คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : แก้วจรัสแสง ตอน วังวนแห่งรัก
บทที่ 8
"อืม..หนูแก้ว....ยิ่งดูยิ่งน่ารักดีนะลูก แววตาเศร้าแต่แฝงไว้ด้วยความอดทน "
เกรียงไกรชายวัยกลางคน ผู้ซึ่งเป็นพ่อของลักษณ์ กล่าวชมเมื่อหยิบหนังสือขึ้นมาดูอย่างพินิจ
แก้วสาวน้อยในตาคมผมยาวในชุดวัยรุ่นน่ารักเด่นอยู่หน้าปกหนังสือ ลักษณ์เดินเข้ามานั่งใกล้ๆผู้เป็นพ่อบนเก้าอี้รับแขกตัวโตในห้องทำงานด้วยรอยยิ้ม
"ครับพ่อ...แก้วนอกจากจะสวยแล้วแก้วยังเป็นคนดี ที่น่าทึ่งมากพ่อ"
ลักษณ์พูดเหมือนรู้จักแก้วดี ก่อนผู้เป็นพ่อมองมายังลูกชายซึ่งมองดูรูปด้วยแววตาสดใส
"อืม..พ่อก็ว่าเหมือนลูก ว่าแต่ว่าอย่าลืมโทรไปบอกหนูแก้ว ว่าหนังสือวางแผงแล้ว"
ผู้เป็นพ่อพูดเป็นเชิงเตือน ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปยังโต๊ะทำงานทันที ลักษณ์ยิ้มให้พ่อ ก่อนพูดว่า
"ป่านนี้ ทุกคนคงฮือฮากันแล้วพ่อ" ลักษณ์พูดเหมือนรู้ดี
......................
"ว้ายยย..สวยจริงๆเลยป้าแพรว ส้วยยยสวย"
สำลีร้องลั่นดังขึ้นเมื่อเดินผ่านไปเห็นหนังสือ ที่วางขายอยู่ทั่วไปในร้านหนังสือ ก่อนจะหยิบขึ้นมาดูอีกครั้ง
"ใช่ค่ะ ป้าแพรวคุณหนูแก้วจริงๆค่ะป้า"
ป้าแพรวถึงกับตาค้างก่อนหยิบมาดูแล้วรีบจ่ายเงินทันที หากแต่คนขายยังคงยิ้มด้วยความแปลกใจ สำลีหันไปมองสายตาคนขายที่มองมา ก่อนพูดว่า
"นี่คือคุณหนูที่บ้านของฉันเองค่ะ" พูดพลางรีบเดินสบัดหน้ากลับทันที
.....................
"สวยจริงจ๊ะ แม่จำแทบไม่ได้เลย"
นุชพูดขึ้นด้วยความดีใจ สีหน้าแห่งความรู้สึกภาคภูมิในตัวแก้วสื่อออกมาจากแววตาในขณะที่นั่งอยู่บนเก้าอี้รับแขกใต้ต้นไม้ในยามเช้า สำลีนั่งยิ้มแก้มปริด้วยความตื่นเต้นไม่แพ้กัน
"คุณนุชคะ..หนูว่าต่อไปคุณแก้วต้องได้เป็นดารา และได้เป็นนางเอกหนังคู่กับพระเอกดังๆนะคะ" สำลีพูดเหมือนเพ้อฝัน หลับตาพริ้มก่อนที่จะหยุดลงทันที
"คงยาก...ละมั้ง"
เสียงดังมาจากไหนสำลีและนุชไม่ทันสังเกตุ ก่อนที่สร้อยจะเดินเข้ามาในชุดกางเกงขาสั้นเสื้อรัดรูป
"อย่าคิดอะไรให้มากกว่านั้นเลย...ไร้สาระ"
สำลีก้มหน้าด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก นุชยังคงนั่งนิ่งก่อนลุกขึ้นให้เกียรติผู้เป็นลูกเจ้าของบ้าน ที่กำลังเดินตรงมา พลางหันไปหยิบหนังสือเล่มโตที่ตั้งอยู่บนโต๊ะขึ้นมาดูด้วยความตะลึงงัน หากแต่เก็บความรู้สึกอิจฉาเอาไว้ พลางพูดด้วยเสียงอวดดี
