คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : รักนี้..มีไว้เพียงเธอ ตอน อยู่เพื่อใคร
�������������������������������������������������������� บทที่ 3
�
���������������� ในขณะที่พจน์กำลังเดินไปหาผู้เป็นพ่อซึ่งยืนเงียบๆเพียงลำพังคนเดียว�
�
“ตี๊ด ตี๊ดๆ”
�เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พจน์ยกโทรศัพท์ขึ้นมาดู รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าทันที พลางรับสายว่า�
�“สวัสดีครับ.........อ้าว....เหรอครับๆ เดี๋ยวผมจะไปรอรับที่หน้าประตูนะครับ..... ขอบคุณมากน้าชัย” พจน์รีบปิดโทรศัพท์ มองไปยังพ่ออีกครั้งซึ่งคงเดินอีกไกลกว่าจะเดินไปถึงผู้เป็นพ่อ พจน์หันหลังกลับ แล้วรีบเดินมุ่งไปยังรั้วหน้าบ้านทันที
�
������� แสงไฟของรถส่องทางเข้ามาพจน์รีบเปิดประตูโดยไม่ต้องมีเสียงบีบแตรของรถให้เป็นที่รำคาญ รถสองคันเข้ามาจอดใกล้ๆกัน พร้อมๆกับทุกคนหันมามอง�
“สวัสดีครับน้ากาญจน์ สวัสดีครับน้าอร”
พจน์ยกมือไหว้ทั้งสองในขณะที่เดินลงมาจากรถ�
“ครับ สวัสดีคุณพจน์ “
�น้ากาญจน์ในชุดสบายๆยกมือรับไหว้พจน์พร้อมกับอรซึ่งอยู่ในชุดธรรมดาเรียบง่าย� เดินเข้ามาใกล้
�
“น้าคิดว่ามาร่วมงานไม่ได้แล้วเพราะลูกทัวร์เยอะเกินกว่าที่คิดค่ะ”
�อรพูดบอกกล่าว
�
“อืม ก็ผมบอกแล้วไง ต้องให้คนอื่นทำแทนบ้าง”�
น้ากาญจน์พูดออกความเห็น
�
“คุณพจน์คิดดูซิ สองกรุ๊ปมารวมเป็นกรุ๊ปเดียวกันแล้วให้คุณอรจัดการเพียงคนเดียว...ใครจะไหว” น้ากาญจน์บ่นให้พจน์ฟังด้วยสีหน้าขุ่นเคืองเล็กน้อย
�
“อืม นั่นซิครับ อย่างนี้ก็ไม่ไหวนะครับ”
�พจน์เห็นด้วยกับคำพูดของน้ากาญจน์ ในขณะที่ทั้งสามกำลังยืนคุยกันสนุกอยู่นั้น
�
“สวัสดีค่ะ”�
เสียงหวานของนุชดังขึ้นมาจากด้านหลังพจน์รีบเปิดทางให้ทันที
�“สวัสดีครับ”�
น้ากาญจน์รีบยกมือรับไหว้
�“ สวัสดีค่ะ”�
นุชหันมายังอรพร้อมยกมือไหว้คุณอรด้วยรอยยิ้ม
“ค่ะ สวัสดีค่ะ”
�อรรับไหว้ผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกับตนด้วยรอยยิ้ม�
“ แม่ครับ นี่คือน้ากาญจน์ และนี่คือน้าอรนะครับ”�
พจน์แนะนำให้รู้จัก
“แล้วนี่ก็คือแม่นุชครับ เป็นแม่ของน้องแก้วที่ช่วยน้าอรในคืนนั้นนะครับ”
�พจน์แนะนำ
�
“อ๋อ... หนูแก้ว”�
กาญจน์เอ่ยขึ้นอย่างรู้จักแก้วดี�
�“ใช่ค่ะ แก้วเป็นลูกสาวดิฉันเอง”
นุชพูดแนะนำ�
“อืม ไม่น่าแปลกนะคะ คุณแม่สวยนี่เองลูกถึงได้สวยตามไปด้วยค่ะ”�
อรพูดชมด้วยรอยยิ้มก่อนที่ทั้งหมดจะหัวเราะกัน
“อืม ดูซิลืมไปเลยค่ะ เชิญไปนั่งที่โต๊ะอาหารกันก่อนดีกว่านะคะ”�
นุชพูดพลางรีบเดินนำทั้งหมดไปยังโต๊ะอาหารทันที
..............................
