ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แก้วจรัสแสง

    ลำดับตอนที่ #3 : แก้วจรัสแสง

    • อัปเดตล่าสุด 8 พ.ค. 55


    ����������������������������������������������������������� ตอนที่3


    �������
    ณ. โรงเรียนบ้านทุ่งขี้ไก่ ��แก้วและเพื่อนๆกำลังนั่งเรียนหนังสืออยู่ในห้อง ซึ่งมีครู�
    ลดา� เป็นครูประจำชั้น วันนี้ก่อนเลิกเรียนครูลดาได้พูดกับนักเรียนว่า��

    "�อีกไม่นานโรงเรียนจะสอบปลายภาคแล้วนะค่ะ ดังนั้นทุกคนต้องขยันและทำคะแนนให้ดีเพื่อจะได้ศึกษาต่อในระดับมัธยมต่อไป ครูหวังว่าทุกคนผ่านและได้คะแนนดีนะค่ะ"�

    .............

    ��� เมื่อสิ้นเสียงครูลดาพูดถึงการสอบนักเรียนในห้องชั้นประถมศึกษาปีที่หกต่างพูดเสียงดังเจี้ยวจ๊าวเรื่องการสอบปลายภาคเรียนที่จะมีขึ้น� ติโหน่งเพื่อนสนิทของแก้ว พูดออกมาด้วยท่าทางดีใจ

    " ดีนะจะได้จบๆสะที ฉันจะได้ไปช่วยแม่ขายปลาในตลาดสดนะ เบื่อที่จะเรียนหนังสือแล้วละ เรียนแล้วไม่เห็นมีเงินใช้เลยนะ " ทุกคนหัวเราะที่ติโหน่งพูดออกความเห็นแบบตลกตามสไตล์ของเขา�

    ����� ติโหน่ง เป็นเพื่อนสนิทของแก้ว และเป็นตัวตลกของเพื่อนๆในห้องด้วยบุคลิกท่าทางที่ชัดเจนหน้าตาตลกแต่จริงใจที่สุดในหมู่เพื่อนๆของแก้ว ��
    เสลา เพื่อนอีกคนของแก้วนึกเอะใจขึ้นมาแล้วแซวติโหน่ง ว่า�

    "งานนี้สงสัย ติโหน่งจะรวยสะทีนะ คุณนายปลาสด " โดนมุขของเสลา ทำเอาติโหน่งอ้าปากค้างพูดไม่ออก ติโหน่างทำหน้าบึ้งอย่างเคย ไม่พอใจที่คู่อริพูดแซวมา�

    ��� มะลิ เพื่อนของแก้วลูกคนรวยในหมู่บ้าน มองเพื่อนๆแล้วพูดขึ้นมา
    "ฉันได้ยินพ่อกับแม่พูดว่า อยากให้ฉันไปเรียนต่อในเมืองน่ะ ต้องการให้ฉันไปอยู่กับญาติหรือไม่พ่อแม่ก็คงต้องย้ายไปอยู่ในเมืองกันหมด ฉันคงเหงานะ ไม่อยากจากบ้านเกิดและพวกเธอไปเลย "�

    �� แก้วจับมือมะลิและเพื่อนๆทุกคนพลางพูดว่า "พวกเราทุกคนต่างก็โตขึ้นและคงมีทางที่ตัวเองเลือกเดินหรือผู้ใหญ่เลือกให้ สักวันเราก็คงต้องจากกันอยู่ดี ไม่ต้องเสียใจหรอกนะ ยังไงพวกเราก็เป็นเพื่อนกันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ จริงไหม"

    เพื่อนๆต่างหันมายิ้มให้กันอย่างมีความสุข ติโหน่งโพล่งคำถามขึ้นมา��
    ����
    " แก้วแล้วเธอละ เมื่อจบแล้วจะเรียนต่อที่ไหนเหรอ หรือว่าจะช่วยแม่ขายผักในตลาดนะหรือว่าจะเป็นนักร้องหรือดาราล่ะ"�� พูดจบแล้วทำสีหน้าแบบอายๆเมื่อเห็นเพื่อนๆในห้องต่างหันมามองตัวเองเพราะดันพูดด้วยเสียงอันดังลั่นฟังชัดเพื่อนๆในห้องทุกคนต่างหันมาหัวเราะ มีเพื่อนชายแซวขึ้นมา���


