ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [GOT7] I'm you fan :: แฟนคลับ แฟนครับ

    ลำดับตอนที่ #8 : :+: บทที่ 7 :+:

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 399
      0
      12 เม.ย. 57

    :)  Shalunla





    บทที่ 7


    อารัมภาบทโดย : ปาร์ค จินยอง

     

     





     

    ผมลืมตามาอีกทีก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องกว้างตรงหน้ามีเด็กผู้ชายหน้ากลมๆนั่งจ้องผมคิ้วขมวด


     

    “ฮยองไม่ต้องตื่นมาแล้วถามว่าที่นี่ไหนนะ ที่นี่คือห้องซ้อมไม่ใช้โรงพยาบาลหรอก”

     

     

    “ถ้านายนั่งอยู่นี่ที่นี่ก็ไม่ใช่โรงพยาบาลหรอก ที่นั่นห้ามเอาสัตว์เลี้ยงเข้า” ผมหันมาแขวะไอ้เด็กอ้วนที่นึงก่อนจะยันตัวขึ้นนั่ง


     

    “ที่ถ้าไม่เห็นว่าหัวเจ็บอยู่ผมจระเข้ฟาดหางใส่ฮยองไปแล้ว” พูดแล้วก็ยืนทำท่าเตะที่เจ้าตัวคิดว่าเจ๋งให้ดู

     

    “ขาสั้นๆป้อมๆแบบนั้นจะเตะถึงท้องฉันหรือเปล่ายังไม่รู้เลย”

     

     

    “บุ่ย..” ดูทำเข้าเด็กคนนี้ เวลาโดนแซวหรือไปต่อไม่ถูกต้องร้องบุ่ยออกมาทุกทีสินะ ทำแบบเป็นรูปสามเหลี่ยมคว่ำแบบนั้นอีกแล้ว ไม่มีใครเคยบอกเค้าเหรอว่ามันตลกมากกว่าน่ารัก

     

     

    “โถ่ ฮยองล้อเล่นนะน้องยองแจของฮยอง~~” ผมสไลด์ตัวไปกอดเขาแล้วเอาหน้าถูกับไหล่ยองแจ เขาเหล่ตามาผมนิดหน่อยก่อนจะทำเสียงจิ๊จ๊ะที่ปาก และอมลมเข้าไปจนแก้มพองเป็นปลาทอง

     

     

    “ยองแจอ่า ฮยองขอโทษ” เอานิ้วไต่ไปมาตามแขน ยองแจหัวเราะคิกคักออกมา ผมจับทางได้แล้วว่าเด็กคนนี้บ้าจี้เลยจัดการจี้เขาต่อไปเรื่อยๆ ยองแจหัวเราะและดิ้นลงไปนอนราบกับพื้น

     

     

    “โอ๊ย ฮยองๆ ฮ่าๆๆๆ หยุดๆๆๆ” หัวเราะจนตากลายเป็นขีด ยองแจนอนดิ้นไปมาเหมือนปลาเกยตื้น มือผมก็ไล่จี้ตัวเขาไปเรื่อยๆ ผมได้แต่หัวเราะตามเด็กน้อย ตั้งแต่รู้จักเขามาสองสามวันเขาทำให้ผมยิ้มได้ตลอดเลยนะ ถึงแม้ภาพลักษณ์ผมจะดูร่าเริงแต่ก็ไม่ใช่ว่าผมจะร่าเริงตลอดเวลา เพราะส่วนใหญ่ผมจะเป็นคนทำให้คนอื่นร่างเริงมากกว่าจะร่าเริงเองซะอีก แต่ผมกลับยิ้มหัวเราะได้เวลาอยู่กับเด็กคนนี้

     

     

    “ฮยองอ่าๆๆ ผมหายงอนแล้ว ปล่อยผมนะ ฮ่าๆๆๆๆ” ยองแจปัดมือไปมาบนอากาศ ผมหยุดและนั่งมองเด็กที่ยังนอนหัวเราะอยู่บนพื้น


     

    แปะ

     

     

    ผมตบพุงเขาไปหนึ่งที...เห้ยมันนุ่มอ่ะ ฮ่าๆ เด็กนี่มีพุงด้วย!

