ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Short fic (tvxq_SJ) เน้นยุนเคะ YUNHO UKE

    ลำดับตอนที่ #8 : Fic : รักวุ่นวายของนายขันที (part I mic x yun) (จบPart แล้วครับ)

    • อัปเดตล่าสุด 19 เม.ย. 53


    Fic : รักวุ่นวายของนายขันที Part I
    Pairing : Mic x Yun
    Rate : นิดนึง
    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
                “อาจารย์~~~สอนกระบวนท่านี้หน่อยสิ”เสียงร้องเรียกอาจารย์อันสดใสของยุนโฮดังขึ้น
                “เจ้าจะรีบไปไหนฮึ ดูเพื่อนๆของเจ้าสิ ยังอยู่ระดับสามอยู่เลย ส่วนเจ้าไปถึงหกแล้วนา สหายของเจ้าตามไม่ทันแล้วเนี่ย”ผู้เป็นอาจารย์หัวเราะด้วยความภูมิใจในศิษย์เอก ที่เรียนรู้ไวเป็นเท่าตัวของศิษย์วัยเดียวกัน
                “ก็ข้าอยากเก่งนี่ ข้าอยากไปเป็นหัวหน้าองค์รักษ์เยี่ยงพ่อของข้า”ร่างบางพูดด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจในตัวบิดา
                “แต่คนที่จะตายเป็นคนแรกคือหัวหน้าองค์รักษ์ อย่างพ่อของเจ้านะ”คังอินพูดด้วยน้ำเสียงหดหู่ พ่อของร่างบางก็คือหัวหน้าองค์รักษ์ซีวอนสหายรักของเขาเอง เขาตายในหน้าที่ มารดาของร่างบางจึงนำลูกชายมาฝากตนให้เลี้ยงดู ส่วนตัวนางเองก็ไปบวชชีที่อารามหลังสำนัก
                “อย่างน้อยก็ตายอย่างมีเกียรตินะอาจารย์ ข้าภูมิใจในตัวท่านพ่อของข้าจะตาย”ยุนโฮกล่าวด้วยน้ำเสียงสดใส ไม่เจือความเศร้าแม้แต่น้อย
                “เออๆ มานี่สิจะสอนให้”ผู้เป็นอาจารย์ไม่รู้จะคัดค้านอย่างไร
                ทุกสายตาของศิษย์ร่วมรุ่นมองร่างบางที่กำลังฝึกกระบวนท่าใหม่อยู่ด้วยสายตาชื่นชม ด้วยหน้าตาที่ดึงดูดทั้งชายและหญิง ทั้งมีความสามารถเป็นเลิศสมเป็นผู้สืบทอดสายเลือดหัวหน้าองค์รักษ์ผู้กล้าหาญ ผู้ปกป้ององค์จักรพรรดิให้รอดพ้นจากความตายถึงแม้ตัวจะตายก็ตาม....
    ในวังหลวง
                “ฝ่าบาท~~”เสียงออดอ้อนจากบรรดาพระสนมน้อยใหญ่ที่รุมล้อมหน้าล้อมหลังผู้เป็นใหญ่ที่สุดในแผ่นดิน....ปาร์คยูชอน
                “จ๋า...ว่ายังไง”เสียงทุ้มขององค์จักรพรรดิเอ่ยอย่างอารมณ์ดีแล้วโอวเอวสาวน้อยที่นั่งอยู่ใกล้มาไว้แนบกาย....เกิดเป็นจักรพรรดินี่ดีจริงๆเลย พับผ่าสิ....
                “เมื่อไหร่ฝ่าบาทจะตั้งฮองเฮาล่ะเพคะ”เสียงหวานเอ่ยแล้วลูบไล้แขนแกร่งไปมา แต่ประโยคนั้นทำให้ยูชอนดันตัวหญิงสาวพวกนั้นออกห่าง
                “ข้าล่ะเบื่อพวกเจ้าจริงๆ เจอหน้าข้าทีไรก็ทวงตำแหน่งฮองเฮาทั้งปี เฮ้อ”ร่างสูงบ่นอย่างหัวเสียแล้วทิ้งบรรดาพระสนมไว้เบื้องหลัง
                “มหาขันทีคิม นำทางข้าไปที่สุสานของท่านซีวอนนอกวังหน่อยสิ”เสียงทุ้มเอ่ยกับขันทีคนสนิท...คิมฮีชอล
                “พะยะค่ะ...ว่าแต่ช่วงนี้ทำไมฝ่าบาททรงกริ้วบ่อยๆล่ะพะยะค่ะ”ฮีชอลหันมาถามผู้เป็นนาย
                “ก็พระสนมพวกนั้นน่ะสิ เซ้าซี้เรื่องตำแหน่งอยู่ได้น่ารำคาญ”ร่างสูงบ่นกับร่างโปร่งของฮีชอลทำเอา เจ้าของใบหน้าหวานหัวเราะเบาๆ
                “วันนี้ ทรงตั้งใจจะเสด็จไปเคารพศพของท่านซีวอนรึพะยะค่ะ”ฮีชอลถามร่างสูง
                “อืม...ข้าไม่ได้ไปนานแล้ว ถ้าไม่ได้ท่านซีวอนในวันนั้น ข้าอาจไม่มีชีวิตอยู่ขณะนี้ก็เป็นได้”ยูชอนเอ่ยเบาๆแล้วนึกถึงอดีตหัวหน้าองค์รักษ์ผู้ที่เขานับถือเสมือนพระบิดา บุคคลที่เห็นว่ามีคนกำลังจะปองร้ายตน ด้วยความรีบร้อน จึงเอาตัวมาบังลูกธนูไว้ หากแต่ว่าถ้าคนยิงเป็นเพียงบุคคลธรรมดาก็คงไม่บาดเจ็บอะไรมาก แต่ในครั้งนั้นผู้ยิงคือสุดยอดนักธนู ศรดอกนั้นจึงปักแน่นเข้าที่กลางหัวใจของอดีตหัวหน้าองค์รักษ์ผู้กล้าหาญ เขาล้มลงต่อหน้าตน ก่อนจะสิ้นใจก็ยังหันมายิ้มให้ทั้งยังเอ่ยปากฝากฝังครอบครัวของเขา แล้วยื่นสร้อยสองเส้นใส่มือ บอกว่าเส้นนึงฝากให้ลูกชายที่ยังเล็ก อีกเส้นยกให้ตนแทนความรักและความจงรักภักดีของตัวเอง...ซึ่งตัวเขาเองก็ยังจำวันที่ลูกชายตัวเล็กของซีวอนวิ่งเข้ามากอดศพบิดาแล้วร่ำไห้ปานจะขาดใจ แต่เมื่อตนเองเอาสร้อยไปมอบให้แล้วบอกข้อความที่ซีวอนฝากไว้ก่อนสิ้นใจ เด็กชายก็ยิ้มทั้งน้ำตาแล้วมองบิดาด้วยความภูมิใจ แต่เมื่อพระมารดาทรงตรัสว่าจะช่วยดูแลครอบครัว ผู้เป็นมารดาของเด็กชายก็กล่าวปฏิเสธความช่วยเหลือ นางบอกว่านางจะไปบำเพ็ญธรรมเพื่อสามี และจะนำลูกชายไปฝากเพื่อนของซีวอนให้ช่วยชุบเลี้ยงฝึกฝน ให้กล้าแกร่งเหมือนพ่อของเด็กน้อย....
