คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : แก้วจรัสแสง ตอน วังวนแห่งรัก
บทที่ 9
�������� "ลูกพจน์แม่นุชเป็นไงบ้าง"
จักกฤษในชุดทำงานเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ ในขณะที่พจน์ยังคงนั่งตาแดงก่ำด้วยความทุกข์ใจยิ่งนัก
�
"แม่นุชไม่เป็นไรครับพ่อ คุณหมอกลับไปนานแล้วครับ" พจน์พูด จักกฤษมีสีหน้าไม่ค่อยดีนักก่อนรีบขึ้นไปบนบ้านทันที พจน์มองพ่อเดินผ่านไปก่อนจะนั่งฟุบหน้าลงกับโต๊ะหินอ่อนด้วยความสับสน
�
"อ้าวลูกพจน์ มานั่งทำอะไรอยู่ลูก แม่ได้ข่าวว่านุชไม่สบายหรือลูก..เป็นอะไรไปลูกพจน์" เสียงกังวลดังขึ้นมาจากพิจิตรา พจน์เงยหน้าขึ้นมามองผู้เป็นแม่ ก่อนพูดว่า
�
"ไม่เป็นไรครับแม่ แม่นุชยังไม่ฟื้นเลยครับ" พจน์พูดเรียบๆเหมือนไม่ยากพูดนัก ก่อนที่พิจิตราจะรีบเดินขึ้นบ้านไปทันที
���� พจน์มองผู้เป็นแม่อย่างไม่เข้าใจในความคิดที่มีซ่อนไว้ หากพจน์รู้แต่เพียงว่า ความรู้สึกพจน์ในตอนนี้ยิ่งเกิดความไม่ไว้ใจขึ้นมาทุกวัน หากแต่พจน์ไม่เคยปริปากถามสักที พจน์ถอนหายใจอีกครั้งก่อนที่จะลุกขึ้นเดินไปในสวนดอกไม้ทันที
............................................
���������� พิจิตราเดินเข้ามาด้วยความเงียบ ทุกคนอยู่ในอาการเศร้าไม่ว่าจักกฤษที่ยืนโอบกอดแก้วที่ร้องไห้เสียใจ ลักษณ์ที่ยังคงยืนมองแก้วด้วยความสงสาร
��������� พิจิตรเดินไปหยุดที่ริมขอบเตียงด้วยความเงียบ มองไปยังร่างนุช ผู้หญิงเรียบร้อยคนหนึ่งที่ไม่เคยพูดให้ร้ายหรือคิดทำร้ายใครอย่างสงสาร� ถึงแม้ในตอนนี้ตัวเองก็รู้สึกผิดเช่นกัน ก่อนจะเหลือบไปมองลักษณ์ ที่ยกมือไหว้ หากแต่ไม่มีเสียงพูดออกมา พิจิตรายิ้มรับไหว้ ก่อนเดินเข้ามาหาแก้ว พลางจับมือไว้ แก้วยังคงร้องสะอื้นกอดผู้เป็นพ่อ
�
�������� สำลีมองพิจิตราอย่างไม่พอใจ พิจิตราคงรู้ตัวเองดีว่าตนมีส่วนผิดถ้าเกิดนุชเป็นอะไรไปมากกว่านี้ ก่อนจะยืนก้มหน้าไม่กล้าสู้สายตากับทุกคน �ทันใดนั้น ทุกคนต่างหันไปที่เตียงเป็นตาเดียวกัน เมื่อ
"ลูกแก้ว..ลูก....อย่านะ..คุณสร้อย อย่าๆๆ ค่ะ..ดิฉันจะกลับบ้าน..ดิฉันจะกลับบ้าน อย่านะคะ..อย่าๆๆ"
�������� นุชร้องขอความช่วยเหลือออกมาดังทั้งที่ปิดตาสนิทพอที่ทุกคนจะเข้าใจอะไรดีขึ้น แก้วผละออกจากอ้อมกอดของจักกฤษวิ่งร้องไห้มายังผู้เป็นแม่ ด้วยความเข้าใจอะไรมากขึ้น
"แม่คะ..แก้วอยู่นี้ค่ะแม่...ไม่มีใครทำร้ายแม่แล้ว..แม่คะ กลับบ้านเรากันเถอะแม่...กลับบ้าน...ฮือ..ฮือ"�
�������� �แก้วพูดด้วยความขมขื่น ก่อนจะฟุบลงกอดผู้เป็นแม่ร้องไห้อย่างน่าสงสาร นุชค่อยๆเงียบเสียงไป จักกฤษถึงกับนิ่งเงียบก่อนหันไปมองพิจิตราด้วยความโกรธ ลักษณ์นิ่งเงียบหากแต่ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาพิจิตราอีกเลย �������������������������������������������������������������������������
� .........................
