ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Room 475

    ลำดับตอนที่ #1 : Prologue : Becka meets Jonah

    • อัปเดตล่าสุด 6 ต.ค. 55


    น้ำในอ่างล้างหน้าหยดทุกๆ ยี่สิบเจ็ดวินาที

    เพดานห้องมีกระเบื้อง 135 แผ่นและ 67 แผ่นในนั้นมีคราบน้ำเป็นสีเหลืองๆ

    หนึ่งในนั้นมีคราบเหลืองที่รูปเหมือนเอลวิส เพรสลีย์

    เห็นได้ฉัดเลยว่าฉันใช้เวลามากเกินไปอยู่ในโรงพยาบาลบนชั้นสี่ ส่วน 7เอ ห้องที่ 463

    ฉันถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายและมองไปรอบห้องอันว่างเปล่าอย่างเรื่อยเปื่อยเพื่อหาอะไรใหม่ๆ ให้นับ สายตาของฉันจับจ้องไปที่หลอดไฟฟ้าที่แสนจะน่ารำคาญ

                มันกระพริบสามครั้งในสามสิบวินาทีแรกพร้อมกับส่งเสียงหึ่งแหลมๆ ออกมา สามสิบวินาทีที่สองมันกระพริบเพียงแค่ครั้งเดียว

                ฉันไม่ได้บ้า ใช่ไหม ฉันไม่ได้บ้าอยู่แล้ว พนันได้เลยว่าพวกคนอื่นๆ ที่ติดอยู่บนชั้นนี้เป็นบ้าเพราะว่าถูกกักขังไว้ในนี้ ฉันอยู่ที่นี่เพราะว่ามันเป็นมาตรฐานของโรงพยาบาล ฉันมาอยู่ที่นี่ก็เพราะว่าชั้นนี้มีห้องเหลือ ใช่ไหม

                ฉันต้องออกไปเดินเล่นหน่อยแล้ว

                วันนี้ไม่มีเรื่องอะไรเลย ความจริงก็ใช่ว่าวันอื่นจะมี พวกคนแก่ๆ ที่นี่ก็รอให้ถึงคืนบิงโกหรือไม่ก็วันงานฝีมือ บางครั้งบางคราวก็จะมีพวกคนใหม่ๆ เพิ่มมาอยู่ ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องตื่นเต้นนะ แต่ก็เห่อกันได้แค่วันสองวัน ฉันนี่สิที่ไม่มีอะไรทำฆ่าเวลาเลย

                พยาบาลคนนึงหยุดนิ่งไปเลยเมื่อเห็นฉันเดินออกมาจากห้อง เธอโบกมือไปมาเพื่อเรียกร้องความสนใจ ฉันหันไปมองเธอแบบไม่ใส่ใจมาก สมาธิของฉันไม่ได้อยู่ตรงนี้เลยสักนิด

                ‘’ อรุณสวัสดิ์ รีเบคก้า วันนี้กินยาหรือยัง ‘’ เธอถามอย่างสุภาพและยิ้มให้อย่างอ่อนโยน เธอดูเหมือนคนใหม่นะ ดีจัง มีอะไรมาให้ฮาแล้วสิ

                ‘’ ยาของฉันเหรอ ไม่ล่ะ ฉันกดลงชักโครกไปแล้ว ฉันอยากได้ห้องที่เหมาะกับความคิดสร้างสรรค์ของฉันหน่อย ฉันว่าห้องเก่ามันถูกจำกัดความคิดเพราะพวกยาหมอสั่งนี่แหล่ะ ‘’ ฉันจะพูด ยักไหล่ แล้วมองดวงตาของเธอเบิกโพลง ปากของขอคงจะเปิดและปิดพะงาบๆ แล้วจากนั้นฉันก็จะยิ้มกว้างสุดๆ

