ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Indigo Shooting : ที่ยืนข้างๆนี้ยังไงก็ให้นาย! [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #1 : (1) ผมเป็นเด็กสถาปัตย์

    • อัปเดตล่าสุด 31 ส.ค. 55



    (1) ผมเป็นเด็กสถาปัตย์




    Ryuya & Koya

    พวกเราเป็นฝาแฝดที่แม้แต่แม่ก็ยังแยกไม่ออก...


     

    RyuYa Part :


    “พี่ริว!! นี่มันสายแล้วนะ! อยากโดนเจ้เกียวสวดกัณเทศน์รึไงห๊ะ!!” เสียงน้องชายผู้สุดแสนจะเพอร์เฟคตะโกนเรียกมาจากหน้าบ้าน ผมรีบยัดขนมปังคำสุดท้ายเข้าปากแล้วบอกลาแม่ง่ายๆ

    “ริวไปแล้วนะฮะ!

    “วันนี้แม่กลับบ้านดึกนะลูก หาอะไรให้น้องทานด้วยล่ะ”

    “ครับ! ไปแล้วนะฮะ!

    “พี่ริว!! จะแปดโมงแล้วโว้ย!!” เสียงเร่งของพ่อน้องชายทำให้ผมต้องก้าวขาให้ยาวกว่าเดิมจนแทบจะกลายเป็นวิ่ง เพราะถ้าท่านเจ้าประคุณแกวีนเมื่อไหร่ผมได้นั่งรถเมล์ไปมหาลัยเองแน่ๆ

    “มาแล้วๆ” ผมชื่อริวยะ หรือริวที่น้องกับแม่เรียก เป็นเพศชายที่โดนเพศชายด้วยกันมองด้วยสายตาแปลกๆเสมอ อาจจะด้วยความสูงที่ต่ำกว่ามาตรฐานชายไทยของผม (168ซม.) ที่มันเตี้ยเหลือหลาย รวมไปถึงหน้าขาวๆที่เหมือนจะไม่ใช่คนไทยนี่ แต่ผมก็เป็นคนไทยนะครับ! ถึงจะครึ่งเดียวก็เถอะ พ่อของผมกับโคยะเป็นคนญี่ปุ่น และอาจจะเป็นเพราะเหตุนี้เองก็ได้ ที่ทำให้พวกผมเกิดมาตัวเล็กแถมยังขาวกันเช่นนี้


     

    “ช้าเป็นบ้า! ถ้าไปเช็คชื่อไม่ทันจะทำยังไงห๊ะ? วันนี้คาบแรกของยัยเจ้เกียวด้วย=A=

    “อาจารย์สมฤดี แกชื่อนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะโค?” โคหรือโคยะ น้องชายฝาแฝดแท้ๆที่หน้าเหมือนกับผมอย่างกับแกะ แน่นอน ก็เกิดคลานตามกันมานี่นา

    “โหย! พี่ไปอยู่ไหนมาเนี่ย=..= เพื่อนเค้าเรียกงี้กันทั้งเซคแล้ว เพราะจารย์แกหน้าเหมือนเจ้เกียวเจ้าของรถทัวร์ 55” ไม่เคารพครูบาอาจารย์มันบาปนะโคเอ๋ย =[]=!! แล้วนี่อย่าบอกนะว่าพวกแกรวมหัวกันตั้งฉายาให้อาจารย์กันทั้งเซคน่ะ!

    “พวกแกเนี่ยน้า ระวังเหอะถ้าอาจารย์แกรู้จะโดนเอฟยกเซค!

    “เหอะ! พี่ก็เด็กดีไปได้ ถ้าเอฟยกเซคพี่ก็เอฟด้วยแหละ!” เออจริง! ผมลืมไปเลยว่าผมกับเจ้าน้องบ้านี่อยู่คณะเดียวกัน ถึงจะคนละสาขาก็เถอะ ผมอยู่สถาปัตย์สาขาออกแบบภายใน อินทีเรียดีไซน์ส่วนโคยะอยู่สาขาการออกแบบและตกแต่งภายนอก แต่โดยรวมแล้วเราก็ยังเรียนรวมกันจนถึงปีสามอยู่ดี

