ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Ssu Ling Online

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 1 วันแรกกับคนนับหมื่น (2) [แก้ไขคำผิด]

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ค. 53


                    “ผู้เล่นสามารถปรับแต่งรูปร่างหน้าตาได้ค่ะ หากไม่ต้องการให้กดยกเลิกได้เลยค่ะ” เสียงพนักงานจบไป ภาพสองมิติปรากฏขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับตารางให้เลือกหน้าที่ยึดเอาหน้าผมเป็นแบบและปรับแต่งนั่นนี่อย่างละเล็กละน้อยให้ได้เลือกเป็นร้อยแบบ แต่ผมขี้เกียจดูอะ พ่อแม่ให้มาดีอยู่แล้ว เอาธรรมดาเนี่ยแหละ มีไรปะ


                   
    ส่วนสีตากับสีผม ปัจจุบันก็เป็นสีดำทั้งคู่ ผมปรับให้สีดำมันออกไปทางแดงเล็กน้อย เป็นสีแดงที่เข้มมากจนดำ ถ้าไม่ยืนกลางแดดจะไม่เห็นเป็นสีแดงออกมาเด็ดขาด ส่วนสีตานั้นผมปรับให้เป็นสีแดงเพลิงด้วยความชอบ และให้เข้ากับชื่อเซี่ยหลงที่แปลว่า
    มังกรฤดูร้อน


                   
    อายุที่ให้มานั้นผมไม่คิดจะปรับหรอก เดี๋ยวเพื่อนได้ล้อกันตาย นอกนั้นก็ไม่มะไรให้ปรับแล้ว ผมจึงกดปุ่ม ยืนยัน ทันที


                   
    “ผู้เล่นเซี่ยหลงพร้อมที่จะเข้าสู่เล่นเกม ทางระบบจะทำการส่งท่านไปยังหน้าอาคารเริ่มต้น ขอให้ผู้เล่นสอบถามข้อมูลการเล่นจากพนักงานประจำอาคารด้วยนะคะ” เสียงพนักงานพูดจบก่อนที่สีดำรอบตัวจะกลายเป็นสีขาวไล่จากใต้เท้าขอมผมเอง มันกระจายไปจนสุดขอบสายตากลืนกินสีดำทั้งหมดเป็นสีขาว ก่อนที่ภาพรอบตัวจะค่อย ๆ เลือนขึ้นมาทีละนิด จนในที่สุดจากทิวทัศน์สีขาวโพลนขึงกลายเป็นหมู่บ้าน


                   
    ผมมองไปรอบตัว มีผู้เล่นจำนวนมากอยู่รอบตัวเขา อาจเพราะเซิฟเวอร์พึ่งจะเปิดคนจึงแห่แหนกันเข้ามาเล่น ดังนั้นอาคารเริ่มต้นจึงมีพนักงานไม่พอเพียงต่อจำนวนผู้เล่น


                   
    ผมมองตนเอง ตอนนี้ผมอยู่ในชุดเสื้อคอกลมแขนสั้นถักจากใยป่าน รวมถึงกางเกงขาสั้นด้วยเช่นกัน เสื้อถูกย้อมด้วยสีขาว กางเกงเป็นสีน้ำตาล มีรองเท้าผ้าป่าสีดำสวมอยู่ด้วย


                   
    “พี่ยู
    !” เสียงตะโกนเรียกชื่อผมดังขึ้น หันไปจึงได้เห็นสองน้องแฝดที่ใช้รูปลักษณ์ผิดจากโลกภายนอกเล็กน้อย ปกติผมแยกสองแฝดนี้ด้วยคอนแทคเลนส์ ปกติสิงห์จะใส่คอนแทคเลนส์สีน้ำตาล ส่วนเอกจะใส่คอนแทคเลนส์สีน้ำเงินเข้ม และเมื่อเข้าเกมพวกมันก็ไม่ประมาท จัดการเปลี่ยนสีตาให้เหมือนกับสีคอนแทคเลนส์สีประจำของตัวเองทันที โดยไม่ลืมจะเปลี่ยนสีผมให้เข้ากับตาด้วย