���������� "ทำไม..ทำไม..คุณถึงเป็นคนแบบนี้ ผมไม่เข้าใจจริง"�
จักกฤษพูดด้วยเสียงอันดังในห้องของพิจิตรา ด้วยความโกรธ ไม่มีเสียงตอบจากพิจิตรานอกจาก เสียงสะอื้นดังออกมา
� "ผมไม่คิด และไม่เคยคิดว่า คุณจะกลายเป็นคนแบบนี้ไปได้ เอาละ ในเมื่อมันมาถึงขั้นนี้แล้ว ต่อไปผมขอเป็นในสิ่งที่ผมเป็นบ้าง คุณอย่าหาว่าผมใจร้ายอีกต่อไป" จักกฤษพูดก่อนจะเดินออกไปทันที
"พี่คะ..พิจิตราขอโทษ พิจิตราทำไปเพราะ..รักคุณ"�
สิ้นเสียงพิจิตรา จักกฤษหันมามองทัน ก่อนพูดว่า
"ขอบใจสำหรับคำว่า รัก....เธอเก็บความรักเธอ ไว้ให้กับคนที่เธอเคยรักเถอ ผมไม่สามารถรับรัก....คนกลับกลอกอย่างคุณได้ ..." พูดพลางเดินออกไปทันทีโดยไม่แคร์อะไรทั้งสิ้น แม้ว่าพิจิตราจะทุ่มเททุกอย่างให้ตลอดเวลาที่ผ่านมา
�� "พี่จักกฤษ..พี่..ฮือ..ฮือ.. ฉันขอโทษ�...ฉันขอโทษ..ฮือ..ฮือ.."� ��เสียงประตูปิดบังปังก่อนทุกอย่างจะเงียบลง พิจิตรายังคงร้องไห้ปานใจจะขาดอย่างสำนึกผิดในการกระทำของตน
� .............................
����������
�� ณ ผับดังใจกลางเมืองพัทยา
�� "อืม..วันนี้ทำไมนินนี่ ดูเศร้าๆไปไม่สบายหรือ "� เพื่อนๆที่นั่งอยู่ในมุมสลัวถามขึ้น เมื่อเห็นสร้อยอยู่ในอาการเงียบตลอดเวลา
�
"เปล่าหรอก มีเรื่องเครียดนิดหน่อย" พูดพลางยกแก้วเบียร์ดื่ม�
"อืม..แปลกแฮะ คนดังอย่างเธอจะมีเรื่องเครียดด้วย ฉันไม่อยากเชื่อเลย" เพื่อนอีกคนพูดขึ้นในขณะที่ดีเจเปิดเพลงจังหวะโดนใจดังขึ้น
�
"ว้าววววว....� อย่ามัวเครียดเลยไปดิ้นกันดีกว่า" พูดพลางรีบเดินออกไปร่วมกับวัยรุ่นอีกจำนวนมากทันที สร้อยยังคงนั่งมองแก้วเบียร์ด้วยสายตาโกรธเคืองยิ่งนัก
"ฮืม..กูเกลียดพวกมึงจริงๆเลย อีแก้ว...อีเด็กขอทาน "�
พูดพลางยกเบียร์ดื่มอีกทีหมดแก้วก่อนจะยิ้มให้เพื่อนที่นั่งมองอยู่ด้วยรอยยิ้มไม่เข้าใจในสิ่งทีสร้อยคิดนัก� เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ก่อนสร้อยจะเปิดดู
�
"หึ..โทรมาทำไมกันนะดึกๆป่านนี้"� ก่อนจะวางลงอย่างไม่สนใจ
"สร้อยใครโทรมาตามล่ะ� นายเอกขวัญใจล่ะดิ"�� เพื่อนแกล้งแซวเล่นก่อนสร้อยจะหันมามองด้วยแววตาไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก
�
"จะบ้าหรือ..คนอย่างนายเอก อย่าหวังได้แอ้มเลยย่ะ..แค่เป็นบันไดให้ฉันก้าวแค่นี้ก็เกินพอแล้ว�"
สร้อยพูดก่อนมีท่าทีขยะแขยง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาอีกที สร้อยยังคงไม่สนใจ ปล่อยให้ดังอยู่ตลอด
�
"นี่สร้อย โทรศัพท์เธอ" สร้อยมองหากแต่เบ้ปาก ก่อนพูดว่า
�
"อย่าไปสนเลย เรื่องคนแก่ๆ"� พูดพลางยื่นโทรศัพท์ให้เพื่อนถือไว้
�
"อะไรกันเนี๊ยะ แล้วจะไปไหน" เพื่อนถามด้วยความแปลกใจในตัวสร้อย สร้อยยิ้มก่อนหันมาบอกยิ้มว่า
�
"ไปปลดปล่อยไอ้ตัวเครียด" พูดพลางเดินเข้าไปในกลุ่มหนุ่มๆที่เต้นตามเสียงดนตรีกันอย่างเมามัน
"..นินนี่ฉันชักจะสงสารใน การเป็นนางแบบของเธอแล้ว"� เพื่อนมองนินนี่ด้วยความระอาใจ ก่อนมองมายังโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ก่อนจะตกใจเมื่อ
�
"เอ๋..นี่มันรูปแม่ของนินนี่.....ทำไมสร้อยไม่รับ ทั้งที่เป็นของแม่ตัวเองแท้ๆ" เพื่อนสาวพูดด้วยสีหน้าไม่เข้าใจสร้อยนัก ก่อนจะกดปิดลงทันที����
..........................................���
��������� " พี่สำลีคะ..ไปพักผ่อนเถอะพี่ แก้วดูแลแม่เองจ๊ะ"
แก้วพูดด้วยเสียงราบเรียบ เมื่อเห็นสำลีนั่งสัปหงกอยู่ใกล้ๆผู้เป็นแม่ สำลีลืมตาขึ้นทันทีพลางยิ้มอายๆ
"ไม่เป็นไรค่ะคุณแก้ว" สำลีพูดขึ้นหากแต่สีหน้าซีดเซียว แก้วยิ้มก่อนพูดว่า
�
"ไปเถอค่ะ..ขอบใจพี่สำลีมากที่อยู่เป็นเพื่อนทั้งคืน" พูดจบยิ้มให้สาวใช้อย่างเข้าใจ
"ขอบคุณค่ะ..งั้น..สำลีขอตัวก่อนนะคะ" สำลีพูดขึ้นก่อนจะเดินลุกไปทันที
������� แก้วละสายตาจากสำลีมายังผู้เป็นแม่ ซึ่งนอนไม่ไหวติงมีเพียงลมหายใจเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นไปที่หน้าต่าง มองออกไปข้างนอกเห็นดอกไม้ในสวนหลากหลายชนิด ก่อนจะสูดอากาศในยามเช้าเข้าปอดอย่างเต็มที่ พลางมีรอยยิ้มเมื่อเหลือบไปเห็นนกสองตัวเกาะอยู่บนต้นไม้�
�
���������� ก่อนแก้วจะนั่งลงบนเก้าอี้ช้าๆ หากแต่สายตายังคงมองนกคู่นั้นอย่างมีความสุข
�
"ฮืม...มีความสุขกันเหลือเกินนะ เจ้านกน้อย" แก้วพูดเบาๆพลางยิ้มอย่างมีความสุข
"ฉันอยากเป็นเธอเหลือเกิน..จะได้ไม่ต้องเก็บความรู้สึกต่างๆเอาไว้"� พร้อมกับนั่งนิ่งเงียบ
"พี่เองก็เหมือนกัน.."