    โปรดอย่าเพิ่งถามว่าพวกผมอยู่ปีอะไรกัน? เพราะผมกำลังจะตอบครับ^^ ทั้งผมทั้งโคเพิ่งเข้าปีหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้เองครับ พร้อมๆกับเพื่อนสมัยเด็กข้างๆบ้านอีกคนหนึ่ง แต่พอดีหมอนั่นดันระเห็จตัวเองไปเข้าคณะวิศวะ

    แต่ก็อย่างว่านะ...เด็กวิศวะกับเด็กสถาปัตย์มันตีกันเกือบทุกปี ผมโดนพวกรุ่นพี่เป่าหูมางี้ทุกคนล่ะครับ

    ถึงแม้ว่าจะรับน้องร่วมกันก็ตาม แต่อันเนื่องมาจากความแค้นแต่ชาติปางไหนก็ไม่ทราบได้ การรับน้องนั่นมันจะกลายเป็นงานแข่งกีฬาสีระหว่างวิศวะกับสถาปัตย์ทุกทีเลย ผมว่าผมคงต้องเตรียมใจไว้บ้างแล้วล่ะ

    เพราะไอ้การรับน้องที่ว่าน่ะมันวันนี้น่ะสิครับ!! TOT!!!

     

     

     

    ผมกับโคผ่านการโดนสวดเทศนาจากท่านอาจารย์สมฤดีในตอนเช้ามาได้ เพราะเจ้าน้องชายตัวดีเล่นบิดมอเตอร์ไซค์ซะเกินร้อย ยอดเยี่ยมมาก! นี่แกไม่นึกถึงพี่ชายสุดที่รักที่นั่งอยู่ข้างหลังเลยนะ!!

    “โธ่พี่! รอดมาได้ก็ดีแล้วน่า อย่ามาบ่นผมอีกต่อเลย” เจ้าตัวแสบข้างๆยกมือขึ้นปิดหู ทำท่าเหมือนไม่อยากจะฟังลูกเดียว พวกผมกำลังจะเดินลงไปที่โรงยิมอันเป็นสถานที่ที่พวกพี่ๆนัดเราไว้เมื่อวานนี้ (เมื่อวานนี้มีสานสัมพันธ์ครับ)

    “ไอ้การรับน้องเนี่ย มันคงจะไม่รุนแรงนะ?” ผมอดถามขึ้นไม่ได้ด้วยความกังวล เพราะกลัวจะเจ็บตัวกับเรื่องไม่เป็นเรื่องแล้วได้แผลกลับบ้านไป ถ้าแม่เห็นมีหวังร้องไห้แน่ๆ อีกอย่างผมเป็นคนที่ยอมชาวบ้านเค้าสุดๆเลยด้วย เวลาใครให้ทำอะไรเลยไม่ค่อยจะขัดเขาซักเท่าไหร่

    “ไม่มั้ง? แต่ที่มันจะรุนแรงก็คงเพราะเราต้องรับรวมกับวิศวะเนี่ยแหละ ได้ข่าวว่าพวกนั้นบ้าเลือดกันน่าดู หึๆ” นั่นไง! เจ้าโคทำหน้าแบบนี้แสดงว่าในหัวนั่นคิดอะไรแผลงๆอีกแล้วล่ะสิ ผมรู้ได้ทันทีแบบไม่ต้องคิดมากเลย อาจจะเพราะว่าเราเป็นฝาแฝดกันด้วย แค่มองหน้าก็รู้แล้วว่ามัน...

    หาเรื่องใส่ตัวอีกแน่ๆ=[]=!!!

    “ว่าแต่พี่เหอะ! ระวังๆตัวไว้หน่อยล่ะ ยิ่งมีคนเล็งเยอะอยู่ด้วย” เล็ง? เล็งอะไร?

    “ฉันพยายามทำตัวเป็นจุดเด่นให้น้อยที่สุดอยู่แล้วล่ะ ถ้าใครบางคนที่หน้าเหมือนกันกับฉันเป๊ะๆมันไม่หาเรื่องเป็นจุดเด่นน่ะ” แอบแขวะมันเล็กน้อย คุณน้องชายเลยทำหน้ายู่ใส่ซะงั้น =  =

    “ปีหนึ่งสถาปัตย์ฟัง! มาตั้งแถวรวมกันตรงนี้ เร็วๆเข้า! อีกห้านาทีพวกวิศวะจะมาแล้ว!!” โห! สั่งกันหยั่งกับค่ายทหาร คนตั้งร้อยกว่าคนนะครับพี่!! จะให้จัดแถวยังไงมิทราบให้เสร็จได้ภายในห้านาทีน่ะ!

