ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FicTVXQ]History in Japan ฉากรักอลเวง

    ลำดับตอนที่ #3 : บัญเอิญ โลกกลม พรหมลิขิต?

    • อัปเดตล่าสุด 4 ก.พ. 56


    ติ๊งต่อง~~~

                    เสียงกริ่งที่ประตูห้องพักดังขึ้น แต่กลับไม่ทำให้ร่างสูงที่นอนอยู่บนเตียงหนานุ่มนั้นขยับเลยสักนิด คงจะเป็นเพราะเมื่อคืนเขานอนดึกมากเกินไปเลยทำให้สมองเขาไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว สำหรับตอนนี้เขาแค่อยากจะนอนไปยันเย็นเลยได้ยิ่งดี

    ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง

                    เสียงกริ่งที่บ่งบอกถึงการมาเยือนของบุคคลอื่นยังดังต่อเนื่องไม่หยุด จากที่ชางมินจะนอนต่อและไม่รับรู้อะไรก็ไม่สามารถจะทำได้เพราะคนอย่างเขาประสาทสัมผัสไว มันจึงยากที่จะทำเป็นไม่รับรู้ แต่ตอนนี้เขาแค่อยากจะรอให้เพื่อนของเขาสักคนที่จะสละเตียงนอนลุกขึ้นไปเปิด ตอนนี้เขาไม่ไหวแล้วจริงๆเมื่อคืนออกไปหาอะไรกินสุดท้ายก็ไม่ได้อะไรกลับมากินสักอย่างแถมยังต้องไปทะเลาะกับไอ้เตี้ยที่ไหนก็ไม่รู้ทำเอาหงุดหงิดทั้งคืนกว่าจะข่มตานอนได้ก็เกือบเช้า

    ติ๊งต่องงงง ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง ติ๊งต่องๆ

    “โอ๊ยยยย รู้แล้วๆ จะกดอะไรกันนักกันหนาวะ” ชางมินโวยวายและพยายามที่จะลุกจากที่นอนไปเปิดประตู เมื่อเพื่อนสองคนของเขาไม่มีท่าทีว่าจะตื่นมาเปิดประตูเลยสักคน เหอะ เขาล่ะอิจฉาพวกนั้นจริงๆนะ พวกมันนอนได้นอนดีทุกที่เลย ความอดทนต่อสิ่งเร้าที่จะมารบกวนการนอนของพวกมันเรียกได้ว่าสูงติดท้องฟ้าเลยหละ

    “มาหาใครครับ” ชางมินเอ่ยถามผู้มาเยือนทั้งที่ยังไม่ได้ลืมตาดีเลยด้วยซ้ำ ในใจคิดว่าจะมาเปิดประตูรับให้จบๆแล้วจะรีบไปนอนต่อ

    “มาหาพี่ยูชะ...เฮ้ย ไอ้ขายาว!!!!”ร่างเล็กหน้าประตูกำลังอ้าปากตอบแต่พอเงยหน้าขึ้นมาเจอกับสิ่งที่ไม่คาดฝันก็ร้องตกใจเสียงหลง

    “เฮ้ย นาย!!!” ชางมินเมื่อได้ยินเสียงโวยวายจากคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็พยายามฝืนตาลืมขึ้น ก่อนจะต้องเบิกตาโพลงขึ้นมาเมื่อพบกับตัวการที่ทำให้เขาไม่ได้หลับได้นอนเมื่อคืนนี้ จริงๆเขาก็อยากเจอร่างเล็กนี่อยู่พอดีเพราะยังแค้นใจไม่หาย แต่ก็ไม่คิดว่าจะเจอกันเร็วขนาดนี้แถมร่างเล็กยังเป็นฝ่ายมาหาเขาถึงถิ่นอีก มันเลยทำให้ตกใจไม่ใช่น้อยเลย

    “นี่นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ร่างเล็กเริ่มเปิดศึกทันทีที่รู้สึกตัว

    “ทำไมฉันจะอยู่ไม่ได้ ก็นี่มันห้องฉัน” ร่างสูงก็เริ่มต่อปากต่อคำเช่นกัน

    “เฮ้ย!” ร่างเล็กเงยหน้ามองเลขห้อง “จะบ้าหรอนายอย่ามามั่วนะ ก็นี่มันห้องของพี่ยูชอนนี่ นายขโมยหรอ”

    “อ๋อออออ ที่แท้ก็เด็กไอ้ยูชอนนี่เอง ฉันไม่ใช่ขโมยหรอกนะ แต่เป็นเจ้าของห้อง”

    “ถ้านายเป็นเจ้าของห้องแล้วพี่ยูชอนล่ะ”

    “ไอ้ยูชอนก็เป็นเจ้าของห้องเหมือนกัน “

    “ตกลงยังไงกันเนี่ยยยย ใครเป็นเจ้าของห้องกันแน่ นายหรือพี่ยูชอน” ร่างเล็กถามด้วยความสับสน

    “ฉันเป็นเจ้าของห้อง ยูชอนเป็นเจ้าของห้อง ยุนโฮเป็นเจ้าของห้อง” ร่างสูงเริ่มพูดจาให้ร่างเล็กยิ่งงงเข้าไปใหญ่ เขาก็แค่อยากจะแกล้ง

    “ใครคือยุนโฮอีกอะ โอ๊ยยยย งงโว้ย” ร่างเล็กเอามือจับที่หัว ทำท่าแบบสับสนสุดๆ

    “นายไม่ต้องเข้าใจหรอก อีกไม่นานนายก็โดนไอ้ยูชอนเขี่ยทิ้งเองอะ” ชางมินบอก จริงๆเขาก็แอบคิดนะว่าทั้งที่ร่างเล็กตรงหน้านั้นดูจะไร้เดียงสาเกินไปจะเป็นเด็กในสต๊อกของยูชอน แต่บางทีเพื่อนเขาคงอยากจะเปลี่ยนอารมณ์บ้าง

    “ทิ้งอะไรของนาย ประสาทรึป่าว”