                “ฝ่าบาท....”เสียงหวานของฮีชอลเอ่ยเรียกร่างสูงให้หลุดจากภวังค์
                “หือ...”ยูชอนรับคำเรียกเบาๆ
                “ถึงแล้วพะยะค่ะ”ร่างโปร่งเอ่ยเบาๆ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่านายของตนรักและเคารพท่านอดีตหัวหน้าองค์รักษ์เพียงใด
                “เดี๋ยวเจ้ากลับวังไปก่อน ข้าขออยู่คนเดียวซักพัก”เสียงทุ้มเอ่ยกับร่างโปร่ง ฮีชอลจึงพยักหน้ารับเบาๆแล้วถอยห่างออกไป
                ร่างสูงจึงเข้าไปใกล้ที่ฝังศพแล้วทรุดกายลงเบาๆ มือลูบป้ายบอกชื่อของซีวอนเบาๆแล้วเอ่ยกับป้ายนั้นด้วยเสียงแผ่วเบา
                “ข้าไม่ได้มาหาท่านเสียนานเลยนะ ท่านคงโกรธข้าไม่น้อยเลยที่ข้าเอาแต่ขลุกอยู่กับผู้หญิง ไม่ใส่ใจทำงานซักเท่าไหร่ ความจริงข้านึกไว้เสมอว่าถ้าข้าทำอะไรไม่ดี ท่านจะต้องมาดุข้า มาตีข้าเบาๆซักแปะเหมือนเมื่อก่อน”น้ำตาขององค์จักรพรรดิก็ได้หยดลงบนป้ายหลุมศพนั้น
                “ข้ายังจำได้ว่าเมื่อก่อนท่านมักจะพาลูกชายท่านมาเที่ยวเล่นในวังบ่อยๆ ท่านเป็นพ่อที่ยอดเยี่ยมที่สุดเลยรู้มั้ย”ร่างสูงพิงกายกับป้ายหลุมศพนั้น เมื่อใดที่มีเรื่องไม่สบายใจหรือเหนื่อยแค่ไหน แต่เมื่อได้มาที่นี่ได้ระบายให้ซีวอนได้ฟัง ถึงแม้ไม่มีเสียงตอบรับ แต่ร่างสูงก็รู้สึกเหมือนซีวอนรับฟังทุกประโยคของเขาตลอดเวลา ความรู้สึกเหล่านั้นจึงหายไปทั้งสิ้น
                เมื่อเวลาผ่านไปเนิ่นนาน ร่างสูงหลับไปเมื่อไหร่ นานเท่าใดร่างสูงก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนี้เป็นเวลาเย็นแล้วจึงเอ่ยลากับป้ายหลุมศพเบาๆแล้วเดินออกมา
                แต่แล้วร่างสูงก็ต้องหลบอยู่หลังต้นไม้เมื่อพบว่ามีคนกำลังจะเดินเข้ามามุ่งหน้าไปทางหลุมศพของซีวอน พอคนๆนั้นเดินผ่านไปร่างสูงจึงชะโงกหน้ามาดูว่าเป็นใคร ตาคมก็พบกับหนุ่มน้อยร่างสูงโปร่งที่มีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าหวาน เจ้าของร่างนั้นยิ้มให้กับป้ายหลุมศพแล้วเอ่ยเสียงใสว่า
                “ท่านพ่อ วันนี้ข้าเอากะหล่ำปลียัดไส้ของโปรดของพ่อมาให้แหละ อยากกินล่ะสิท่า แถมข้ายังเอาเหล้าชั้นดีของท่านอาคังอินมาให้ท่านด้วยนะ”
                องค์จักรพรรดิมองการกระทำนั้นด้วยความหลงใหล แล้วจมอยู่ในความคิด...นี่สินะ เด็กชายตัวน้อยที่เมื่อก่อนเขาเห็นบ่อยๆ ในความคิดของเขา เขามักจะจินตนาการว่าเด็กชายคนนั้นเมื่อโตมาต้องมีความองอาจสมชายชาตรีอย่างท่านซีวอนเป็นแน่แท้ แต่ร่างข้างหน้านี้กลับห่างไกลจากที่จินตนาการไว้โข ดวงหน้าเรียวแลดูหวานใส ดวงตาคมส่อประกายสดใส จมูกโด่งรั้นที่บ่งบอกถึงความดื้อดึงและทะนงตน ริมฝีปากอิ่มที่ยกยิ้มแม้กระทั่งอยู่ต่อหน้าศพบิดา พวงแก้มใสที่เคยเห็นเมื่อสิบกว่าปีก่อนจนบัดนี้มันก็ยังไม่หายไปทั้งยังมีสีชมพูระเรื่อตัดกับผิวขาวจัดได้อย่างลงตัว ร่างกายบอบบางใต้อาภรณ์เนื้อดีบ่งบอกถึงชาติตระกูลของร่างบาง รวมแล้วทุกอย่างดูงดงามราวกับภาพเขียนของจิตรกรชั้นครูที่ตนเองเคยเห็นในวัง หากแต่เทียบกันจริงๆก็ยังงามไม่เทียบเท่า
                “อ๊า!! ท่านพ่อข้าว่าข้าต้องไปแล้วหละ นี่มันเย็นแล้วนี่นา เดี๋ยวท่านอาจะบ่นเอา”ร่างบางเอ่ยอย่างสดใสแล้วยื่นไปจุมพิตที่ป้ายหินเบาๆ
                “ท่านพ่อข้ารักท่านนะ ไว้วันหลังข้าจะมาหาใหม่”เสียงใสเอ่ยด้วยความจริงใจแล้วเดินออกมา
                เมื่อยุนโฮจากไปแล้วร่างสูงจึงหันไปพูดกับป้ายหินเบาๆว่า
                “ท่านคงภูมิใจนะที่มีลูกชายงดงามเยี่ยงนี้ ท่าทางเข้มแข็งเหมือนท่านไม่มีผิด”
    หลายวันต่อมา
                “ช่วงนี้ฝ่าบาทแปลกๆไปมั้ยท่านฮีชอล”เสียงทรงอำนาจของสตรีที่องค์จักรพรรดิเคารพรักที่สุดดังขึ้นระหว่างที่เดินเล่นอยู่ในสวนหน้าพระตำหนัก
                “นั่นสิพะยะค่ะ ช่วงนี้ทรงดูมีความสุขเหลือเกิน”ฮีชอลสนับสนุนความเห็นขององค์ไทเฮา