    “พี่ริว!” ด้วยความที่ไม่ทันระวังตัวทำให้ผมโดนคนข้างหลังชนเข้าให้อย่างจัง! พวกแกจะดันกันมาทำไมว๊า!!

    “อ๊ะ! ไม่เป็นไรนะ?” เด็กหนุ่มคนหนึ่งดึงผมไว้จากด้านหน้า เขามีรูปร่างผอมและเหมือนจะสูงกว่าผมอยู่ราวๆห้าหกเซนต์ (ผมสูงแค่168ครับTOT ขอโทษครับ! ผมมันเตี้ย!!) หน้าตาเรียกได้ว่าสวยมากกว่าจะหล่อ ที่สำคัญดูเหมือนว่าเขาจะรู้จักกับโคยะน้องชายของผม

    “อ่าวโค! นายไปย้อมผมมาตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ?”

    “โทษทีว่ะโปสการ์ด! นั่นมันพี่ชายฉัน พี่ริวยะต่างหาก!” โคยืนกอดอกแยกเขี้ยวใส่เพื่อนร่วมสาขาของตัวเองอย่างไม่พอใจ จริงๆแล้วไม่มีใครแยกพวกผมออกจากกันได้หรอก ขนาดแม่แท้ๆที่เลี้ยงมาตั้งสิบกว่าปียังแยกไม่ออกเลย สุดท้ายผมเลยต้องไปย้อมผมให้เป็นสีน้ำตาลอ่อนๆเพื่อให้แม่ทักเราได้ถูกคน

    “อ่อ! งั้นก็ขอโทษด้วย หือ? พี่ชาย? ทำไมหน้าเหมือนแกเลยวะโคยะ?”

    “ก็พี่ชายฝาแฝดนี่นา ไม่เหมือนก็แปลกล่ะ55+” น้องชายของผมนิสัยเหมือนเด็กชะมัด แต่เวลาหมอนี่ยิ้มแล้วมันน่ารักมากๆเลยล่ะ ผมยังจำได้ดี ตอนสมัยอยู่มัธยมปลายโคโดนทาบทามเข้าวงการบันเทิงตั้งหลายครั้ง

    “ริวยะครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

    “เอ่อ...โปสการ์ดฮะ ถ้าเป็นฝาแฝดก็แสดงว่ารุ่นเดียวกันใช่มั้ย? อยู่สาขาไหนหรอ?”

    “ฉันอยู่ตกแต่งภายในน่ะ โปสการ์ดอยู่ตกแต่งภายนอกเหมือนโคสินะ?”

    “อื้อ! ไม่ต้องเรียกว่าโปสการ์ดเต็มยศก็ได้ มันลำบากเรียกแค่การ์ดก็พอ แล้วฉันก็จะขอเรียกนายว่าริวเฉยๆด้วยนะ”

    “ได้สิ!” ผมยิ้มน้อยๆให้ตามมารยาท โดยที่ไม่รู้เลยว่าการกระทำนั้นได้เรียกความสนใจอย่างมหาศาลจากพวกรุ่นพี่!

    “เฮ้ย! พวกวิศวะมาแล้ว!!” รุ่นพี่คนหนึ่งตะโกนมาจากหน้าโรงยิม พวกที่เหลือเลยทำหน้าโหดใส่รุ่นน้องกันใหญ่

    “นั่งลง! เฮ้ย! บอกให้นั่งไงวะ! เร็วๆเลย!” วางอำนาจกันขึ้นมาทันทีเชียว ทีตะกี้ยังมากะลิ้มกะเหลี่ยกับกลุ่มผู้หญิงอยู่เลย เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังตีนเชียวนะ

    ไม่นานนักคนกลุ่มใหญ่ราวๆสองร้อยคนก็เดินเข้ามา คณะวิศวะเป็นคณะใหญ่ สมาชิกในภาคจึงมากกว่าคณะผมเป็นเท่าตัว แล้วดูแต่ละคนสิ... ตัวใหญ่ๆควายๆกันทั้งนั้น เอ่อ...ผมไม่ได้ว่านะ แต่พวกเขาตัวใหญ่จริงอ่ะTOT

