คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : แก้วจรัสแสง ตอน วังวนแห่งรัก
������������������������������������������������������������������� ���������� บทที่ 6
����������“พ่อครับ ..ผมต้องขอตัวก่อนนะครับพ่อ”
�โก้พูดในขณะที่เดินออกมายืนหน้าตึกใหญ่�
“..ไว้วันหลังมาเที่ยวใหม่นะ ยินดีต้อนรับลูกๆทุกคน” จักกฤษพูดด้วยรอยยิ้มสดชื่นในขณะที่พิจิตรายืนยิ้มอยู่ข้างๆ
“ครับพ่อ...แฮะๆๆ...เดี๋ยวได้แฟนจะพาแฟนมากราบพ่อนะครับ” โก้พูดทิ้งท้ายก่อนหันไปมองพจน์ที่ยืนยิ้มใกล้ๆกับจีน่า
“คุณพจน์ ผมไปก่อนนะแล้วค่อยพูดกันใหม่” โก้ล้อพจน์ก่อนจะหันไปมองจีน่าแล้วพูดว่า
�
“เออ ลืมบอกไป..แจกการ์ดแล้วบอกด้วยนะยะคุณพจน์”�โก้พูดติดตลก ก่อนจะทำท่าหัวเราะแล้วเข้าไปนั่งในรถซึ่งมีจิกรออยู่ก่อนแล้ว คงทิ้งให้พจน์ยืนนิ่งเงียบ ก่อนหันไปมองจีน่าซึ่งยืนเขินอายด้วยคำพูดของโก้ต่อหน้าผู้ใหญ่
�
“อืม..เพื่อนลูกคนนี้พูดเก่ง ตั้งแต่เด็กๆเลยจริงๆ”� จักกฤษพูดขึ้นก่อนจะหันมามองจีน่าที่ยืนมองนาฬิกา
�
“เออ.. พ่อคะ จีน่า”� จีน่าเอ่ยจะพูด หากแต่ต้องหยุดลงทันที เมื่อจักกฤษพูดขึ้นว่า
�
“ไม่ต้องกลับหรอก ลูก บ้านพ่อออกกว้างนะ พักผ่อนทีนี่แหละ พรุ่งนี้ก็วันหยุดแล้ว” จักกฤษพูดก่อนหันมามองพิจิตรา
�
“ค่ะ..พักที่นี้เลยค่ะ หนูจีน่า เดี๋ยวแม่จัดการให้” พูดพลางเดินเข้าไปหาจีน่าทันที
�
“ขอบคุณมากค่ะ คุณพ่อคุณแม่ แต่ว่า...เออ คือ..” จีน่าพูดก่อนมองไปที่พจน์ทียืนนิ่งมองหน้าพ่อแม่
“ไม่เป็นไรคะ...” พิจิตราพูดขึ้น พลางจูงมือจีน่าขึ้นบ้านไปทันที
�........................
������ ในขณะที่พิจิตราและจีน่าเดินเข้าบ้านไปได้สักพัก จักกฤษและพจน์ก็เดินมานั่งที่เก้าอี้หินอ่อนหน้าสนามหญ้า ผู้เป็นพ่อสังเกตุสีหน้าพจน์มีความทุกข์ใจอะไรบางอย่าง
���������
���� “ลูกพจน์..”
