คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 : Pudding Cups
ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
ใช้ชีวิตให้เต็มที่
พูดง่ายกว่าทำ โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นนักโทษของแผนกจิตเวช โดยเฉพาะเมื่อคุณไม่มีเพื่อน ไม่มีครอบครัว ไม่มีอนาคต โดยเฉพาะเมื่อคุณกำลังจะตาย
โดยเฉพาะเมื่อคุณกำลังจะตาย
แต่เอาเข้าจริงๆ ถ้าคุณกำลังจะตาย ตอนนั้นไม่ใช่เหรอที่อะไรๆ ก็สำคัญ ตอนนั้นไม่ใช่เหรอที่ทุกคนคิดทบทวนว่าตัวเองควรทำ ได้ทำ หรือไม่ได้ทำอะไรลงไป
คุณจะทำอะไรถ้าคุณไม่กลัว
คุณจะทำอะไรถ้าคุณไม่กลัว
. . .
‘’ เบคก้า วันนี้คุณหมอมาคุยด้วยแน่ะ ‘’ พยาบาลคนหนึ่งพูดและยิ้มให้ฉันจากประตูห้องก่อนที่จะหลีกทางออกไป
ฉันจ้องมองผู้หญิงรูปร่างใหญ่ที่เดินเข้ามา
หมอโจเนลยิ้มกลับให้ฉัน กระโปรงสไตล์ฮาวายของหมอแกว่งไปมาในขณะที่หมอนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง ฉันกระดิกนิ้วบนขาห้าครั้ง และเธอก็มองเห็นความอึดอัดของฉันทันที
อย่างกับว่าฉันพยายามจะไม่แสดงออกงั้นแหล่ะ
‘’ สัปดาห์นี้เป็นยังไงบ้าง เบคก้าที่รัก ‘’ หมอถามเป็นเพลง และหยิบกระดาษโน้ตของหมอออกมา ฉันกรอกตาแล้วเหวี่ยงขาออกจากเตียงมาแกว่งเล่น
‘’ สบายดี ‘’ ฉันตอบอย่างเย็นชา หมอโจแนลดีดลิ้น
‘’ ทำไมเธอยังโกรธหมออยู่ล่ะ ‘’ หมอโจแนลถามในที่สุด เอาปากกาเคาะกระดาษโน้ตอย่างขบคิด
‘’ เพราะหมอปฎิบัติกับฉันเหมือนฉันบ้า ‘’ ฉันเถียง แล้วเธอก็หรี่ตามองฉัน
‘’ เธอคิดจริงๆ หรือว่าหมอปฏิบัติกับเธอต่างออกไปเพราะสิ่งที่เธอเผชิญมา ‘’ หมอถามฉันซึ่งมองเครื่องกดขนมตรงทางโถงเสียงอ่อน
ตัวเลขไม่มีไฟขึ้นสองตัว และอักษรตัว ‘F’ ก็อ่อนกว่าตัวอื่นๆ
‘’ เปล่าค่ะ แต่ฉันรู้ว่าหมอได้ค่าจ้างเพื่อไม่ให้ทำอย่างนั้น ถ้าหมอเป็นแค่คนธรรมดาๆ หมอก็คงปฏิบัติกับฉันเหมือนฉันเป็นบ้า ‘’ ฉันพูดแล้วถอนหายใจ เธอเอียงคอฟัง ฉันสังเกตเห็นว่าเธอมีไฝที่ติ่งหูด้านซ้าย
‘’ ถ้าหมอเป็นแค่คนธรรมดา หมอก็คงไม่รู้จักเธอแล้ว หมอคงไม่รู้หรอกว่าเธอมีโรคที่ต้องเผชิญ ‘’ เธอชี้แจง ฉันจู๋ปาก ทำท่าไม่พอใจ
ถ้าไม่นับส่วนที่ว่าฉันผอมมาก มีผมหยิกๆ สั้นๆ และตาลึกๆ
ฉันก็ดูปกติมาก
ฉันไม่อยากคุยเรื่องนี้แล้ว
ฉันอยากคุยกับโจนาห์
ผ่านมาสองวันแล้วหลังจากที่เราคุยกันครั้งแรก และหลังจากนั้นมาฉันก็เจอเขาแค่เวลาที่เขาเดินเล่นมาตามทางโถงหรือเดินไปที่โทรศัพท์สาธารณะ
ฉันสงสัยนะว่าเขาต้องโทรคุยกับใคร
บางทีอาจจะเป็นแฟนเขา
มีโอกาสน้อยมากเลยที่คนอย่างเขาจะโสดอยู่
‘’ หมอได้ยินมาว่าผลตรวจเลือดของเธอดีขึ้น ตื่นเต้นไหม ‘’ หมอโจเนลถาม ดึงฉันออกมาจากภวังค์โจนาห์