                   
    “สีผมกับสีตาเท่อะ” เอกทักหลังจากผมเดินมาใกล้ ๆ ทั้งสองนั่งลงกับพื้นพิงพนังบ้านที่อยู่ตรงข้ามกับอาคารเริ่มต้นที่มีผู้เล่นเป็นร้อยออกันอยู่ทั้งด้านในและด้านนอกของอาคารเริ่มต้น


                   
    “พวกแกก็โอเคแหละ” ผมตอบคำ


                   
    “พี่ยูใช้ชื่อในเกมว่าไรอะ” สิงห์ถามผมโดยไม่ลืมจะบอกของตัวเองก่อน “ผมคิดตั้งนาน ซ้ำกันตั้งสิบกว่ารอบเซ็งอะ เลยใช้ทับศัพท์จีนไปได้ชื่อว่า ตงซือ”


                   
    “เออ คิดดีเนอะ สิงโตฤดูหนาว แล้วแกล่ะเอกฤดูอะไร” ผมถาม พลางนึกตลก เพราะดันคิดใช้ชื่อทับจีนเหมือนกัน แล้วยังดันเอาสัตว์ที่ชอบไปผสมกับฤดูอีก ดีนะที่มันไม่ซ้ำขึ้นมา


                   
    “ผมใช้ อวี่จี้ลู่ อะพี่” เอกตอบ โอ้โห กวางฤดูฝน ครบสามฤดูในไทยเลยนะเนี่ย ผมร้อน สิงห์หนาว เอกฝน พระเจ้าช่วย
    !


                   
    “แล้วของพี่ล่ะ” สิงห์ถามย้ำเพราะผมลืมตอบมัน


                   
    “พี่ใช้ เซี่ยหลง มังกรฤดูร้อน” ผมตอบคำ เอกกับสิงห์มองหน้ากันก่อนจะขำ แน่นอนล่ะครับ คิดถึงมุขเดียวกันชัวร์
    !


                   
    “ขณะนี้มีผู้เล่นใหม่จำนวนมาก ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ทางเกมจะแนะนำระบบพื้นฐานผ่านจดหมายพร้อมกับส่งไอเท็มสำหรับผู้เล่นใหม่ให้แทนนะคะ หากมีอะไรสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มต้นได้ที่อาคารเริ่มต้นค่ะ วิธีเปิดจดหมายขอให้ผู้เล่นกดที่หน้าปัดนาฬิกาที่อยู่ที่ข้อมือขวาค่ะ ขออภัยในความไม่สะดวกนะคะ” เสียงประกาศดังขึ้นมาในหัวของผู้เล่นที่ยังไม่ได้รับไอเท็มสำหรับผู้เล่นใหม่ทุกคน ประกาศนี้ซ้ำสามรอบเพื่อให้ผู้เล่นทุกคนยินอย่างชัดเจน


                   
    “ชัดนะ” ผมหันไปมองสองน้องแฝดที่เปิดจดหมายมาอ่านตั้งแต่ประกาศจบรอบแรกแล้ว


                   
    ผมจัดการกดหน้าปัดนาฬิกาเพื่อเปิดจดหมาย พร้อมกับมีภาพสองมิติโผล่ขึ้นมาตรงหน้าห่างออกไปสองฟุต เป็นรายละเอียดที่ทางผู้ให้บริการจัดพิมพ์ที่ยาวยืด อธิบายตั้งแต่การเก็บระดับ การดำรงชีวิต ความรู้สึกเหนื่อย หิว รวมถึงความรู้สึกเจ็บต่าง ๆ และยังอธิบายแหล่งข้อมูลที่มีภายในเกม ไม่ว่าจะเป็นราละเอียดไอเท็มเบื้องต้น และการได้รับสมญานาม ที่แน่นอนว่ามีเกริ่นไว้เฉพาะสมญานามนักสู้และสมญานามนักเวทเท่านั้น วิธีการติดต่อสื่อสาร การจัดตั้งทีม แนะนำระบบการจัดตั้งสมาคม(กิลด์) ระบบใหม่อื่น ๆ ที่ถือเป็นลูกเล่นของเกมอีกมาก และท้ายจดหมายมีปุ่มให้กดรับของ ผมกดมันทันทีหลังจากทนอ่านจนจบกว่าสิบห้านาที