"โอ๊ะ..กะอีแค่ถ่ายรูปธรรมดาแค่เนี๊ยะ แล้วทำหยิ่ง คิดไปไกล..เช๊อะ..จะไปได้สักกี่น้ำเด็กบ้านนอกปัญญานิ่มอย่างนี้ จะอยู่ได้สักกี่วัน" สร้อยพูดก่อนจะฉีกรูปแก้วออกทันที แต่ทันใดนั้น พิจิตราที่ยืนอยู่อย่างระมัดระวังเข้าแย่งเสียก่อน
"อย่านะคุณสร้อย..ดิฉันจะเก็บไว้ให้ลูกแก้วดู" นุชขอร้องในขณะที่เข้าแย่งหนังสือ
สร้อยจะได้จังหวะผลักนุชศรีษะฟาดกับขอบโต๊ะทันที เลือดไหลเป็นทางยาวก่อนจะสลบไปทันที สำลีกรีดร้องด้วยความตกใจ
"ว้าย..คุณนุช"
สำลีตกใจหวีดร้องพร้อมวิ่งเข้ามาประคองไว้ทันที สร้อยถึงกับหน้าถอดสีด้วยความตกใจ หากแต่ยังแสยะยิ้มด้วยความสะใจ
"ตายเสียได้ก็ดี..นังตัวมาร" พูดพลางเดินเหยียบหนังสือที่หล่นอยู่อย่างไม่ใยดี
"ช่วยด้วย..ช่วยคุณนุชด้วย" คงทิ้งให้สำลีร้องขอความช่วยเหลือด้วยอาการตกใจยิ่งนัก
...................................
"คุณหมอครับ แม่เป็นอย่างไรบ้างครับ"
พจน์เอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง
"ก็ไม่เป็นอะไรครับ มีเพียงอาการของกระโหลกที่กระแทกกับของแข็งเท่านั้นเอง หมอหวังว่าต่อไปต้องระวังให้มากนะครับ" คุณหมอพูดก่อนจะรีบจัดของใส่กระเป๋า
"อืม ถ้ามีอะไรก็โทรบอกผมได้ทุกเวลา" คุณหมอพูดด้วยเสียงราบเรียบ ก่อนจะเดินออกไปทันที
"ขอบคุณมากครับคุณหมอ"
พจน์กล่าวขอบคุณ ก่อนที่สำลีจะรีบเดินออกไปส่ง พจน์นั่งลงใกล้ๆนุช ก่อนมองมายังร่างซึ่งนอนแน่นิ่ง ผ้าขาวพันรอบศีรษะนอนอยู่บนเตียงนอนในบ้าน ก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือนุชที่ยังคงนอนแน่นิ่ง
"แม่ครับ..ผมขอโทษที่ดูแลแม่ไม่ดีเอง..ถ้าแก้วรู้แก้วคงเสียใจมาก"
พจน์พูดก่อนจะลุกขึ้นมองออกไปทางหน้าต่างบ้าน ซึ่งมองเห็นบริเวณบ้านชัดเจน ผ้าม่านสีขาวบางๆ พริ้วไปตามแรงลม ก่อนสูดอากาศเข้าเต็มปอด และต้องตะลึงเมื่อเห็นหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะมีภาพของแก้วอยู่มีรอยรองเท้าทับบนใบหน้า
พจน์หยิบขึ้นมาดูในทันทีอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง หนังสือที่แก้วถ่ายคือบริษัทยักษ์ใหญ่พจน์รู้จักดีและเป็นหนังสือที่กำลังฮิตกันในสังคมต่างๆ
"แก้ว"
ก่อนจะอุทานด้วยความนึกไม่ถึง พอดีกับที่สำลีเดินกลับเข้ามา เห็นหนังสืออยู่ในมือพจน์ ก่อนพูดขึ้นว่า
"คุณหนูแก้วค่ะ คุณพจน์"
สำลีบอกด้วยเสียงเบาๆก่อนหันมามองนุชที่ยังคงนอนแน่นิ่งอยู่
"อืม..ฉันเห็นแล้ว.."