     

     

    “ยองแจนายมีพุงอ่ะ ฮ่าๆๆๆๆ อ้วน!!

     

     

    “ขอโทษนะครับ...” ยองแจลุกขึ้นมานั่งพร้อมกับทำหน้าตาจริงจัง “พอดีฐานะทางบ้านไม่เอื้ออำนวยให้ผอม”

     

     

    “ฮ่าๆๆๆๆๆ ดูน่าฮยองดิ เป็นไงล่ะ! มุขผมเจ๋งใช่ป้ะ ฮ่าๆๆ ฮยองเหมือนถูกแช่แข็งเลยอ่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ”

     

     

    “ฮ่าๆๆๆๆๆ ฮยอง ฮ่าๆๆๆๆ” ยองแจลงไปนอนดิ้นกับพื้นอีกครั้ง เขานอนหัวเราะกับพื้นแล้วชี้มาทางผม

     

     

    “ขอโทษที่มาขัดความสุขนะ แต่นายช่วยไปกับฉันหน่อย” แจบอมที่โผล่มาจากไหนไม่รู้เดินเข้ามาดึงมือผมขึ้นแล้วพาออกไปจากห้องซ้อม “ส่วนนายยองแจ...อย่าออกจากห้องนี้เด็ดขาด อย่าไปป่วนคนอื่นในบริษัทเข้าใจไหม” หันไปสั่งเด็กที่นอนดิ้นในห้องก่อนจะปิดประตูแล้วพาผมออกมา

     

     

    “มะ...มีอะไรแจบอม?” ผมหันไปถามเพื่อนที่เอาแต่ก้มตาก้มตาเดิน


     

    เขาดึงผมเข้าไปในห้องเก็บของเล็กตรงทางเดินแล้วขังผมไว้ในแขนของเขา

     

     

    “นายว่าฉันเป็นยังไง?”

     

     

    “หือ?”


     

    “ฉันถามนายว่า ฉันดูเป็นคนยังไง”

     

     

    “ก็..ก็จัดว่าหน้าตาดี” ผมไม่กล้ามองหน้าเขาตรงๆ ทำไมต้องทำหน้าดุด้วยนะ

     

     

    “ห้ะ?” แจบอมถามเสียงสูง

     

     

    “นายก็ดูดี เท่ มีสไตล์”

     

     

    “ฉันไม่หมายความแบบนั้น”

     

     

    “เอ้า ก็นายถามว่านายเป็นยังไง”


     

    “เออๆ ช่างมันเถอะ ฉันพูดไม่เคลียร์เองแหละ โว๊ะ” แจบอมเดินไปเตะของในห้องเบาๆก่อนจะนั่งลงกับพื้น ผมเลยเดินลงไปนั่งข้างๆเขาแล้วตบไหล่

     

     

    “อืม นายก็..แปลกดี บางทีก็ดูใจดีบางทีก็ดูโหด แต่ส่วนใหญ่นายมักจะแสดงออกว่าตัวเองแบดบอยมากกว่า” เพื่อนผมเทาเงยมองหน้าผมอย่างสนใจคำตอบต่อไป นี่แปลว่าผมตอบเขาถูกทางแล้วใช่ไหม

     

     

    “ถึงนายจะคิดว่าฉันอ่านใจนายออกแต่ก็มีหลายเรื่องที่ฉันเดาใจนายไม่ถูก ไม่รู้นายคิดอะไรแบบไหน นิสัยนี้ของนายทำให้ฉันปวดหัวสุดเลย”

     

     

    “...”


     

    “แล้วนิสัยอีกอย่างของนายคือนายจะเป็นตัวของตัวเองก็ต่อเมื่อนายอยู่กับคนที่ทำให้นายมีความสุขจริงๆ และนิสัยที่เป็นตัวของตัวเองของนายนั้นก็คงขัดกับภาพลักษณ์นายที่พยายามแสดงออก”

     

     

    “...”


     

    “การที่มาถามฉันแบบนี้นี่มีเรื่องอะไรใช่ไหม?” ผมจิ้มไหล่แจบอมสองสามทีเขาหันมามองหน้าผมก่อนที่จะเอาหัวมาพิงที่ไหล่ผม

     

     

    “ทำยังไงนะ ฉันถึงจะยิ้มเก่งๆแบบนายบ้าง”

     

     

    “...”

