง หมอนนุ่นเดินวนอยู่ในความทรงจำ จนกระทั่งมาสะดุดที่ครั้งเคยเห็นภายในฝันของตุ๊กตาหมี
"เธอ ...เธ " หมอนนุ่นพูดด้วยน้ำเสียงตกใจปนแปลกใจ พร้อมกันกับที่ เศษผ้าพูดขึ้นว่า "ฉัน ... รัก-- "
วูบ
"ธ... เธอ"
ความมืดสนิทเข้ามาปกคลุม เฉกเช่นที่เคยมีสีขาวปกคลุมมาก่อน มีเพียงเศษผ้าที่อยู่ภายในนั้น... ร่างน้อย ๆ สีน้ำตาลผู้แลกชีวิตกับ"คนที่ตนเองทิ้งไว้ในอดีตอย่างง่ายดาย" นางได้รับบทเรียนที่ยิ่งใหญ่เสียจริง นางควรจะเห็นความสำคัญของการพูดคุยกันให้เข้าใจ ใส่ใจความรู้สึกของอีกฝ่าย และ ไม่ปล่อยปะละเลยให้ความเงียบกลายเป็นความห่างเหิน.. บทเรียนง่าย ๆ ที่นางละเลย
ถ้อยคำสุดท้ายของนางที่หมอนนุ่นไม่ได้ฟัง ก้องกังวาลในความมืดนั้น ค่อย ๆ เงียบลง ราวกับความมืดนี้ยังมืดลงได้อีก มันมืดลงเรื่อย ๆ หอบหุ้มเศษผ้าไว้ในนั้น เดียวดาย เพียงผู้เดียว....
ในเวลาเดียวกับร่างบอบบางของหมอนใบขาวไร้ปลอกกลับค่อย ๆ มีสัญญาณแห่งชีวิตปรากฏขึ้น ปรากฏปลอกหมอนสีน้ำตาลมอมแมมสวมตัวเจ้าหมอนทำให้มันอบอุ่น ความอบอุ่นที่แสนคุ้นเคย...สมองเขาไม่สั่งการใด ๆ ราวกับคนเสียสติ เวลานี้เขาคงทำอะไรไม่ได้อีกแล้วนอกเสียจาก ปล่อยเสียงร้องไห้ให้ดังโดยไม่ใส่ใจว่าใครจะมาได้ยิน ... ในทุ่งดอกไม้แห่งสัญญา ...
ณ พื้นโลกมนุษย์ แม่มดอยากจะให้บทเรียนของเศษผ้าน้อยยังคงกล่าวขานถึงต่อไป แม่มดจึงสร้างต้นไม้ที่คง'ความเป็นตัวตนของเศษผ้ามอมแมมไว้ทุกอย่าง ...
ต้นไม้นั้นมี ยังคงอยู่ในปัจจุบัน
ฉันไม่ได้มีกิ่งที่เหมาะแก่การห้อยโหนหรอก
ฉันไม่ได้มีสีสันมากมาย ฉันมีสีเขียวตลอดปี
ฉันมีดอกที่แซมระหว่างใบแต่มันไม่ได้มีกลิ่นหอมเลยล่ะ...
ฉันมีผลที่รูปร่างไม่ใคร่สวยงาม แถมภายในยังมีเมล็ดขม ๆ มาก อยู่เต็มไปหมดอีกด้วย
คิดว่าฉันดูแย่มากใช่ไหม?...
แต่นั้นไม่ได้ทำให้ฉันดูด้อยค่าลงเลย ฉันรู้แล้วว่าอะไรที่สำคัญ และอะไรที่ควรละทิ้ง ฉันรู้แล้วว่าความมีมาก ให้มีเท่าไรก็ยิ่งต้องการมากเท่านั้น ต่างกับความมากพอ นั้นคือความมั่งมีที่แท้จริง อย่ามองว่าฉันเป็นอะไร มาดูว่าฉันทำอะไรเสียดีกว่า
ต้นไม้ที่มีผลไม้สีสกปรกภายในบรรจุเมล็ดสีน้ำตาลเข้มนี้ถูกส่งมายังพื้นโลกเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก ใคร ๆ ก็รู้ว่าหากปราศจากการปรับและปรุงแต่งให้ดีแล้ว ผลไม้ชนิดนี้จะมีรสชาติไม่เอาไหนจนทานไม่ลงทีเดียว
เชื่อไหมว่าคุณก็รู้จักเธอดี...
'ช็อกโกเลต' ขนมที่ใคร ๆ ก็รู้จักเป็นอย่างดี มันเป็นตัวแทนบอกความรักจากผู้มอบถึงผู้ได้รับ แต่ตัวมันเล่ายังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าผู้รับความรักจากมันจะรู้ตัวแล้วหรือยัง
แล้วยังรออะไรอยู่ คำว่า"รัก" ไม่มีความผิดหรอก หากมั่นใจว่าพูดไปอย่างบริสุทธ์ใจ อย่าบอกเลยว่าไม่มีคนให้บอก "รัก" ลองเช็คดูดี ๆ ว่าช่วงเวลาที่คุณเอาแต่มองหาความรัก นั้นคุณได้ทำใครตกหล่นไปจากชีวิตหรือเปล่า มีคนที่พร้อมดีใจกับคุณเสมอยามมีความสุข และพร้อมเศร้าไปกับคุณหากคุณเสียใจ กลับไปหาเขาบ้าง ให้เขาได้ชื่นใจบ้างว่าคุณยังไม่ลืมเขาเช่นกัน...
อย่าปล่อยให้ความรู้สึกเป็นเรื่องที่ต้องเก็บเอาไว้ฝ่ายเดียว แล้วเมื่อไหร่จะเข้าใจกันเล่า พูดกันมากขึ้น -- ฟังกันมากขึ้น -- เข้าใจกันมากขึ้น และ...รักกันมากขึ้น
หวังว่าเธอคงโชคดีนะหมอนนุ่น
จาก เศษผ้าน้อย
...............................................
ผลงานอื่นๆ ของ uchiwa_girl ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ uchiwa_girl
ความคิดเห็น