    “เข้ามาก่อนสิ เดี๋ยวฉันจะไปปลุกมันให้ จะได้รีบทำรีบกลับกัน”

    “ทำอะไร ห๊ะ? นายพูดอะไรของนายวะไอ้สูง”

    “นายไม่ต้องมาเฉไฉหรอกน่า เราก็รู้ๆกันอยู่นะ ฉันเป็นเพื่อนไอ้ยูชอนมันมานานเรื่องแค่นี้ฉันชินแล้วล่ะ”

    “นายชินอะไรของนายวะ ฉันไม่ชินโว้ยยย ไปเรียกพี่ยูชอนมาเดี๋ยวนี้เลยนะ”

    “อดทนหน่อยสิ เก็บอารมณ์หน่อย เดี๋ยวไอ้ยูชอนมันก็จัดให้เองแหละ รอแป๊ปนะ” ชางมินพูดจบก็เดินไปที่ห้องของยูชอนปล่อยให้ร่างเล็กยืนงงอยู่ว่าไอ้สูงนั่นมันพูดอะไรของมันวะ  แต่ความสงสัยก็หายไปเมื่อร่างสูงเดินออกมาพร้อมกับพี่ชายของตนในสภาพตื่นนอน

    “พี่ยูชอน!!!” ร่างเล็กกระโดดกอดพี่ชายด้วยความดีใจ

    “เฮ้ยๆ ทำอะไรก็เกรงใจกันบ้างสิ ฉันยืนอยู่ทั้งคนนะ”

    “นี่พวกนายเสียงดังอะไรกันเนี่ย” ร่างสูงอีกร่างเดินออกมาจากห้องนอนในสภาพที่งัวเงียไม่ต่างจากเพื่อนทั้งสองก่อนหน้านั้นเลย “อ้าวว มีแขกหรอ เอ๊ะ ยูชอน นี่หรือป่าวน้องนายที่บอกว่าจะมาอยู่ด้วยอะ”

    “อื้ม ใช่แล้ว ชางมิน นี่ยูฮวาน หรือเรียกริคกี้ก็ได้”

    “นะ นะ น้องหรอ?” ชางมินเอ่ยน้ำเสียงงงงวยสุดๆ หน้าแตกแล้วไงล่ะ

    “ใช่ น้อง แล้วนายคิดว่าฉันเป็นอะไรกับพี่ยูชอนล่ะ” ร่างเล็กถามอย่างสงสัยจริงๆเพราะตอนแรกที่คุยกับชางมินเขาก็งงอยู่ว่าชางมินพูดเรื่องอะไรเพราะเรื่องที่ชางมินกำลังพูดนั้นเขาไม่เข้าใจสักนิด

    “กะ ก็ คิดว่าเป็นน้องนั่นแหละ หน้าแกะกันมาซะขนาดนั้น” ชางมินแก้ตัวน้ำขุ่นๆทั้งที่ตัวเองคิดว่าริคกี้เป็นเด็กในสต๊อกของยูชอนต่างหาก แต่ที่เขาบอกว่าหน้าแกะกันมานั่นเป็นเรื่องจริงที่ชางมินเองก็เพิ่งสังเกตเห็น โธ่ ไอ้มินเอ๊ยยยย ถ้าสังเกตเร็วกว่านี้คงไม่ต้องหน้าแตกแบบนี้หรอ ชางมินได้แต่คิดโมโหตัวเองอยู่ในใจ

    “ไม่ใช่หรอกมั้ง ตอนแรกนายพูดเหมือนกับไม่ได้คิดว่าฉันเป็นน้องพี่ยูชอนซะหน่อย ฉันรู้สึกได้จริงๆนะ พูดเหมือนกับว่า...” ร่างเล็กทำท่าคิดอย่างไร้เดียงสา โดยไม่รู้เลยว่าคำพูดของตัวเองนั้นกำลังไล่ต้อนชางมินชัดๆ

    “ช่างเหอะ ว่าแต่นายเอาน้องมาอยู่แบบนี้แล้วจะพักห้องไหนล่ะ ห้องนอนก็มีอยู่แค่สามห้อง จะให้นอนโซฟาหรอ” ชางมินเห็นร่างเล็กทำท่าคิดก็ได้ทีแทรกขึ้นเปลี่ยนเรื่องก่อนที่ร่างเล็กจะคิดออก

    “นายจะบ้าหรอไงไอ้สูง คุณหนูริคกี้อย่างฉันนายจะให้นอนโซฟาได้อย่างนั้นหรอ ห๊ะ?” ริคกี้โวยวายจนลืมเรื่องที่กำลังถามชางมินเมื่อกี้ซะสนิท ก็มีอย่างที่ไหน อยู่ๆจะมาบอกให้คนอื่นเขานอนโซฟา

    “แล้วจะนอนที่ไหนล่ะ”

    “เอ่อ...ฉันไปอาบน้ำก่อนนะ มีธุระต้องไปทำว่ะ”ยุนโฮเอ่ยปากขอตัวและเดินเข้าห้องตัวเองไป แต่ก่อนที่เขาจะปิดประตูก็ยังอุตส่าห์ยื่นหน้ามาบอกกับเพื่อนๆว่า “อ่อ ห้องฉันไม่ว่างนะ ฉันไม่ค่อยชอบใช้ห้องร่วมกับใคร” แหมมมม ยุนโฮ ออกตัวซะขนาดนั้นใครจะกล้าไปนอนด้วยล่ะ โอเค งั้นตอนนี้ตัดยุนโฮออกไป

    “ชางมินนนนน”

    “นายไม่ต้องมาเรียกสียงแบบนั้นเลยนะไอ้ยูชอน น้องนายไม่ใช่น้องฉัน”

    “โธ่ นายก็รู้ว่าฉันมีผู้หญิงเข้าห้องไม่เว้นแต่ละวัน แล้วนายจะให้ฉันเอาริคกี้ไปนอนด้วยได้ไงล่ะ”

    “แล้วทำไมต้องเป็นฉันวะ ไปขอร้องไอ้ยุนมันนู่นสิ”

    “โหหหห นายไม่รู้หรอไงว่าไอ้บ้านั่นมันเจ้าระเบียบอย่างกับอะไร ถ้าให้น้องฉันไปอยู่ด้วยมีหวังได้โดนฆ่าตายเพราะทำห้องมันเลอะแน่ๆ อีกอย่างมันออกปากขนาดนั้นแล้วอะ”

    “ฉันก็ออกปากขนาดนี้แล้วนะ ว่าไม่เด็ดขาด!!!

