ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักนี้...มีไว้เพียงเธอ

    ลำดับตอนที่ #3 : รักนี้..มีไว้เพียงเธอ ตอน อยู่เพื่อใคร

    • อัปเดตล่าสุด 7 ม.ค. 56



    �������������������������������������������������������� บทที่ 3

    ���������������� ในขณะที่พจน์กำลังเดินไปหาผู้เป็นพ่อซึ่งยืนเงียบๆเพียงลำพังคนเดียว�

    ตี๊ด ตี๊ดๆ

    �เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พจน์ยกโทรศัพท์ขึ้นมาดู รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าทันที พลางรับสายว่า�

    “สวัสดีครับ.........อ้าว....เหรอครับๆ เดี๋ยวผมจะไปรอรับที่หน้าประตูนะครับ..... ขอบคุณมากน้าชัย พจน์รีบปิดโทรศัพท์ มองไปยังพ่ออีกครั้งซึ่งคงเดินอีกไกลกว่าจะเดินไปถึงผู้เป็นพ่อ พจน์หันหลังกลับ แล้วรีบเดินมุ่งไปยังรั้วหน้าบ้านทันที

    ������� แสงไฟของรถส่องทางเข้ามาพจน์รีบเปิดประตูโดยไม่ต้องมีเสียงบีบแตรของรถให้เป็นที่รำคาญ รถสองคันเข้ามาจอดใกล้ๆกัน พร้อมๆกับทุกคนหันมามอง�

    สวัสดีครับน้ากาญจน์ สวัสดีครับน้าอร
    พจน์ยกมือไหว้ทั้งสองในขณะที่เดินลงมาจากรถ�

    ครับ สวัสดีคุณพจน์
    �น้ากาญจน์ในชุดสบายๆยกมือรับไหว้พจน์พร้อมกับอรซึ่งอยู่ในชุดธรรมดาเรียบง่าย� เดินเข้ามาใกล้

    น้าคิดว่ามาร่วมงานไม่ได้แล้วเพราะลูกทัวร์เยอะเกินกว่าที่คิดค่ะ
    �อรพูดบอกกล่าว

    อืม ก็ผมบอกแล้วไง ต้องให้คนอื่นทำแทนบ้าง
    น้ากาญจน์พูดออกความเห็น

    คุณพจน์คิดดูซิ สองกรุ๊ปมารวมเป็นกรุ๊ปเดียวกันแล้วให้คุณอรจัดการเพียงคนเดียว...ใครจะไหว น้ากาญจน์บ่นให้พจน์ฟังด้วยสีหน้าขุ่นเคืองเล็กน้อย

    อืม นั่นซิครับ อย่างนี้ก็ไม่ไหวนะครับ
    �พจน์เห็นด้วยกับคำพูดของน้ากาญจน์ ในขณะที่ทั้งสามกำลังยืนคุยกันสนุกอยู่นั้น

    สวัสดีค่ะ
    เสียงหวานของนุชดังขึ้นมาจากด้านหลังพจน์รีบเปิดทางให้ทันที


    สวัสดีครับ
    น้ากาญจน์รีบยกมือรับไหว้


    สวัสดีค่ะ
    นุชหันมายังอรพร้อมยกมือไหว้คุณอรด้วยรอยยิ้ม


    ค่ะ สวัสดีค่ะ
    �อรรับไหว้ผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกับตนด้วยรอยยิ้ม�

    แม่ครับ นี่คือน้ากาญจน์ และนี่คือน้าอรนะครับ
    พจน์แนะนำให้รู้จัก


    แล้วนี่ก็คือแม่นุชครับ เป็นแม่ของน้องแก้วที่ช่วยน้าอรในคืนนั้นนะครับ
    �พจน์แนะนำ