              ‘’ ที่จริงฉันกำลังจะไปวาดรูปด้วยเลือดตัวเองบนผนังอยู่พอดีเลย พิกัสโซ่หรือใครสักคนก็ทำแบบนั้นใช่ไหม อาจจะเป็นแวนโก๊ะมั้ง ไงก็เถอะ ฉันได้รับแรงบัลดาลใจมาจากพวกเสียงในหัว พวกเสียงในหัวนี่มีแต่ไอเดียดีๆ ทั้งนั้นเลย แต่ไม่ต้องห่วงนะ ฉันรู้ขั้นตอน กินยาระงับประสาท ใส่เสื้อล็อกแขน แล้วนี่ฉันต้องโดนขังในห้องบุนวมอีกไหมเนี่ย ‘’ 

                ‘’ ฮัลโหล คุณรูเบ็นสัน ‘’ พยาบาลคนเดิมพูด มองฉันด้วยความสงสัย ฉันกระพริบตา หลุดจากบทสนทนาภายในหัวของตัวเอง ฉันถอนหายใจออกมาแทนที่จะได้เล่นสนุกแบบที่คิดเอาไว้

                ‘’ อ๋อ ยาเหรอ กินไปกับส้มแมนดารินเมื่อเช้านี้ ‘’ ฉันตอบแต่ก็ยังยิ้มยิงฟันอยู่ เธอค่อยๆ เดินถอยหลังห่างไปจากฉันทีละก้าว

                ‘’ โอเค ดีค่ะ ‘’ เธอพูดพึมพัมก่อนที่จะหันหลังเดินไปในทางโถงคนละทางกับฉัน

                ฉันหายใจเข้าออกเป็นจังหวะในขณะที่เดินไปตามทางเดิน นับห้องในโรงพยาบาลและเครื่องจ่ายน้ำยาล้างมือที่ติดอยู่บนกำแพง จิตใจของฉันเหม่อลอยไปกับความวุ่นวายของชีวิตเหมือนเคย

                เหม่อลอยไปว่าชีวิตนั้นมันสั้นแค่ไหน

                ฉันไม่ได้บ้าหรอก

                ฉันเดินไปถึงเครื่องจ่ายเบอร์ 13 เมื่อฉันสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวระหว่างห้องของตาแก่ทอมกับห้องของ แชตตี้ เค. ฉันโบกมือให้ตาแก่ทอมและเขาก็โผล่หัวออกมาทักทาย ฉันหยุดเดินเพราะความสงสัย ไม่เคยมีใครอยู่ห้อง 475 มาก่อนนี่

                ฉันเอื้อมมือไปกดเครื่องจ่ายน้ำยาล้างมือเบอร์ 14 อย่างใจลอยหลังจากที่ฉันเดินผ่านมันไป ฉันกดไปที่เครื่องห้าครั้ง และถูมือประกบกันไปมาห้าครั้ง ฉันสูดหายใจเข้าทางจมูกและเดินผ่านห้อง 475 อีกหนึ่งรอบ พยายามเหลือบมองเข้าไปแบบแอบๆ

                ฉันเดินช้าแบบที่สุดเพื่อเก็บรายละเอียดว่ามีอะไรอยู่เบื้องหลังผ้าม่านสีขาวของโรงพยาบาลนั่น น่าแปลกใจที่ข้างในมีผ้าปูที่นอน หมอนและผมยุ่งๆ สีดำ….