     

     

    “ภาพลักษณ์ฉันมันดูขรึมขนาดนั้นเลยเหรอ?”

     

     

    “...”


     

    “ฉันอยากเกิดเป็นนายจริงๆนะจินยอง นายน่ะ..”

     

     

    “...” ผมไม่พูดอะไรต่อ ปล่อยให้เพื่อนนั่งพิงไหล่ผมอยู่แบบนั้นไปเรื่อยๆ เพิ่งเคยเห็นแจบอมเป็นแบบนี้ครั้งแรกนะ

     

     

    จริงๆแล้วแจบอมไม่ใช่คนที่ขรึมขนาดนั้นหรอกครับ เขาแค่เข้ากับคนอยากเท่านั้นแหละ อย่างที่รู้กันว่าแผนภูมิความคิดและการใช้ชีวิตของหมอนี่ค่อนข้างจะซับซ้อนและสับสน การที่เขาเป็นคนยึดมั่นในความคิดของตัวเองนั่นก็อาจจะเป็นหนึ่งปัญหาที่ทำให้เขาเข้ากับคนยาก แต่ใช่ว่าแจบอมจะเข้าใจยากไปซะทุกเรื่องนะ เวลาที่เขาเศร้าก็พูดออกมาว่าเศร้า เวลาที่มีความสุขเขาก็แสดงออก

     

     

    แค่เขาเลือกคนที่เขาอยากแสดงความจริงใจจริงๆเท่านั้นเอง

     

     

    เขาเคยบอกผมว่าผมเป็นคนที่เขาสามารถแสดงตัวตนของเขาได้จริงๆมากที่สุด มากกว่าพ่อแม่เขาด้วยซ้ำ เพราะว่าเรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็กเวลาส่วนใหญ่เราก็จะอยู่ด้วยกัน หลายครั้งที่ผมต้องรองรับอารมณ์ที่แปรปรวนของเขา ซึ่งตอนนี้ผมก็ชินและรับมืออารมณ์เหล่านั้นได้แล้วล่ะ หลายครั้งที่แจบอมถูกสาวบอกเลิกเขาก็จะทำตัวเหมือนว่าเขาไม่เป็นไรสุดท้ายก็มานั่งเสียใจที่บ้านผม เวลามีปัญหาก็มาปรึกษาผม หรือแม้กระทั่งเมาจนเพี้ยนก็เพี้ยนแค่เวลาอยู่กับผม


     

    นั่นแหละอิมแจบอม

     

     









     

     

    หลังจากแยกกับแจบอมที่ขอตัวไปหาแทคยอนฮยอง ผมก็เดินตรงไปที่ห้องซ้อมทันที ป่านนี้เด็กนั่นคงแห้งตายไปแล้วแน่ๆ

     

     

     

    “นี่ๆ ผมว่านะเราควรเพิ่มท่านี้เข้าไป” พอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นยองแจยืนทำท่าประหลาดๆให้พวกทูพีเอ็มฮยองดู ไปสนิทกันตลอดไหนเนี่ย?

     

     

    “อ้าวจินยอง มานี่สิ ฮ่าๆ เด็กคนนี้น่ารักดีนะ คนดูแลของนายเหรอ?” นิชคุณฮยองกวักมือเรียกผมไปนั่งด้วยและเอาแต่มองยองแจที่ยืนเต้นโชว์


     

    “นายโชคดีมากเลยนะได้มีเด็กร่าเริงแบบนี้ดูแลน่ะ ขนาดพวกฮยองเจอเด็กคนนี้ไม่ถึงชั่วโมงยังรักเลยเนี่ย” คราวนี้อูยองฮยองเอียงนายมากระทุ้งศอกใส่ผม

     

     

    ฮยองทั้ง 6 คนดูเอ็นดูเจ้ายองแจกันหมด เด็กคนนี้คงเกิดมาพร้อมพรสวรรค์ในการทำให้คนรักและเอ็นดูตั้งแต่ครั้งแรกสินะ ไม่ว่ายองแจจะพูดหรือจะทำอะไรฮยองและทุกคนในห้องซ้อมรวมถึงตัวผมต้องยิ้มตาม

     

     

    “เด็กนี่น่ารักดีนะ” แทคยอนฮยองโผล่มาจากข้างหลังสะกิดผมให้หันไปหาและทำตาน่าพริ้มและเจ้าเล่ห์ใส่

     

     

     “ถ้าได้เด็กคนนี้เป็นพรีเซ็นเตอร์อ๊คแคทคนต้องเห่กันมาซื้อแน่ๆ โฮ๊ะๆๆ”

     

     

    ป้าป!