�เสียงนุ่มทุ้มหูพูดขึ้นมาจากด้านหลัง แก้วถึงกับขนลุกซู่ความรู้สึกวาบหวิวในหัวใจอย่างไม่ทันตั้งตัว ก่อนหันมามองเจ้าของเสียง
"พี่พจน์" พลางอุทานด้วยเสียงอันเบาหวิวอย่างไม่คาดฝัน
� พจน์ในชุดกางเกงสีขาวเสื้อสีฟ้าอ่อนยื่นนิ่ง สายตายังคงความเศร้าหมองเกินกว่าจะเข้าใจ
�
"ถ้าพี่เป็นนกได้..พี่ก็คงไม่ต้องเสียใจเหมือนทุกวันนี้"
������
���������� อีกหนึ่งคำพูดที่ออกมาจากหนุ่มร่างสูงใบหน้าคมคาย แก้วยืนนิ่งไม่ไหวติง หากแต่น้ำตาเอ่อนองทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้พี่ชายคนนี้ พจน์เดินเข้ามาใกล้� ทั้งสองมองหน้ากันเสมือนหนึ่งไม่เคยเจอกันเป็นเวลานาน
������� น้ำตาแก้วไหล พจน์รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ก่อนจะเอื้อมมือมาแตะที่แก้มนุ่มด้วยมืออันสั่นเทา พลางเช็ดน้ำตาที่ไหลเอ่อนองด้วยความซึ้งใจ หากแต่ทั้งคู่ยังมองตากันเหมือนจะค้นหาอะไรบางอย่าง� ทันใดนั้นทั้งสองต้องหยุดชะงักทันที
�
"ขอน้ำ..ขอน้ำหน่อย"
ทั้งสองรีบผละออกจากกันทันที แก้ววิ่งเข้ามาประคองผู้เป็นแม่ ก่อนจะยกแก้วน้ำให้ผู้เป็นแม่ดื่มอย่างชำนาญ
�
"แม่คะ...ดื่มน้ำนะคะแม่" พลางพูดด้วยเสียงอันดีใจ นุชลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ�
"ลูกแก้ว..ลูก"
แก้วร้องไห้ปานใจจะขาดเมื่อผู้เป็นแม่ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง
�
"ค่ะแม่..แก้วอยู่นี่ค่ะ...ฮือ..ฮือ." แก้วพูดยิ้มด้วยรอยน้ำตา ก่อนจะวางผู้เป็นแม่ลงบนหมอนอันนุ่ม
"แม่ครับ..แม่ปลอดภัยแล้ว" พจน์เข้ามานั่งใกล้ๆด้วยความห่วงใย ก่อนจะยกมือนุชเข้ามากุมไว้ด้วยความเคารพ
"ผมเป็นห่วงแม่นุชมากครับ"
พจน์พูดด้วยสีหน้าอันยอมรับผิดทุกอย่างที่เกิดขึ้น นุชยิ้มก่อนพูดเบาๆว่า
"อุบัติเหตุนะลูก.." พลางยิ้มให้พจน์ พจน์ถึงกับอึ้งเป็นครั้งที่สองในความมีน้ำใจของแม่นุชเหลือเกิน ผู้เป็นแม่ที่ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้ใคร ผู้ซึ่งเป็นแม่ของลูกโดยแท้จริง หากแต่แก้วสะอื้นอย่างเจ็บปวดเพราะความจริงได้ถูกเปิดมาก่อนนี้แล้ว
�
"อย่าร้องลูก..แม่หายแล้ว.."
นุชหันมามองลูกสาวสุดที่รักด้วยแววตาอันเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ก่อนพูดต่อไปว่า�
"สักวัน...การรักใครสักคนมันก็ต้องมีวันจากนะลูก"
ผู้เป็นแม่พูดขึ้นด้วยการรู้จักโลกดี แก้วถึงกับซบลงบนอกผู้เป็นแม่พร้อมกันร้องไห้ด้วยความสงสารผู้เป็นแม่ยิ่งนัก พจน์ยังคงนั่งนิ่งเงียบด้วยความผิดในครั้งนี้
����������������� ทุกอย่างที่เห็น อาจไม่ใช่ความจริง
������������ ��เพราะยังมีบางสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ในหัวใจ�������������������������
ความคิดเห็น