ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สุดยอดปริศนาที่ยังหาคำตอบไม่ได้

    ลำดับตอนที่ #4 : ปริศนาหีบพระบัญญัติศักสิทธิ์

    • อัปเดตล่าสุด 18 ก.ค. 53


     

    ปัญหาสงครามและความอดอยากและความยากจนของเอธิโอเปีย เป็นสิ่งที่เรารู้จักกันดี แต่ถ้ามองภูมิประเทศ ความอุดมสมบูรณ์และความเขียวขจี บริเวณที่ราบสูงและทิวเขาอันสลับซับซ้อน ราวกับสวนของ อีเดน

    นี่คือดินแดนแห่งคริสตศาสนา ที่ซึ่งพระคัมภีร์อันเก่าแก่และทรงคุณค่า ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งและวัฒนธรรม ของประเทศ ดังที่ชาวเอธิโอเปียได้กล่าวว่า ที่แห่งนี้ เป็นดินแดนแห่งศาสนาในยุคของกษัตริย์ โซโลมอน

    The image http://www.particle.kth.se/~lindsey/Images/axumArk.jpg cannot be displayed, because it contains errors.

    การตามรอยกษัตริย์โซโลมอนที่เมือง อักซุม หรือ อักซัม เมืองเก่าแก่ ในตำนานของชาวเอธิโอเปียกล่าวว่า หีบพระบัญญัติได้โยกย้ายจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ของเยรูซาเลม ของกษัตริย์โซโลมอนยังมีพระชนชีพอยู่ ต่อมาพระโอรสของกษัตริย์โซโลมอนพระนามว่า เบเนลิค ซึ่งประสูติจากราชินีชีบา ได้นำหีบพระบัญญัติ มายังเมืองอักซุม เมื่อ 3,000 ปีที่แล้ว

    หีบพระบัญญัติเปรียบเสมือนของขวัญของพระเจ้า ได้พระทานแด่มนุษย์ และยังเป็นที่เก็บซ่อนความลับ เกี่ยวกับการสร้างโลกของพระเจ้าด้วย ไม่แน่ในโบสถ์นี้ อาจเป็นที่ซ่อนของมรดกล้ำค่าของโลก ที่จะช่วยคลี่คลายปริศนาของเรื่อง ที่ว่าเรามาจากที่ไหน และเรากำลังจะไปที่ไหนกัน

    ในโบสถ์นั้นมี นักบวชแค่รูปเดียว เป็นผู้ที่คอยดูแลโบสถ์หลังนี้ และไม่เคยออกไปไหนเลย ต้องพำนักอยู่ที่นี่ตราบชั่วชีวิต นักบวชผู้นี้ จะต้องคอยป้องกันไม่ให้คนนอกเข้าไปข้างในนี้ได้ ท่านนักบวชจะสวดมนต์ทุกวัน และสวดตลอด 24 ชั่วโมง

    หีบพระบัญญัติ เป็นหีบที่เก็บบัญญัติ 10 ประการ เก็บไว้ในกล่องสีทอง ในโบสถ์นี้ ไม่สามารถที่จะให้ใครชมหีบพระบัญญัติได้ แม้แต่คนในศาสนาเดียวกันก็ตาม พวกเขาจะสวดมนต์อยู่ข้างนอกโบสถ์ ถ้าใครได้เห็นหีบบัญญัติโชคร้ายก็จะเกิดแก่คนผู้นั้น และร่างกายก็จะเหลือเพียงเถ้าถ่าน และทุกคนเชื่อว่า หีบพระบัญญัติของจริงถูกเก็บไว้ในที่แห่งนี้ครับ

    The image http://www.romaspqr.it/ROMA/obelisco-di-axum.jpeg cannot be displayed, because it contains errors.

    นี่คือหินแกรนิตแกะสลัก มันคือศิลาจารึกมีข้อความต่อเนื่องกันด้วย แผ่นหินขนาดใหญ่นี้ตั้งอยู่ในเขตสุสานของเมือง ซึ่งเป็นที่ฝังพระศพของกษัตริย์ครับ ตลอดจนร่างของผู้นำ และชนชั้นสูงของดินแดนแห่งนี้ ทุกแห่งของเมืองอักซุม จะเห็นแท่งหิน ที่เป็นหลักศิลาจารึก ล้มเกลื่อนกับพื้น มีมากกว่า 300 แท่ง และพื้นที่เหล่านี้ยังคงใช้เป็นสุสานของเหล่าราชนิกูล ใต้พื้นดินนี้คงจะมีร่างของกษัตริย์ที่ชิ้นพระชนต์ไป

    แท่นหินนี้เป็นแท่งหินขนาดใหญ่แท่งเดียว และเป็นอนุสาวรีย์แท่งหินสลัก ที่ใหญ่ที่สุดด้วย มันมีน้ำหนักถึง 500 ตัน สูงถึง 33 เมตรเลยทีเดียว ลองนึกถึงเทคโนโลยีในสมัยนั้น  มันแทบจะไม่น่าเชื่อเลยว่าพวกเขานั้นจะสามารถตัดเจาะ สลัก ลำเลียงและสามารถยกแท่นหินขนาดใหญ่ ให้ตั้งสูงขึ้นไปแบบนั้นได้ น่าเหลือเชื่อมากจริง ๆ ครับ เพราะดูจากขนาดแล้ว มันแทบจะไม่น่าจะเป็นไปได้เลย ว่ากันว่า บางต้นมันถูกสร้างขึ้นก่อน ปิรามิด ของอียิปต์

    The image http://www.romanet.it/Contents/Luoghi_Txt/Tour_it/axum/axum2.jpg cannot be displayed, because it contains errors.