                “แถมช่วงนี้ไม่ทรงเสด็จไปตำหนักน้อยใหญ่ วันๆเอาแต่นั่งทรงงานไม่งั้นก็ทรงเขียนภาพ”ฮีชอลเอ่ยกับองค์ไทเฮาด้วยความแปลกใจ
                “อืม แต่ก็ดีแล้วล่ะ ที่ทรงสนใจงานราชกิจบ้าง”เสียงทรงเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม
    ตำหนักใหญ่
                “...เฮ้อ...”เสียงถอนหายใจของผู้เป็นใหญ่ที่สุดในแผ่นดินดังขึ้น ขณะกำลังบรรจงเขียนภาพบุตรชายของหัวหน้าองค์รักษ์ผู้ล่วงลับที่ตนได้พบในวันนั้น
                “นั่นรูปใครรึพะยะค่ะ”เสียงหวานฮีชอลเอ่ยขณะที่เดินมาเข้าเฝ้าเพื่อถวายการรับใช้
                “อ๊ะ.....เปล่า....ข้าแค่ลองเขียนดูเฉยๆ”เสียงทุ้มรีบปฏิเสธ
                “บุคคลในภาพช่างงดงามมากเลยนะพะยะค่ะ ฝ่าบาทคงจะไปพบที่ไหนซักที่มาเป็นแน่แท้”ฮีชอลเอ่ยแล้วมองใบหน้าของร่างสูงที่ตนถวายการรับใช้มาเนิ่นนาน
                “เอ่อ..นี่...ท่านฮีชอล ท่านรู้จักคนที่มีนามว่าคังอินมั้ย”ยูชอนเอ่ยถามเรียบๆ
                “รู้จักสิพะยะค่ะ...เค้าเป็นคนที่มีฝีมือด้านการสู้รบเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังเป็นเจ้าสำนักฝึกสอนการสู้รบ เหล่าขุนนางบู๊รุ่นใหม่ทั้งหลายก็จบจากที่นั่นนะพะยะค่ะ”ฮีชอลตอบคำถามอย่างฉงนในคำถามของผู้เป็นนาย
                “แล้วเกี่ยวข้องอะไรกับท่านซีวอนรึเปล่า”ยูชอนเอ่ยถามต่อ
                “พวกเค้าเป็นเพื่อนรักกันพะยะค่ะ...เนื่องจากพวกเค้าเคยเรียนการต่อสู้จากสำนักเดียวกันพะยะค่ะ”ร่างโปร่งตอบ
                “งั้นท่านพอรู้มั้ยว่าสำนักที่ท่านคังอินพำนักอยู่น่ะ อยู่ที่ใด”เสียงทุ้มเอ่ยถามอีกครั้งสร้างความประหลาดใจให้กับมหาขันทีเป็นอย่างยิ่ง
    ในยามค่ำคืนของวันถัดมา
                องค์จักรพรรดิในชุดดำได้แอบเข้ามาสำนักของคังอินเมื่อได้สอบถามที่อยู่ของสำนักจากฮีชอล ร่างสูงเองก็อยากพบร่างบาง จะมาตอนกลางวันก็ดูจะเอิกเกริกเกิน ตนจึงตัดสินใจมาในยามค่ำคืนแทน
                “เจ้าอยู่ไหนนะ เด็กน้อย”ร่างสูงรำพึงเบาๆแล้วโดดเข้าในเรือน
    .
    .
    .
                “เฮ้อ...ทำไมเวลาอาบน้ำอุ่นๆ มันรู้สึกดีจริงๆเลย”เสียงใสดังก้องมาจากห้องๆนึงที่แยกจากเรือนนอนของศิษย์คนอื่นๆ ที่สำคัญร่างสูงที่เดินผ่านก็จำเสียงๆนั้นได้ดี
                “นางฟ้าน้อย...เจ้าอยู่ที่นี่นี่เอง”เสียงทุ้มเอ่ยอย่างยินดี ที่ช่วงนี้ตนไม่หาใครก็เพราะร่างบางคนนี้เนี่ยแหละ
                ยูชอนจึงเลื่อนประตูเบาๆแล้วเดินเข้าไปเงียบๆ ตามเสียงน้ำและเสียงฮัมเพลงของร่างบาง เมื่อเดินมาถึงฉากกั้นก็พบเงาของร่างบางที่นอนแช่น้ำด้วยความสบายใจพาดผ่านฉากกั้น ร่างสูงจึงแอบชะโงกหน้าผ่านฉากกั้นนั้นไป
                แต่ภาพที่องค์จักรพรรดิได้พบถึงกับทำให้แทบหยุดหายใจไปซะดื้อๆ...ร่างบางที่เฝ้าคิดถึงมาหลายวันกำลังแช่น้ำ ผิวสีน้ำนมแดงระเรื่อด้วยความร้อน มือบางลูบไล้ไปตามร่างกายบอบบาง...ฮ่องเต้ได้แต่เฝ้ามองอย่างหลงใหล
                ยุนโฮเองเมื่อรู้สึกเหมือนมีคนจ้องมองจึงเงยหน้าขึ้นไปดวงตาหวานก็สบกับตาคมที่มองตนอย่างเคลิบเคลิ้ม ร่างบางจึงร้องลั่นขึ้นมาทันที
                “อ๊ากก!!!! ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต แกเข้ามาในห้องของข้าได้ยังไง”ยุนโฮร้องลั่นแล้วรีบเอาผ้ามาคลุมตัว
                “เปล่านะ...ข้าแค่อยากเจอเจ้า”เสียงทุ้มเอ่ยแก้ตัว แต่พูดไม่ทันไรก็โดนร่างบางกระชากคอเสื้อแล้วชกเข้าที่ใบหน้าหล่อๆนั้น
                “เฮ้ย”ร่างสูงได้แต่ปัดป้องไม่กล้าสวนกลับไป เมื่อร่างบางเห็นดังนั้นจึงจับจักรพรรดิหนุ่มกดลงในอ่างน้ำทันที
                “อุ๊บ!!!....”ยูชอนเองก็ไม่สามารถเอาตัวขึ้นมาจากอ่างน้ำได้ ในเมื่อร่างบางเอาฝ่าเท้างามๆเหยียบไว้อย่างนั้น