    “ชางมินนนนน ช่วยฉันหน่อยนะๆๆๆ”

    “ไม่ นายอย่ามาอ้อนซะให้ยากเลยยูชอน ยังไงก็ไม่!! ชัดเจนนะ”

    “ทำไมล่ะ นายกลัวฉันหรอ” คราวนี้เป็นเสียงของยูฮวานพูดยั่วขึ้นมา จริงๆเขาก็ไม่ได้อยากจะนอนกับร่างสูงนั่นหรอกนะ แต่พอเห็นพี่ตัวเองต้องไปง้อคนแบบนั้น แถมหมอนั่นยังทำเหมือนกับเขาน่ารังเกียจมากมายมันเลยทำให้ร่างเล็กโมโห อะไรกัน ตอนอยู่ที่เกาหลีมีทั้งผู้หญิง ผู้ชายในมหาลัยแย่งกันจีบ หมอนี่มันเป็นใครถึงกล้ามาทำท่าทางรังเกียจริคกี้ รู้จักริคกี้น้อยไปซะแล้วนะไอ้สูง

    “ฉันจะไปกลัวอะไรนาย ห๊ะ พูดให้มันดีๆ”ชางมินหันควับไปทางร่างเล็กทันที

    “ก็กลัวจะเกิดเรื่องแบบเมื่อวานไง เรื่องที่ฉันเอาบะหมี่ราด...”

    “พอ หยุดได้ละ ถ้านายอยากจะนอนห้องฉันมากนักนายก็นอนไปเลย แล้วไม่ต้องพูดมากอีกนะ น่ารำคาญ” ยูฮวานยังพูดไม่ทันจบแต่ร่างสูงก็แทรกขึ้นมาเพราะกลัวว่าร่างเล็กจะเล่าเรื่องหน้าอับอายของเขาเมื่อคืนออกมา จนยูชอนได้แต่งง อะไรวะ เขาอ้อนแทบตายไอ้มินมันไม่ใจอ่อน แต่กลับให้นอนง่ายๆเพราะคำพูดของน้องเขาเนี่ยนะ

    “หึหึหึ” ส่วนยูฮวานก็หัวเราะสะใจอยู่คนเดียว

                    ____________________________________________________________________

                    ร่างเล็กอวบค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาและก็ได้พบกับร่างบางของเพื่อนรักที่นอนอยู่ข้างๆกัน เมื่อคืนแจจุงมานอนค้างที่ห้องของเขาเพราะต้องการจะมาเพ้อถึงไอ้หน้าหล่อที่ยังไม่รู้จักแม้แต่ชื่อให้ฟังกว่าที่เขาจะได้นอนก็หกโมงเช้านู่น แถมยังเป็นการที่เขาเผลอหลับไประหว่างที่ฟังเพื่อนบรรยายความรู้สึกที่เล่าซ้ำไปซ้ำมาเป็นรอบที่ร้อยด้วยนะ ดังนั้นร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงก็ไม่รู้ว่าเล่าไปถึงตอนกี่โมงเพราะสายตาของร่างบางตอนที่เล่านั้นจ้องมองไปแต่พระอาทิตย์ที่กำลังขึ้นในตอนเช้าจนไม่ได้สังเกตว่าเพื่อนหลับไปแล้ว จุนซูรู้ว่าแจจุงต้องนอนหลังเขานานอยู่พอสมควรเลยล่ะ เพราะถึงขนาดที่นอนหลับเป็นตายขนาดนี้ เขาเลยเลือกที่จะไม่ปลุกแจจุงขึ้นมา ปล่อยให้เพื่อนรักพักผ่อนต่อไป

    “โหหห ทุ่มครึ่งแล้วหรอเนี่ย นอนมาราธอนเลยแหะเรา” ร่างอวบพูดกับตัวเองเมื่อหันไปมองนาฬิกาแล้วพบว่าตัวเองนอนนานเกินไป

    “หิวจังเลย” จะทำยังไงดีนะ หิวก็หิว แต่ก็ไม่อยากจะรบกวนเพื่อน  เฮ้อออ เอาวะ คุณหนูคิมจุนซู จะหาข้าวกินเองสักมื้อคงไม่เสียชื่อคุณหนูหรอก ร่างเล็กคิดได้ดังนั้นจึงเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าเพื่อหาชุดมาเปลี่ยนก่อนจะหยิบหมวกสีแดงที่มีรูปต้นมะพร้าวอยู่ด้านหน้าหมวกซึ่งเป็นหมวกใบโปรดออกมาสวม ตามด้วยผ้าพันคอสีเดียวกัน จริงๆอากาศก็ไม่ได้หนาวอะไรมากนัก แต่สำหรับจุนซูซึ่งเป็นคนขี้หนาวแล้ว อากาศแบบนี้ก็เย็นมากพอที่จะทำให้เขาไม่สบายได้

                    ร่างเล็กเดินเข้าไปในลิฟท์และกดชั้นหนึ่งเพื่อลงไปหาอาหารมื้อแรกของวันมาลงกระเพาะ และเมื่อมาถึงชั้นร่าง จุนซูก็เดินออกไปภายนอกโรงแรมอย่างรวดเร็ว ร่างเล็กรู้สึกดีใจเล็กน้อยเมื่อเดินเข้าไปในตลาดขายอาหารกลางคืนแล้วมีผู้คนเดินอยู่ไม่มากนัก  ร่างเล็กเดินอยู่สักพักก็เลือกที่จะสั่งข้าวห่อไข่มากิน เมื่อได้ข้าวห่อไข่แล้วจุนซูก็ถือกล่องข้าวเดินออกไปเพื่อหาที่สงบๆกินข้าวเนื่องจากร่างเล็กไม่ชอบกินข้าวในที่ที่วุ่นวายของร้านอาหารเล็กๆแบบนี้