�
������� ในขณะที่ทุกคนเดินไปยังโต๊ะอาหารซึ่งอยู่ใกล้ริมแม่น้ำ�ท่ามกลางแสงสว่างของแสงจันทร์และสายลมซึ่งพัดพริ้วอยู่เป็นระยะๆ
�
“อืม นี่เป็นบ้านของคุณนุชเองหรือคะ สวยดีค่ะ”�
อรพูดขึ้นในขณะที่เดินไปพร้อมๆกับนุช นุชยิ้ม
�“เปล่าหรอกค่ะ เป็นบ้านของลูกแก้วที่ซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของลูกแก้วเองค่ะ”�
นุชพูดด้วยรอยยิ้มเมื่อนึกถึงลูกสาว
“หรือคะ”�
อรรู้สึกทึ่งกับผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งซึ่งยืนเด่นสง่าอยู่กลางเวทีคืนงานคืนนั้น
“ค่ะ ลูกแก้วขยันทำงาน วันนี้ก็ไม่ได้มาร่วมงานด้วยนะคะ เสียดายจังจะแนะนำให้รู้จักค่ะ”
�นุชพูดขึ้นเมื่อนึกถึงลูกสาว�
“ค่ะ เสียดายจังเลย อรเองก็อยากจะเจอหนูแก้ว �ตั้งแต่ที่ช่วยชีวิตอรไว้ก็ไม่เคยเจอหน้าเลย เจอกันก็คือบนเวทีก็คุยไม่ได้อีก”�
อรพูดด้วยสีหน้าเสียดาย
�
“เดี๋ยวสักวันมีโอกาส ก็คงรู้จักกันเองค่ะ”�
นุชพูด�พลางชลอความเร็วในการเดินให้ช้าลง แล้วหันไปมองกาญจน์และพจน์ซึ่งเดินคุยตามมาอย่างสนิทสนม�อรยิ้มให้นุชเมื่อมองทั้งสองคนคุยกันถูกคอ�
�“เอ่อ เชิญทางนี้เลยนะคะ”�
นุชพูดบอกทางเมื่อมาถึงกลางสนามกว้าง
“เดี๋ยวนุชจะพาไปรู้จักกับคุณนีรนุชนะคะ เจ้าของร้านเสื้อดัง”
�พูดพลางรีบเดินนำไปทันที
.......................................