                   
    “ผู้เล่น เซี่ยหลง ได้รับ มีดสั้นมือใหม่ อาวุธระดับ 0”

                    “ผู้เล่น เซี่ยหลง ได้รับ ยาฟื้นพลังแดง ระดับต่ำ ยี่สิบขวด”

                    “ผู้เล่น เซี่ยหลง ได้รับ กล่องใส่อาหาร หนึ่งกล่อง”

                    “ผู้เล่น เซี่ยหลง ได้รับ กาน้ำ หนึ่งกา”

                    “ผู้เล่น เซี่ยหลง ได้รับ กระเป๋าเงินทอผ้า หนึ่งใบ”


                   
    อึก
    ! ให้มาแค่เนี้ยอะนะ! โหย สุดยอดของความงก งกอะไรจะขนาดนี้เนี้ย ผมคิดก่อนจะหันไปมองน้องสองคนที่จัดการหยิบถุงผ้าที่ในจดหมายบอกไว้ว่าเก็บของได้ห้าสิบชนิด ที่ไม่ใช่อาวุธจะเก็บได้หนึ่งร้อยชิ้นต่อหนึ่งช่อง ถุงผ้านั้นคาดอยู่ที่เอวด้านขวา ทั้งสองควานหาพักหนึ่งก่อนจะหยิบเอามีดสั้นที่สวมอยู่นปลอกออกมาเหน็บไว้ตรงเข็มขัดซ้ายแทน


                   
    ขณะนี้ผู้เล่นหน้าใหม่จำนวนมากต่างเริ่มออกจากอาคารเริ่มต้นแล้ว เพราะต่างใช้วิธีอ่านจดหมายแทน และแน่นอนว่าผู้เล่นใหม่ที่ทยอยเข้าเกมมาเรื่อย ๆ ก็มีเสียงจากระบบดังขึ้นในหัว พร้อมกับจดหมายให้เปิดอ่านตาม ๆ กันไป เพราะไม่อย่างนั้นผู้เล่นใหม่หลายพันคนคงไม่ได้เล่นแน่ ๆ


                   
    ขนาดนี่พึ่งเปิดเกมยังมีคนเล่นใหม่ตั้งเป็นพัน ผมอดคิดไม่ได้ว่าทั้งวันนี้จะมีคนเล่นใหม่กี่หมื่นคนกันเชียวนะ


                   
    “ไปเก็บระดับกันเถอะพี่ยู เอ้ย พี่เซี่ยหลง แหะๆ ยังไม่ชินปากอะ” ตงซือ(จากนี้ภายในเกมจะใช้ชื่อในเกมนะครับ ระวังจะจำสลับกัน) พูดขึ้นพลางหัวเราะแหะ ๆ เพราะในจดหมายบอกถึงเรื่องชื่อให้เรียกชื่อในเกม เพื่อป้องกันการมีส่วนเกี่ยวพันกับโลกภายนอกอย่างไม่ได้ตั้งใจ


                   
    “ก็ให้ ๆ มันชินซะล่ะตงซือ เอ้า อวี่จี้ลู่ ไปกัน” เซี่ยหลงยื่นมือไปทางน้องทั้งสองก่อนจะเดินไปทันที


                   
    “พี่เซี่ยหลงตั้งทีมด้วย” อวี่จี้ลู่เตือนหลังจากเดินมาได้ไม่กี่ก้าว ผมจึงจัดการตั้งทีมและยื่นคำเชิญไปให้น้องทันที