    อ๋อ... หนูแก้ว
    กาญจน์เอ่ยขึ้นอย่างรู้จักแก้วดี�


    ใช่ค่ะ แก้วเป็นลูกสาวดิฉันเอง
    นุชพูดแนะนำ�

    อืม ไม่น่าแปลกนะคะ คุณแม่สวยนี่เองลูกถึงได้สวยตามไปด้วยค่ะ
    อรพูดชมด้วยรอยยิ้มก่อนที่ทั้งหมดจะหัวเราะกัน


    อืม ดูซิลืมไปเลยค่ะ เชิญไปนั่งที่โต๊ะอาหารกันก่อนดีกว่านะคะ
    นุชพูดพลางรีบเดินนำทั้งหมดไปยังโต๊ะอาหารทันที

    ..............................

    ������� ในขณะที่ทุกคนเดินไปยังโต๊ะอาหารซึ่งอยู่ใกล้ริมแม่น้ำ�ท่ามกลางแสงสว่างของแสงจันทร์และสายลมซึ่งพัดพริ้วอยู่เป็นระยะๆ

    อืม นี่เป็นบ้านของคุณนุชเองหรือคะ สวยดีค่ะ
    อรพูดขึ้นในขณะที่เดินไปพร้อมๆกับนุช นุชยิ้ม


    เปล่าหรอกค่ะ เป็นบ้านของลูกแก้วที่ซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของลูกแก้วเองค่ะ
    นุชพูดด้วยรอยยิ้มเมื่อนึกถึงลูกสาว

    หรือคะ
    อรรู้สึกทึ่งกับผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งซึ่งยืนเด่นสง่าอยู่กลางเวทีคืนงานคืนนั้น

    ค่ะ ลูกแก้วขยันทำงาน วันนี้ก็ไม่ได้มาร่วมงานด้วยนะคะ เสียดายจังจะแนะนำให้รู้จักค่ะ
    �นุชพูดขึ้นเมื่อนึกถึงลูกสาว�

    ค่ะ เสียดายจังเลย อรเองก็อยากจะเจอหนูแก้ว �ตั้งแต่ที่ช่วยชีวิตอรไว้ก็ไม่เคยเจอหน้าเลย เจอกันก็คือบนเวทีก็คุยไม่ได้อีก
    อรพูดด้วยสีหน้าเสียดาย


    เดี๋ยวสักวันมีโอกาส ก็คงรู้จักกันเองค่ะ
    นุชพูด�พลางชลอความเร็วในการเดินให้ช้าลง แล้วหันไปมองกาญจน์และพจน์ซึ่งเดินคุยตามมาอย่างสนิทสนม�อรยิ้มให้นุชเมื่อมองทั้งสองคนคุยกันถูกคอ�

    เอ่อ เชิญทางนี้เลยนะคะ
    นุชพูดบอกทางเมื่อมาถึงกลางสนามกว้าง


    เดี๋ยวนุชจะพาไปรู้จักกับคุณนีรนุชนะคะ เจ้าของร้านเสื้อดัง
    �พูดพลางรีบเดินนำไปทันที
    .......................................

    �� คุณนีรนุช เจ้าของร้านเสื้อดังค่ะ
    นุชกล่าวแนะนำตัวนีรนุชลุกขึ้นยืนส่งรอยยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง

    สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ
    อรยกมือไหว้พร้อมๆกับกาญจน์


    แหม น้องนุชไม่ต้องแนะนำยาวขนาดนั้นหรอกพี่อายเป็นเหมือนกันนะ
    นีรนุชพูดด้วยสีหน้าอายๆ ทำเอาทุกคนหัวเราะพร้อมๆกัน


    อืม และนี่คือคุณอรและคุณกาญจน์ค่ะ
    �นุชกล่าวแนะนำด้วยรอยยิ้ม

    ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ คืนในงานวันนั้นจำได้ค่ะถึงจะเห็นแค่แว้บเดียว
    นีรนุชพูดด้วยรอยยิ้ม