�
�� “คุณนีรนุช เจ้าของร้านเสื้อดังค่ะ”�
นุชกล่าวแนะนำตัวนีรนุชลุกขึ้นยืนส่งรอยยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง
�“สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”�
อรยกมือไหว้พร้อมๆกับกาญจน์
�“แหม น้องนุชไม่ต้องแนะนำยาวขนาดนั้นหรอกพี่อายเป็นเหมือนกันนะ”�
นีรนุชพูดด้วยสีหน้าอายๆ ทำเอาทุกคนหัวเราะพร้อมๆกัน
�“อืม และนี่คือคุณอรและคุณกาญจน์ค่ะ”
�นุชกล่าวแนะนำด้วยรอยยิ้ม
�
“ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ คืนในงานวันนั้นจำได้ค่ะถึงจะเห็นแค่แว้บเดียว”�
นีรนุชพูดด้วยรอยยิ้ม
�
“ค่ะ พอดีคืนงานอยู่ได้แป๊บเดียวเองต้องรีบกลับค่ะ”�
อรพูดอธิบาย เป็นเวลาเดียวกันที่ สร้อยและจีน่าเดินเข้ามา
�“อ้าวลูกสร้อยลูกจีน่ามารู้จักกับน้าอรและน้ากาญจน์ซิลูก”�
นุชแนะนำในขณะที่ทั้งสองเดินเข้ามาพร้อมๆกัน
�“สวัสดีค่ะ”�
สร้อยและจีน่ายกมือขึ้นไหว้
�“จ่ะ...สวัสดีลูก”�
อร มองสองสาวด้วยรอยยิ้มพลางยกมือรับไหว้
“สวยๆทั้งนั้นเลยนะคะ”
�อรกล่าวชมสร้อยกับจีน่ายิ้มเขินอายเล็กน้อย�
“ค่ะ นี่คือหนูจีน่าเป็นเพื่อนของลูกพจน์”�
จีน่ายิ้มรับ
“ส่วนคนนี้คือเสมือนลูกของนุชเองค่ะ และเป็นน้องสาวลูกพจน์”�
นุชแนะนำให้รู้จัก
“อืมค่ะ หน้าตาสวยคมนะคะ แต่ดูอีกทีไม่เหมือนคุณพจน์เลยนะคะ คุณพจน์จะดูตาเศร้าๆนะคะ”�
อรพูดพร้อมกับมองมายังพจน์สร้อยหยุดยิ้มไปชั่วขณะ
�“ค่ะ ลูกสร้อยอาจจะหน้าสวยเหมือนแม่ค่ะ ส่วนลูกพจน์หน้าจะติดไปทางพ่อมั้งคะ”�
���������������� นุชพูดด้วยรอยยิ้ม ทำให้มีเสียงหัวเราะขึ้นมาได้บ้างหากแต่สร้อยยังคงนิ่งเงียบ พจน์รู้สึกสงสารน้องตัวเองขึ้นมาจับใจ
�
“อืม แล้วไหน พี่จักกฤษ เนี่ยะ”�
นุชพูดพร้อมกับหันไปยังที่ๆจักกฤษยืนอยู่เมื่อสักครู่ แต่ไม่เห็นร่องรอยของจักกฤษเลย ทุกคนหันไปมองทั่วบริเวณแต่ไม่มีแม้แต่เงา
“อืม เดี๋ยวผมลองเดินไปดูพ่อนะครับ”�
พจน์พูดพร้อมกับเดินจากไปทันที
“อืม ดิฉันว่า เชิญทานอาหารกันตามสบายนะคะ”�
นุชพูดขึ้น พรัอมๆกับเดินนำไปยังโต๊ะซึ่งวางอาหารทันที หากแต่ยังสายตาก็ยังคงมองหาจักกฤษซึ่งหายไป
.................................