ฉันถอนหายใจ
‘’ ไม่ล่ะค่ะ มันก็เป็นแบบนี้ทุกที เดี๋ยวดีเดี๋ยวไม่ดี ฉันพยายามไม่ใส่ใจแล้ว ‘’ ฉันบ่นพึมพำ และเหลือบไปเห็นผู้ชายคุ้นตาหน้าหล่อเดินมาตามถางโถง ตาสีเขียวของเขาฉายแววความมุ่งมั่น
มาทางห้องฉัน
กระเพาะของฉันมาจุกอยู่ที่คอและหมอโจแนลก็สังเกตเห็นอาการวอกแวกของฉัน
‘’ ใครเหรอ ‘’ เธอถามฉัน รอยยิ้มแบบหยอกล้อปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเธอ ฉันส่งเสียงฟืดทางจมูกให้แต่ก็ยิ้มเช่นเดียวกัน
‘’ โจนาห์ค่ะ เขาอยู่ห้อง 475 ‘’ ฉันพูดพึมพำ กัดริมฝีปากล่างตัวเองในขณะที่เขาเดินเข้าใกล้มาเรื่อยๆ เรื่อยๆ
และเขา… ก็เดินผ่านไป
หน้าฉันหงอยด้วยความผิดหวัง ส่วนหมอโจแนลก็ ’เฮ้อ’ ด้วยความผิดคาด
แต่แล้วเขาก็เดินผ่านห้องฉันไปอีกครั้งในทิศทางตรงข้าม
มันเป็นเรื่องบัญเอิญหรือเปล่านะ ฉันแทบไม่ได้สนใจฟังเสียงบ่นของหมอเกี่ยวกับการเตรียมตัวสำหรับฉันและครอบครัวให้พร้อมกับเรื่องที่จะมาถึงแล้วก็อะไรอีกเยอะแยะมากมาย
ฉันได้ยินมันมาเป็นล้านๆ ครั้ง และฉันก็รู้ตัวอยู่แล้วว่าฉันกำลังจะตาย
ตั้งแต่หมอตรวจพบโรคของฉันเมื่อ 2 ปีก่อน ฉันก็ปลีกตัวออกห่างจากคนในครอบครัว
แต่ความจริงนั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องทำหรอก
ความจริงคือ ฉันก็ไม่ได้สนิทกับใครอยู่แล้ว
ฉันก็เลยทำใจได้ตั้งนานแล้ว
แต่โจนาห์เดินผ่านห้องฉันอีกครั้ง และครั้งนี้ ฉันรู้สึกถึงความรู้สึกแปลกๆ บางอย่างในใจของฉัน
คุณจะทำอะไรถ้าคุณไม่กลัว
ฉัดกัดริมฝีปากตัวเอง
ใช้ชีวิตให้เต็มที่, เบคก้า
‘’ โจนาห์! ‘’ ฉันตะโกนเรียกและเขาสะดุ้งกระโดดตัวลอย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่นึกว่าฉันจะขัดจังหวะการบำบัดของตัวเอง ซึ่งฉันก็ไม่ได้นึกเหมือนกัน
หมอโจแนลส่งเสียงในลำคอด้วยความไม่พอใจ แต่ฉันอยู่ในสภาวะที่ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว
ใช้ชีวิตให้เต็มที่
ฉันควรจะทำ ฉันจะทำ
ฉันกลัวไหม
กลัว
มันสำคัญไหม
ไม่
เขาเลิกคิ้วขึ้นสูงแต่ก็เดินเข้าห้องฉันมาอยู่ดี ฉันแอบแสดงความยินดีกับตัวเองเล็กๆ ที่ใส่บราลายจุดสีชมพูน่ารักๆ ที่ฉันเริ่มใส่อีกครั้งเมื่อไม่นานมานี้
‘’ อะไรเหรอ ‘’ เขาถาม ยิ้มให้หมอโจแนล แต่เห็นได้ชัดว่าเขาถามฉัน
‘’ ฉันกะจะขอให้นายเดินผ่านห้องฉันอีกสองรอบจะได้ครบห้ารอบก่อนจะเข้าห้องมา ‘’ ฉันพูด ปากเขาเปิดแล้วก็ปิด เหมือนเขาไม่แน่ใจว่าจะพูดอะไรออกมา ฉันหัวเราะก๊าก และนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นโจนาห์อาย หน้าเขาเป็นสีชมพูอ่อนๆ และเขาก็เริ่มหัวเราะไปกับฉันด้วย