จักกฤษเรียกผู้เป็นลูกที่นั่งนิ่งในชุดสบายๆ� ก่อนที่พจน์หันมาส่งยิ้มที่มุมปากเป็นเชิงรับทราบ
“ครับพ่อ มีอะไรหรือครับ”� พจน์เอ่ย ถามผู้เป็นพ่อด้วยความสงสัย
“อืม..พ่ออยากถามลูกว่า ดูลักษณ์จะสนิทกับลูกแก้วมากนะลูก... ลักษณ์มีใจกับลูกแก้วหรือลูก”
พจน์ถึงกับอึ้ง ความเจ็บปวดที่สุมอยู่ลึกๆ ประดังออกมาทันที หากแต่พจน์ยังคงยั้งอารมณ์ไว้ได้ ก่อนหันมายิ้มเหมือนจะเห็นด้วย พลางก้มหน้านิ่งไม่มองผู้เป็นพ่ออีกเลย
�“แล้วลักษณ์รู้หรือยัง ว่าสักวันลูกแก้วคงจะจากที่นี่ไป เขาจะรู้สึกอย่างไร”�
พจน์ถึงกับถอนหายใจออกมาแรงๆ เมื่อผู้เป็นพ่อเอ่ยในสิ่งที่พจน์ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นและไม่อยากได้ยินคำนี้ ความรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกเกิดขึ้น�ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้หินอ่อนทันที
�“พ่อครับ ผมขอตัวก่อนนะพ่อ” พจน์พูดพลางรีบเดินออกไปทันที
คงทิ้งให้จักกฤษมองผู้เป็นลูกชายอย่างไม่เข้าใจในส่วนลึกของจิตใจลูกชายคนนี้เสียแล้ว พลางถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อได้ถามในสิ่งที่ตัวเองสงสัยมาก่อน หากยิ่งสงสัยขึ้นไปใหญ่เมื่อพจน์นิ่งเงียบและเดินจากไปโดยไม่มีคำพูดใดๆ
������� แต่ต้องตะลึงเมื่อรถเก๋งคันงามสีดำจอดเทียบประตูใหญ่นอกบ้าน ซึ่งเห็นมาแต่ไกล
ร่างสาวรุ่นเดินออกมาจากรถเก๋งคันงามด้วยเสื้อผ้าสั้นถึงโคนขา ก่อนจะโบกมือลาให้แก่กัน� จักกฤษถึงกับเบิกตากว้างพร้อมอุทานออกมาเมื่อสาวคนงามเปิดประตูเดินเข้ามาอย่างเงียบๆ�
“ลูกสร้อย”�
สร้อยมองชะเง้อมองไปยังตึกก่อนจะรีบเดินโดยไม่ได้มองว่ามีใครนั่งมองอยู่ก่อนแล้ว� และหยุดกึกลงทันที
�“ลูกสร้อย”�
จักกฤษเรียกด้วยเสียงอันดัง สร้อยถึงกับหยุดนิ่งหันมาไปตามเสียงเรียก
�
"พ่อ"
� ก่อนปรับสีหน้าและยิ้มเหมือนปกติแล้วเดินเข้ามาหาเจ้าของเสียงทันที
�
“พ่อคะ..ยังไม่นอนอีกหรือพ่อ”� สร้อยพูดก่อนเดินเข้ามาหากแต่ยืนออกห่างผู้เป็นพ่อเล็กน้อย
�
“พ่อจะนอนหลับได้อย่างไร ในเมื่อลูกสาวทั้งคนกลับบ้านดึกๆทุกคืน”�
จักกฤษพูดกระแทกใส่ด้วยวาจาทันเหตุการณ์� �สร้อยถึงกับโกรธแสดงออกทางสีหน้าทันที�หากแต่พยายามจีบปากพูดด้วยคำพูดดีๆ
�
“ก็สร้อยบอกแล้วไงคะ พ่อว่าสร้อยมีงาน ”� สร้อยพูดแก้ตัวโดยเอางานมาอ้าง ก่อนจะรีบเดินจากไป
�
“เดี๋ยวก่อน..” สร้อยมีสีหน้าไม่สบอารมณ์ขึ้นทันที เมื่อผู้เป็นพ่อเดินเข้ามาใกล้ๆและพูดว่า
“พ่อ ไม่เข้าใจจริงๆลูก......ทำไมการทำงานอะไรของลูก ต้องแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าแบบนี้ด้วย พ่อว่าไม่งามและไม่เหมาะกับผู้หญิงที่มีการศึกษาดีอย่างลูกนะ”�
สิ้นเสียงผู้เป็นพ่อ สร้อยถึงกับโกรธเดือดดาลขึ้นมาทันที ก่อนพูดด้วยการใช้อารมณ์ว่า
�
“พ่อคะ..หนูเป็นเด็กสมัยใหม่นะคะพ่อ.... และทุกอย่างที่หนูทำคือการนำสมัยที่ใครๆก็ต้องการ
โดยเฉพาะงานของหนูในทุกวันนี้”
สร้อยพูดด้วยเสียงอันดังด้วยความโกรธผู้เป็นพ่อ หากแต่จักกฤษยิ้มก่อนพูดว่า
“พ่อเป็นผู้ชายนะลูก..และพ่อก็คิดว่า ผู้ชายทุกคนคงมีความคิดเหมือนพ่อ ...ถึงแม้ว่าบางคนจะกะล่อนในคำพูด หากแต่ ผู้ชายทุกคนต้องการผู้หญิงที่มีสมองและรักนวลสงวนตัว �ถึงแม้จะไม่ล้ำสมัยหรือล้าสมัยไปก็ตาม”�
จักกฤษพูดด้วยเสียงอันเบาหากแต่หนักแน่นและมีเหตุผลพอที่สร้อยจะเข้าใจในจุดประสงค์ของพ่อ สร้อยกำมือของตัวเองไว้แน่นก่อนพูดขึ้นว่า
�“หนูไม่สนว่าผู้ชายจะคิดอย่างไร ... แต่หนูคิดว่าหนูทำดีที่สุดก็แล้วกัน”�� แล้วเดินจากผู้เป็นพ่อด้วยสีหน้าไม่พอใจไปทันที
��������� คงทิ้งให้ผู้เป็นพ่อยืนมองลูกสาวหัวดื้อคนนี้อย่างไม่พอใจ ก่อนสั่นศีรษะเบาๆด้วยความระอาใจ�ก่อนจะผุดคำพูดที่ไม่ได้ตั้งใจออกมา
��“อืม..ถือดีเหมือนพ่อไม่มีผิด”�
หากแต่พิจิตราที่ยืนแอบมองสองพ่อลูกคุยกันอยู่บนหน้าระเบียงบ้านถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก ที่ไม่เกิดอะไรขึ้นมากกว่านี้ หากแต่สีหน้ากังวลยังมีให้เห็นอยู่ทุกวินาที
..............................................
�������ณ ตลาดสดบ้านทุ่งหว้า
“อืม..นี่ขวัญ..ฉันได้ข่าวจากเพื่อนบ้าน ว่าวัฒน์จะไปอัดเทปหรือจ๊ะ”�
เสียงลูกค้าประจำพูดขึ้นในขณะที่ขวัญกำลังสาละวนขายผักยุ่งอยู่ พลางใช้มือมาเช็ดเหงื่อตัวเอง แล้วยิ้ม
�
“อ๋อ..ค่ะ..แต่วัฒน์ยังไม่เห็นบอกอะไรกับฉันเลย”� ขวัญพูดก่อนจะยื่นเงินทอนให้ลูกค้าอีกราย
�
“ขอบใจนะจ๊ะ วันหลังมาอุดหนุนใหม่นะ” พูดพลางยิ้มให้ลูกค้าก่อนหันมาคุยต่อ
�
“อืม..ว่าแต่ว่าไปเอาข่าวมาจากไหน ฉันเป็นแม่ไม่เห็นวัฒน์จะเล่าอะไรเลย..วันๆลูกวัฒน์อยู่กับวัวควายที่ทุ่งนาแหละ”� ขวัญพูดถึงลูกชายสุดที่รัก ก่อนที่ลูกค้าประจำถึงกับหัวเราะ
�
“ก็ดีนะ..เดี๋ยวเป็นนักร้องดังขึ้นมา จะลืมพ่อแม่อีกแหละ ฉันละกลัวพวกหลงแสงสี”
ลูกค้าพูดขึ้น ขวัญถึงกับเงียบทันที หากแต่รอยยิ้มไม่เคยเหือดแห้งไปจากขวัญ ลูกค้ารายนั้นเดินจากไปแล้ว หากแค่คำพูดยังคงดังอยู่ในโสตประสาทขวัญชั่วขณะ ก่อนจะนึกถึงแก้วทันที
�
“ลูกแก้ว ...แม่หวังว่าเจ้าคงไม่เป็นเหมือนที่เขาพูดนะลูก” ขวัญยกมือไหว้ขอพรต่อสิ่งศักดิ์คุ้มครองแก้ว ที่จากไปหลายปีไม่เคยกลับมาอีกเลย
�
“แม่ครับ”� วัฒน์ในชุดสบายๆเดินย่องเข้ามา
“ว๊าย”�
ขวัญถึงกับสะดุ้งก่อนหยิบผักบุ้งที่วางอยู่ตีลูกชายไปหนึ่งทีก่อนหันมายิ้ม
“นี่ ถ้าแม่หัวใจวายตายไป แล้วจะอยู่กับใครหือ” ผู้เป็นแม่พูดค้อนๆ ก่อนจะกลายเป็นยิ้มขึ้นมาทันที
“แม่ไม่ใจร้ายถึงกับจะทิ้งผมไปง่ายๆหรอกใช่ไหมครับ” วัฒน์พูดขึ้นก่อนจะกระโดดขึ้นมาบนร้านขายผัก พลางหอมผู้เป็นแม่หนึ่งทีต่อหน้าผู้คนในตลาด
� “โว้ย..อิจฉาโว้ย..ลูกฉันมันไม่เคยมาหอมมาช่วยเลย...มีแต่จะขอเงินแต่งตัว อิจฉา �อิจฉา ”
เสียงแม่ค้าขายปลาโวยดังขึ้นพลางเหล่ตามองยังสองแม่ลูกเหมือนบอกให้รู้ว่าล้อเล่น� ก่อนที่วัฒน์และขวัญมองหน้ากันแล้วหัวเราะ
“อืมแม่ครับ..จดหมายมาอีกแล้วครับแม่” วัฒน์พูดขึ้นด้วยสีหน้าไม่ค่อยสบายใจนัก
�
“แม่..ไม่อยากพูดหรือออกความคิดเห็นนะลูก” ผู้เป็นแม่หยุดจากการมองผู้คนที่เดินไป พลางหันมามองลูกชายที่มีสีหน้าไม่ค่อยสบายใจนัก
�
“ แต่แม่อยากบอกลูกว่า...ขอให้ลูกทำในสิ่งที่ลูกรักอย่างตั้งใจนะลูก และไม่เบียดเบียนคน เบียดเบียนสังคม และเบียดเบียนตัวลูกเอง เท่านี้แม่ก็สบายใจนะลูก” ผู้เป็นแม่พูดขึ้นก่อนจะ ใช้มือจับหูทั้งสองข้าง พลางพูดทีล้อทีจริงว่า
�
“ที่สำคัญอย่าเจ้าชู้” แล้วก็ดึงทันที วัฒน์ถึงกับร้องลั่นออกมาทันที� "โอ้ยๆๆ"� ผู้เป็นแม่มองหน้างอนๆ วัฒน์หัวเราะก่อนพูดว่า
“คนอย่างผมเหรอแม่....จะเจ้าชู้” พูดจบขำตัวเองทันที ก่อนที่จะมองสาวที่เดินผ่านมาอย่างไม่กระพริบตา
“พูดไม่ทันขาดคำเลยนะ”� ก่อนที่จะโดนผู้เป็นแม่ดีดหูอีกที วัฒน์ร้อง "โอ้ยๆ" อีกที ก่อนจะมองมายังผู้เป็นแม่แบบอายๆ
�
“อืมแม่..ว่าไงครับ”� วัฒน์พูดด้วยสีหน้าจริงจัง
�
“อืม ...แม่บอกแล้วไงแม่ไม่บังคับลูก..ทุกอย่างอยู่ที่ตัวของลูกนะ ส่วนแม่เป็นแค่กำลังใจให้ลูกเสมอ” ขวัญพูดด้วยรอยยิ้มจริงใจ
“หากกลัวว่าแม่จะเหงา หรือไม่อยากทิ้งแม่ เลิกคิดนะลูก”� ขวัญพูดด้วยเสียงหนักแน่น วัฒน์มองหน้าผู้เป็นแม่ด้วยความเคารพ ก่อนจะยื่นมือมาเช็ดเหงื่อที่ไหลลงมา�
“แม่ครับ..ชีวิตผม คงจะมีแม่ให้รักและเคารพเพียงคนเดียว ผมสัญญาผมไม่ทำในสิ่งที่แม่เสียใจครับ”
วัฒน์พูดด้วยสีหน้าเรียบหากแต่แววตาส่อแว่วมั่นคงจริงจัง ไม่มีรอยยิ้มไม่ล้อเล่น ก่อนที่จะยิ้ม แล้วพูดว่า
“งั้นผมขอไปตามทางที่ฝันนะแม่”
พูดจบกอดผู้เป็นแม่อย่างไม่อายสายตาชาวบ้านที่เดินในตลาดกันขวักไขว่ แม่ค้าขายปลาถึงกับเช็ดน้ำตาตัวเองด้วยความสุขใจแทนขวัญที่มีลูกชายดีๆอย่างนี้
������������������������������� สิ่งที่แม่หวังจากลูก ไม่ใช่แค่ใบปริญญาหรือความสำเร็จที่ลูกไขว่คว้า
�������������������������������������� หากแต่แค่ความสุขที่ทำให้ลูกมีสุขในชีวิตเท่านั้นเอง
�
ความคิดเห็น