�
������� ณ ห้องพยาบาล มีเพียงแสงไฟสลัวๆผ่านมาทางม่านบางๆ แก้วยังคงนั่งนิ่งมองชายซึ่งเปรียบเสมือนผู้บังเกิดเกล้าของตนซึ่งนอนนิ่งอยู่ตรงหน้า รอยยิ้มเริ่มมีขึ้นมาเป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่มาอยู่ ณ โรงพยาบาลแห่งนี้
�
������� “คุณพ่อคะ วันนี้คุณพ่อเก่งมาก ทานอาหารเย็นได้เยอะ แก้วดีใจจังเลยค่ะ”
แก้วพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม มองไปยังผู้เป็นพ่อซึ่งนอนอยู่บนเตียงด้วยรอยยิ้ม
“พรุ่งนี้พ่อก็จะพยายามทานให้เยอะกว่าวันนี้ ลูกแก้วอย่าทิ้งพ่อไปไหนนะ”�
จรัลพูดด้วยรอยยิ้ม พลางเลื่อนมือมาจับมือแก้วไว้เบาๆ
�“พ่อจะสู้อีกครั้งนะลูก”�
จรัลพูดด้วยเสียงมั่นใจ แก้วถึงกับสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างแรงด้วยความดีใจ
� “ค่ะคุณพ่อ แก้วจะอยู่เพื่อให้คุณพ่อถึงเส้นชัยนะคะ”�
แก้วพูดพลางลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมกับโอบกอดผู้เป็นพ่อไว้เบาๆ
�“แก้วรักพ่อค่ะ”�
เสียงกระซิบเบาๆของแก้วทำให้จรัลยิ้มอย่างมีความหมายมากยิ่งนัก�
“พ่อคะ นอนพักผ่อนได้แล้วนะคะ นี่ก็ดึกแล้ว”
แก้วพูดขึ้นเบาๆพลางผละออกมาจากอ้อมกอดผู้เป็นพ่อเบาๆ�
“อืม ลูกแก้วก็พักผ่อนบ้างนะลูก อยู่กับพ่อมาทั้งวัน”�
จรัลพูดด้วยความห่วงใย
�“ค่ะ”
�แก้วรับคำสั้นๆ��ก่อนจะเดินออกไปอย่างช้าๆ แต่ก็ต้องหยุดเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้พลางหันมายังผู้เป็นพ่ออีกครั้งพลางพูดว่า
�
“.. พ่อคะ พรุ่งนี้แก้วจะไปซื้อของที่ตลาดคุณพ่ออยากได้อะไรหรือเปล่าคะเดี๋ยวแก้วจะซื้อมาฝากค่ะ”� แก้วพูดด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ล่ะลูก พ่อมีลูกแก้วก็เหมือนมีทุกอย่างแล้ว”�
จรัลพูดพร้อมกับนิ่ง แก้วรู้สึกซึ้งและอบอุ่นทุกครั้งที่ได้ยินคำพูดนี้จากผู้ซึ่งเปรียบเสมือนพ่อแท้ๆของตัวเอง
“ค่ะ...งั้นแก้วขอตัวไปเดินเล่นสักครู่นะคะ”�
แก้วพูดพลางเดินออกไปจากห้องทันที คงทิ้งให้จรัลนอนยิ้มอยู่เพียงลำพังอย่างมีความสุข
�
�
��� ณ สนามหญ้าโรงพยาบาล��
�
������� แก้วลงนั่งเบาๆบนเก้าอี้หินอ่อน พลางสูดอากาศเข้าปอดอีกครั้งอย่างคลายทุกข์ให้หมดไปจากอก �พร้อมๆกับถอนหายใจหนักเหมือนคนกำลังกลุ้มใจ �พลางมองไปรอบๆบริเวณโรงพยาบาล ทุกอย่างอยู่ในความเงียบมีเพียงแสงไฟจากทางเดินและห้องนางพยาบาลที่เข้าเวรตอนกลางคืน ก่อนจะมองมาหยุดที่ห้องคุณจรัลซึ่งปิดมืดสนิท สีหน้าที่เคยนิ่งกลับมีความสดใส�
“คุณพ่อคะ แก้วอยากเห็นคุณพ่อเจอคนที่คุณพ่อรักที่สุดอีกครั้ง เมื่อถึงวันนั้น แก้วคงมีความสุขที่สุดนะคะ”
�แก้วพูดกับตัวเองเบาๆ อย่างมีความหวัง สายลมพัดมาอีกครั้ง แก้วรู้สึกโล่งอกกับภาระที่หนักอยู่ในตอนนี้ ก่อนจะลุกขึ้นเดินกลับไปห้องอย่างช้าๆ
�
“ โอ๊ย....อ้วก...ฮือ...อ้วก”
�เสียงคนร้องอย่างเจ็บปวดโอดครวญพร้อมเสียงอาเจียนดังขึ้นมา แก้วรีบมองไปตามเสียง ซึ่งอยู่อีกฟากของรั้วต้นไม้
�
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”�
แก้วพูดพลางรีบวิ่งไปยังเสียงที่ดังมาทันที
�
“คุณพระช่วย”�
แก้วอุทานออกมาเมื่อเห็นชายในชุดผู้ป่วยของโรงพยาบาลนอนคว่ำหน้าอยู่กับพื้นหญ้า มีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง แก้วรีบเดินข้าไปประคองเอาไว้พร้อมกับพลิกชายหนุ่มให้นอนหงายหน้าขึ้น เพื่อผู้ป่วยหายใจได้สะดวก
�
“ไม่ต้องกลัวนะคะ� หมอมาแล้วค่ะ”�
แก้วพูดเป็นกำลังใจให้กับผู้ป่วยซึ่งนอนอาเจียนออกมาเป็นเลือดอยู่ตลอดเวลา แก้วใช้ผ้าคลุมที่คลุมไหล่ตัวเองออกมาเช็ดเลือดผู้ป่วยเบาๆ�� สายตาก็มองไปทั่วบริเวณเผื่อมีคนเดินผ่านมา นับว่าโชคดีเมื่อมีนางพยาบาลเดินอยู่ไม่ไกล�
“คุณพยาบาลคะ มีคนไข้เจ็บหนักทางนี้ค่ะ”
�แก้วรีบตะโกนบอกทันที� นางพยาบาลมองมาตามเสียงพร้อมกับตะโกนบอกผู้ช่วยหมอ
�
�������� � แก้วระงับความตื่นเต้น พลางเช็ดเลือดที่ยังคงทะลักออกมา ผู้ป่วยได้แต่ร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด
�
“ช่วยด้วย ผมเจ็บทรมานเหลือเกิน ช่วยด้วย”�
ชายหนุ่มวัยกลางคนร้องขอความช่วยเหลือ
�
“ไม่ต้องกลัวนะคะ แก้วอยู่นี่แล้วค่ะ”
�แก้วพูดออกไปด้วยความตกใจ ชายหนุ่มเงียบเสียงในทันที พลางมองมายังสาวน้อยด้วยความสังเกตุ�
�
�“กะ..แก้ว..”
�พร้อมๆกับเอ่ยชื่อแก้วออกมา แก้วชะงักนิ่ง มองไปยังผู้ป่วยซึ่งเรียกชื่อตัวเอง พร้อมกับจ้องมองมาอย่างไม่กระพริบตา�
�“มาแล้วค่ะ”
�เสียงนางพยาบาลและผู้ช่วยซึ่เป็นผู้ชาย ต่างกรูกันเข้ามายกร่างของผู้ป่วยไปอย่างเร็ว หากแต่ผู้ป่วยยังคงจ้องจนลับตาไป แก้วเองก็ยังคงสับสนเหมือนเคยเจอกับชายผู้นี้ที่ไหนสักแห่ง�
“คุณคะ เชิญทางนี้กับเราด้วยค่ะ”
�นางพยาบาลพูดขึ้น แก้วรู้สึกตัวทันที พร้อมกับรีบเดินตามรถเข็นของผู้ป่วยไปอย่างเร่งรีบ
.................................