                ผมเหรอ

                ฉันกัดริมฝีปากและเอียงตัวพิงกำแพงระหว่างห้อง 473 กับ 475 ก่อนที่จะตัดสินใจหามุมมองดีๆ ฉันเดินผ่านห้องนั้นอีกครั้ง แกล้งทำเป็นสนใจกับป้ายบนประตูที่แปะว่า แผนกจิตเวชเหมือนกับว่าฉันไม่ได้เห็นมันมาร้อยกว่าครั้งที่ฉันเดินผ่านไปผ่านมาตลอดในรอบสองปี แต่ก็นะ นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนมาอยู่ห้อง 475

                ฉันเดินผ่านห้องนั้นอีกสามครั้งก่อนที่คนในห้องจะเรียกหาฉัน

                ‘’ นี่เธอจะเข้ามาหรืออะไร ‘’ เสียงของเขานุ่มมาก เป็นเสียงที่แฝงรอยยิ้มเอาไว้ ฉันอายหน้าแดงกล่ำแล้วหันไปมองรอบๆ ก่อนที่จะชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง

                ‘’ ฉันเหรอ ‘’ ฉันถาม แกล้งตกใจ ฉันหันหน้ากลับไปมองเขา กระดิกเท้าห้าครั้ง ก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้อง เขาเลิกคิ้วใส่ฉันทำให้ฉันรู้สึกไม่มั่นใจกับชุดของโรงพยาบาลที่ฉันใส่อยู่

                รอยประด้านหลังชุดไม่เคยกวนใจฉันมาก่อนเลยนะ

                แล้วทำไมฉันถึงไม่ใส่เสื้อในล่ะ

                คำตอบก็เรียบง่ายมากๆ ก็เพราะว่าเทพเจ้ากรีกไม่เคยมาอยู่ถัดจากฉันหกห้องที่แผนกจิตเวชของโรงพยาบาลพีมส์น่ะสิ

                โธ่

                ‘’ ไม่ใช่ ผู้หญิงอีกคนที่เดินผ่านห้องฉันหกรอบน่ะ ฉันไม่เคยคิดเลยนะว่าทางเดินมันจะวุ่นวายได้ขนาดไหน แบบว่า ฉันรู้ว่าบนโลกก็มีคนไม่ค่อยปกติอยู่บ้าง แต่ว่า ไม่เอาน่า เราไม่ได้บ้า ใช่ไหม ‘’ เขาพูด ยิ้มมุมปากเพราะความขมขื่นของตัวเอง ฉันเปิดปากพะงาบๆ สองสามทีก่อนจะปิดมันไปแล้วยักหน้าให้เขา          ฉันสำรวจชุดโรงพยาบาลสีฟ้าที่รัดแน่นตรงต้นแขนของเขา ผมสีเข้มของเขาลงมาปรกตา มันขยับไปมาเมื่อเขาขนตาดำยาวมากระทบ ถ้าเทียบกับทั้งใบหน้าคมเข้มของเขาจะเห็นว่าตาสีเขียวของเขาจะโดดเด่นมาก ฉันสำรวจเขาไปมาอีกครั้งก่อนจะรู้ตัวว่าดวงตาสีเขียวจ้องเข้ามาในดวงตาสีน้ำตาลของฉัน

                ‘’ ทำแบบนี้บ่อยเหรอ ‘’ เขาถาม พยักหน้าไปทางเท้าที่กระดิกอย่างบ้าคลั่งของฉัน

    5, 10, 15, 20, 25, 30...

                ‘’ ก็ใช่ ประมาณว่า แบบ เอ่อเวลาตื่นเต้นล่ะมั้ง ‘’ ฉันตอบ ตบตัวเองอยู่ในหัวที่ตอบคำถามออกมาเหมือนคำถามมากกว่าคำตอบ

                เขาเลียปากตัวเอง มองฉันหัวจรดเท้าทำให้ฉันรู้สึกไม่มั่นใจและอึดอัด ฉันเลยยืนกอดอกและเงยหน้าไปนับกระเบื้องเพดานแทน

                ‘’ แล้วนี่เธออารมณ์แปรปรวนเหรอ ‘’ เขาถาม กระชากฉันออกจากการนับกระเบื้องแผ่นที่ 47 ฉันรีบนับไปให้ถึง 50 จะได้ใช้ห้าหารได้ลงตัวก่อนที่คำพูดของเขาจะเข้าไปสู่สมองฉัน