                    จุนซูเดินมาเรื่อยๆจนเข้ามาในเขตของสวนสาธารณะและเลือกนั่งลงบนโต๊ะม้าหินริมน้ำเพื่อชมบรรยากาศใต้แสงจันทร์ไร้ซึ่งผู้คนเดินผ่านไปผ่านมา แต่ยังไม่ทันจะได้แตะข้าวสักคำจุนซูก็นึกขึ้นได้ว่าลืมซื้อน้ำ จึงเดินวกกลับไปที่ตลาดกลางคืนอีกครั้ง

    อุก~

    “โอ๊ย ขอโทษฮะ” ด้วยความรีบเพราะหิวข้าวมากทำให้ร่างเล็กเดินก้มหน้าก้มตาจนไปจนกับคนร่างสูง และเมื่อร่างเล็กเงยหน้าขึ้นมาก็ต้องตะลึงในความหล่อ แต่ถึงหล่อแค่ไหนก็ไม่สามารถต้านทานความต้องการของกระเพาะได้

    “เอ่อ...ขอโทษฮะ ขอโทษ” ร่างเล็กโค้งลวกๆหลายทีก่อนจะตั้งท่าเดินจากไป แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวเดินก็ถูกร่างสูงดึงแขนไว้เสียก่อน

    “เดี๋ยวสิ จะไปไหนล่ะชนแล้วหนีหรือไง”

    “ปะ ป่าว นะฮะ คือผมก็ขอโทษแล้ว และคุณก็ไม่ได้เสียหายอะไร งั้นผ..”

    “หน้าตานายน่ารักดีนะ” ยังไม่ทันที่ร่างเล็กจะพูดจบร่างสูงก็แทรกขึ้นซะก่อน

    “มะ มะ หมายความว่าไง” ร่างเล็กเสียงสั่นด้วยความหวาดกลัว ลางสังหรณ์ของเขาบอกว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนดีแน่ๆ

    “ ไปนอนกับฉันสักคืนไหมล่ะ รับรองฉันจะจ่ายให้เธออย่างงาม”

    “นี่นาย ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ” จุนซูบอกพร้อมพยายามสะบัดแขนออกจากร่างสูงแต่ก็ไม่เป็นผล เขาเลือกที่จะเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้กับร่างสูงเพราะคิดว่าคนแบบนี้ไม่จำเป็นต้องสุภาพด้วยแล้ว

    “ทำไมฉันต้องปล่อยนายล่ะ ในเมื่อเหยื่อมาหาถึงที่ขนาดนี้”

    “ปล่อยฉันนะไอ้บ้า ฉันไม่มีวันไปกับนายหรอก”

    “ไปไม่ไปเดี๋ยวก็รู้ คนอย่างชเวซีวอนน่ะนะ อยากได้อะไรก็ต้องได้”

    “ปล่อยนะ ปล่อยยยยยย บอกให้ปล่อยไงเล่า ปล่อยยยย” ร่างเล็กยังดิ้นไม่หยุด แต่ขณะที่ยังหลับหูหลับตาดิ้นอยู่นั้นก็รู้สึกได้ถึงวัตถุที่ลอยผ่านหน้าตนไป

    ฟิ้ววววว

    “โอ๊ย” ร่างสูงปล่อยมือจากจุนซูทันทีและเอามือไปกุมหน้าผากตัวเองไว้ พร้อมกับการปรากฏตัวของอีกคน

    “บิงโก!!” ร่างนั้นพูดออกมาอย่างวางมาด

    “เฮ้ย ไอ้เถิก!!!” จุนซูร้องอย่างแปลกใจทันทีที่เห็นหน้าผู้มาใหม่ชัดๆ

    “นี่ ฉันช่วยนายนะ จะเรียกดีๆหน่อยไม่ได้รึไง” วางมาดอยู่ได้ไม่นานก็ต้องอารมณ์เสียเพราะชื่อเรียกที่คนร่างเล็กตั้งให้ นี่ดีนะที่ไอ้ซีวอนมันมัวแต่เจ็บเลยไม่ได้ยิน ไม่งั้นอายแย่เลย

    “ไอ้ยูชอน!!!

    “ว่าไงครับไอ้ซีวอน กำลังทำอะไรอยู่ล่ะ เดี๋ยวนี้อดอยากขนาดต้องฉุดเลยหรอวะ”

    “นั่นมันเรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับแก นายน่ะไปกันได้แล้ว” ซีวอนบอกยูชอนก่อนจะหันมาดึงข้อมือจุนซู

    “เขาไม่ยอมก็อย่าใช้กำลังสิวะ”

    “นายอย่ามายุ่ง นี่มันเรื่องของฉัน”

    “ว้า ทำไงดีล่ะจุนซู มันไม่ให้ฉันยุ่งอะ สงสัยฉันต้องปล่อยเธอไปเป็นเหยื่อมันแล้วล่ะ” ยูชอนหันไปบอกกับจุนซูด้วยน้ำเสียงเสียใจสุดๆแต่หน้าตานี่แววเจ้าเล่ห์ออกชัดเจน

    “ไม่นะช่วยฉันด้วยยยย จะให้ทำอะไรก็ยอมทุกอย่างเลย ช่วยด้วยนะๆๆสุดหล่อออ” จุนซูพูดออกไปด้วยความกลัวจะตกเป็นของซีวอน หารู้ไม่ว่าไอ้คนที่กำลังขอร้องอยู่นั้นก็น่ากลัวไม่แพ้กันเลยสักนิด

    “ยอมทุกอย่างจริงนะ???” ยูชอนถามร่างเล็กด้วยสีหน้าดีใจแบบเต็มเปี่ยม คำพูดของร่างเล็กนั้นเข้าทางเขาเต็มๆ

    “จริงสิ นายช่วยฉันหน่อยนะ”