‘’ ล้อเล่นน่า ‘’ ฉันพูดแล้วหันหน้าไปตามสายตาของเขา หมอโจแนลขอยอมแพ้ไปในที่สุด บอกว่ายังไงฉันก็จ่ายเต็มเวลาบำบัดอยู่ดี แล้วก็เดินออกนอกห้องไป
หมอก็ไม่ได้ช่วยอะไรอยู่แล้วนี่
‘’ ฉันเชื่อจริงๆ นะเนี่ย ‘’ โจนาห์พูด ยิ้มกว้างโชว์ฟันสวยใสของเขา ฉันรู้สึกกล้าขึ้นมาทันใดและไม่ทันได้คิด ฉันจับมือเขาขึ้นมาอ่านสายรัดข้อมือที่มีตัวอักษรเขียนไว้ว่า โจนาห์ เอส์มเดส
‘’ สี่พยางค์ ฉันชอบนะ ‘’ ฉันพึมพำ และเขาก็ส่งเสียงเหมือนหัวเราะออกมา
‘’ ขอถามอะไรอย่างได้ไหม ‘’ โจนาห์ เอส์มเดสถาม กระโดดมานั่งบนเตียงข้างๆ ฉัน ฉันพยักหน้า
เรียกหาเขาเป็นเรื่องที่ฉันกลัวเกินกว่าที่จะทำ แต่ฉันก็ทำอยู่ดี
‘’ ที่นี่อะไรอร่อยสุดเหรอ ‘’ เขาถามขึ้นในที่สุด ยังคงจับมือฉันอยู่ ฉันดูดฟันตัวเอง พยายามคิด
อาหารไม่ใช่หัวข้อเด็ดของฉัน
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ฉันก็พยายามอย่างหนักที่จะนึกถึงตอนที่รสชาติอาหารเป็นเรื่องสำคัญกับฉันมากกว่ากระดาษแข็ง
‘’ ฉันชอบ... ช็อคโกแลตพุดดิ้งนะ ‘’ ฉันพูดขึ้นในที่สุด ยิ้มกว้าง มันเป็นเรื่องจริงและฉันก็ปลื้มใจมากที่ฉันยังสามารถนึกถึงสิ่งที่สดใสๆ ได้อยู่
พุดดิ้ง
พุดดิ้งจานด่วนที่ไม่ดีต่อสุขภาพ
มันคือสิ่งที่ทำให้ฉันมีความสุข
‘’ ฉันคิดว่า วันหนึ่ง ฉันจะลองกินพุดดิ้งได้อีกครั้ง ‘’ ฉันพูดอย่างใจลอย และฉันก็รู้ได้ทันทีว่ามันฟังดูแปลกประหลาดแค่ไหนสำหรับโจนาห์ ฉันรู้สึกถึงความร้อนที่แพร่ไปถึงใบหูของตัวเอง เขาจ้องมองฉันด้วยความสงสัยและฉันสังเกตเห็นอะไรบางอย่างได้ในดวงตาของเขา
ฉันหวังว่าเขาคงไม่อยากให้ฉันอธิบายเพิ่มหรอก
เพราะฉันก็ไม่อยาก ฉันอยากจบไว้แค่นี้
‘’ งั้นก็พุดดิ้งสินะ ‘’ เขาพูดอย่างนุ่มนวล ทิ้งหัวข้อสนทนาเก่าไป นิ้วของฉันรู้สึกจั๊กจี้หลังจากที่เขาปล่อยมือฉันและเดินออกนอกห้องไป ในขณะที่ความผิดหวังเริ่มจะคลืบคลานเข้ามาหาฉัน เขาก็ค่อยๆ โผล่หน้ามาหาฉัน เขาอมยิ้มและกระซิบว่า ‘’ จะมาไหม ‘’
แล้วเขาก็หายไปอีกครั้ง
ฉันใช้เวลาแค่นิดเดียวที่จะไปเดินข้างๆ เขา และเดินไปที่ห้อง 475 ด้วยกัน
ความสุข
อะไรอีกนะที่ทำให้ฉันมีความสุขแบบนี้เมื่อสองปีก่อน
ความสุขที่บริสุทธิ์แบบนี้
ฉันเริ่มกระโดดไปข้างๆ เขา รอยยิ้มกว้างแบบเด็กๆ ปรากฏอยู่บนใบหน้าของฉัน ฉันกระโดดนำหน้าเขาไปและเริ่มหมุนตัว
เมื่อเราเข้าไปในห้องเขา ฉันปิดตาและยืนเขย่ง เหมือนนักบัลเลต์ที่ฉันเคยเป็นเมื่อหลายปีที่แล้ว ฉันกระโดดจากอีกเท้าหนึ่งไปอีกเท้าหนึ่ง และเมื่อฉันลืมตาขึ้นอีกครั้ง ฉันก็รู้สึกเสียใจทันทีที่ปิดตาไป
ทางโถงเริ่มหมุนไปหมุนมา และแทนที่จะลงพื้นได้อย่างสวยงามและนุ่มนวล ฉันกลับล้มลง
อย่างแรง
แต่โจนาห์จับฉันไว้ได้
