ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สุดยอดปริศนาที่ยังหาคำตอบไม่ได้

    ลำดับตอนที่ #28 : The Boston Strangler

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.ย. 53


    เครดิตตัวใหญ่ๆ :: http://ohx3.exteen.com/20070222/the-boston-strangler 

    The Boston Strangler


    ย้อนกลับไปยังอเมริกาในช่วงปี 1960 ในขณะนั้น บอสตันเป็นหนึ่งในเมืองสำคัญของอเมริกาเพียงเมืองเดียวที่มีจำนวนประชากรลดลงเรื่อยๆ ที่ว่าการเมืองบอสตันจึงประกาศการรณรงค์ฟื้นฟูเมืองขึ้น ประกอบกับในยามนั้น จอห์น F. เคเนดี้ซึ่งเป็นชาวรัฐแมสซาซูเสสเพิ่งจะได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี จึงมีการระดมทุนกว่าพันล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับโครงการ"นิวบอสตัน"นี้โดยเฉพาะเพื่อทำการปรับปรุงเมือง เช่นการสร้างตึกระฟ้าเป็นที่ทำการราชการและออฟฟิส รวมไปถึงการแก้ไขปัญหาสลัมอีกด้วย
    และวันที่ 14 มิถุนายน 1962 ซึ่งเป็นวันประกาศโปรเจคต์ยักษ์ใหญ่นี้เองที่เป็นวันเดียวกับการเปิดฉากของคดีนักฆ่ารัดคอแห่งบอสตัน ผลทำให้เนื้อที่หน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ที่ควรจะขึ้นข่าวนิวบอสตันถูกพาดหัวนักฆ่าแห่งบอสตันแย่งไป สายตาทั่วโลกต่างหันมาจับตามองบอสตัน .....หากไม่ใช่ในแง่ของเมืองที่กำลังจะพัฒนาใหม่ แต่เป็นในฐานะของเมืองที่มีฆาตกรกำลังอาละวาดอยู่

    แอนนา สเลเซอร์ส (55) ถูกพบอยู่ในห้องพักของตัวเองบนชั้นสาม ศพเกือบจะเปล่าเปลือย แขนขาถูกจัดวางให้กางแผ่ออก หลังศรีษะมีรอยถูกทุบ คอถูกรัดด้วยสายคาดเอวของเสื้อคลุมอาบน้ำ ในห้องมีร่อยรอยการรื้อค้นแต่ไม่มีสิ่งของมีค่าหายไป แอนนาไม่ได้ถูกข่มขืน แต่มีร่อยรอยการถูกล่วงเกินทางเพศด้วยขวดไวน์
    30 มิถุนายน นีน่า นิโคลส์ (68) ถูกพบเป็นศพในสภาพที่ใกล้เคียงกับศพของแอนนาและมีร่องรอยถูกล่วงเกินทางเพศเช่นกัน
    นอกจากนี้ ทั้งสองคดียังมีส่วนคล้ายคลึงที่ไม่ได้ประกาศลงหนังสือพิมพ์อีก 2 ประการ
    ประการแรก เมื่อคนร้ายรัดคอเหยื่อแล้ว เขาได้ใช้เชือกที่รัดคอนั่นเองผูกเป็นโบว์ทิ้งไว้
    ประการที่สอง ศพถูกจัดท่าให้นอนถ่างขา และหันฝั่งขาไปทางประตู

    และในวันเดียวกันนี้เอง เฮเลน เบลค (65) ก็ถูกพบเป็นศพซึ่งมีสภาพตรงกับสองศพข้างต้นทุกประการ มาถึงตรงนี้ ตำรวจจึงเพิ่งสำนึกได้ว่าบนท้องถนนในเมืองมีฆาตกรโหดกำลังเพ่นพ่านอยู่