                   
    หมู่บ้านเริ่มต้นนี้เป็นหมู่บ้านขนาดเล็ก นับได้ประมาณสามสิบหลังคาเรือน แต่อย่างน้อยก็มีร้านขายยา ร้านขายอาวุธ ร้านขายเครื่องป้องกัน ครบครันดี


                   
    เพียงก้าวออกมาพ้นเขตหมู่บ้าน ผมรวมถึงน้องทั้งสองต้องถึงกับตาค้างทันที เมื่อผู้เล่นจำนวนหลายร้อยกว่าคน ที่ตอนนี้กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนเกือบถึงพันแล้ว กำลังไล่ฟัน ไล่แทงกระต่ายที่มีระดับ 1 อยู่เต็มพื้นที่ แน่นอนว่าพวกที่มาก่อนหรือมีทีมอยู่แล้วก็จะยึดพื้นที่ รีบเพิ่มระดับและย้ายไปพื้นที่อื่นเพื่อให้ผู้เล่นที่กำลังมาใหม่อย่างไม่ขาดสาย แต่มันก็ยังไม่ทันเวลาอยู่ดี


                   
    “โคตรพ่อโคตรแม่เยอะอะ
    !” ตงซือเข่าทรุดหลังจากไม่สามารถมองเห็นกระต่ายได้เลย ทั้งที่มันก็เกิดเป็นร้อยตัว แต่ทะเลมหาชนสามารถกลบพื้นที่ตรงหน้าได้เกลี้ยงดีจริง ๆ


                   
    ขนาดที่ว่าผู้เล่นบางส่วนทนไม่ไหว ใช้วิธีไปสู้กับสัตว์อสูรที่มีระดับสูงกว่า โดยใช้วิธีรุมกันเป็นทีมแทน แม้จะได้ค่าประสบการณ์ช้ากว่าการสู้กับกระต่ายที่ฆ่าได้ง่าย แต่การที่สามารถฆ่าสัตว์อสูรได้อย่างต่อเนื่องก็สามารถกลบเรื่องความเร็วได้


                   
    “เอาไงดีอะพี่เซี่ยหลง นี่สงสัยสี่วันที่เราจะออนกันคงได้ระดับไม่กี่ระดับแหงเลย” ตงซือพูดขึ้น น้ำตาหยดน้อยไหลออกมาหยดหนึ่งอย่างเสียใจ


                   
    “เออน่า ตั้งใจเก็บมันก็ต้องเก็บได้แหละ เดี๋ยวอีกสองวันเพื่อนพี่ก็มาทวีปเริ่มต้นแล้ว เดี๋ยวค่อยให้พวกมันพาไปเก็บระดับก็ไม่สาย” ผมปลอบใจน้องทั้งสอง ก่อนจะตกลงปลงใจกันว่าจะเดินสำรวจรอบเมืองรอเพื่อนของผมมาช่วย


                   
    ผมเดินไปมารอบหมู่บ้าน ชมทิวทัศน์รอบเมืองที่เป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ ไกลออกไปเป็นป่าบ้าง เนินเขาบ้าง หรือทางลาดลงบ้าง หมู่บ้านที่ออกแบบให้ทำจากวัสดุธรรมชาติเหมือนสมัยก่อน เรียกได้ว่าให้บรรยากาศผ่อนคลายแบบไม่เหมือนใคร ยิ่งเมื่อสายลมหอบเอากลิ่นดิน กลิ่นหญ้ามาให้ผมได้สูดกลิ่น ยิ่งทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ก่อนจะหยุดนั่งลงใต้ต้นไม้ท้ายหมู่บ้าน ซึ่งทางนี้ก็มีผู้เล่นอีกหลายร้อยคนกำลังรังแกกระต่ายอย่างหมดทางสู้