    ปึง

     ร่างสูงไม่ได้ตอบอะไรแต่กลับหยิบก้อนหินขึ้นมาปาใส่รถของซีวอนที่จอดอยู่ห่างออกไปไม่เท่าไหร่

    “เฮ้ย ไอ้ยูชอน หยุดนะ”

    ปึง

    “ฉันบอกให้หยุดไง”

    ปึง

    “โธ่โว้ยยยย” ซีวอนตะโกนก่อนจะกระโดดเข้าหายูชอนเพื่อปล่อยหมัดแต่ยูชอนหลบทันพร้อมกับปล่อยหมัดสวนไปที่หน้าซีวอน และหลังจากนั้นก็เกิดการชุลมุนขึ้น จุนซูเห็นแบบนั้นก็เลยค่อยๆย่องหนีออกมา ก็ใครจะอยู่ให้โง่ล่ะ ถ้าเกิดไอ้เถิกนั่นแพ้ขึ้นมาก็ซวยอะดิ่

                    ร่างเล็กวิ่งออกมาเรื่อยๆเพื่อจะออกไปที่ตลาดกลางคืน แต่วิ่งเท่าไหร่ก็ไม่ถึงสักที ทำไมนะ ตอนเดินเข้ามาไม่ได้ลึกขนาดนี้นี่นา

    “จ๊ะเอ๋”

    “เฮ้ย” ร่างเล็กสะดุ้งสุดตัวเมื่ออยู่ๆก็มีร่างเล็กกระโดดออกมาจากหลังต้นไม้

    “ว้า หน้าตาก็น่ารักทำไมตกใจแมนจัง”

    “นายตามฉันมาทันได้ไงเนี่ย แล้วไอ้บ้ากามนั่นไปไหนแล้ว”

    “ห๊ะ? นายเรียกไอ้ซีวอนว่าไอ้บ้ากามหรอ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ เข้าท่าๆ”

    “หัวเราะอะไรไอ้เถิก ตอบฉันมา”

    “ก็ไอ้ซีวอนน่ะมันกลับไปแล้ว สงสัยจะกลัวหน้าเป็นแผลเป็นเลยต้องรีบกลับไปให้หมอดูหน้ามั้ง ไอ้บ้านั่นมันห่วงหล่อจะตาย ส่วนถ้าจะถามว่าฉันตามนายมาได้ยังไงต้องบอกก่อนเลยว่าไม่ได้ตามหรอกนะ นายต่างหากที่เดินวนกลับมาที่เดิมตั้งสามรอบแล้ว”

    “จะบ้าหรอ ใครจะโง่เดินวนตั้งสามรอบ นายอย่ามาโกหก”

    “เอ่อ...นายด่าตัวเองทำไม” ยูชอนทำหน้าประมาณว่าไม่อยากจะเชื่อว่ามีคนโง่ที่บ้าด่าตัวเอง

    “อ้าว...สรุปนี่ฉันเดินวนจริงๆน่ะหรอ” สีหน้าของยูชอนทำให้จุนซูรู้ว่ามันเป็นเรื่องจริง ร่างเล็กจึงได้แต่ยอมรับแบบอายๆ

    “อืม”

    “งั้นนายไม่ได้จะตามฉันใช่มะ?”

    “จริงๆถ้านายไม่ได้เดินวนมาเจอฉันเองฉันก็จะตามนายอยู่ดี”

    “นายจะตามฉันทำไม ห๊ะ?” ร่างเล็กถามอย่างอารมณ์เสียที่ร่างสูงทำเหมือนจะเกาะติดตนไม่ปล่อย

    “ก็นายบอกเองไม่ใช่หรอว่าจะยอมทำทุกอย่างถ้าฉันช่วย ฉันก็เลยเดินตามมา”

    “ฉันไม่ได้บอกซะหน่อย”

    “นายบอก”

    “ฉันป่าว”

    “แล้วนี่อะไร” ร่างสูงยิ้มอย่างผู้ชนะก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมกับเสียงดังขึ้นว่า ไม่นะช่วยฉันด้วยยยย จะให้ทำอะไรก็ยอมทุกอย่างเลย ช่วยด้วยนะๆๆสุดหล่อออ เฮือกกก มันไปอัดมาตอนไหนฟระ ร่างเล็กได้แต่คิดในใจ

    “ทีนี้ยอมรึยัง”

    “เออๆ แล้วจะขออะไรล่ะ”

    “ยังไม่รู้ ตอนนี้ยังคิดไม่ออกอะ เราไปเดินตลาดกลางคืนกันพลางๆก่อนนะ รอฉันคิดออก นายหิวด้วยไม่ใช่หรอ เห็นรีบวิ่งออกมาจากโรงแรมเลย”

    “นี่นายตามฉันมาตั้งแต่ที่โรงแรมเลยหรอ”

    “ป๊าววววว ไม่ได้ตามนะ มันบังเอิญ” ยูชอนปฏิเสธเสียงสูง ไม่ได้คิดเลยนะว่าใครจะบังเอิญได้ขนาดมาเจอกันที่สวนสาธารณะตอนกลางคืนแบบนี้  โง่จริง

    “ก็แล้วไป” แต่งานนี้รู้สึกว่าจะมีคนโง่กว่านะ เชื่อด้วย

    “เราไปหาไรกินกันเถอะไป” ยูชอนบอกพร้อมเอื้อมไปจับข้อมือร่างเล็ก

    “นี่ เดี๋ยวสิ ทำไมฉันต้องไปกับนายด้วยล่ะไอ้เถิก” จุนซูสะบัดแขนทิ้งซึ่งก็หลุดอย่างง่ายดายเพราะร่างสูงไม่ได้จับแน่นอะไร

    “หรือว่านายอยากให้ฉันคิดตรงนี้ล่ะว่าจะขออะไร มืดๆแบบนี้ บรรยากาศแบบนี้  เอ ขออะไรดีน้า” ร่างสูงทำท่าครุ่นคิดอย่างเจ้าเล่ห์