                น้ำเสียงของเขาไม่ได้มีเจตนาที่จะดูหมิ่น ที่จริงเขาพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนว่า อาหารกลางวันกินอะไรหรือ อากาศเป็นไงบ้างเสียมากกว่า

                ฉันระเบิดก๊ากออกมา

                ‘’ พยายามชวนคุยเนอะ ‘’ ฉันพูดขึ้นในที่สุด ยังคงยิ้มแป้นอยู่ เขายิ้มยิงฟันสวยนั่นๆ ให้ฉันกลับ

                หล่อที่สุด

                ‘’ นี่ ฉันพยายามแล้วนะ แต่มันต้องมีเหตุผลที่เธออยู่ชั้นนี้สิ ‘’ เขาอธิบาย ชี้นิ้วไปที่ป้ายชั้นที่ฉันไม่เคยใส่ใจ

                ‘’ ย้ำคิดย้ำทำนิดนึง ‘’ ฉันพูดแบบอายๆ เขาหัวเราะคิกคัก ยกคิ้วขึ้นทั้งสองข้างแล้วถาม ‘’ นิดนึงเหรอ ‘’

                ฉันหายใจฟืดฟาด กระดิกเท้าอีกห้าครั้งแล้วกรอกตา

                ‘’ ก็ได้ พ่อคนฉลาด บางทีฉันอาจจะจิตป่วนกว่าที่ฉันบอกไป แล้วไง ว่าแต่นายเถอะ นายรับมือกับความจิตป่วนตลอดกาลและความสับสนตลอดไปของตัวเองยังไงล่ะ ‘’ เขาพยักหน้าด้วยความแปลกใจและทึ่งในการเลือกใช้คำของฉัน

                ‘’ ฮ่า ชื่อน่าสนใจนี่นา ฉันขอถามได้ไหมว่าคิดนานเท่าไร ‘’ ฉันอ้าปากจะแก้ตัวทันที แต่บางอย่างในสายตาของเขาหยุดฉันไว้

                ‘’ 12 วัน ‘’ ฉันยอมรับ สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นขบขัน เขาจ้องมองฉันและฉันก็สูญเสียความกล้าทั้งหมดที่รวบรวมมา

    ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ…..

     

    5, 10, 15, 20...

                ‘’ ฉันไม่คิดว่าเธอมาอยู่ที่นี่เพราะโรคย้ำคิดย้ำทำน่ารักๆ ของเธอหรอก ‘’ เขาพูด ฉันกระพริบตาปริบๆ หนึ่ง สอง สามครั้ง

    น่ารักเหรอ

                ‘’ ฉันอาจเป็นหรือไม่เป็นก็เรื่องของฉัน นายนี่ยังไงกันนะ ‘’ ฉันเถียง เขายกมือขึ้นบนอากาศแบบยอมแพ้และยิ้มให้เชิงขอโทษ

                ‘’ จี้ใจดำเหรอ ที่รัก ไงก็เถอะ มันก็ไม่สำคัญกับฉันอยู่ดีว่าเธอมาอยู่ที่นี่เพราะอะไร แล้วทำไมฉันต้องไปห่วงด้วยล่ะ ‘’ เขาถาม ฉันทำปากจู๋ด้วยความไม่พอใจ

                มันสำคัญก็เพราะว่านายดูเหมือนคนที่ไม่ต้องอยู่ที่นี่ มันสำคัญก็เพราะว่านายไม่เคยอยู่ที่นี่มาก่อน มันสำคัญก็เพราะว่านายหล่อสุดๆ และความจริงที่ว่านายอยู่ที่นี่ กับฉัน คือสิ่งเดียวที่เรามีเหมือนกัน มันสำคัญก็เพราะว่านายทำกับฉันเหมือนฉันเป็นคนปกติ และฉันก็อยากให้เป็นแบบนั้นเรื่อยๆ ไป