    ����
    " โอ้โห พวกเรานางงามติโหน่งจะเป็นดาราว่ะ " เท่านั้นแหละติโหน่งด่ากลับเป็นปืนรัวอย่างไม่ยั้ง และนั่งบนเก้าอี้อย่างเคืองๆ แก้วและเพื่อนๆในกลุ่มต่างห้ามติโหน่ง ตอนนี้ติโหน่งงอนหน้าบอกบุญไม่รับ


    �������� แก้วไม่ได้ให้คำตอบคำเพื่อนๆ มีแต่สีหน้าเศร้าๆมองเพื่อนๆก่อนตอบว่า��

    ��
    "ถึงฉันจะรักในการร้องเพลงหรืออีกหลายอย่าง แต่ฉันพูดอะไรไม่ได้หรอกเพราะในตัวฉันยังมีแม่อีกคนน่ะ แต่ฉันสัญญานะฉันจะรักทุกคนนะไม่ว่าพรุ่งนี้ฉันจะเป็นแม่ค้าหรือเป็นอะไร....." ทุกคนมองแก้วด้วยความสงสารและเข้าใจแก้วที่สุด เพราะแก้วเป็นเพื่อนที่มีความคิดเหมือนผู้ใหญ่เข้มแข็งเสมอมา

    �������....

    ��������������������
    ���
    ณ สองข้างทางเดินที่มีแต่ทุ่งนาดูเขียวขจีไปทั่วทุกพื้นที่ หนูน้อยร่างบางในชุดนักศึกษาเดินถือกระเป๋าอยู่ลำพังเพียงคนเดียว สีหน้าของแก้วดูเศร้าๆ ตลอดทาง ในโสตประสาทยังคงได้ยินถึงคำพูดอาจารย์ลดาอยู่ตลอดเวลาอีกไม่นานจะจบการศึกษาระดับประถมแล้วต่อไปจะมีโอกาสเรียนต่ออีกหรือเปล่า หรืออยู่ช่วยแม่ค้าขาย แก้วน้ำตาไหลริน เมื่อนึกถึงแม่ เพราะการศึกษาต่อนั้นเท่ากับการเพิ่มภาระให้กับแม่อีกนั่นเอง......แก้วเดินมาถึงต้นไม้ใหญ่กลางทุ่งนาที่โดดเด่นอยู่กลางทุ่ง พลางทรุดตัวลงนั่งและร้องไห้อยู่คนเดียวท่ามกลางความเงียบในยามบ่ายเวลานี้ น้ำตาแก้วไหลออกมาด้วยความรักและความรันทดที่ตัวเองไม่มีเงินทองเพื่อจะได้เรียนหนังสือสูงๆเหมือนคนอื่น.....


    �����
    ทันใดนั้นแก้วสะดุ้งตื่นมาจากพะวังของความคิด ที่คิดเรื่องต่างๆ เมื่อได้ยินเสียงเพลงน้าแต๋ว นักร้องประจำหมู่บ้านทีมีเสียงไพเราะดังขึ้นมาแต่ไกลทำเอาแก้วยิ่งน้ำตาคลอเบ้าเพราะเนื้อหาเพลงยิ่งทำให้แก้วรักแม่และเข้าใจความรักแม่มากยิ่งขึ้น....


    ���
    " อ้าวแก้ว มานั่งทำอะไรอยู่คนเดียวละลูก ร้องไห้ด้วยเหรอ แก้วมีไรลูกบอกน้าได้นะ"
    แก้วเอามือเช็ดน้ำตาพลางสวัสดีน้าแต๋ว ก่อนพูดว่า�

    ����
    " น้าแต๋วคะ เพลงเพราะจังเลยค่ะ หนูชอบค่ะชอบเสียงน้าด้วย ชื่อเพลงไรหรือค่ะ "��� น้าแต๋วยิ้มก่อนตอบว่า������

    " อ๋อ..ชื่อเพลงแม่ผึ้งนะจ้า น้าชอบมาก ทำให้น้าคิดถึงบุญคุณของพ่อแม่ที่เลี้ยงน้ามาให้โตจนทุกวันนี้นะ น้าไม่ได้เป็นอะไรไม่ได้เรียนต่อแต่น้าก็มีความสุขนะ อย่างน้อยแม่น้าไม่เคยต้องร้องไห้เพราะน้าเลยนะ"�


    ��� แก้วยิ่งน้ำตาไหลอาบแก้มเมื่อได้ยินน้าแต๋วพูดตรงกับความรู้สึกส่วนลึกของตนที่มีต่อแม่� แก้วยกมือไหว้น้าแต๋ว....น้าแต๋วลูบศีรษะแก้วเบาๆแต่ก็ไม่พ้นที่จะทำหน้างงที่แก้วยกมือไหว้ตน.....ทั้งๆที่รู้ว่าแก้วคือเด็กดีคนหนึ่งของหมู่บ้านโดยเฉพาะแม่ของแก้ว.........


    ���
    " แก้วเป็นไรหรอลูกบอกน้าซิ"���� น้าแต๋วเค้นความจากแก้ว��

    �����
    "เปล่าค่ะ น้าแต๋วขอบคุณที่น้าแต๋วให้ความคิดกับหนูถึงความรักของแม่นะค่ะ ต่อไปนี้หนูจะไม่เสียใจแล้วค่ะ ถึงแม้วันข้างหน้าจะเป็นอะไร ขอให้วันนี้ทำให้แม่ดีใจและมีความสุขพอนะค่ะ..."��

    �����น้าแต๋วเอามือมากอดหนูน้อยและซบตรงหน้าอกด้วยความรักที่เด็กน้อยกตัญญุพูดออกมาถึงความรักที่มีให้กับแม่....���

    "น้าแต๋วคะทำไมน้าแต๋วถึงเสียงดี และร้องเพลงเพราะล่ะคะ...ช่วยสอนหนูด้วยนะคะหนูอยากเป็นนักร้อง แล้วจะได้ช่วยขายของให้แม่นะค่ะ เผื่อสักวันหนูไม่ได้เรียนหนังสือต่อ"


    ���� น้าแต๋วถึงกับหยุดชะงักและมองหน้าแก้ว แก้วผละจากอ้อมกอดของน้าแต๋วๆเบาๆพลางพูด
    "นะคะ..น้าแต๋ว.. สอนหนูด้วยนะค่ะ" น้าแต๋วถึงกับน้ำตาซึมขึ้นมาอีกครั้ง มองแก้วอย่างเข้าใจที่สุด�

    ....................................

    ����� ทำไมถึงหนูน้อยต้องมานั่งร้องไห้อยู่คนเดียว ทำไมถึงหนูน้อยต้องรักแม่ และไม่อยากรบกวนผู้เป็นแม่ทั้งๆที่ตัวเองปรารถนาศึกษาต่อ....ทำไมตนจะไม่เข้าใจเด็กคนนี้ล่ะ ในเมื่ออดีตของตัวเอง..เมื่อวันวานก็เหมือน ณ เวลานี้ของแก้วนั่นเอง....

    ����� ประกายตาส่องแสงจรัส มองไปที่แก้วหนูน้อยกตัญญูอย่างมีความหมาย...ก่อนจะพูดออกมาว่า...


    "
    น้าสัญญานะหลาน น้าจะช่วยให้แก้วสมหวัง" แก้วไหว้น้าแต๋วอย่างน่าเอ็นดูที่น้าแต๋วรับตัวเองเป็นศิษย์ที่จะสอนให้ตนได้ร้องเพลง....และแล้ว ณ ทุ่งยามเย็นต่อไปก็คงไม่เหงาอีกต่อไปแล้ว


    ...........เมื่อความจริงใจถูกเปิดเผยความจริงจังจึงเข้ามาแทนทีอย่างง่ายดาย...แก้ว..สาวน้อยผู้อาภัพ..แต่ประดับไปด้วยความความอาทรเสมอ..

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×