ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สุดยอดปริศนาที่ยังหาคำตอบไม่ได้

    ลำดับตอนที่ #7 : เปิดตำนาน โมนาลิซ่า ตอนที่1

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.62K
      11
      23 ก.ค. 53




    Who is Mona Lisa ?  กว่า   5 ศตรวรรษแล้วที่คำถามนี้ ยังเป็นปริศนาและยัง ไม่มีคำตอบที่ชัดเจน
    และแน่นอน ว่าบุคคลในภาพ เขียนนี้เธอคือใครกันแน่ ลีโอนาร์โด ดา วินซี่ (Leonardo da vin Ci  C. 1452-1519) วาดภาพนี้ขึ้นราวๆ ค.ศ. 1503-1506 โดยทิ้งรอยยิ้มที่ลึกลับ เคลือบแคง และแฝงไปด้วยปริศนามากมายลงบนใบหน้าของ โมนา ลิซ่า ให้ผู้คนได้นึกคิด จินตนาการกันไปต่างๆ นานา ยาวนานถึง 5 ศตรววรษ จวบจนกระทั่งปัจจุบัน คำถามที่ผู้คนสงสัย และได้ค้นคว้าหาคำตอบกันอย่าง มากมาย ก็คือ โมนา ลิซ่า คือใคร ?  

          ตามคำบอกเล่าของ "จิออร์โอ วาซารี" (Giorgio Vasari C. 1511-1574) จิตรกร สถาปนิก และ ผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับศิลปะในสมัยนั้น เขากล่าวไว้ว่า โมนา ลิซ่า คือภรรยาของ ฟรานเชสโก เดล จิโอกอนโด ซึ่งเป็นพ่อค้าไหมที่มั่งคั่งแห่ง เมืองฟลอเรนซ์ ขณะที่ ดาวินซี่ เขียนภาพนี้ซึ่งใช้เวลานานถึง 4 ปี เขาได้ไปว่าจ้าง นักร้อง นักดนตรี และตัวตลกมาให้ความบันเทิงแก่หญิงงามผู้เป็นแบบของ ภาพเขียน เพื่อให้เธอมีรอยยิ้มที่ปราศจากความเศร้าหมอง อย่างไรก็ตามจากคำ บรรยายของ วาซารีก็เป็นเพียงข้อมูลจากผู้ที่ไม่เคยเห็นภาพเขียนนี้ของ ลีโอนาร์โด แต่อย่างใด
          จากหลักฐานอีกแหล่งหนึ่งจาก "อันโตนิโอ เดอ เบอาทิส" ผู้บันทึกปากคำของ ลีโอนาร์โดใน ค.ศ. 1517 ว่าผู้เป็นแบบในภาพคือสตรีชาว ฟลอเรนซ์และ จูลีอาโน เดอ เมดิซี่ เป็นผู้ว่าจ้างให้เขียนภาพนี้ จากการที่ ไม่มีหลักฐานปรากฎที่แน่ชัด ว่าใคร เป็นแบบให้กับ ลีโอนาร์โดวาดภาพนี้ จึงทำให้มีการตั้งข้อสันนิษฐานกันไป ต่างๆ นานา ไม่ว่าจะเป็น บุคคลใน ภาพอาจเป็น คอนสัตันซ่า คาวารอส หรืออาจจะเป็น อิสซาเบลลา เดสเต ผู้อื้อฉาว หรืออาจเป็นภรรยาลับของ จูลีอาโน เดอ เมดิซี่ ทั้งนี้ เพราะได้ ปรากฎว่า มีโมนา ลิซ่า (เปลือย) หลายภาพในศตรววษที่ 16 ซึ่งเป็น ที่โด่งดังมากกับภาพเปลือยของสาวผู้นี้