แต่เขาก็ไม่ถามฉันว่าฉันเป็นอะไรไป หรือฉันโอเคไหม เขากลับหัวเราะออกมา และดึงฉันขึ้นไปหาเขาอย่างแรง
ฉันเริ่มหัวเราะไปกับเขา มันรู้สึกดีจริงๆ
ฉันไม่เคยหัวเราะแบบนี้กับตาแก่ทอม
ฉันหัวเราะจนน้ำตาไหล และโจนาห์ก็ค่อยๆ พาฉันเข้าไปในห้องของเขา
‘’ เอาพุดดิ้งไหม ‘’ เขาพูด นั่งลงบนเตียงของตัวเอง ฉันสูดหายใจลึกๆ พยายามฟื้นฟูตัวเองจากเหตุการณ์ในทางโถง และพยักหน้า
โจนาห์มองฉันแบบสงสัย เขายิ้มมุมปากน้อยๆ
‘’ อะไรเหรอ ‘’ ฉันถาม หันไปหาเขา เขาเลิกคิ้วข้างหนึ่ง
‘’ เปล่านี่ ‘’ เขาตอบ และหันไปกดปุ่ม ‘พยาบาล’ ใหญ่ๆ สีแดง
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สามารถเดินไปขออาหารจากพยาบาลเองได้
‘’ รูม เซอร์วิส ‘’ โจนาห์พูดเข้าไปในเครื่อง
‘’ โจนาห์ เราบอกเธอแล้วไงว่าให้ใช้เวลาฉุกเฉินเท่านั้น ‘’ เสียงผู้หญิงใจดีๆ ตอบออกมา เสียงปลายสายติเขาแบบนุ่มนวลแต่โจนาห์ก็ยังงอนอยู่ดี
‘’ แค่ครั้งนี้นะครับ ผมมีแขกพิเศษ ‘’ เขาพูด ฉันกรอกตา โจนาห์หันมาเอานิ้วจิ้มที่สีข้างฉันแล้วหันไปหาต้นกำเนิดเสียงต่อ
‘’ ได้ แค่ครั้งเดียวนะ อยากได้อะไรล่ะ ‘’ ผู้หญิงที่ปลายสายตอบกลับมาด้วยเสียงที่นุ่มนวล
‘’ ครับ ‘’ โจนาห์หยุดพูด และหันมามองฉัน ‘’ พุดดิ้งห้าถ้วยครับ ‘’
เสียงปลายสายเงียบไป
‘’ ขอร้อง ‘’ โจนาห์พูดแบบกล้าๆ กลัวๆ
‘’ ก็ได้ ‘’ ผู้หญิงปลายสายตอบกลับแล้วตัดสายไป
‘’ ขนาดพยาบาลที่นี่ยังเป็นเหยื่อของนายเลยนะ ‘’ ฉันพูด โจนาห์ยักไหล่
‘’ มีคนบอกฉันว่ามันสมองและความเงียบขรึมของฉันสามารถหว่านสเน่ห์ผู้หญิงทุกคนได้ ไม่ว่าจะอายุเท่าไร ‘’ เขาตอบ สะบัดหัวเพื่อปัดผมออกไปจากดวงตาของเขา ‘’ บางทีก็ผู้ชาย ‘’ เขาพูดเสริม และฉันก็หัวเราะพรืดๆ ออกทางจมูก
‘’ จริงเหรอ ผู้หญิงอายุสิบเจ็ดคนนี้ไม่หลงกลนะ แต่ก็ขอให้โชคดีเรื่องหว่านสเน่ห์ผู้ชายแล้วกัน ‘’ ฉันแซวเขา ถึงแม้ว่านั่นจะเป็นสิ่งที่หลอกลวงที่สุดในชีวิตของฉัน เขายิ้มกว้างและสายตาของเขาแสดงถึงการขบคิด
‘’ จริงเหรอ ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดขึ้นกับผู้หญิงที่ฉันอาจจะชอบนิดนึงด้วยนะ ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนเดียวที่ไม่สนใจข้อเสียของฉันเชียว ‘’ เขาถาม ดวงตาของฉันเบิกโพลงและฉันรู้สึกถึงความร้อนแผ่กระจายมาที่แก้มฉัน
ฉันกลัว
ฉันกลืนน้ำลายและกระดิกขาห้าครั้ง พยายามคิดว่าจะพูดอะไรต่อ
‘’ นายไม่รู้จักฉัน ‘’ ฉันอึกอัก เขามองฉันเหมือนเขาไม่เชื่อ
‘’ แล้วเธอรู้จักฉันเหรอ เธอจะพูดแบบนั้นทำไม เพื่อจะบอกว่าที่ฉันพูดไปไม่ใช่เรื่องจริงเหรอ ‘’ เขาถาม จริงจังขึ้นมาทันที
5...10...15...20...