     

     

    “เอะอะก็เอาแต่ขายของนะนาย”

     

     

    “โถ่บัดดี้อย่าตีเค้าสิ งุ้งงิ้ง”

     

     

    “อ่า..”


     

    “ฮิๆ ผมน่ารักใช่ไหมล่ะ ดูสิฮยองเขายิ้มกันใหม่เลย” หลังจากโม้เสร็จยองแจก็เดินมานั่งข้างๆผมและทำหน้าตาน่ารักใส่

     

     

    “นั่นเพราะเค้าขำนายหรือเปล่า”

     

     

    “มั่ว เมื่อกี้จุนโฮกับมินจุนฮยองยกนิ้วให้ผมด้วย คิกๆๆ ผมได้ถ่ายรูปกับทูพีเอ็มฮยองทุกคนด้วยนะดูป้ะ” ยองแจทำท่าจะหยิบมือถือออกมาโชว์แต่ผมส่ายหน้าเป็นกวนๆใส่ เขาหน้าหงิกนิดหน่อยก่อนจะลุกขึ้นเต้นตามเพลงที่เหล่าฮยองทั้ง 6 ซ้อมอยู่

     

     

    “ฮา ฮา ฮารูชงอิน~ นี นีเซงกา~ ปุนนียา ปุนนีย๊า~~

     

     

    “พรืดดด ฮ่าๆๆๆ” ผมหัวเราะก๊ากทันทีเมื่อเห็นเด็กอ้วนยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงและส่ายก้น คือถ้าเกิดคนอื่นเต้นผมจะไม่ขำหรอก แต่ด้วยท่าทางของเด็กนี่แล้วผมก็อดขำไม่ได้ ผมแอบเห็นฮยองทั้งหลายกลั้นขำด้วย ในเวลาไม่ถึงชั่วโมงยองแจสามารถเอาใจและมัดใจให้คนเอ็นดูได้ เขานี่พิเศษจริงๆนั่นแหละ

     

     

    “แฮ่กๆ ฮยอง ผมโคตรเหนื่อยอ่ะ แค่เต้นตามสามสี่เพลงเองทำเหนื่อยแบบนี้อ่ะ โอ๊ย” คนขี้บ่นลงไปนอนราบกับพื้นแล้วหายใจหอบมือเสยผมที่ปรกหน้าขึ้นไปอย่างรำคาญ

     

     

    “แล้วใครให้นายเต้นกันล่ะ คึกคักไม่รู้เรื่อง” ผมก้มหน้าลงไปมองหน้าเด็กน้อย เวลาเห็นหน้ายองแจเวลานอนแล้วรู้สึกเหมือนเห็นพระอาทิตย์ดวงที่สองเลย ฮ่าๆ

     

     

    “แล้วนี่เจบีฮยองไปไหนเหรอ?”

     

     

    “ไปเดินเล่นมั้งเดี๋ยวก็มาแหละ”


     

    “โหย เจบีฮยองใจร้ายอ่ะ บอกให้ผมอยู่ในนี้ห้ามไปไหนแต่ตัวเองออกไปข้างนอกเนี่ยนะ เหอะ” ยองแจทำปากเจ่อเหมือนที่ชอบทำเวลาไม่พอใจขาสองข้างถีบไปมาเหมือนเด็ก

     

     

    “ฮ่าๆ หมอนั่นขวางโลกจะตาย”


     

    “นั่นสิผมไม่เข้าใจเค้าจริงๆเลย” ยองแจหันมามองหน้าผมและตบมือที่พื้นเพื่อบอกให้ผมนอนลง “ผมว่าฮยองเค้ามีตัวตนแปลกๆอ่ะ”

     

     

    “ยังไงอ่ะ?” ผมเลื่อนตัวลงไปนอนข้างๆกับเขา


     

    “ก็แบบบางทีก็เหมือนจะเมินผมแต่บางทีก็แกล้งผม บางทีเหมือนหมั่นไส้แต่ก็ทำตัวลึกลับ ผมไม่เข้าใจอ่ะ”


     

    “อื้ม..”