                “ไอ้โรคจิต แก...แกเป็นสายลับใช่มั้ย จะแอบบุกเข้าสำนักเราเพื่อขโมยวิชาใช่มั้ย รึว่าแกจะแอบมาทำร้ายอาจารย์ของข้า ใช่มั้ยห๊า”เสียงหวานตะคอกใส่หลังจากที่ดึงร่างสูงขึ้นมาจากน้ำ
                “ไม่ใช่นะ...ข้าเป็น...เอิ่ม”ยูชอนพูดยังไม่ทันจบ สายตาก็เหลือบไปเห็นผิวอกขาวที่โผล่พ้นเสื้อออกมา สายเลือดอันสูงค่าขององค์จักรพรรดิก็ไหลออกมาเป็นสายจากปลายจมูกทันที
                “ไอ้คนโรคจิต....ไอ้...”เสียงตะคอกขณะที่กำลังจะเงื้อหมัด แต่ร่างหนาของคังอินที่ได้ยินเสียงๆแปลกๆจึงรีบวิ่งเข้ามาในห้องทันที แล้วร้องห้ามร่างบางไว้ก่อน
                “ยุนโฮหยุดก่อน....แล้วนี่มันเรื่องอะไรกัน”คังอินเอ่ยขณะมองสภาพของลูกศิษย์คนโปรด
                “ท่านอา...ไอ้โรคจิตเนี่ยมันบุกเข้าสำนักของเราแล้วก็แอบดูข้าอาบน้ำด้วย มันต้องปองร้ายท่านแหงๆเลย”เมื่อได้โอกาสยุนโฮจึงรีบฟ้องออกไป
                “หันหน้ามันมาให้อาจารย์ดูหน่อย”คังอินเอ่ยเสียงเหี้ยม เมื่อได้ฟังจากปากศิษย์รักยิ่งคนๆนี้แอบเข้ามาดูร่างบางที่ตนรักเหมือนลูกก็ยิ่งโกรธเป็นเท่าตัว
                “ไหน ไอ้โรคจิตคนไหนมันบังอาจ....”เสียงห้าวของผู้เป็นอาจารย์ดังขึ้น แต่เมื่อร่างหนาเห็นบุคคลต้องสงสัยปรากฏสู่สายตาชัดๆ ก็ได้แต่เบิกตากว้าง แล้วย่อตัวลงคุกเข้าก้มหัวทันที
                “อาจารย์!!!ทำไมอาจารย์ต้องก้มหัวให้มันด้วยล่ะ”เสียงหวานตวาดแล้วเขย่าคอเสื้อร่างสูงไปมา จนผู้เป็นอาจารย์ต้องเอ็ดดังๆ
                “ยุนโฮ....คุกเข่าลงซะ แล้วขออภัยฝ่าบาทเดี๋ยวนี้”สิ้นเสียงของผู้เป็นอาจารย์ยุนโฮถึงกับผงะทำอะไรไม่ถูก
                “ฝะ...ฝ่าบาทงั้นเหรอ ขะ...ขอประทานอภัย พะ...พะยะค่ะ”ร่างบางจึงรีบคุกเข่าแล้วก้มหน้า ในใจกลับร้อนรน....ตายแน่ๆ ชองยุนโฮตายแน่ ลบหลู่เบื้องสูง ทำร้ายพระวรกาย แถมยังทำอีกสารพัด....
                “ไม่เป็นไรช่างเถอะ”จักรพรรดิหนุ่มพูดแล้วเอาแขนเสื้อเช็ดเลือดปลายจมูกเบาๆ แล้วนั่งลงสบตากับร่างบางที่นั่งก้มหน้าสำนึกผิดอยู่
                “ข้าไม่โกรธเจ้าหรอกเด็กน้อย แต่ตอนนี้เจ้า...เอิ่ม....”เสียงทุ้มเอ่ยอย่างใจดี แต่สายตาคมก็ยังคงอยู่ที่ผิวเนื้อขาว เมื่อคังอินเห็นดังนั้นจึงสั่งเสียงเฉียบขาดว่า
                “ยุนโฮ ไปแต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วค่อยออกมาคุย”
                “อาจารย์...”เสียงหวานเอ่ยเบาๆทำให้อาจารย์ต้องหันมาดุ
                “ทำไมเจ้ายังไม่ไปแต่งตัวให้เรียบร้อยอีก”
                “ก็ห้องข้าอยู่นี่....อาจารย์ช่วยออกไปก่อนได้มั้ย”ยุนโฮเอ่ยแล้วก็อาย แค่อยู่ในสภาพแบบนี้ก็กระดากจะแย่อยู่แล้ว แล้วถ้ายังต้องมาเปลื้องผ้าต่อหน้าอาจารย์และคนอื่นๆอีก มันก็คงจะน่าอายเกินไป
                “อ้อ...งั้นอาจารย์ออกไปก่อนนะ เร็วๆเข้าล่ะ”คังอินกับร่างบางเบาๆแล้ว ก็ค่อยๆเดินห่างออกไปพร้อมลูกศิษย์คนอื่นๆ เว้นเสียแต่คนๆนึงที่ไม่ได้ออกไปกับคนอื่น....ฮ่องเต้ยูชอน
                “เอ่อ...ฝ่าบาท”เสียงหวานเอ่ยเบาๆ ทำให้ร่างสูงหันมาด้วยรอยยิ้ม
                “เจ้ายังอาบน้ำไม่เสร็จเลยไม่ใช่เหรอ อาบให้เสร็จก่อนก็ได้ข้าไม่รีบ”เสียงทุ้มเอ่ยยิ้มๆแล้วโอบเอวร่างบางไปที่อ่างน้ำ
                “แต่ว่า...ฝ่าบาท”ยุนโฮเอ่ยตะกุกตะกัก จะให้มาเปลื้องผ้าอาบน้ำต่อหน้าฮ่องเต้มันก็ดูจะยังไงๆอยู่
                “อ้อ...ไม่ต้องอายหรอก ข้าอยากนั่งคุยกับเจ้าเป็นการส่วนตัวมากกว่า”ร่างสูงพูดสบายๆแต่สายตากลับจับจ้องไปที่ร่างตรงหน้า แววตาเจ้าชู้กรุ้มกริ่มโดยสัญชาติญาณถูกนำมาใช้
                “เร็วสิ”เสียงทุ้มเอ่ยเร่งเมื่อร่างบางเอาแต่ยืนอยู่อย่างนั้น จักรพรรดิหนุ่มจึงเดินไปนั่งอีกฟากของฉากกั้น
                “เจ้าคงสบายใจขึ้นแล้วใช่มั้ย”ร่างสูงเอ่ยพร้อมกับหัวเราะเบาๆ