    “จะไปตลาดไม่ใช่หรอ รีบเดินตามมาสิ” เมื่อรู้สึกถึงอันตรายถ้าหากยังยืนอยู่ตรงนี้ร่างเล็กจึงเดินนำหน้าไป ร่างสูงยกยิ้มมุมปากก่อนจะก้าวมาเดินข้างๆร่างเล็กอย่างรวดเร็ว

    “อ่อ แล้วมีอีกอย่างจะบอก ฉันน่ะชื่อยูชอน จำไว้ด้วย”

    “ทำไมต้องจำล่ะ ฉันจะเรียกนายไอ้เถิก ไอ้เถิก ไอ้เถิก” จุนซูยื่นหน้าเข้าไปอย่างท้าทาย ร่างสูงได้โอกาสจึงยื่นหน้าเข้ามาจนปลายจมูกแทบจะชนกัน

    “ฉันว่านายควรจะเรียกชื่อฉันนะถ้าไม่อยากให้ฉันขออะไรแปลกๆ” ร่างสูงพูดทั้งที่หน้ายังแทบจะติดกันอยู่ ก่อนที่ร่างเล็กจะเป็นฝ่ายเดินหนีไปแบบลุกรี้ลุกรน  การกระทำของยูชอนเมื่อกี้ทำให้จังหวะหัวใจของร่างบางเต้นรัวเป็นดนตรีแทงโก้เลย หน้าร้อนผ่าวจนรู้สึกได้ว่าแดงมาก

    “ดะ เดินตามมาสิ ไอ้...เอ่อ...ยูชอน” ร่างเล็กรีบเปลี่ยนคำทันทีเมื่อร่างสูงทำท่าเอามือแตะที่ปาก

    “หึหึหึ”

    โธ่เอ๊ยยยยย หนีเสือปะจระเข้ชัดๆเลยคิมจุนซู

                    _____________________________________________________________________

    ตุ้บ~~

    “โอ๊ยยยยย” ร่างบางร้องขึ้นเมื่อรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แล่นเข้าสู่การรับรู้ของสมอง

    “อะไรกัน นี่นายตกเตียงอีกแล้วหรอคิมแจจุง รอบที่เท่าไหร่ของเดือนนี้แล้วเนี่ย ซุ่มซ่ามแม้กระทั่งตอนหลับแบบนี้จะมีหน้าที่ไหนไปแอบชอบเทพบุตรสุดหล่อล่ะเนี่ย” ร่างบางบ่นกับตัวเอง  การตกเตียงสำหรับคิมแจจุงผู้ที่ซุ่มซ่ามได้ตลอดเวลามันเป็นเรื่องปกติมาก และแจจุงก็ชินกับการที่เป็นแบบนี้ แต่ทำไมวันนี้กลับรู้สึกโมโหตัวเอง เหมือนกับกลัวว่าตัวเองนั้นจะไม่คู่ควรกับสุดหล่อ ทำไมกันนะ ทั้งที่เพิ่งเจอกันแต่ครั้งเดียว แต่นายกลับมาอิทธิพลต่อหัวใจของฉันขนาดนี้

                    ร่างบางเดินออกมาจากห้องหลังจากที่จัดการอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว

    “จุนซู อยู่รึป่าว จุนซู” แจจุงเดินตามหาเพื่อนรอบบ้าน แต่ก็ไม่พบ นึกเป็นห่วงเพื่อนขึ้นมาจับใจ เพื่อนร่างเล็กของเขาไม่เคยออกไปไหนคนเดียวซะด้วยสิ เมื่อคิดได้แบบนั้นแจจุงจึงวิ่งออกจากห้องไปเพื่อนตามหาเพื่อนรัก

                    ร่างบางเดินไปเรื่อยๆตามถนนที่มีแสงไฟ คนไม่ค่อยพลุกพล่านเท่าไหร่เนื่องจากวันนี้อากาศเริ่มเย็นขึ้นทำให้ผู้คนส่วนใหญ่เลือกที่จะนอนอยู่บ้านมากกว่า และแจจุงก็รู้สึกดีที่เป็นแบบนั้นเพราะมันจะได้ง่ายต่อการตามหาเพื่อนของเขา แจจุงเดินเข้าไปในร้านขนมหวานต่างๆเพราะรู้ว่าเพื่อนคนดีของเขานั้นชอบขนมหวานยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น แต่เดินเข้าออกตั้งหลายร้านแล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะพบเพื่อนรักสักทีจนร่างบางรู้สึกเหนื่อยและคอแห้งมากๆ ร่างบางเดินไปซื้อน้ำแดงก่อนที่จะเดินไปนั่งพักใต้ต้นไม้ เหนื่อยๆแบบนี้ได้กินน้ำแดงนี่แหละชื่นใจ เพราะแจจุงเป็นคนชอบสีแดงและเจ้าน้ำแดงนี่ก็หวานถูกใจแจจุงที่สุด พอกินแล้วปากจะเป็นสีแดงแบบธรรมชาติซึ่งแจจุงรู้สึกว่ามันทำให้ตัวเองดูดี

    “โอ๊ย เมื่อยแล้วนะเนี่ย ไปอยู่ที่ไหนเนี่ยจุนซู คอยดูนะ พรุ่งนี้จะไม่ทำอาหารให้กินเลย” แจจุงพึมพำกับตัวเอง สายตายังสอดส่ายหาเพื่อนรัก แต่ก็พลันได้หยุดกึกเมื่อมองไปพบกับใครบางคน

    “เฮ้ย นั่นมันเทพบุตรสุดหล่อนี่หว่า”

    “ใส่เสื้อสีขาวอีกแล้ว เป็นอะไรกับสีขาวหนักหนานะ”

    “เฮ้ยๆแล้วนั่นจะไปไหน”แจจุงไม่รอช้ารีบคว้าแก้วน้ำแดงก่อนที่จะเดินเข้าไปหาร่างสูงเมื่อเห็นว่าร่างสูงกำลังจะเดินจากไป คนอย่างคิมแจจุงน่ะ ไม่มีคำว่าอายอยู่ในสารระบบของสมองหรอกนะ