    * ที่จริงแล้ว ในวันที่ 28 มิถุนายน ได้มีการพบศพของแมรี่ มัลเลนส์ (85) ซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นเหยื่อของนักฆ่ารัดคอเช่นกัน แต่เนื่องจากศพของเธอไม่ได้ถูกรัดคอ ตอนเกิดคดีจึงเชื่อกันว่าเป็นการเสียชีวิตตามธรรมชาติ คาดว่าเนื่องจากแมรี่มีอายุมากแล้ว เป็นไปได้ว่าเธออาจจะหัวใจวายตายไปก่อนที่จะถูกลงมือฆ่าก็เป็นได้

    19 สิงหาคม ไอด้า อีร์ก้า (75) ถูกสังหาร สร้างความตื่นตระหนกไปทั่วบอสตัน หนังสือพิมพ์"บอสตันเฮรัลด์"ได้ออกข่าวเตือนประชาชนให้ระวังรับมือฆาตกรอย่างใจเย็น
    แต่คำเตือนดูหมือนจะไม่เป็นผลนัก วันที่ 30 สิงหาคม เจน ซัลลิแวน (67) ถูกพบเป็นศพดังเช่นเคย อวัยวะเพศซึ่งหันไปยังประตูห้องนั้นมีด้ามไม้กวาดเสียบอยู่ นอกจากนี้ คนร้ายยังทิ้งลายเซ็นไว้เหมือนจะเป็นการท้าทายตำรวจอีกด้วย

    การปรากฏตัวของนักฆ่ารัดคอผู้นี้ได้กลายมาเป็นการขัดขวางการทำงานหลายอย่าง เป็นต้นว่าบุรุษไปรษณีย์ พนักงานโทรเลข เจ้าหน้าที่เช็คมิเตอร์น้ำและไฟ ผู้สนับสนุนของนักการเมือง หากที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดนั้นคือพนักงานขายของตามบ้าน โดยเฉพาะเครื่องสำอาง AVON ซึ่งเน้นตลาดไปยังการขายตรงตามบ้านนั้นมียอดขายที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด


    สัญญาณกันขโมยอย่างง่ายระหว่างที่เกิดคดี
    มีการวางกระป๋องกับขวดไว้ตามบันไดอพาร์ทเมนท์และหน้าประตูห้องพัก

    ตำรวจขอความช่วยเหลือไปยังนักอาชญากรรมจิตวิทยา ซึ่งทางผู้เชี่ยวชาญก็ได้ส่งโปรไฟลิ่งก์กลับมาว่า คนร้ายน่าจะเป็นชายผิวขาวที่มีความแค้นต่อแม่ของตัวเอง (เนื่องจากผู้ตายทั้งหมดเป็นหญิงผิวขาวสูงอายุ) ตำรวจได้ดำเนินการสืบสวนต่อโดยอาศัยเบาะแสดังกล่าว แต่ในไม่ช้า ศพถัดมาก็ทำให้พวกเขาต้องสับสน

    5 ธันวาคม โซฟี่ คลาร์ก เป็นหญิงผิวดำอายุ 20 ปี เธอถูกข่มขืนเป็นรายแรกจากเหยื่อทั้งหมด ซึ่งข้อเท็จจริงนี้ทำให้การสืบสวนต้องกลับไปตั้งต้นใหม่อีกครั้ง
    31 ธันวาคม แพทริเชีย บริสเซ็ต (20) ถูกสังหาร
    9 มีนาคม 1963 แมรี่ บราวน์ (69) ถูกสังหาร *แมรี่เสียชีวิตเนื่องจากถูกแทง ขณะเกิดคดีจึงยังไม่ถูกนับเป็นฝีมือของนักฆ่ารัดคอ
    6 พฤษภาคม เบเวอรี่ ซาแมนส์ (23) ถูกสังหาร
    8 กันยายน เอเวอลิน คอร์บิน (58) ถูกสังหาร
    23 พฤศจิกายน โจแอน กราฟฟ์ (23) ถูกสังหาร ซึ่งวันนี้ยังเป็นวันที่มีความหมายสำคัญอีกอย่าง มันคือวันพิธีศพของจอห์น F. เคเนดี้ ซึ่งถูกลอบสังหารเมื่อวันก่อนนี่เอง ผลทำให้ความฝันที่จะสร้างเมืองใหม่ของบอสตันพังทลายไปพร้อมกับกับประธานาธิบดีผู้นี้ด้วย