                ร่างบางเมื่อเห็นดังนั้นจึงเปลื้องผ้าที่คลุมตัวออก แล้วค่อยๆหย่อนตัวลงในอ่างน้ำ มือบางวักน้ำขึ้นมาแล้วบรรจงลูบไล้ไปตามเนื้อตัวเบาๆ กลิ่นหอมที่จุดสร้างความผ่อนคลายแก่ร่างบาง สุดท้ายร่างบางจึงพูดทำลายความเงียบขึ้น
                “ฝ่าบาท...ทำไมฝ่าบาทถึงเสด็จมาหากระหม่อมล่ะพะยะค่ะ”เสียงหวานเอ่ยถามด้วยความฉงน
                “ก็เพราะข้าคิดถึงเจ้าน่ะสิ....”เสียงทุ้มเอ่ยแล้วมองร่างบางผ่านฉากกั้น
                “เอ๋....”ยุนโฮยังคงแปลกใจ
                “วันนั้นข้าไปที่สุสานของพ่อเจ้า แล้วข้าก็ได้เห็นเจ้า จากวันนั้นมาในใจข้าก็มีแต่เจ้า คิดถึงเจ้านะยุนโฮเด็กน้อย”ร่างสูงตอบยิ้มๆแล้วเดินเขามาในฉากกั้น ก่อนที่จะทรุดกายลงข้างๆอ่างน้ำของร่างบาง ทำให้ใบหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อ ดวงตาของร่างสูงก็จ้องประสานกับนัยน์ตาหวานของร่างบาง
                “ฝะ...ฝ่าบาท”ร่างบางเอ่ยตะกุกตะกัก
                “เจ้าไม่ต้องกลัวข้าไปหรอก ข้าจักไม่ทำอะไรให้เจ้าบอบช้ำเลยแม้แต่นิดเดียว”องค์จักรพรรดิเอ่ยแล้วเชยใบหน้าหวานขึ้นมา ก่อนที่จะประกบปากลงไป
                ยุนโฮเองก็ไม่เคยโดนผู้ใดทำอย่างนี้มาก่อน จะเอ่ยห้ามก็ไม่กล้าด้วยเหตุว่าอีกฝ่ายคือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดิน จึงจำยอมให้ร่างสูงบดเบียดริมฝีปาก แล้วเริ่มลุกล้ำเข้ามาเรื่อยๆลิ้นร้อนถูกส่งเข้ามาอย่างชำนาญ แล้วกวาดไปทั่วโพรงปากอุ่น ลิ้นเล็กได้แต่พยายามหลบหลีก มือบางดันอกของร่างสูงให้ออกห่างแต่ดูเหมือนจะเป็นการกระทำที่ไร้เรี่ยวแรง สุดท้ายจึงกลับกลายเป็นว่ามือบางยกไปโอบรอบคอของผู้ที่รุกรานตนอยู่
                องค์จักรพรรดิเองเมื่อเห็นร่างบางส่งเสียงอื้ออึงว่าขาดอากาศหายใจจึงถอนริมฝีปากออกแล้วหัวเราะเบาๆกับความไร้เดียงสาของยุนโฮ จึงเอ่ยหยอกๆว่า
                “เด็กน้อย ท่าทางเจ้าจะไม่เคยโดนใครจูบหรือล่วงเกินเจ้ามาก่อนเป็นแน่แท้ใช่มั้ย”
                “ก็...ก็....ไม่เคยน่ะสิ กระหม่อมไม่เหมือนฝ่าบาทหรอก ทรงพระปรีชาด้านโลกีย์ยิ่งนัก”เสียงหวานเอ่ยด้วยความขุ่นเคือง ทำเอาคนโดนว่าถึงกับสะดุ้ง
                “ข้าว่าเจ้าจะใจกล้าไปหน่อยมั้ง....บังอาจมาว่าข้าอย่างนี้ได้ยังไง รู้มั้ยว่าเจ้ามีโทษสถานใด”เสียงทุ้มจงใจเอ่ยด้วยความโมโห ทำเอาร่างบางทำอะไรไม่ถูกได้แต่นั่งก้มหน้า ไม่ยอมพูดจา
                “แค่นี้ก็กลัวแล้วเหรอ...เด็กน้อย”ร่างสูงแสร้งทำเสียงเหยียดหยัน แต่ในใจกลับนึกชมความน่ารักของร่างบางตรงหน้า
                “ฝ่าบาท~~~อย่าทรงกริ้วกระหม่อมเลยน้า....พะยะค่ะ กระหม่อมพูดไม่คิดเอง”ยุนโฮเอ่ยอ้อนร่างสูงตรงหน้าพลางเกาะแล้วเขย่าด้วยท่าทางเหมือนเด็กๆ
                “หึ....เจ้าต้องเข้าวังไปกับข้า ข้าถึงจะหายโกรธ”ยูชอนเอ่ยแล้วมองหน้าร่างบางด้วยสีหน้าจริงจัง
                “เข้าวังรึพะยะค่ะ กระหม่อมจะได้เป็นองค์รักษ์ใช่มั้ยพะยะค่ะ”ยุนโฮพูดด้วยความตื่นเต้น
                “ไม่ใช่ ข้าจะให้เจ้าเป็นขันทีประจำตัวข้า”ร่างสูงเอ่ยยิ้มๆทำเอาร่างบางอ้าปากหวอแล้วโวยวายใส่
                “ไม่เอาอ่ะ...ข้า...ข้าไม่อยากถูกตอนน้า....ไม่เอาๆๆๆ ข้าจะเป็นองค์รักษ์”ใบหน้าหวานเชิดใส่
                “ข้าไม่อยากให้เจ้าไปเสี่ยงตายแบบพ่อของเจ้านี่ ข้าไม่อยากต้องเห็นคนที่ข้ารักต้องตายแทนข้า ข้าเพียงแค่อยากให้เจ้าไปอยู่ข้างๆข้าแค่นั้นเอง”ยูชอนพยายามหว่านล้อม
                “แล้วทำไมข้าต้องไปอยู่กับฝ่าบาทด้วยล่ะ ข้าไม่อยากเป็นขันที ข้าไม่อยากถูกตอนน้า”ยุนโฮมองด้วยสายตาอ้อนวอน
                “เจ้าเข้าใจคำว่ารักแรกพบมั้ย....ยุนโฮ”ร่างสูงพูดแล้วจับมือร่างบางไว้
                “.......”ยุนโฮได้แต่ก้มหน้า....รักแรกพบงั้นเหรอ คำว่ารักจากองค์จักรพรรดิที่มีเหล่าสนมผู้งดงามรายล้อมเนี่ยนะ จะเชื่อถือได้อย่างไร....