    ค่ะ พอดีคืนงานอยู่ได้แป๊บเดียวเองต้องรีบกลับค่ะ
    อรพูดอธิบาย เป็นเวลาเดียวกันที่ สร้อยและจีน่าเดินเข้ามา


    อ้าวลูกสร้อยลูกจีน่ามารู้จักกับน้าอรและน้ากาญจน์ซิลูก
    นุชแนะนำในขณะที่ทั้งสองเดินเข้ามาพร้อมๆกัน


    สวัสดีค่ะ
    สร้อยและจีน่ายกมือขึ้นไหว้


    จ่ะ...สวัสดีลูก
    อร มองสองสาวด้วยรอยยิ้มพลางยกมือรับไหว้


    สวยๆทั้งนั้นเลยนะคะ
    �อรกล่าวชมสร้อยกับจีน่ายิ้มเขินอายเล็กน้อย�

    ค่ะ นี่คือหนูจีน่าเป็นเพื่อนของลูกพจน์
    จีน่ายิ้มรับ


    ส่วนคนนี้คือเสมือนลูกของนุชเองค่ะ และเป็นน้องสาวลูกพจน์
    นุชแนะนำให้รู้จัก


    อืมค่ะ หน้าตาสวยคมนะคะ แต่ดูอีกทีไม่เหมือนคุณพจน์เลยนะคะ คุณพจน์จะดูตาเศร้าๆนะคะ
    อรพูดพร้อมกับมองมายังพจน์สร้อยหยุดยิ้มไปชั่วขณะ


    ค่ะ ลูกสร้อยอาจจะหน้าสวยเหมือนแม่ค่ะ ส่วนลูกพจน์หน้าจะติดไปทางพ่อมั้งคะ

    ���������������� นุชพูดด้วยรอยยิ้ม ทำให้มีเสียงหัวเราะขึ้นมาได้บ้างหากแต่สร้อยยังคงนิ่งเงียบ พจน์รู้สึกสงสารน้องตัวเองขึ้นมาจับใจ

    อืม แล้วไหน พี่จักกฤษ เนี่ยะ
    นุชพูดพร้อมกับหันไปยังที่ๆจักกฤษยืนอยู่เมื่อสักครู่ แต่ไม่เห็นร่องรอยของจักกฤษเลย ทุกคนหันไปมองทั่วบริเวณแต่ไม่มีแม้แต่เงา


    อืม เดี๋ยวผมลองเดินไปดูพ่อนะครับ
    พจน์พูดพร้อมกับเดินจากไปทันที


    อืม ดิฉันว่า เชิญทานอาหารกันตามสบายนะคะ
    นุชพูดขึ้น พรัอมๆกับเดินนำไปยังโต๊ะซึ่งวางอาหารทันที หากแต่ยังสายตาก็ยังคงมองหาจักกฤษซึ่งหายไป

    .................................

    ������� ณ ห้องพยาบาล มีเพียงแสงไฟสลัวๆผ่านมาทางม่านบางๆ แก้วยังคงนั่งนิ่งมองชายซึ่งเปรียบเสมือนผู้บังเกิดเกล้าของตนซึ่งนอนนิ่งอยู่ตรงหน้า รอยยิ้มเริ่มมีขึ้นมาเป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่มาอยู่ ณ โรงพยาบาลแห่งนี้

    ������� คุณพ่อคะ วันนี้คุณพ่อเก่งมาก ทานอาหารเย็นได้เยอะ แก้วดีใจจังเลยค่ะ
    แก้วพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม มองไปยังผู้เป็นพ่อซึ่งนอนอยู่บนเตียงด้วยรอยยิ้ม

    พรุ่งนี้พ่อก็จะพยายามทานให้เยอะกว่าวันนี้ ลูกแก้วอย่าทิ้งพ่อไปไหนนะ
    จรัลพูดด้วยรอยยิ้ม พลางเลื่อนมือมาจับมือแก้วไว้เบาๆ