                เขาปฏิบัติกับฉันเหมือนคนปกติ วัยรุ่นชายคนแรกที่ฉันเคยคุยด้วยในรอบ 2 ปีปฏิบัติกับฉันเหมือนคนปกติ

    มันรู้สึกดีมาก

    จนกว่าเขาจะรู้นั่นแหละว่าทำไม่ฉันถึงต้องติดอยู่ในแผนกจิตเวช 7เอ ห้อง 463

    ‘’ มีเหตุผล ‘’ ฉันพูดพึมพำ เขาทำท่าเหมือนว่าเขาลืมไปแล้วว่าเราพูดเรื่องอะไรกันอยู่

    ‘’ ทำไมเธอถึงมาสอดแนมฉันล่ะ ‘’ เขาถาม ยิ้มอย่างอายๆ ฉันกรอกตาใส่เขา

    ‘’ ฉันไม่ได้สอดแนม ฉันแค่เดินไปตามทางโถวฃงเฉยๆ อีกอย่างนะ... ‘’ ฉันหยุดพูดและกัดกระพุ้งแก้มตัวเอง

    ทำตัวปกติ ทำตัวปกติ ทำตัวปกติ....

    ‘’ อีกอย่างอะไร... ‘’ เขายุแหย่

    ปกติ!! ปกติ!! ปกติ!!

    ‘’ อีกอย่าง... ฉันชอบหมายเลขห้องนายด้วย ‘’ ฉันยอมรับ รู้สึกงี่เง่าสิ้นดี กระดิ่งเตือนภัยเล็กๆ ที่ดังมาตลอดในหัวฉันตายสนิท ฉันเดินไปนั่งที่เก้าอี้ห่วยๆ ปลายเตียง

    ฉันเป็นบ้าแน่ๆ

    แต่เขากลับหัวเราะออกมาให้ฉันประหลาดใจ เสียงหัวเราะของเขาไม่ใช่หัวเราะเยาะแต่เป็นหัวเราะแบบที่ตลกและแปลกใจจริงๆ

    ‘’ เธอนี่เดาง่ายจัง ‘’ เขาพูด พยักหน้ามาทางฉัน ‘’ ฉันยังไม่รู้จักชื่อเธอด้วยซ้ำ ‘’

    ‘’ ฉันชอบเลข 5 เข้าใจไหม แล้วฉันก็ชื่อรีเบคกา 3 พยางค์ แต่เรียกเบคก้าก็ได้ ‘’ ฉันยิ้ม และเขาก็เขย่ามือทักทายฉันยื่นไปให้เขา

    ‘’ ดีใจที่ได้เจอ เบคก้า ‘’

    ‘’ แล้วนายชื่อ…. ‘’

    ‘’ โจนาห์ โจนาห์ที่โดนปลายักษ์กินแล้วโดนคายกลับมาบนชายหาดน่ะ ‘’ ฉันยิ้มให้กับมุกไบเบิ้ลของเขา เขายักไหล่เชิงยอมรับว่ามุกเขาเห่ยมากๆ แต่ก็ใช่ว่าเขาจะใส่ใจ

    ‘’ โจ ฉัน... ‘’

    ‘’ โจนาห์ ‘’ เขาพูดขัดฉันเสียงแข็ง ฉันหุบปากทันที และเขาก็พยักหน้าแบบจริงจัง

    ‘’ ฉันชื่อโจนาห์ 2 พยางค์ ‘’ เขาพูดเสริม เหมือนฉันสับสน

    ทำอย่างกับว่าการนับพยางค์ไม่ใช่สิ่งแรกที่ฉันทำอย่างอัตโนมัติงั้นแหล่ะ

                ฉันยิ้ม

                ….
    ภาษาฮาๆ นิดนึงนะคะ ฮ่าๆๆๆ ขอปรับตัวก่อน รับรองตอนสองนี่ภาษาแซ่บเวอร์แน่
    อดทนกันนิดนึง XD

    ©
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×