                “แต่ข้าไม่อยากถูกตอนนี่นา”เสียงเอ่ยอย่างอิดออด จะให้ตนปฏิเสธร่างสูงไปก็เป็นสิ่งที่ยากยิ่ง ทั้งจากฐานะและ....ความรู้สึกที่ตนเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ที่แน่ๆคือหลังจากได้ฟังคำบอกรักของคนตรงหน้าแล้วก็รู้สึกว่าไม่อยากต้องแยกจากคนๆนี้
                “ถ้าเจ้าไม่ต้องถูกตอน แถมยังได้คอยปกป้องข้า เพียงแค่ใส่ชุดขันทีแค่นั้นเอง”ยูชอนพูดพลางเอามือลูบใบหน้าหวานเบาๆ
                “จะเป็นไปได้ได้ยังไง ถ้าถูกจับได้ล่ะก็.....”ยุนโฮเริ่งแสดงสีหน้าวิตกขึ้นมากับความคิดแผลงๆของจักรพรรดิ
                “ใครจะกล้าสงสัยขันทีคนสนิทของจักรพรรดิอย่างข้ากันฮึ เด็กน้อย”เสียงทุ้มแล้วช้อนตัวร่างบางขึ้นจากน้ำ
    ใครอยากอ่านเวอร์ชั่นเต็มก็ส่งเมล์มาขอที่เมล์นี้ครับ endear_jaejoong@hotmail.com
                           “ข้ารักเจ้านะยุนโฮ...รักตั้งแต่วันแรกที่เห็นเจ้า”เสียงทุ้มเอ่ยกับร่างในอ้อมแขนเบาๆ ริมฝีปากหนาหระทับบนหน้าผากมน
                “ท่านพี่....ข้า...ข้าไม่รู้ว่าข้าความรู้สึกของข้าคืออะไร ข้ารู้แต่ว่าข้าแยกจากท่านอีกไม่ได้ ข้าขาดท่านไม่ได้ และข้าทำได้ทุกอย่างเพื่อท่าน”เสียงหวานเอ่ยแหบเครือ ดวงตาหวานสบมองกับนัยน์ตาคมนั้น
                “นั่นเค้าเรียกว่ารัก....เด็กน้อย ความรู้สึกประหลาดของเจ้าคือความรักที่มีต่อข้า”ร่างสูงเอ่ยแล้วกระชับอ้อมกอดแน่น
                “ดีใจจังเลย....ถ้าข้าไปอยู่กับท่านพี่ ท่านพี่จะยังรักข้าอยู่มั้ยถ้าท่านพี่อยู่กับสนมสวยๆ”ร่างบางมองด้วยแววตาออดอ้อนราวกับเด็กๆ
                “รักสิ...เจ้าเห็นสร้อยคู่นี้มั้ย อันนึงเป็นของเจ้า อันนึงเป็นของข้า พ่อของเจ้าให้เราทั้งคู่ไว้ก่อนท่านเสีย ข้าจะเอาของข้าไว้ให้เจ้า แล้วเอาของเจ้ามาให้ข้า มันจะหมายความรักของเราที่มีต่อกัน โดยมีท่านพ่อของเจ้าเป็นพยาน”เสียงทุ้มเอ่ยแล้วปลดสร้อยที่คอออกมาคล้องให้ร่างบางก่อนที่จะปลดของร่างบางออกมา แต่ก่อนที่จะใส่ร่างบางก็ออกปากก่อน
                “ข้าขอใส่ให้ท่านมั่งสิ”ร่างบางเอาสร้อยคล้องคอร่างสูงแล้วกอดร่างสูงอย่างรักใคร่
                “น่ารักมากเด็กน้อย พรุ่งนี้เจ้าจะได้เข้าวังพร้อมกับข้า”ยูชอนเอ่ยแล้วประกบริมฝีปากร่างบางอย่างเนิ่นนานก่อนจะเอ่ยถาม
                “เจ้าเจ็บมากมั้ย....ข้าต้องขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องเจ็บ”เสียงทุ้มเอ่ยแล้วรูปศีรษะกลม
                “เจ็บสิ...เจ็บมากๆด้วย แต่ถ้ามันแสดงว่าข้าเป็นของท่านข้าก็ยินดี แล้วถ้ามันทำให้ท่านรักข้าข้าก็จะทำ”ยุนโฮเอ่ยแล้วยิ้ม
                “งั้นเหรอ...สงสัยข้าต้องทำให้เจ้าแสดงให้เจ้าเห็นว่าข้ารักเจ้ามากแค่ไหน”จักรพรรดิเอ่ยแล้วพลิกตัวร่างบางไปข้างใต้แล้วเริ่มบรรเลงเพลงรักหวานซึ้ง ทำให้เสียงครางหวานหูดังไม่หยุดหย่อน
    ในตอนเช้า
                “ท่านพี่...ปล่อยข้าก่อน ข้าจะไปเตรียมน้ำอาบให้ท่าน”เสียงหวานเอ่ยขึ้นขณะที่ร่างสูงยังนัวเนียกับร่างกายของตนไม่เลิก
                “อืม...เร็วๆเข้าล่ะ”มือหนากุมมือบางไว้เมื่อเห็นร่างบางลุกขึ้นแล้วเดินเซไปมา ทำให้แอบหัวเราะเงียบๆ
                เมื่อร่างบางรองน้ำแล้วจึงเดินมาเรียกร่างสูงไปอาบน้ำร่างสูงจึงช้อนตัวร่างบางแล้วพาไปเข้าหลังฉากกั้นเพื่ออาบน้ำ
                “ท่านพี่~~ไม่เอาน้า ข้าเขิน”เสียงหวานแหวเบาๆ
                เสียงหัวเราะต่อกระซิกของทั้งสองคนดังขึ้นภายในห้อง บรรยากาศที่อบอวลด้วยความรักลอยคละคลุ้งไปทั่วทั้งห้อง
    ห้องรับรองแขกของสำนัก
                “ถวายบังคมฝ่าบาท”คังอินคุกเข่าคำนับยูชอนเมื่อเห็นร่างสูงเดินเข้ามา
                “อืม อย่าได้เกรงใจเลยลุกขึ้นก่อน”เสียงทุ้มเอ่ยเบาๆ
                “ขอบพระทัยพะยะค่ะ”คังอินเอ่ยแล้วลุกขึ้น ก่อนที่จะเชิญให้ร่างสูงไปนั่งที่เก้าอี้