    “สวัสดีน้องๆปีหนึ่งอีกครั้งนะครับ พี่ชื่อไทไท ไม่ต้องขำครับ! พี่ชื่อไทไทจริงๆ เอ้า! ใครใช้ให้พวกมึงขำกูห๊ะ!” พูดดีๆได้ไม่เกินประโยคเลยนะครับพี่ พี่ไทไท หรือพี่ไท รุ่นพี่ว๊ากเกอร์ประจำคณะสถาปัตย์ แต่จริงๆแล้วพี่เค้าใจดีนะ เว้นแต่จะมีใครไปล้อชื่อพี่แกนั่นแหละ = =

    “ก็เป็นอีกปีนะครับที่คณะเราต้องมาร่วมรับน้องกับคณะที่คน(โคตร)เยอะอย่างวิศวะ เอ้าขอเชิญ(ไอ้)คุณประธานของวิศวะออกมากล่าวอะไรซักเล็กน้อยครับ!

    “สวัสดีครับ พี่ชื่อระฆัง! ไม่ต้องล้อชื่อกูไอ้สัส! เดี๋ยวปัดตบคว่ำเรียงตัว!” เรียกเสียงฮาครืนได้มากโขอยู่สำหรับคุณพี่ชื่อแปลกประธานของฝั่งวิศวะในปีนี้ พี่ระฆัง

    “ก่อนอื่นเลยเรามีกิจกรรมที่จะทำให้พวกน้องๆได้รู้จักกันมากขึ้น พวกพี่จะเปิดเพลงนะครับ ให้เราวิ่งไปรอบๆเรื่อยๆ ห้ามยืนอยู่กับที่ ใครยืนอยู่กับที่แล้วพวกกูจับได้มึงจะโดนลงโทษ! เข้าใจ๋?”

    “เข้าใจครับ/ค่ะ”

    “ดี! จากนั้นพอเพลงหยุดให้จับมือคนที่ยืนอยู่หน้าเราเพียงคนเดียวเท่านั้นแล้วพวกคุณมึงก็จะกลายเป็นคู่บัดดี้กัน อ้อ! มีข้อแม้อีกอย่างหนึ่ง ผู้ชายคู่กับผู้ชายได้ แต่ห้ามผู้หญิงคู่กับผู้หญิงนะครับ เพราะทรัพยากรผู้หญิงเราน้อย^^” พี่ระฆังพูดทีเล่นทีจริง ผมเห็นอยู่แล้วว่าถึงหน้าพี่แกจะยิ้มแต่ถ้ามีคนทำผิดกฎจริงๆพี่แกคงกลายร่างได้เลยทีเดียว

    “เดี๋ยวๆ ไอ้ระฆัง มึงลืมบอกกฎบัดดี้ว่ะ! บัดดี้นี้จับคู่แล้วห้ามเปลี่ยนคู่นะครับ พวกคุณต้องอยู่กันไปจนกว่าจะจบสี่ปี เข้าใจมั้ยครับ?”

    “เข้าใจครับ/ค่ะ”

    “ดี! งั้นก็ขอให้โชคดีในการจับบัดดี้ครับ^^” สิ้นเสียงของพี่แก เพลงจังหวะช้าๆก็ขึ้นเบาๆ แต่หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีมันก็กลายเป็นจังหวะเร็วจนผมปรับตัวแทบจะไม่ทัน

    “เอ้าๆ! น้องน่ารักๆตรงนั้นน่ะเค้าห้ามยืนอยู่กับที่นะครับ!” หา? หมายถึงผมหรอ? ซวยแล้วไง ผมจะวิ่งไปไหนได้ล่ะเนี่ย? เจ้าโคยะก็ตัวปลิวไปไหนแล้วก็ไม่รู้ โปสการ์ดอีกคน ตอนนี้ผมหาคนรู้จักไม่เจอซักคนเลยครับ!

    ปึ่ก!

    “โอ๊ย!” ผมชนเข้ากับใครก็ไม่รู้(อีกแล้ว) แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะยังมีน้ำใจอยู่บ้างที่ไม่ปล่อยให้ผมล้มลงไปกองอยู่กับพื้น มือของเขารั้งอยู่ที่ต้นแขนของผม ก่อนที่เพลงจะหยุดลง...