    พ่อจะสู้อีกครั้งนะลูก
    จรัลพูดด้วยเสียงมั่นใจ แก้วถึงกับสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างแรงด้วยความดีใจ


    ค่ะคุณพ่อ แก้วจะอยู่เพื่อให้คุณพ่อถึงเส้นชัยนะคะ
    แก้วพูดพลางลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมกับโอบกอดผู้เป็นพ่อไว้เบาๆ


    แก้วรักพ่อค่ะ
    เสียงกระซิบเบาๆของแก้วทำให้จรัลยิ้มอย่างมีความหมายมากยิ่งนัก�


    พ่อคะ นอนพักผ่อนได้แล้วนะคะ นี่ก็ดึกแล้ว
    แก้วพูดขึ้นเบาๆพลางผละออกมาจากอ้อมกอดผู้เป็นพ่อเบาๆ�

    อืม ลูกแก้วก็พักผ่อนบ้างนะลูก อยู่กับพ่อมาทั้งวัน
    จรัลพูดด้วยความห่วงใย


    ค่ะ
    �แก้วรับคำสั้นๆ��ก่อนจะเดินออกไปอย่างช้าๆ แต่ก็ต้องหยุดเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้พลางหันมายังผู้เป็นพ่ออีกครั้งพลางพูดว่า

    .. พ่อคะ พรุ่งนี้แก้วจะไปซื้อของที่ตลาดคุณพ่ออยากได้อะไรหรือเปล่าคะเดี๋ยวแก้วจะซื้อมาฝากค่ะ”� แก้วพูดด้วยรอยยิ้ม

    ไม่ล่ะลูก พ่อมีลูกแก้วก็เหมือนมีทุกอย่างแล้ว
    จรัลพูดพร้อมกับนิ่ง แก้วรู้สึกซึ้งและอบอุ่นทุกครั้งที่ได้ยินคำพูดนี้จากผู้ซึ่งเปรียบเสมือนพ่อแท้ๆของตัวเอง


    ค่ะ...งั้นแก้วขอตัวไปเดินเล่นสักครู่นะคะ
    แก้วพูดพลางเดินออกไปจากห้องทันที คงทิ้งให้จรัลนอนยิ้มอยู่เพียงลำพังอย่างมีความสุข

    …………………………

    ��� ณ สนามหญ้าโรงพยาบาล��

    ������� แก้วลงนั่งเบาๆบนเก้าอี้หินอ่อน พลางสูดอากาศเข้าปอดอีกครั้งอย่างคลายทุกข์ให้หมดไปจากอก พร้อมๆกับถอนหายใจหนักเหมือนคนกำลังกลุ้มใจ พลางมองไปรอบๆบริเวณโรงพยาบาล ทุกอย่างอยู่ในความเงียบมีเพียงแสงไฟจากทางเดินและห้องนางพยาบาลที่เข้าเวรตอนกลางคืน ก่อนจะมองมาหยุดที่ห้องคุณจรัลซึ่งปิดมืดสนิท สีหน้าที่เคยนิ่งกลับมีความสดใส

    คุณพ่อคะ แก้วอยากเห็นคุณพ่อเจอคนที่คุณพ่อรักที่สุดอีกครั้ง เมื่อถึงวันนั้น แก้วคงมีความสุขที่สุดนะคะ
    �แก้วพูดกับตัวเองเบาๆ อย่างมีความหวัง สายลมพัดมาอีกครั้ง แก้วรู้สึกโล่งอกกับภาระที่หนักอยู่ในตอนนี้ ก่อนจะลุกขึ้นเดินกลับไปห้องอย่างช้าๆ

    โอ๊ย....อ้วก...ฮือ...อ้วก
    �เสียงคนร้องอย่างเจ็บปวดโอดครวญพร้อมเสียงอาเจียนดังขึ้นมา แก้วรีบมองไปตามเสียง ซึ่งอยู่อีกฟากของรั้วต้นไม้