                “ท่านคังอิน ข้ามีเรื่องจะขออะไรท่านอย่างนึง”จักรพรรดิหนุ่มเอ่ยพลางมองร่างบางที่ยืนอยู่ ใจจริงร่างสูงอยากให้ร่างบางได้นั่งมากกว่า แต่จะให้พูดไปมันก็คงจะยังไงๆอยู่
                “เชิญรับสั่งมาได้เลยพะยะค่ะ”ผู้เป็นอาจารย์เอ่ยแล้วมองร่างบาง ในใจคิดไว้ว่าตนต้องเสียศิษย์รักคนนี้ไปอย่างแน่นอน
                “ข้าต้องการให้ยุนโฮเข้าวังไปพร้อมกับข้า ท่านจะอนุญาติรึไม่”ร่างสูงเอ่ยแล้วมองหน้าคังอิน
                ร่างหนาของคังอินได้แต่อึกอักแต่สุดท้ายก็ต้องตอบตกลง ร่างบางจึงโผเข้ากอดอาจารย์แล้วเริ่มร้องไห้
                “ไม่เอาน่า...เจ้าเข้าวังไปทำงานรับใช้ต้องเป็นเด็กดีนะ ต้องไม่ดื้อไม่ซน จะมาทำอย่างตอนอยู่กับอาจารย์ไม่ได้แล้วนะ ทำงานให้ได้เต็มที่ แล้วว่างๆก็มาหาอาจารย์บ้างนะ ส่วนแม่ของเจ้า เจ้าก็เขียนจดหมายฝากข้าไว้แล้วข้าจะฝากเด็กผู้หญิงแถวนี้ไปให้นาง”เสียงห้าวเอ่ยกับลูกศิษย์มือหนาลูบหลังร่างบางเพื่อทำให้หยุดร้องไห้ ยูชอนเห็นดังนั้นจึงรีบเอ่ยขึ้นว่า
                “ท่านคังอิน ข้าอนุญาติให้ท่านเข้าวังได้ทุกเมื่อ ท่านจะได้แวะเข้าไปหายุนโฮบ้าง เผื่อยุนโฮจะเหงา”
                “หา....ขอบพระทัยพะยะค่ะ แต่ว่าฝ่าบาทกระหม่อมอยากจะขอให้พระองค์พายุนโฮไปไหว้กระดูกของซีวอนก่อนนะพะยะค่ะ”คังอินเอ่ยพลางมองหน้ายูชอน
                “แน่นอนสิ...แน่นอน..เดี๋ยวข้าจะพายุนโฮไปวันนี้แหละ”เสียงทุ้มเอ่ย
                “ยุนโฮไปเก็บเสื้อผ้าไป”คังอินสั่งร่างบาง ยุนโฮจึงเดินเช็ดน้ำตาป้อยๆไป แต่อยู่ๆร่างสูงก็เดินลงจากเก้าอี้แล้วตามยุนโฮไป
                ไม่นานเมื่อทั้งสองเก็บเสื้อผ้าเสร็จร่างบางจึงเดินกลับมาที่ห้องรับรอง แต่แล้วเสียงหวานก็ถามผู้เป็นอาจารย์
                “ท่านอา ท่านอาพอมีชุดที่พอดีตัวฝ่าบาทบ้างมั้ย คือฝ่าบาทยังมิได้เปลี่ยนชุดเลย”
                “อืม....เจ้า...เอาประจำสำนักมาให้ฝ่าบาทใส่ก่อน”คังอินสั่งเด็กในสำนักให้นำเสื้อประจำสำนักมาให้ใส่
                เมื่อเด็กเอาเสื้อมาให้ยุนโฮจึงรับเสื้อแล้วกลับเข้าไปในห้องของตน ก็พบกับร่างสูงที่นั่งถอดเสื้ออยู่
                “ฝ่าบาท.....”ใบหน้าหวานขึ้นสีเรื่อ ทำให้ยูชอนหัวเราะเบาๆ
                “ข้าบอกให้เจ้าเรียกท่านพี่ไง ไหนมานี่สิ”ชายหนุ่มเรียกแล้วดึงร่างบางมาใกล้ๆ
                “เจ้าใส่เสื้อผ้าให้ข้าหน่อย”เสียงทุ้มเอ่ยยิ้มๆ
                “ทำไมกันล่ะ”ยุนโฮถามแล้วมองหน้าร่างสูงด้วยความฉงน
                “นี่หละ งานของขันที ไม่ยากใช่มั้ย”ยูชอนมองใบหน้าหวานแล้วกดปลายจมูกลงบนแก้มเนียน
                “อื้อ...ท่านพี่แต่งตัวเลย อยู่อย่างนี้น่าเกลียด”ใบหน้าหวานเอ่ยแล้วค่อยๆแต่งตัวให้ร่างสูง
                มือบางสาละวนกับการผูกสายคาดเอวให้ยูชอนแต่ด้วยที่มีมือปลาหมึกโอบเอาเอวบางไว้ แถมยังคอยจะแกะสายคาดเอวของเขาอีก เมื่อผูกเสร็จร่างบางจึงเงยหน้าขึ้นมองด้วยความขัดใจ
                “ท่านพี่...ท่านพี่หยุดแกะสายคาดเอวข้าซะที เห็นมั้ยว่าเสื้อข้าหลุดหมดแล้ว”เสียงหวานเอ่ยด้วยความไม่พอใจ เมื่อเสื้อของตนหลุดเผยให้เห็นไหล่มนขาวที่รอยแดงประปรายไปทั่ว
                “โถ..ก็เจ้างดงามเกินห้ามใจข้านี่ น่านะ ขอข้าได้ลิ้มลองอีกซักที...”เสียงทุ้มเอ่ยแล้วพยายามซุกไซร้ซอกคอหอมของร่างบาง โดยที่มือบางพยายามดันออก
                “ท่านพี่ ถ้าท่านยังเป็นอย่างนี้ ข้าจะไม่เข้าวังไปกับท่านแล้วนะ”ยุนโฮแหวใส่เสียงดังลั่น
                “อ่า...จ๊ะๆ ไม่ทำแล้ว เดี๋ยวเจ้าไปกับข้าเลยนะ”ร่างสูงยิ้มแหยๆเมื่อเจอแววตาดุดันของร่างบาง
                ยุนโฮจึงรีบจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก่อนจะหยิบห่อเสื้อผ้าแล้วเดินออกจากห้อง ยูชอนจึงรีบตามไปเพื่อที่ได้ง้อร่างบางให้หายโกรธ พลางคิดในใจว่าตนเองก็เป็นคนเจ้าสำราญอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไร ปกติเหล่าสนมเองก็แทบจะเปลื้องผ้าต่อหน้าตนเสียด้วยซ้ำ แต่กับร่างบางคนนี้ช่างแปลกดีจริงๆ