    “สวัสดี” แจจุงเดินเข้าไปด้านหลังของร่างสูง

    “เฮ้ย!นาย” ร่างสูงหันมาตามเสียงเรียกอย่างตกใจ จะไม่ให้ตกใจได้ยังไง อุตส่าห์หนีคนพลุกพล่านยังจะมีคนตามมาอีก

    “อะไรกัน มันไม่ได้น่าตกใจขนาดนั้นสักหน่อย” แจจุงพูดพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้ร่างสูง แต่ด้วยความที่ไม่ทันมองจึงสะดุดก้อนหินก้อนใหญ่และถลาเข้าหาร่างสูงอย่างเต็มๆ

    “เฮ้ย/อ้าย” เสียงทั้งสองประสานกันด้วยความตกใจและ

    ซ่า~~  แก้วน้ำแดงสาดใส่เสื้อขาวของร่างสูงเต็มๆส่วนร่างของแจจุงก็ถลาตามไปติดๆ  โอ๊ยยย ทำไมซุ่มซ่ามได้อยู่เรื่อยเลยนะคิมแจจุง ว่าแต่ว่าอกกว้างชะมัดเลย ผู้ชายอะไรหน้าก็หล่อ แต่งตัวก็ดูดี อกกว้าง หุ่นดี ถูกใจแจจุงที่สุดอะ

    “นี่นาย”

    “นาย”

    “ไอ้หน้าหวาน”

    “นาย!!!!

    “หะ หะ ห๊ะ? ว่าไงหรอ” แจจุงตื่นจากพวังเมื่อร่างสูงที่ตนเองยืนซบอกอยู่นั้นตะโกนเสียงดังใส่หู

    “ออกไปเหอะ เสื้อฉันเลอะหมดแล้ว”

    “จริงด้วย ฉันขอโทษนะ ขอโทษๆ เอางี้เดี๋ยวฉันเช็ดให้นะ” แจจุงหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋ากางเกงของตนเช็ดเสื้อให้ร่างสูงทันที

    “โอ๊ย”

    “เป็นอะไร??”

    “นายมาเหยียบเท้าฉันทำไมเนี่ย”

    “เฮ้ย ขอโทษนะ มาๆเดี๋ยวฉันเช็ดให้หมดก่อนนะ” ร่างบางทำท่าจะเข้าไปเช็ดให้ต่อ

    “ไม่ต้องเลย พอแล้ว เดี๋ยวฉันกลับไปซักเอง” ร่างสูงบอกด้วยสีหน้าหงุดหงิดสุดๆ

    “เอางั้นก็ได้ แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ ขอโทษจริงๆ” แจจุงเห็นหน้าหงุดหงิดของร่างสูงแล้วก็ไม่อยากจะขัด แต่ก็ยังขอโทษด้วยความรู้สึกผิด ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงเลย

    “งั้นฉันไปละนะ” ร่างสูงบอก

    “เดี๋ยวก่อนสิ เหวออออ” แจจุงกำลังจะเดินเข้าไปรั้งร่างสูงไว้เพื่อที่จะขอบคุณเรื่องที่ร่างสูงไม่โกรธ แต่เนื่องจากพื้นที่กำลังเหยียบอยู่นั้นเป็นพื้นดินที่เปียกอยู่จึงทำให้ลื่นและเซไปหาร่างสูง ประกอบกับที่ร่างสูงหันมาพอดี

    “เฮ้ย!!!

    ซ่า~~~ ร่างสูงหงายหลังลงไปในแอ่งน้ำขัง

    “ฉะ ฉัน ขะ ขอ”

    “หยุด นายไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ฉันพยายามแล้วนะที่จะข่มอารมณ์เอาไว้ ทำไมห๊ะ?? เราไม่เคยรู้จักกันซะหน่อย ทำไมนายต้องมาตามรังควานฉันแบบนี้ วันนี้มันวันซวยอะไรของฉันเนี่ยที่คนอย่างชองยุนโฮต้องมาเจอกับคนอย่างนาย ชีวิตของนายรู้จักคำว่าระมัดระวังบ้างไหม ซุ่มซ่ามได้ตลอดเวลาแบบนี้คนรอบข้างเขาไม่เบื่อนายบ้างหรอ?? พอเลยนะ ต่อไปนี้นายไม่ต้องมาเข้าใกล้ฉันเกินสองเมตร ทางที่ดีเราอย่าเจอกันอีกเลยจะดีที่สุด!!!! ร่างสูงตะหวาดร่างบางด้วยเพราะหมดความอดทน คนอย่างเขา ชองยุนโฮผู้ที่มีระเบียบในชีวิตมาตลอดต้องมาเจออะไรแบบนี้มันเกินไปจริงๆ

    “ฉะ ฉันขอโทษ ฮึก ฮึก ฮืออออ ชองยุนโฮ ฉันขอโทษ” ร่างบางตกใจกับอาการที่เปลี่ยนไปของร่างสูง รู้สึกโกรธตัวเองขึ้นมาจับใจที่ซุ่มซ่ามได้ตลอด ทั้งที่จะได้คุยอยู่แล้ว ทั้งที่จะได้ทำความรู้จักอยู่แล้ว แต่ทุกอย่างต้องมาพังทลายแค่เพราะความซุ่มซ่ามไม่เลือกที่ของตัวเองแท้ๆ ก็สมควรแล้วล่ะที่คนที่ดูแวบแรกก็รู้ว่าเจ้าระเบียบอย่างชองยุนโฮจะโกรธเอา

    “เกิดอะไรขึ้นวะยุนโฮ” ยูชอนถามขึ้น เมื่อหาอะไรกินกับจุนซูเสร็จแล้วและกำลังจะเดินกลับที่พัก แต่ได้ยินเสียงเพื่อนของตัวเองตวาดใครสักคนอยู่จึงหันมาให้ความสนใจ

    “เฮ้ย แจจุง เป็นอะไร ร้องไห้ทำไมน่ะ นี่ไอ้หน้าหล่อยุนโฮ นายทำอะไรเพื่อนฉัน”