     

     

    “ฮยองเข้าใจเค้าไหม??” หันมาเขี่ยมือผมเป็นการถาม

     

     

    “ก็ไม่รู้สิ ถ้านายบอกว่าหมอนั่นเมินแปลว่าปกติ ฉันตอนแรกก็เคยโดนเขาเมินนะฮ่าๆ ”

     

     

    “เขากล้าเมินคนแบบฮยองได้ไงเนี่ย”

     

     

    “ฮ่าๆ สไตล์หมอนั่นน่ะ”

     

     

    “อ้อ”


     

    “แต่ถ้านายบอกว่าหมอนั่นแกล้งนาย” ผมหันไปมองหน้ายองแจ เขาเองก็หันมาทางผมเหมือนกับรอคำตอบ “นายเดินขึ้นมาได้หนึ่งขั้นแล้วล่ะ”

     

     

    “หนึ่งขั้น?”

     

     

    “อื้ม คนแบบอิมแจบอมน่ะ มีบันไดอยู่ 3 ขั้นด้วยกัน ขั้นแรก คือ เพื่อน ถ้านายก้าวมาขั้นนี้ได้แล้วนายก็จะได้เห็นมุมทะเล้นของหมอนี่ ที่อาจจะอยากแกล้ง หมั่นไส้ ประมาณนั้น ส่วนขั้นที่ 2 นายก็จะได้รับความไว้ใจ เป็นที่ปรึกษา ได้เห็นว่าที่หมอนี่น่ะเป็นคนยังไงบ้าบอแค่ไหน...”

     

     

    “ส่วนขั้นสุดท้าย...คือขั้นที่นายสามารถก้าวเข้าไปยืนในโลกของแจบอมได้อย่างเต็มใบ นายจะเป็นคนที่หมดนั่นห่วงที่สุด แคร์ที่สุด เป็นโลกทั้งใบของหมดนั่น เป็นสิ่งที่ถ้าเกิดหายไปหมอนั่นอาจจะคลั่งหรือตายไปเลยก็ได้”

     

     

    “โห...งั้นแบบนี้ฮยองก็อยู่ขั้นที่ 3 แล้วอ่ะดิ”

     

     

    “ไม่หรอก..” ผมเงยหน้าขึ้นไปมองกำแพงแล้วถอนหายใจ “บันไดขั้นที่ 3 ของหมอนั้นคือขั้นที่ชันที่สุดและแทบจะปิดตาย ฉันน่ะไม่มีกุญแจหรอก”

     

     

    “ฮะ??”


     

    “บางที หมอนั่นอาจจะเก็บกุญแจไว้เองเพื่อรอให้ใครสักคนมาขโมยกุญแจและเปิดมัน”

     

     

    เป๊ปนะครับ...

     

     

    ยองแจไม่เข้าใจอ่ะ TOT


     


     

     

    Talk : ตกลงแล้วบีเนียร์ ทูแจ หรือสองยอง คนเขียนชักงงตัวเองแล้วค่ะ 555555555 ตอนนี้ทำไมซับซ้อน  ทำไมงง เขียนเองเริ่มงงเองข่า...แอบมีโปรโมทเพลงและมอบบทให้สามีนิดหน่อย 55555 ตอนนี้อาจจะสั้นไป แต่เดี๋ยวตอนหน้ากลับไปบ้าที่แจ็คสันกับแฟน อิ้อิ้
    ปล.ตอนนี้มันสั้นไปใช่ไหมคะ? งั้นไปอ่านฟิค
    สั้น มาร์คแบม รอก่อนนะ 555555 นี่ไม่ได้โฆษณาแฝงเลยอิอิ 

    B-ING MarkBam

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×