พจน์พูดก่อนจะสังเกตุเห็นสำลีตะกุกตะกักเหมือนจะบอกอะไรบางอย่าง
"อืม..ลงไปข้างล่างก่อนนะ ฉันอยากจะรู้อะไรบางอย่าง" พจน์พูดพลางเดินนำไปทันที สำลีถึงกับหน้าถอดสีอย่างกลัวๆ ก่อนจะรีบเดินตามไปทันที
เรื่องทั้งหมดถูกเล่าโดยสำลีคนใช้ใกล้ชิดสองแม่ลูกที่สุด บางตอนสำลีถึงกับยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาด้วยความสงสารที่สองแม่ลูกโดนรังแกมาโดยตลอด แต่ไม่เคยบ่นให้ใครได้รับรู้ถึงความร้อนใจ พจน์ฟังนิ่งเงียบ ความเจ็บปวดและเข้าใจสิ่งที่พจน์ไม่เคยรู้มาก่อนวันนี้พจน์มองเห็นแล้ว และยิ่งมองเห็นค่าของความอดทนสองแม่ลูกนี้ดีขึ้นเป็นทวีคูณโดยเฉพาะแก้ว
"ทั้งหมดที่เล่ามาคือเรื่องจริงค่ะคุณพจน์ บ่อยครั้งที่สำลีแอบร้องไห้"
สำลีพูดก่อนจะก้มลงเช็ดน้ำตา พจน์ยังคงเงียบ ก่อนจะพูดขึ้นว่า
"อืม..ขอบใจนะสำลี ...ต่อไปนี้เธอต้องรายงานฉันทุกระยะ ..ไปดูแลแม่นุชด้วย..เดี๋ยวฉันต้องไปบ้านก่อน" พจน์พูดก่อนจะรีบเดินออกจากบ้านแก้วไปทันที
"เจ้าพระคุ๊ณ ขอให้ปิศาจที่สิงอยู่ในคราบผู้ดีออกมาทีเถอะ" สำลียกมือขึ้นเหนือศีรษะหลับตาพริ้มพร้อมอธิษฐานด้วยความศรัทธา ก่อนจะรีบขึ้นบ้านไปทันที
..............................
"แก้วอยู่ไหน...กลับบ้านด่วน แม่ไม่สบายมาก" เสียงพจน์พูดขึ้นด้วยความกังวลใจ
"พี่พจน์คะ..แม่เป็นอะไรหรือพี่พจน์"
เสียงแก้วพูดด้วยความตกใจตามมาด้วยเสียงร้องไห้สะอื้น
พจน์อยากฟังเสียงหวานนี้ให้นานๆด้วยความคิดถึงอยากทำตัวเหมือนคนที่ใกล้ชิดแก้ว แต่พจน์ต้องยิ่งเจ็บใจทันทีเมื่อมีเสียงดังมาทางโทรศัพท์ด้วยถ้อยคำอย่างห่วงใย
"แก้ว..มีอะไรหรือเปล่า บอกพี่ซิ อย่าร้องนะ รู้ไหมว่าพี่เป็นห่วงแก้ว"
สิ้นเสียงของหนุ่มที่ดังเข้ามา พจน์ปิดสายลงทันทีก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ด้วยความเจ็บปวดสุดจะบรรยาย
"ฮัลโล..ฮัลโล..พี่พจน์ ๆๆ"
แก้วพูดหากแต่โทรศัพท์โดนปิดไปเสียแล้ว แก้วยิ่งร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดเหมือนๆกัน
"พี่ลักษณ์ค่ะ..พี่พจน์บอกแม่ไม่สบาย" แก้วพูดก่อนจะหยิบกระเป๋าที่วางไว้ทันที
"ไป เดี๋ยวพี่ไปส่ง" ลักษณ์พูดก่อนจะหันมาบอกกับผู้เข้าร่วมประชุม
" ไว้ผมจะนัดประชุมอีกทีครับ" พูดพลางเดินออกตามแก้วไปทันที
................................