    Mona Lisa (detail)
            นอกจากนี้จากการที่ลีโอนาร์โดเองมีชื่อที่ถูกกล่าวขานกันว่าเขาเป็นพวก รักร่วมเพศ จึงเกิดการสันนิษฐานว่า โมนา ลิซ่า ไม่ใช่ผู้หญิงแต่เป็นภาพเหมือนจำแลง เพศของเด็กหนุ่มรูปงามคนใดคนหนึ่ง ซึ่งศิลปินมักเลี้ยงไว้ติดสอยห้อยตามในสตูดิโอ บ้างก็มีการนำภาพเหมือนของ ลีโอนาร์โดมามาเปรียบเทียบกับภาพของ โมนา ลิซ่า แล้วก็สรุปเอาดื้อๆว่าภาพเขียนอันลือชื่อนี้แท้ที่จริงคือภาพของ ลีโอนาร์โด ดาวิน ซี่ เองที่แปลงกาย แต่งตัวเป็นสตรีเพศ ยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่สนับสนุนทฤษีนี้ยังกล่าวเสริม ต่อไปว่า ลายปักขดเชือกที่รอบคอเสื้อของ โมนา ลิซ่า คือลายเซ็นลับของ ดาวินซี่เอง เพราะในภาษาอิตาเลี่ยนคำว่า "ขดเชือก" จะตรงกับคำว่า "วินชีเร่" (Vincire)
               แม้ว่าบุคคลในภาพ โมนา ลิซ่า ยังเป็นสิ่งที่ถกเถียงกันอยู่ แต่ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ครอบครองภาพนี้ยังพอมีข้อมูลอยู่บ้าง นั่นก็คือ เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ลีโอนาร์โดไม่ยอมพรากจากภาพเขียนนี้ และเขาได้นำติดตัวพร้อมกับทรัพย์สินสินมีค่าอื่นๆที่เขารัก หวงแหน ออกจากกรุงโรมเมื่อครั้งเดินทางมาที่ฝรั่งเศสเพื่อเป็นศิลปินแห่งราชสำนักของพระเจ้าฟรานซิสที่ 1 (ค.ศ. 1479-1547) ใน ค.ศ. 1517 ด้วยเหตุนี้เองผู้ครอบครองภาพ โมนา ลิซ่า คนแรกก็คือกษัตริย์ฝรั่งเศส ซึ่งโปรดให้นำภาพไปประดับที่ห้องสรงในพระราชวัง ฟองแตนโบล แต่เมื่อจักรพรรดินโปเลียนขึ้นครองราชย์ ภาพโมนา ลิซ่า จึงถูกย้ายมาพำนักในห้องพระบรรทมและมีชื่อเรียกอย่าง สนิทสนมว่า "มาดาม ลิซ่า