    เพลงหยุด!? เวรแล้ว!

    ผมรีบเงยหน้ามองคนที่อยู่ตรงหน้าทันที ร่างสูงจะตกใจไม่น้อยเพราะผมพรวดพราดเงยหน้ากระทันหัน แต่แล้วผมก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเขาสามารถเรียกชื่อผมได้ถูกต้องโดยที่ผมไม่รู้จักเขามาก่อน

    “ริว...ใช่มั้ย?”

    “อ..อืม แล้วนายล่ะ? อยู่วิศวะใช่มั้ย?”

    “ไฮเปอร์” เขาตอบมาห้วนๆสั้นๆ ทำเอาผมอึ้งไปไม่น้อย เขาสูงมากกว่าผมเกินสิบเซนต์แน่ๆพนันได้เลย เพราะพอผมยืดตัวเต็มความสูงแล้วผมก็พบว่า...

    ผมสูงยังไม่ถึงคางเขาเลย มองเห็นแค่ไหล่เองT^T!!

    “ริว! พี่คู่กับใครน่ะ? อ้าว!” ตาของผมเหลือบเห็นโคยะวิ่งเข้ามาหาจากด้านข้างพร้อมกับจูงมือใครบางคนมาด้วย ว่าแล้วเชียวว่ามันต้องเล็งผู้หญิง หนอย! ทิ้งพี่เลยนะเจ้าน้องบ้า! เด็กผู้หญิงที่วิ่งมาด้วยตัวพอๆกับมันเลย ผมรู้จักเธอดีเพราะกำลังคุยกับเธออยู่ในช่วงนี้ เธอชื่อ อรดา เรายังไม่ได้ออกตัวว่า คบกันแต่เธอก็ค่อนข้างอยากให้ผมขอเธอเป็นแฟน(ดูจากท่าทางของเธอล่ะนะ)

    “อร?”

    “อรวิ่งมาไม่ทันริวน่ะ รอบๆตัวริวมีคนเต็มไปหมดเลย”

    “หา? ริวยังไม่ได้เดินไปไหนเลยนะ แค่ขยับจากที่เดิมมาสองก้าวเอง” เพราะพี่เค้าบอกผมว่าห้ามยืนเฉยๆน่ะ = =

    “นายๆ สนใจจะแลกคู่กันป่ะ?” โคยะเริ่มกลยุทธ์การต่อรองที่มันถนัดนัก แต่ดูเหมือนร่างสูงที่ยังจับมือผมไม่ปล่อยจะไม่เล่นด้วย

    “พี่บอกว่าห้ามเปลี่ยน”

    “โหย! อย่าเถรตรงไปหน่อยเลยน่า นะๆ ฉันกับพี่หน้าเหมือนกันแหละ ยังไงก็โอเค ปล่อยพี่ไปอยู่กับแฟนเค้าเถอะนะ” ผมรู้ว่าโคทำเพื่อผม แต่การที่หมอนั่นพูดว่าผมกับอร เป็นแฟนกันนั้นมันทำให้ผมค่อนข้างรู้สึกแย่อยู่นิดหน่อย เพราะผมกับอรเรายังไม่ได้คบกันจริงๆจังๆ โคพูดแบบนี้คนที่เสียหายคืออรนะ

    “ไม่! นายหันไปข้างหน้าเถอะ พี่มาตรวจแล้ว” เป็นอย่างที่เขาพูดจริงๆ หลังจากนั้นไม่นานก็มีรุ่นพี่เดินมาตรวจ เขาแยกพวกเราออกเป็นสองกลุ่มคือกลุ่มที่คู่ชาย-หญิง กับคู่ชาย-ชาย ผมก็ไม่รู้หรอกว่าเขาจะแยกทำไมแต่ดูเหมือนทั้งสองกลุ่มจะแยกกันทำกิจกรรมแถมไม่เหมือนกันอีกต่างหาก โดยรุ่นพี่ให้เหตุผลทิ้งท้ายเอาไว้ว่า

    “ผู้หญิงเป็นทรัพยากรที่ต้องอนุรักษ์ไว้นะไอ้น้อง ส่วนพวกเอ็งน่ะ เตรียมตัวโดนพวกตรูจัดหนักได้เลย!!
       




                   
    ไม่เอาน้า!!! =[]=!!!


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×