    เชื่อกันว่าศิลาจารึกส่วนใหญ่ ย้อนไปถึงต้นศตวรรษที่ 4 แต่มีบางส่วนที่เก่าแก่กว่านั้น แท่งหินที่สูงถึง 21 เมตรนี้ มีลักษณะคล้ายตึก มีรูป ประตูด้วย มีหน้าต่างและพื้น หินแห่งนี้เป็นที่เก็บรักษาร่างของผู้ตาย และแท่งหินนี้ก็จะหันหน้าไปทางทิศใต้ ซึ่งจะรับแสงจากดวงอาทิตย์

    ดวงอาทิตย์มีความสำคัญมาก เพราะมีรูปดวงอาทิตย์อยู่ด้วย และน่าจะมีความหมายแก่ผู้ตาย การที่ผู้ตายได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์เหมือนกับว่าผู้ตายยังคงมีชีวิตอยู่ แต่อีกนัยอยู่แท่งหินนี้ ลักษณะคล้าย องค์ชาติ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการสืบเผ่าพันธุ์ ก็เป็นได้ครับ

    ศิลาจารึกนี้ด้านบนสลักรูปดวงอาทิตย์ ซึ่งสื่อถึงการมีชีวิตและการเกิดใหม่ แต่ก็ยังบ่งบอกของความเป็นคริสต์อยู่ด้วย คือที่หน้าต่างอาจมองเป็นรูปไม้กางเขนก็ได้ครับ

    หลังจากศาสนาคริสตได้เผยแพร่มายังเอธิโอเปีย ในช่วงศตวรรษที่ 4
     


    เดปเบอร์ดาโม โบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดในเอธิโอเปีย เพื่อที่จะเข้าใจความหมายของหีบพระบัญญัติเดปเบอร์ดาโม สร้างขึ้นในสมัยของนักบุญทั้ง 9 ครับ ที่เข้ามาเผยแพร่ศาสนาคริสต์เมื่อศตวรรษที่ 5 ภายในโบสถ์มีเอกสารสำคัญ เก็บเอาไว้มากมาย

     The image http://www.grabler.at/haus_grabler/multimedia_show/multimedia_show/dia_aethiopien/damo_12_small.jpg cannot be displayed, because it contains errors.

    สถานที่ลึกลับอยู่บนโน้นครับ ทางขึ้นสูงประมาณ 20 เมตร วิธีขึ้นต้องดึงตัวเองโหนเชื่อกขึ้นไปเท่านั้น ของล้ำค่านี้เป็นหนังสือเล่มหนึ่ง เกี่ยวกับกษัตริย์ผู้เกรียงไกร หรือ เคปล่านากัส แต่เป็นที่น่าเสียดายนิดหน่อยที่โบสถ์ เดปเบอร์ดาโม เคยเสียหายจากการถูกไฟไหม้ หนังสือนี้เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เรารู้ว่าตำนานของพระคัมภีร์ที่เบเนลิกทรงนำติดตัวมาด้วย มีเรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ประวัติของโบสถ์ ประวัติของพระเจ้าประวัติของหีบพระบัญญัติ และร่องรองของกษัตริย์

     

    The image http://camelworld.com/images/PICT3059.JPG cannot be displayed, because it contains errors.

    ทว่า เกิดไฟไหม้ หนังสือหลายเล่มรวมทั้ง เคปล่านากัส และอื่น ๆ โดนไฟเผา แต่ก็ยังมีเอกสารอื่นที่หลงเหลือจากไฟไหม้ หนังสือเกี่ยวกับ อัศจรรย์พระแม่มารีย์ครับ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระแม่มารีย์ผู้บริสุทธิ์ กับกำเนิด คริสต์ศาสนาครับ อายุหนังสือนี้มากกว่า 1,500 ปีครับ มีพระของพระผู้เป็นเจ้า ,พระแม่มารีย์และมีเซนต์จอร์จ รวมทั้งภาพการตรึงการเขน และพระแม่มารีย์ร้องไห้ด้วย

    เป็นหนังสือที่ไม่ธรรมดามาก มีลักษณะเป็นเอกลักษณ์ และสำคัญมาก ๆ กับประเทศแห่งนี้ครับ ยิ่งไปกว่านั้น เป็นงานศิลปะที่ทรงคุณค่ามาก ๆ ครับ

    ความอัศจรรย์ของพระแม่มารีย์เป็นหนังสือภาพเล่มหนึ่ง ที่แสดงศิลปะแบบโบราณ และช่วยให้ผู้อ่านได้เกิดสติปัญญาด้วย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×