    เป็นอะไรหรือเปล่าคะ
    แก้วพูดพลางรีบวิ่งไปยังเสียงที่ดังมาทันที

    คุณพระช่วย
    แก้วอุทานออกมาเมื่อเห็นชายในชุดผู้ป่วยของโรงพยาบาลนอนคว่ำหน้าอยู่กับพื้นหญ้า มีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง แก้วรีบเดินข้าไปประคองเอาไว้พร้อมกับพลิกชายหนุ่มให้นอนหงายหน้าขึ้น เพื่อผู้ป่วยหายใจได้สะดวก

    ไม่ต้องกลัวนะคะหมอมาแล้วค่ะ
    แก้วพูดเป็นกำลังใจให้กับผู้ป่วยซึ่งนอนอาเจียนออกมาเป็นเลือดอยู่ตลอดเวลา แก้วใช้ผ้าคลุมที่คลุมไหล่ตัวเองออกมาเช็ดเลือดผู้ป่วยเบาๆ�� สายตาก็มองไปทั่วบริเวณเผื่อมีคนเดินผ่านมา นับว่าโชคดีเมื่อมีนางพยาบาลเดินอยู่ไม่ไกล�


    คุณพยาบาลคะ มีคนไข้เจ็บหนักทางนี้ค่ะ
    �แก้วรีบตะโกนบอกทันทีนางพยาบาลมองมาตามเสียงพร้อมกับตะโกนบอกผู้ช่วยหมอ

    �������� � แก้วระงับความตื่นเต้น พลางเช็ดเลือดที่ยังคงทะลักออกมา ผู้ป่วยได้แต่ร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด

    ช่วยด้วย ผมเจ็บทรมานเหลือเกิน ช่วยด้วย
    ชายหนุ่มวัยกลางคนร้องขอความช่วยเหลือ

    ไม่ต้องกลัวนะคะ แก้วอยู่นี่แล้วค่ะ
    �แก้วพูดออกไปด้วยความตกใจ ชายหนุ่มเงียบเสียงในทันที พลางมองมายังสาวน้อยด้วยความสังเกตุ�


    กะ..แก้ว..
    �พร้อมๆกับเอ่ยชื่อแก้วออกมา แก้วชะงักนิ่ง มองไปยังผู้ป่วยซึ่งเรียกชื่อตัวเอง พร้อมกับจ้องมองมาอย่างไม่กระพริบตา�

    มาแล้วค่ะ
    �เสียงนางพยาบาลและผู้ช่วยซึ่เป็นผู้ชาย ต่างกรูกันเข้ามายกร่างของผู้ป่วยไปอย่างเร็ว หากแต่ผู้ป่วยยังคงจ้องจนลับตาไป แก้วเองก็ยังคงสับสนเหมือนเคยเจอกับชายผู้นี้ที่ไหนสักแห่ง�

    คุณคะ เชิญทางนี้กับเราด้วยค่ะ
    �นางพยาบาลพูดขึ้น แก้วรู้สึกตัวทันที พร้อมกับรีบเดินตามรถเข็นของผู้ป่วยไปอย่างเร่งรีบ

    .................................

    ��� ท่ามกลางบรรยากาศกลางโต๊ะอาหาร ริมแม่น้ำ ผ่านไปอย่างรวดเร็วและมีความสุขกันทั่วหน้าความเป็นกันเองเสริมรอยยิ้มให้ทุกคนดูมีความสุขยิ่งนัก

    อืม... ที่แห่งนี้สบายดีนะคะ
    อรเอ่ย ในขณะอยู่บนโต๊ะอาหารอย่างพร้อมเพรียงกัน

    ค่ะ ที่แห่งนี้สบาย เหมาะกับผู้ที่รักความสงบร่มเย็นค่ะ
    นีรนุชพูดแทนนุชซึ่งนั่งนิ่งส่งรอยยิ้มให้ทุกคน