    4 มกราคม 1964 แมรี่ ซัลลิแวน (19) ถูกสังหาร มีด้ามไม้กวาดเสียบอยู่ในอวัยวะเพศ ทรวงอกข้างหนึ่งถูกตัด มีการพบอสุจิอยู่บนใบหน้าและในปากของศพ นอกจากนี้คนร้ายยังได้แนบการ์ดใบหนึ่งไว้ที่นิ้วเท้าซ้ายของศพอีกด้วย
    "Happy New Year"
    และเธอก็กลายมาเป็นเหยื่อรายสุดท้ายของนักฆ่ารัดคอแห่งบอสตัน

    * ตรงนี้ไม่ค่อยเกี่ยวกับคดีเท่าไหร่นัก แต่อ่านแล้วน่าสนใจดีเลยแถมค่ะ
    ตำรวจจนมุมกับการสืบสวน พวกเขาจึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือไปยังปีเตอร์ ฮูร์คอส ซึ่งเป็นนักสืบพลังจิตที่กำลังมีชื่อเสียงอยู่ในขณะนั้น (ถ้าใครเคยดูหนังเรื่อง The Boston Strangler ก็จะมีฮูร์คอสออกโรงด้วยค่ะ) ฮูร์คอสได้ทำการสแกนและกล่าวว่า"คนร้ายเป็นชายร่างผอม หนักประมาณ 59-63 กิโลกรัม สูง 170-173 เซนติเมตร จมูกงุ้ม แขนซ้ายมีแผล มีปัญหาเกี่ยวกับนิ้วโป้ง และทำงานเกี่ยวกับรองเท้า"


    ปีเตอร์ ฮูร์คอส

    ในรายชื่อผู้ต้องสงสัยมีชายผู้หนึ่งที่มีลักษณะตรงกับการสแกนนี้ไม่ผิดเพี้ยน หากสุดท้ายชายดังกล่าวก็ไม่ใช่คนร้ายตัวจริง ซึ่งจะอย่างไร ฮูร์คอสก็ได้ยืนยันจนตลอดชีวิตของตัวเองว่าชายคนนี้แหละที่เป็นคนร้ายอย่างแน่นอน (หากคำกล่าวนี้ก็ไม่ได้รับความเชื่อถือเท่าใดนัก กระทั่งจากบุคคลที่ให้การสนับสนุนฮูร์คอสเองด้วย)

    และในขณะที่ตำรวจจนปัญญากับคดีนี่เอง ก็มีโทรศัพท์มาจากทนายชื่อลี เบย์ลี่ ซึ่งโทรศัพท์นี้ได้กลายมาเป็นกุญแจไขรูปคดี และทำให้ชื่อของอัลเบิร์ต เดซัลโว ก็ปรากฏขึ้นมาบนเวทีในที่สุด



    Albert HenryDeSalvo (1931 - 1973)