    Attitude to Mona Lisa มุมมอง ทัศนะคติ และ ความคิดเห็นความรู้สึก ต่างๆ ที่มีต่อ Mona Lisa นั้นมีมากมายเหลือเกิน "จูลส์ มิเชอเลต์" พรรณนาไว้ใน หนังสือประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสว่า "ภาพเขียนนี้ดึงดูดข้าพเจ้า พรํ่าเรียกข้าพเจ้า รุกรานข้าพเจ้า ซึมซาบเข้าไปในตัวข้าพเจ้า ข้าพเจ้าตรงลิ่วเข้าไปหาโดยไม่รู้สึกตัว ประดุจนกบินดิ่งเข้าไปในปากงูพิษ" นี่คือทัศนคติต่อ Mona Lisa ในศตรววรษที่ 16 ที่มองความงามในแบบอุดมคติ แต่มุมมองจากนักวิจารณ์ในศตรววรษที่ 19 กลับมอง ไปอีกด้านหนึ่ง โดยเฉพาะกลุ่มโรแมนติคส์ที่มองว่า โมนา ลิซ่า เป็นสตรีมรณะ (Femme fatale) หรืออีกนัยหนึ่งคือสตรีผู้ยื่นความตายแก่บรุษ
           สำหรับเธโอฟิล โกติเอร์ (Theophile Gautier) โมนา ลิซ่า มิได้เป็นสาวน้อยที่มี รอยยิ้มแสนหวานงามปานกลีบกุหลาบ ตามที่วาซารีเคยพรรณนาไว้แต่จะเป็นสาววัย สามสิบที่ร่องรอยแห่งเลือดฝาดและความสดใสแห่งชีวิตเริ่มที่จะอันตรธานหายไป สีของอาภาณ์และผ้าคลุมผมของเธอ ซึ่งหมองคลํ้าเพราะกาลเวลาทำให้เธอดูเหมือนหญิง หม้ายที่แฝงไว้ด้วยความทุกข์โศก
           อันที่จริงแล้ว ลักษณะรอยยิ้มของ โมนา ลิซ่า ที่มีการตีความไปต่างๆนานานั้น สามารถ พบเห็นได้ในภาพเขียนอื่นๆของ ดาวินซี่ เองเช่น รอยยิ้มที่แฝงความอ่อนโยนและการุณย์ ของเซนต์แอนน์ หรือพระแม่มารี หรือแม้กระทั่งรูปปั้นในยุคโบราณของกรีก ในศตรวรรษที่ 19 มีผู้เห็นว่าภายใต้รอยยิ้มยากที่จะหยั่งลึก ของโมนา ลิซ่า นี้กลับแฝงไว้ด้วย ปริศนาอมตะ แห่งอิสตรี ส่วนนักจิตวิเคราะห์อย่าง ซิกมันด์ ฟรอยด์ (Sigmund freud) ก็ตีความหมายว่า "ลีโอนาร์โดหลงไหลรอยยิ้มของ โมนา ลิซ่า" เพราะมันคือสิ่งที่หลับไหล ภายในจิตใจและความทรงจำในอดีตของเขาที่ผ่านมานานแล้ว รอยยิ้มนี้ถอดแบบพิมพ์ มาจากคาเตรีนาผู้เป็นมารดา สำหรับนักสุนทรียศาสตร์อย่าง วอลเทอร์ เพเทอร์ (Walter Pater) พรรณนาไว้ว่า "เธอมีอายุแกกว่าหินผาที่ห้อมล้อมเธอ ประดุจหนึ่งปีศาจดูดเลือด เธอได้ตายมาแล้วหลายคราและหยั่งรู้ความลึกลับแห่งหลุมศพ"



    พอมาถึงต้นศตรวรรษที่ 20 ผู้คนรุ่นใหม่ๆเกือบที่จะไม่ได้แสดงความคิดเห็น ความรู้สึก และทัศนคติต่อโมนา ลิซ่า เสียแล้ว เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ค.ศ. 1911 ในเวลา เช้าตรู่ข่าวการโจรกรรมภาพ Mona Lisa ออกจากพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ปรากฎต่อมวลชน ซึ่งกว่าจะค้นพบเธอและจับกลุมผู้โจรกรรมได้ก็ต้องใช้เวลาถึง 2 ปี ปรากฎว่าคนที่ โจรกรรมโมนา ลิซ่าไปก็คือคนที่ทำความสะอาดในพิพิทภัณฑ์นั่นเอง สถานที่ค้นพบ โมนา ลิซ่า นั้นก็คือเมือง ฟลอเรนซ์บ้านเกิดของเธอนั่นเอง ในปัจจุบันนี้โมนาลิซ่าได้รับการ ทะนุถนอมเป็นอย่างดี ในตู้กระจกปรับอากาศและกันกระสุน ซึ่งไม่มีใครที่จะสามารถลักพาตัวเธอได้อีกต่อไป มีสิ่งที่น่าสังเกตุก็คือ ตั้งแต่การหายลึกลับของ โมนา ลิซ่าเป็นระยะเวลายาวนานในคราวนั้น มีผู้ที่ไปดูโมนา ลิซ่าบางคนบอกว่า รอยยิ้มของเธอนั้นเปลี่ยนไป โดยที่ตั้งข้อสงสัยว่า เธออาจไม่ใช่ โมนา ลิซ่า ตัวจริง 
           