                   
    “สนทนาลับถึง หมอกเมฆา” ผมเรียกหน้าต่างสนทนาออกมา ออกคำสั่งกับหน้าต่างนั้นทันที


                   
    “หวัดดียู เอ่อ ใช้ชื่อเซี่ยหลงซินะ” หมอกเมฆาตอบกลับมา


                   
    “อื้ม รีบมาช่วยเก็บระดับหน่อยดิ ทางนี้คนเล่นใหม่เป็นพันเลย แถมยังจะเยอะขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย ไม่ไหวอะ ฉันกับน้องเก็บระดับไม่ได้เลย” ผมระบายให้หมอกเมฆาฟัง เสียงถอนหายใจที่ดังฟังชัดเรียกเสียงหัวเราะให้หมอกเมฆาได้เป็นอย่างดี


                   
    “ไม่ต้องคิดมาก ที่ทวีปหลักแต่ละเมืองคนก็เยอะจนล้นแล้วเนี่ย เปิดใหม่ทีนึง คนคงจะออนไลน์พร้อมกันเป็นแสนได้ วันนี้คงเล่นพร้อมกันหลายแสนคนเลยแหละ” หมอกเมฆาตอบจากการคาดเดา ที่ไม่ผิดไปจากความจริงเท่าใดนัก


                   
    “อีกสองวันใช่รึเปล่า” ผมถามย้ำ


                   
    “อื้อ อีกสองวันถึงจะกลับไปทวีปเริ่มต้นได้ ไว้ไปถึงจะสนทนาลับไปหานะ” หมอกเมฆาตอบ


                   
    “โอเค ไว้เจอกัน ฉันขอเดินเล่นไปพลาง ๆ แล้วกัน” ผมพูดก่อนจะปิดหน้าจอสนทนาลับ ก่อนจะนึกครึ้มเปิดหน้าจอสนทนาทั่วไปขึ้นมา ข้อความภายในหน้าจอสนทนาเด้งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่วินาทีมันขึ้นมาหลายสิบข้อความจนผมตาลาย


                   
    ผมทนดูหน้าจอสนทนาทั่วไปได้สิบนาทีก็ต้องปิดเพราะตาลายไปหมดแล้ว พอจะจับใจความได้นิดนึงว่า จำนวนสัตว์อสูรไม่พอกับจำนวนผู้เล่น ที่ไม่ต้องให้ใครบอกก็ทราบดี เพราะตอนนี้มีคนอีกหลายร้อยกำลังทยอยออกมานอกหมู่บ้านเริ่มต้นแล้ว


                   
    ผมถอนหายใจก่อนจะลุกขึ้นบิดตัวไล่ความล้า สองขาก้าวเดินไปตามทุ่งหญ้า สองตามองไปยังกลุ่มผู้เล่นนับพันที่บริเวณท้ายหมู่บ้าน ก่อนจะเดินตรงไปยังทิศตะวันออก ตรงไปยังป่าเพื่อจะเดินชมวิว


                   
    ผมเดินไปได้สักพัก จึงมองดูผู้เล่นที่หน้าหมู่บ้าน ซึ่งตอนนี้มีจำนวนใกล้จะสองพันคนแล้ว ผมกลืนน้ำลายดัง เอื้อก
    ! นี่ถ้าไม่มีเพื่อนที่จะกลับมาช่วย ผมจะไม่เล่นเลยนะเนี่ย ก็ดูซิครับ ผู้เล่นเยอะขนาดนั้น กระต่ายหลายร้อยตัวมันจะพอได้ยังไง กว่าจะเลื่อนระดับจากหนึ่งเป็นสอง ก็ล่อไปร่วมร้อยตัวได้แล้วมั้ง แล้วผู้เล่นที่ยังจะทยอยมาอีกทั้งวันจะได้เล่นหรือไงเนี่ย


                   
    เมื่อคิดได้ดังนั้น ป่าที่ห่างออกไปห้ากิโลเมตรจึงเป็นเป้าหมายของผมทันที แน่ล่ะว่าในเมื่อทำอะไรไม่ได้ก็ได้แต่เดินเล่นไปมาเท่านั้นแหละนะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×