‘’ ฉันแค่คิดว่านายไม่ควรบอกชอบฉันก่อนที่นายจะรู้จักฉันจริงๆ ‘’ ฉันอธิบาย บีบและคลายมือตัวเอง
ฉันสังเกตเห็นว่าบนมือของฉันไม่มีเส้นเลือดเลย ขนาดที่ฉันบีบมือแล้วนะ แต่ของโจนาห์สามารถเห็นได้ง่ายๆ โดยที่ไม่ต้องบีบอะไรเลย
‘’ เธอพูดถูก ฉันไม่รู้จักเธอจริงๆ แต่ก็ใช่ว่าฉันจะไม่อยากรู้นะ ‘’
ฉันกลัว ฉันกลัวว่าเขาจะรู้ ฉันกลัวว่าเขาจะรู้ว่าฉันเป็นใคร
‘’ พุดดิ้งจ้า ‘’ ผู้หญิงแอฟริกัน-อเมริกันตัวท้วมๆ ในเสื้อพยาบาลลาย วินนี่ เดอะ พูห์ พูดขึ้น ขัดจังหวะช่วงเวลาตึงเครียดของเรา
และความรู้สึกนั้นก็หายไป
‘’ ขอบคุณครับ เบ็ธ ‘’ โจนาห์พูด สายตาของเขาหันไปมองเบ็ธแทนแล้วยิ้มตามสไตล์ของเขาให้ เบ็ธเลิกคิ้วขึ้น ปัดมือใส่โจนาห์ และวางถาดพุดดิ้งไว้ก่อนจะออกไป
‘’ ฉันไม่ได้ล้อเล้น ‘’ โจนาห์พูดหลังจากเราเงียบไปสักพัก
‘’ ฉันว่าฉันโล่งใจที่นายไม่ต้องโชว์ทักษะการหว่านสเน่ห์บุรุษพยาบาลนะ ‘’ ฉันแซวเขาอย่างซึมๆ โจนาห์ยิ้ม
‘’ ฉันก็ว่าอย่างงั้นแหล่ะ ‘’ เขาพูดพึมพำ และเอื้อมมือไปหยิบถ้วยพุดดิ้ง เขาส่งให้ฉันหนึ่งถ้วยกับช้อนพลาสติกเล็กๆ อีกหนึ่งคัน ฉันเริ่มแกะฝาเปิดออกอย่างใจลอย โจนาห์เริ่มกินของเขาแล้ว
‘’ เธอพูดถูก ’’ เขาพูดขึ้นในที่สุด ‘’ อันนี้อร่อยที่สุดเท่าที่ฉันเคยสั่งมาเลย ‘’ เขาวางถ้วยพุดดิ้งไว้ที่ตักของตัวเอง ความสงสัยแบบเดิมปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาเหมือนแต่ก่อน
‘’ อะไรเหรอ ‘’ ฉันถาม เปิดฝาถ้วยแล้วหลบสายตาของเขา ฉันเอาช้อนพลาสติกเล็กๆ ปักไว้ในพุดดิ้ง
‘’ … เปล่านี่ ‘’ เขาพูด และยิ้มแบบแปลกๆ ฉันก็ยิ้มเหมือนกันและตักพุดดิ้งเข้าปาก
และครั้งแรกในรอบสองปี ฉันได้ลิ้มรสพุดดิ้งอีกครั้ง
ใช้ชีวิตให้เต็มที่
ความคิดเห็น