    ภาพ Mona Lisa นี้มีการนำภาพเธอมาตีพิมพ์หรือนำเธอมาแปลงโฉม ในรูปแบบต่างๆ อาจจะมากที่สุดในโลกภาพหนึ่งก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็น โปสการ์ด ข้าวของเครื่องใช้ ของที่ระลึก และบ้างก้ใช้เธอเป็นตัวดึงดูดในงานโฆษณาบนสิ่ง พิมพ์ต่างๆ แม้กระทั่งวงการดนตรียังมีเพลงชื่อ โมนา ลิซ่า เลย ส่วนในแวดวงศิลปะ ก็มี มาเซล ดูชองป์ ศิลปินชาวฝรั่งเศส ได้วาดภาพที่ชื่อ L.H.O.O.Q. โดยดูชองป์ได้นำภาพ โมนา ลิซ่า มาใส่หนวด พร้อมทั้งให้ฉายาเธอตามชื่อภาพ ซึ่งเป็นการเล่นเสียงคำแสลงที่แฝงนัยทางเพศที่ออกเสียงว่า "elle a chaud au cul" ซึ่งแปลว่า "หล่อนมีก้นอันเร่าร้อน" นอกจากนี้ยังมีศิลปินแนว Pop art ที่ชื่อ "Andy Warhol" ได้วาดภาพ โมนา ลิซ่า ในสไตล์ป๊อปอาท ที่เป็นลักษณะเฉพาะ ของเขาเอง

            แม้ว่าวัย 5 ศตวรรษของ Mona lisa กำลังจะผ่านไป และกำลังจะก้าวเข้า ไปสู่ ปี 2000 หรือ Millennium ชื่อของ โมนา ลิซ่า ก็ยังคงจะอยู่อย่างมั่นคง แน่นอน และเป็นอมตะ แต่โฉมหน้าของเธอจะเปลี่ยนไปเช่นใดนี่ซิ เป็นเรื่อง ที่น่าติดตาม จาก 5 ศตรววรษที่ผ่านมา Mona Lisa ยังอยู่ในกรอบรูปเพียงเท่านั้น แต่ ณ. วันนี้ Mona Lisa ก็มาอยู่บน Internet เสียแล้ว อย่างเว็บผมนี้เป็นตัวอย่าง และเว็บอื่นๆ อีก นอกจากบนอินเตอร์เน็ทแล้ว เธอยังอยู่บนนิตยาสารต่างๆที่ใช้เธอเป็นพรีเซนต์เตอร์ ในการโฆษณาสินค้า, อยู่บนโปสการ์ดที่ส่งรอยยิ้มให้แก่คนที่คุณรัก, อยู่บนพวงกุญแจ, อยู่บนแก้วกาแฟคอยส่งยิ้มให้คุณในยามเช้า, อยู่บนด้ามปากกา, และอยู่บนที่อื่นๆอีกมากมาย เกินกว่าที่จะพรรณนาได้หมด แต่โแมหน้าของเธอ ที่มาพปปะคุณตามสิ่งของต่างๆนั้น อาจมีหน้าตาเปลี่ยนไป โมนา ลิซ่าอาจสูบบุหรี่ ถือโทรศัพท์มือถือ หรืออาจจะเป็นแมวก็ได้

            ในศตรวรรษหน้าหลังปี 2000 ไป Mona Lisa จะยังคงเป็นที่นิยมของผู้คน ทุกชาติ ทุกภาษาต่อไปอีกแน่นอน ทั้งนี้เพราะเธอได้ไปยืนอยู่ในดวงใจของคุณ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่า Mona Lisa เธอจะเป็นใครก็ตามที เธอจะมีตัวตน จริงๆหรือไม่ก็ตาม ก็ยังคงเป็นปริศนาต่อไป ถ้าคุณเองมีโอกาสสักครั้งที่ได้ไป สัมผัสรอยยิ้มของเธอ


    ที่มา http://www.watchari.com/
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×