รถจอดเทียบหน้าคฤหาสน์ใหญ่ ด้วยความเร็วสูง ก่อนที่ลักษณ์จะรีบเดินลงมา รีบเปิดประตูให้แก้วออกมาทันที แก้วรีบวิ่งโดยไม่มีคำพูดใดๆ ลักษณ์เข้าใจและสงสารแก้วอย่างเหลือเกิน ก่อนจะรีบปิดประตูแล้วเดินตามไปทันที
หากแต่ต้องหยุดนิ่ง เมื่อ พจน์เดินออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
"สวัสดีลักษณ์"
พจน์ทักด้วยสีหน้าไม่เหมือนเคย ลักษณ์ยิ้มตอบรับ
".สวัสดีเพื่อน อืม ว่าแต่ว่ามีอะไร แก้วถึงได้ร้องไห้ปานใจจะขาด" ลักษณ์ถามด้วยความเป็นห่วง พจน์ยิ่งเจ็บใจและรู้สึกแค้นขึ้นมาในอกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก่อนตอบว่า
"ไปด้วยกันซิ แล้วจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น" พูดพลางรีบเดินไปทันที
..............................
"แม่คะ..แม่..แม่เป็นอะไรไปค่ะ..ฮือ..ฮืออ"
แก้วก้มหน้าร้องไห้อยู่บนเก้าอี้ใกล้ผู้เป็นแม่ที่ยังคงนอนนิ่งไม่ไหวติง สีหน้าซีดเผือด แก้วจับมือผู้เป็นแม่มากอดไว้อย่างรักใคร่ห่วงใย หากแต่น้ำตายังคงไหลรินไม่ขาดสาย
"แม่ขา..หนูรักแม่นะค่ะ"
แก้วพูดก่อนจะปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายใคร ลักษณ์เดินเข้ามาเตะไหล่
"แก้ว..คุณแม่ไม่เป็นไรมากหรอก เชื่อพี่นะ" ลักษณ์พูดปลอบด้วยความห่วงใย
พจน์ยืนมองมายังมือของลักษณ์ที่แตะอยู่บนไหล่แก้วอย่างไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก ก่อนพูดขึ้นว่า
"คุณหมอบอกว่าแค่กระแทกกับของแข็งเล็กน้อย ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง" น้ำเสียงราบเรียบที่เปล่งออกมากสั้นๆ หากแต่ความในใจแล้ว พจน์อยากจะพูดให้มากกว่านั้นแต่เหตุการณ์บังคับ ก่อนจะถอนหายใจ
"อืม..งั้นพี่ขอตัวก่อนละกัน มีอะไรเรียกพี่ได้ตลอดนะ"
สิ้นเสียงพจน์ แก้วถึงกับหยุดร้องไห้ ความเงียบเกิดขึ้น
หากแต่ความอึดอัดเข้ามาแทนที่ระหว่างความรู้สึกของทั้งสอง ก่อนที่พจน์จะปิดตาถอนหายใจแล้วเดินลงไปชั้นล่างทันที
หากแต่ทว่าเสียงก้าวเท้าของพจน์แตะบันได พร้อมๆกับแก้วน้ำตาหยดลงบนเบาะอย่างเสียใจที่สุด.. ไหนความรัก...ความห่วงใยที่พี่ชายคนนี้เคยมีให้ ..วันนี้แก้วเห็นแล้วว่า พี่ชายคนที่แก้วรักไม่ได้ห่วงใยแก้วและแม่แม้แต่น้อย.......
ก่อนจะฟุบหน้าร้องไห้ทันที คงทิ้งให้ลักษณ์ยืนแข็งทื่ออยู่ใกล้ๆด้วยความห่วงใยและความไม่เข้าใจในความรู้สึกส่วนลึกของแก้วดีพอ
ความรักยังคงอยู่คู่กับคนที่เรารัก
หากแต่บางทีคนที่เรารัก ไม่ได้คงอยู่คู่กับเรา
ความคิดเห็น