                “ท่านอานี่จดหมายถึงท่านแม่ ข้าลาล่ะ”เสียงหวานเอ่ยอย่างไม่พอใจแล้วเดินไปจูงม้า
                “นี่...ยุนโฮ เจ้าคงลืมไปแล้วมั้งว่าข้าเป็นใคร”น้ำเสียงทุ้มที่เอ่ยอย่างใจดีกลับดุดัน ในเมื่อพูดด้วยความใจดีไม่รู้เรื่องต้องพูดอย่างนี้เนี่ยแหละ
                “..ขอประทานอภัยพะยะค่ะ..”ร่างบางหันมามองหน้าแล้วจูงม้ามาให้
                ร่างสูงจึงโดดขึ้นม้าแล้วฉุดร่างบางให้ขึ้นมาด้วยกัน ใบหน้าหวานนิ่งสนิทแล้วหันมามองอาจารย์ก่อนจะโบกมือล่ำลา ยูชอนเห็นดังนั้นจึงชะโงกหน้ามาหมายจะหอมแก้มแต่ร่างบางก็เสหันไปอีกทาง ใบหน้าคมเริ่มส่ออาการไม่พอใจแต่ก็พบว่าคังอินทำปากพะงาบๆเป็นคำว่า ‘ก็แค่งอนน่ะพะยะค่ะ’ ยูชอนจึงพยักหน้าแล้วอมยิ้มเล็กน้อย เพราะตนเองก็คิดได้ว่าร่างที่ถูกกอดอยู่ตอนนี้หลายๆอย่างก็ยังเป็นเด็กอยู่นั่นเอง
                “งั้นข้าไปแล้วนะ”ใบหน้าคมหันมามองคังอินแล้วยิ้มให้เล็กน้อย แล้วบังคับให้ม้าเดินเบาๆจากไป
                “นี่เจ้างอนเข้าอยู่เหรอ”เสียงทุ้มเอ่ยถามพลางพยายามหอมแก้มร่างบาง
                “.....”ร่างบางยังคงนั่งนิ่ง บ่งบอกว่างอนสุดๆ
                “ข้าขอโทษละกันนะ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะดุเจ้าซะหน่อย”ร่างสูงขยับตัวให้แนบชิดกับร่างบางมากขึ้น
                “แล้วมาดุข้าทำไมล่ะ...ข้ามันก็เป็นแค่ขันทีนี่นา จะให้ข้าไปทำตัวเหมือนพวกสนมนั่นได้อย่างไร”เสียงหวานเอ่ยกระเง้ากระงอด
                “โอ๋ๆๆๆ....อย่างอนข้าเลยนะ เจ้าน่ะเป็นเมียที่ข้ารักที่สุดเลย รู้มั้ย”แขนแกร่งโอบรัดลำตัวร่างบางไว้
                “หึ...ข้าไม่คิดจะยกตัวไปเปรียบกับเหล่าพระสนมของฝ่าบาทหรอก”ร่างบางยังคงไม่พอใจกับคำง้อของร่างสูง
                “โถ....อย่างอนข้าอีกเลยนะ ข้ารู้สึกผิดจริงๆ วันหลังข้าจะไม่พูดอย่างนั้นกับเจ้าอีก ดีมั้ย”เสียงทุ้มพูดง้อพลางยิ้มกับความเด็กของร่างบาง
                “ไม่เอา...ข้าไม่รู้...หยุดคำหวานของฝ่าบาทไปได้เลย”ใบหน้าหวานส่อถึงความไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
                “อ่ะ ข้าให้เจ้าตบปากข้าก็ได้ เอามั้ย”ยูชอนเอ่ยข้างใบหู ทำให้ร่างบางหันหน้ามาต่อว่า
                “ท่านพี่...ทำไมต้องประชดข้าด้วยล่ะ”
                “เอ้า ข้าพูดจริงๆ ข้ากลัวเจ้าโกรธข้ามากกว่านะ”ร่างสูงเอ่ยยิ้มๆแล้วกอดเบาๆ
                “หายโกรธรึยัง ข้ายอมเจ้าได้หมดเลยนะ”องค์จักรพรรดิจูบขมับร่างบางด้วยความรัก...รักอย่างที่ไม่เคยมีใครได้รับมากมายเท่าคนๆนี้
                “อือ...แต่ท่านพี่ช้าๆหน่อยสิ....ข้าเจ็บ”เสียงหวานแหวใส่ก่อนเอ่ยอย่างแผ่วเบาในตอนท้าย
                “อ้อ...อืม...เจ็บมากมั้ย”ยูชอนถามด้วยความเป็นห่วง
                “นิดนึง...อ๊ะ...ท่านพี่อย่าเลยทางไปสุสานพ่อข้าสิ”ร่างบางเอ่ยแล้วตีแขนของร่างสูง
                “หา...อืม...ได้ๆ”เสียงทุ้มรับคำแล้วบังคับม้าให้เข้าไปในสุสาน
    สุสานของซีวอน
                “ท่านซีวอน ขอต้องขอพาลูกท่านเข้าวังนะ ในตอนนี้ยุนโฮกลายเป็นภรรยาที่รักของข้า ซึ่งข้าหวังว่าท่านจะไม่ได้โกรธเคืองแต่อย่างใด”ปากอิ่มเอ่ยกับป้ายหินแล้วคำนับ
                “ท่านพ่อ..ท่านไม่ต้องห่วงข้านะ ไว้ข้าจะมาเยี่ยมท่านบ่อยๆ”ร่างบางพูดเล็กน้อยแล้วคำนับเช่นกัน
                ทั้งสองพูดอะไรกับป้ายหินซักพักแล้วจึงพากันออกมามุ่งหน้าสู่วังหลวง


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ไว้รออ่านต่อPart 2ครับ
    เรื่องจัดเป็นมิคยุน ตอนแรกกะจะให้เป็นวอนยุน แต่เห็นเป็นวอนยุนมาหลายเรื่องเลยเปลี่ยนคนมั่ง หวังว่าจะถูกใจคนชอบมิคยุนนะครับ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×