    “เหอะ” ยุนโฮไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่ทำเสียงขึ้นจมูกแล้วเดินหนีไป ยูชอนหันมามองหน้าจุนซูก่อนจะได้รับสัญญาณให้ตามยุนโฮไป จึงรีบวิ่งตามเพื่อนไป ส่วนจุนซูก็หันกลับมาทางเพื่อนรักและพยุงเพื่อนกลับที่พัก โดยที่ไม่ถามอะไรต่อจากนั้นเพราะคิดว่าเพื่อนคงต้องการเวลาสักพัก

                    ____________________________________________________________________

    “ตกลงเกิดอะไรขึ้นระหว่างนายกับไอ้บ้าหน้าหมีนั่น” จุนซูถามเมื่อเห็นแจจุงเดินออกมาจากห้องน้ำ ตอนแรกพอพาแจจุงมาถึงที่ห้องเขาก็ปลอบตั้งนานจนแจจุงหยุดร้องไห้และยอมไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตาอย่างที่เห็น

    “ฉัน...ซุ่มซ่ามใส่เขาอะ”

    “เฮ้ย! อะไรอะ ก็แค่ซุ่มซ่ามเองทำไมไอ้บ้านั่นมันใจแคบขนาดนั้นวะ แล้วนายได้ขอโทษมันไปรึป่าว”

    “ก็...ขอโทษไป”

    “แล้วทำไมมันใจดำอย่างนี้ล่ะ หรือว่าสิ่งที่นายทำไปมันร้ายแรงมากมายนักหรอ”

    “เอ่อ...มันก็...ไม่เท่าไหร่นะ” แจจุงอึกอักไม่เต็มเสียงเพราะไม่แน่ใจเหมือนกันว่าที่ตัวเองทำลงไปนี่ร้ายแรงแค่ไหน

    “หรอออ แต่หน้านายเหมือนไปทำอะไรร้ายแรงมาเลยนะ เล่ามาให้หมดเดี๋ยวนี้ว่าเกิดอะไรขึ้น”

    “ก็แค่...” แจจุงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้จุนซูฟัง และพอยิ่งเล่าไปปากของจุนซูก็อ้ากว้างอย่างอึ้งๆมากขึ้นไปเรื่อยๆ แถมตลอดเวลายังมีคำที่หลุดออกมาจากปากของร่างเล็ก”เฮ้ย”  “เวร”  “ซวยแล้ว” และอีกสารพัดคำอุทานที่ทั้งหยาบและไม่หยาบจนมาจบที่คำว่า

    “ชิบหาย”

    “อะไรอะ นายก็รู้ว่าฉันซุ่มซ่ามเป็นประจำ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะ”

    “ฉันรู้ว่านายไม่ได้ตั้งใจ แต่ถ้าฉันเป็นไอ้บ้านั่นป่านนี้ฉันคงถีบนายลอยลงบ่อจระเข้ไปแล้ว”

    “แถวนั้นมีบ่อจระเข้ด้วยหรอ?”

    “เฮ้อออออ ฉันประชดน่ะแจจุง”

    “อ้าวหรอ แต่ช่างเหอะ ตอนนี้เขาคงเกลียดฉันไม่อยากเข้าใกล้ฉันแล้วอะ”

    “ไอ้ไม่อยากเข้าใกล้น่ะฉันว่ามันก็สมควรอะนะ แต่คงไม่ถึงกับเกลียดหรอกมั้ง ฉันว่าหมอนั่นมันคงจะกำลังโกรธมากกว่า คิดเอาถ้าเป็นนายเดินชมบรรยากาศอยู่ดีๆมาเจอเรื่องเลวร้ายขนาดนั้นนายจะไม่โกรธไหวหรอ”

    “แล้วฉันควรทำยังไงหรอจุนซู”

    “ตัดใจมะ?”

    “จะบ้าหรอไอ้อ้วน”

    “หนอยยย นี่นายกำลังปรึกษาฉันอยู่นะไอ้สามเหลี่ยม นายกล้าว่าฉันงั้นหรอ?”

    “ก็นายพูดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้ทำไมล่ะห๊ะ?”

    “ฉันแค่จะบอกว่าถ้านายไม่ยอมตัดใจก็มีอยู่วิธีเดียวเท่านั้นแหละ”

    “ยังไง?” แจจุงยืนหน้าเข้าไปหาจุนซูด้วยท่าทางสนใจอย่างมาก

    “ง้อสิ”

                    ห๊ะ? ง้อเนี่ยนะ ไม่ใช่ว่าแจจุงไม่อยากง้อหรอกนะ เทพบุตรสุดหล่อของแจจุงทั้งคนทำไมแจจุงคนนี้จะง้อไม่ได้ แต่แจจุงแค่ไม่รู้ว่าวิธีการง้อคนมันทำกันยังไงน่ะสิ เฮ้ออออ คุณหนูของบ้านอย่างคิมแจจุงเกิดมาเคยง้อใครซะที่ไหน มีแต่คนมาคอยตามอ้อวอเขากันทั้งนั้น แล้วยิ่งเพื่อนก็ยิ่งไปใหญ่เลยมีเพื่อนแบบจุนซูไม่เคยต้องง้อหรอกรายนั้นโกรธเอง ลืมเอง แล้วก็หายงอนเองตลอด แล้วแบบนี้จะเอาอะไรไปง้อยุนโฮล่ะเนี่ย

    _________________________________________________________________________________________________________________
              วันนี้ไรเตอร์มาต่อแล้วนะคะ รีดเดอร์อ่านแล้วก็เม้นหน่อยเนอะ คือยังไงเราก็ลงจนจบแหละ แต่เราก็อยากได้กำลังใจบ้างนะ คือ เข้าใจเราใช่ไหม อยากอ่านคอมเม้นนนนนนนนนนนนนนนน  
              บอกตรงๆเลยว่าตอนนี้ไร้เตอร์ไม่ค่อยว่างและเครียดเรื่องมหาลัยมากๆ แต่ก็จะพยายามมาลงทุกสัปดาห์นะคะ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×