    อัลเบิร์ต เดซัลโว เกิดเมื่อ 3 กันยายน 1931 ในบอสตัน พ่อของเขาติดเหล้าและชกตีลูกเมียแทบทุกวัน เพศสัมพันธุ์เป็นเรื่องปกติของครอบครัว ผู้พ่อมักจะพาโสเภณีเข้ามาในบ้านโดยไม่ใส่ใจสายตาของเด็กๆ เดซัลโวมีเพศสัมพันธุ์ครั้งแรกเมื่ออายุ 6 ปีและฝ่ายหญิงก็คือพี่สาวแท้ๆของเขาเอง
    ในไม่ช้า เดซัลโวและพี่สาวก็ถูกพ่อของตัวเองขายไปเป็นแรงงานในฟาร์มด้วยเงิน 9 ดอลล่าร์ เขาหนีออกมาและเรียนรู้การขโมย ซึ่งค่อยๆยกระดับไปเป็นโจรปล้นในท้ายที่สุด
    เมื่ออายุ 17 ปี เดซัลโวเข้าเกณฑ์ทหารและไปประจำอยู่ที่เยอรมันเป็นเวลา 5 ปี ประวัติในกองทัพของเขาดีเลิศไม่มีที่ติ ซึ่งในช่วงนี้เองที่เขาเริ่มหัดชกมวย ในไม่ช้า เดซัลโวก็แต่งงานหญิงชาวเยอรมัน และในปี 1955 ลูกสาวคนแรกของเขาก็เกิดมา
    เดซัลโวก่ออาชญากรรมทางเพศเป็นครั้งแรกขณะที่ภรรยากำลังตั้งครรภ์นี่เอง เขาล่วงเกินทางเพศกับเด็กหญิงอายุ 9 ปี แม่ของฝ่ายเด็กหญิงไม่ฟ้องศาลเพราะกลัวความเสื่อมเสีย และในปี 1956 เดซัลโวซึ่งถูกทำทัณฑ์บนไว้ก็ถูกปลดจากกองทัพอย่างเป็นเกียรติ (Honorably Discharge - ใครทราบคำไทย ช่วยแจ้งแก้ไขที)

    เดซัลโวมีความต้องการทางเพศสูงมาก ภรรยาของเขากล่าวว่าเธอถูกเรียกร้องให้มีเพศสัมพันธุ์วันหนึ่งถึง 5-6 ครั้ง จนในที่สุดก็ต้องปฏิเสธ เดซัลโวจึงต้องไปหาทางระบายออกที่ข้างนอก
    เขาแสร้งทำตัวเป็นเอเจนซี่จากบริษัทนางแบบ แวะเวียนไปตามอพาร์ทเมนท์ที่มีผู้อาศัยเป็นผู้หญิงเสียส่วนใหญ่แล้วขอวัดตัวผู้หญิง เดซัลโวเป็นคนมีวาทะศิลป์และหน้าตาค่อนข้างดี หลายครั้งที่ฝ่ายหญิงสาวเป็นผู้เชื้อเชิญเขาขึ้นเตียงก็มี
    เดซัลโวเคยถูกจับในข้อหาบุกรุกที่พักอาศัยเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 1960 และถูกจำคุกเป็นเวลา 2 ปีโดยไม่มีการลงโทษเรื่องการล่วงเกินทางเพศ ซึ่งนี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ไม่มีชื่อของเขาอยู่ในรายการผู้ต้องสงสัยคดีนักฆ่ารัดคอแห่งบอสตัน
    หลังจากถูกจำคุกเป็นเวลา 11 เดือน เดซัลโวก็ถูกปล่อยตัวกลับบ้าน หากภรรยาเขายังคงปฏิเสธการมีเพศสัมพันธุ์อยู่ เดซัลโวจึงออกไปข้างนอกอีกครั้ง ซึ่งผลก็คือ 13 ศพในเวลาถัดมา

    6 พฤศจิกายน 1964 เดซัลโวถูกจับกุมในข้อหาข่มขืน แต่ไม่ใช่ในคดีของนักฆ่ารัดคอแห่งบอสตัน เป็นอีกคดีหนึ่งที่ตำรวจเรีบกชื่อคนร้ายว่า"กรีนแมน" (เพราะคนร้ายมักจะใส่ชุดทำงานสีเขียว) กล่าวว่ามีผู้เสียหาย 300 คนในคดีนี้ หากโดยตัวเดซัลโวเอง เขาบอกว่าไม่ต่ำกว่า 1000 คน
    ในตอนนี้ตำรวจยังไม่ระแคะระคายแม้แต่น้อยว่า"นักฆ่ารัดคอแห่งบอสตัน"และ"กรีนแมน"เป็นคนร้ายรายเดียวกัน สาเหตุหนึ่งนั้นเนื่องมาจากการที่เหยื่อของนักฆ่ารัดคอไม่ได้ถูกข่มขืน ตำรวจจึงเข้าใจว่าคนร้ายน่าจะเป็นผู้ด้อยสมรรถภาพทางเพศ และทำให้เดซัลโวรอดจากรายชื่อผู้ต้องสงสัยไปได้อีก