    นั่นซิครับ ผมก็เห็นด้วยกับคุณนีรนุชพูดนะ ผมเองก็ชักจะชอบที่นี่แล้วหละ
    กาญจน์พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม

    ไม่ต้องเลยคุณกาญจน์ ไปที่ไหนก็ชอบบอกอย่างนี้แหละ
    อรพูดดักคอขึ้นทันที ทำเอาทุกคนหัวเราะขึ้นมาพร้อมๆกัน


    นี่จะบอกว่า เจ้าชู้ใช่ไหมคะ
    �นีรนุชพูดตอกย้ำให้เห็นเด่นชัดขึ้นไปอีก คราวนี้ได้ผล ทุกคนต่างหัวเราะกันอย่างมีความสุข�


    อย่าเอาแบบอย่างนะลูกพจน์ ไม่ดี เดี๋ยวจะหาคนจริงใจไม่เจอ
    �นรีนุชพูดขึ้นมาอีกครั้ง ทุกคนมองมายังพจน์ซึ่งนั่งยิ้มอยู่ใกล้ๆกาญจน์

    คุณพจน์จะเจ้าชู้ได้ไง ก็ผมเห็นมีอยู่คนเดียวที่มองตาแล้วรู้ว่าคุณพจน์เค้ารักจริง
    ทุกคนนิ่งเงียบทันที ต่างมองมายังพจน์จีน่าถึงกับหน้าซีดด้วยความเขินอาย สร้อยยังคงนิ่งมองมายังจีน่า


    คุณกาญจน์อย่าไปอำคุณพจน์แก้ข่าวตัวเองเลย พาลไปทั่วเลย
    �อรพูดขึ้นทำลายความเงียบก่อนที่จะกลายเป็นเสียงหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง

    อืม ลูกพจน์ ตกลงว่าคุณพ่อไปไหนหรือลูก
    �นุชเอ่ยถามทุกคนต่างหันมามอง

    นั่นซิคะ หายไปตั้งนานแล้ว นีรนุชเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย�

    ผมเดินหาทั่วแล้วครับแม่ ไม่เห็นพ่อเลยครับ
    พจน์พูด ด้วยสีหน้าราบเรียบหากแต่ยังคงแปลกใจที่จู่ๆคุณพ่อก็หายไป ทั้งๆที่บริเวณบ้านไม่กว้างนัก� ทันใดนั้นทุกคนต่างเงียบมองไปยังรั้วบ้านซึ่งมีบางอย่างเกิดขึ้น

    ...............................

    �� ����เสียงรถดังมาจากรั้วหน้าบ้าน พร้อมๆกับเปิดเข้ามาทันที ชายหนุ่มหลายคน ต่างเดินเข้ามาพร้อมๆกับยกสิ่งหนึ่งลงมาจากรถ พร้อมกับวางลงห่างจากตัวบ้านเล็กน้อย ทุกสายตาซึ่งอยู่บนโต๊ะอาหารริมแม่น้ำถึงกับนิ่งเงียบมองไปยังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความงงงัน พจน์อ้าปากค้าง�

    พ่อ

    �พร้อมๆกับพูดออกมาเบาๆ เมื่อเห็นชายวัยกลางคนเดินออกมาจากรถคนงาม ในขณะที่ทุกอย่างถูกจัดไว้เข้าที่เรียบร้อยแล้ว�ไม่มีการโบกมือ ไม่มีแม้การหันหน้าไปยังโต๊ะอาหาร หากแต่ทว่าใบหน้าเท่านั้นที่แสดงให้เห็นว่า ชายคนนี้กำลังมีความสุข ในค่ำคืนนี้ �



    ����������������������������������������������ปัจจุบัน จะวกให้กลับไปยัง�อดีต
    ������������������������������������ได้หรือไม่นั้น..ต้องถามใจตัวเองเป็นอันดับแรก

    ������������������������������������������������...........................................������������������������������������������

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×