��� ท่ามกลางบรรยากาศกลางโต๊ะอาหาร ริมแม่น้ำ ผ่านไปอย่างรวดเร็วและมีความสุขกันทั่วหน้าความเป็นกันเองเสริมรอยยิ้มให้ทุกคนดูมีความสุขยิ่งนัก
�
อรเอ่ย ในขณะอยู่บนโต๊ะอาหารอย่างพร้อมเพรียงกัน
�
“ค่ะ ที่แห่งนี้สบาย เหมาะกับผู้ที่รักความสงบร่มเย็นค่ะ”�
นีรนุชพูดแทนนุชซึ่งนั่งนิ่งส่งรอยยิ้มให้ทุกคน
�
“นั่นซิครับ ผมก็เห็นด้วยกับคุณนีรนุชพูดนะ ผมเองก็ชักจะชอบที่นี่แล้วหละ”�
กาญจน์พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
�
“ไม่ต้องเลยคุณกาญจน์ ไปที่ไหนก็ชอบบอกอย่างนี้แหละ”�
อรพูดดักคอขึ้นทันที ทำเอาทุกคนหัวเราะขึ้นมาพร้อมๆกัน
�“นี่จะบอกว่า เจ้าชู้ใช่ไหมคะ”
�นีรนุชพูดตอกย้ำให้เห็นเด่นชัดขึ้นไปอีก คราวนี้ได้ผล ทุกคนต่างหัวเราะกันอย่างมีความสุข�
�
“อย่าเอาแบบอย่างนะลูกพจน์ ไม่ดี เดี๋ยวจะหาคนจริงใจไม่เจอ”
�นรีนุชพูดขึ้นมาอีกครั้ง ทุกคนมองมายังพจน์ซึ่งนั่งยิ้มอยู่ใกล้ๆกาญจน์
�
“คุณพจน์จะเจ้าชู้ได้ไง ก็ผมเห็นมีอยู่คนเดียวที่มองตาแล้วรู้ว่าคุณพจน์เค้ารักจริง”�
ทุกคนนิ่งเงียบทันที ต่างมองมายังพจน์จีน่าถึงกับหน้าซีดด้วยความเขินอาย สร้อยยังคงนิ่งมองมายังจีน่า
“คุณกาญจน์อย่าไปอำคุณพจน์แก้ข่าวตัวเองเลย พาลไปทั่วเลย”
�อรพูดขึ้นทำลายความเงียบก่อนที่จะกลายเป็นเสียงหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง
�
“อืม ลูกพจน์ ตกลงว่าคุณพ่อไปไหนหรือลูก”
�นุชเอ่ยถามทุกคนต่างหันมามอง
�
“นั่นซิคะ หายไปตั้งนานแล้ว” นีรนุชเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย�
“ผมเดินหาทั่วแล้วครับแม่ ไม่เห็นพ่อเลยครับ”�
พจน์พูด ด้วยสีหน้าราบเรียบหากแต่ยังคงแปลกใจที่จู่ๆคุณพ่อก็หายไป ทั้งๆที่บริเวณบ้านไม่กว้างนัก� ทันใดนั้นทุกคนต่างเงียบมองไปยังรั้วบ้านซึ่งมีบางอย่างเกิดขึ้น
...............................
�� �����เสียงรถดังมาจากรั้วหน้าบ้าน พร้อมๆกับเปิดเข้ามาทันที ชายหนุ่มหลายคน ต่างเดินเข้ามาพร้อมๆกับยกสิ่งหนึ่งลงมาจากรถ พร้อมกับวางลงห่างจากตัวบ้านเล็กน้อย ทุกสายตาซึ่งอยู่บนโต๊ะอาหารริมแม่น้ำถึงกับนิ่งเงียบมองไปยังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความงงงัน พจน์อ้าปากค้าง�
“พ่อ”
�พร้อมๆกับพูดออกมาเบาๆ เมื่อเห็นชายวัยกลางคนเดินออกมาจากรถคนงาม ในขณะที่ทุกอย่างถูกจัดไว้เข้าที่เรียบร้อยแล้ว�ไม่มีการโบกมือ ไม่มีแม้การหันหน้าไปยังโต๊ะอาหาร หากแต่ทว่าใบหน้าเท่านั้นที่แสดงให้เห็นว่า ชายคนนี้กำลังมีความสุข ในค่ำคืนนี้ �
����������������������������������������������ปัจจุบัน จะวกให้กลับไปยัง�อดีต
������������������������������������ได้หรือไม่นั้น..ต้องถามใจตัวเองเป็นอันดับแรก
������������������������������������������������...........................................������������������������������������������
ความคิดเห็น