    กุมภาพันธ์ 1965 เดซัลโวถูกตัดสินว่าน่าจะมีความผิดปกติทางจิต จึงถูกส่งตัวไปกักกันอยู่ที่โรงพยาบาลวอเตอร์บริจด์ ระหว่างการกักกันตัวนี้ เดซัลโวเปรยเรื่องคดีของนักฆ่ารัดคอให้เพื่อนนักโทษฟัง ซึ่งเรื่องได้ไปถึงหูทนายเบย์ลี่ผู้มาพบกับเดซัลโวด้วยตัวเอง เขารับสารภาพอย่างง่ายดายและเรื่องก็ไปถึงมือตำรวจในที่สุด

    หากมองจากรูปคดีแล้ว เดซัลโวเป็นคนร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย เขารู้เรื่องที่มีแต่คนร้ายเท่านั้นที่รู้ และยังรู้อีกด้วยว่าเหยื่อมีทั้งหมด 13 คน ไม่ใช่ 11 คนดังที่เข้าใจกัน หากในคดีนี้ แทบไม่มีหลักฐานใดที่เหลืออยุ่พอที่จะสาวไปถึงตัวคนร้ายได้เลย คำให้การของเดซัลโวจึงเป็นเพียงหลักฐานเดียวที่ทำให้คดีกลายเป็นรูปร่างขึ้นมา ซึ่งจุดนี้เองที่ทำให้เกิดการต่อรองทางศาลในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
    เดซัลโวจะถูกฟ้องเฉพาะคดีของกรีนแมนเท่านั้น ซึ่งทนายจะถกเถียงกันเกี่ยวกับความสามารถในการรับผิดชอบของจำเลย และในกรณีที่จำเลยถูกตัดสินว่าไม่มีความสามารถในการรับผิดชอบเท่านั้นที่คำให้การของเดซัลโวในฐานะของนักฆ่ารัดคอแห่งบอสตันจะได้รับการยอมรับ
    นั่นก็หมายความว่า ไม่ว่ากรณีใดๆ เดซัลโวก็จะถูกตัดสินโทษเฉพาะในคดีของกรีนแมนเท่านั้นเอง ท้ายที่สุด เขาถูกยืนยันความสามารถในการรับผิดชอบและถูกลงโทษจำคุกตลอดชีวิตในฐานะกรีนแมน ส่วคดีนักฆ่ารัดคอแห่งบอสตันก็กลายเป็นการยกฟ้องไป

    26 พฤศจิกายน 1973 เดซัลโวซึ่งถูกย้ายมายังคุกวอลโพล ถูกพบเสียชีวิตอยู่ในห้องขังเดี่ยว สาเหตุการตายคือรอยแผลแทงที่หัวใจ 6 แผล คนร้ายคงจะเป็นหนึ่งในนักโทษนั่นเอง ซึ่งก็ไม่อาจทราบได้ว่าใครที่เป็นผู้ลงมือ

    จะอย่างไรก็ดี จากการตรวจ DNA ในยุคปัจจุบันทำให้ทราบว่าอสุจิที่พบในคดีของแมรี่ ซัลลิแวน (เป็นรายเดียวที่มีการเก็บตัวอย่างอสุจิไว้ได้) ไม่ได้เป็นของเดซัลโว ทฤษฎีที่ว่าเดซัลโวไม่ได้เป็นคนร้ายตัวจริง (หรืออย่างน้อยที่สุด ไม่ได้เป็นผู้ฆ่าซัลลิแวน) จึงมีความเป็นไปได้สูงมาก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×