ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แก้วจรัสแสง ตอน วังวนแห่งรัก

    ลำดับตอนที่ #25 : แก้วจรัสแสง ตอน วังวนแห่งรัก

    • อัปเดตล่าสุด 5 ต.ค. 55



    บทที่ 25


    ���� "เป็นไงบ้างกิจการในผับ...ฉันไม่ได้เข้าไปเสียนาน"

    ชายหนุ่มสูงอายุรุ่นราวคราวเดียวกับจักกฤษพูดขึ้นในขณะที่เจอลูกน้องคนสนิทซึ่งมาคอยรับที่สนามบิน


    "ครับท่าน..ทุกอย่างเรียบร้อยดี"นายด่างรายงานด้วยรอยยิ้มมั่นใจในผลงาน

    "อืม..ดีมาก.."
    เสี่ยเจียงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มดีใจก่อนจะเข้าไปนั่งในรถเก๋งคันงามทันที.....


    "แล้วมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้างใน ช่วงที่ฉันไม่อยู่ ห้าเดือนที่ผ่านมา"�เสี่ยเจียงเอ่ยขึ้นในขณะที่นั่งทอดสายตาออกไปนอกรถ นายด่างซึ่งนั่งอยู่ข้างหน้ายิ้มก่อนพูดว่า

    "ทุกอย่างลงตัวดี นีนนี่ก็กำลังดังสุดขีด..แต่ว่า" นายด่างพูดพร้อมกับหยุดนิ่งไป เหมือนไม่กล้าพูด เสี่ยเจียงหันกลับมามองหน้านายด่าง ก่อนถามว่า

    "อืม..แต่ว่าอะไร.." นายด่างนิ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า

    "ตอนนี้ ผับต่างๆมีการเอาเด็กเอ๊าะๆรุ่นใหม่ขึ้นเวทีทั้งนั้นครับท่าน..ส่วนนางแบบเต้นโชว์คนเก่าๆก็แทบจะไม่มีคนสนใจ ซึ่งผมคิดว่า.." นายด่างพูดไม่ทันจบเสียเจียงหัวเราะในลำคอเบาๆ อย่างรู้สันดานลูกน้องตัวเองดี

    "อืม..ฉันเข้าใจ..คงเบื่อนางแบบคนเก่าแล้วซิ"เสี่ยเจียงพูดเหมือนจะเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นดี นายด่างถึงกับนิ่งเงียบก่อนจะยิ้มรับ

    "อืม..งั้นก็จัดการตามที่นายต่องการแล้วกัน ฉันขอแค่เงินเท่านั้นเอง อย่างอื่น แล้วแต่นาย เข้าใจฉันนะ นายด่าง"�เสี่ยเจียงพูดด้วยเสียงดังฟังชัด ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นทันที นายด่างยิ้มอย่างดีใจทีเสี่ยเจียงเปิดโอกาสให้ตนมากขนาดนี้

    .....................................................


    ��� "นี่ดูซิ..นางแบบคนนี้ไง ที่กำลังดัง"

    เพื่อนๆในวงไฮโซของสร้อยต่างแย่งกันดูรูปนางแบบซึ่งโพสท่าอยู่หน้าหนังสือดาราเล่มโต สร้อยถึงกับลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวโตทันทีด้วยความไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก เพื่อนๆต่างมองมายังสร้อยด้วยความเข้าใจความรู้สึกของสร้อยในตอนนี้ดี ก่อนจะรีบวางหนังสือลงบนโต๊ะ

    "นี่นีนนี่..ยังไงเธอก็สวยกว่าอยู่แล้ว ที่สำคัญเธอเองเป็นนางแบบที่มีคนพูดถึงกันเยอะมาก อย่าไปสนนางแบบคนใหม่เลย"�จินนี่ เพื่อนนางแบบด้วยกันพูดให้กำลังใจสร้อยเมื่อเห็นสร้อยแสดงสีหน้าไม่พอใจ ก่อนจินนี่จะลุกขึ้นมานั่งใกล้ๆสร้อยริมหน้าต่างบานใหญ่ในคอนโดหรูกลางกรุง

    "เชื่อฉันนะนีนนี่..เธอดูดีกว่านะ"�จินนี่สาวสวยหุ่นสูงเพรียวพูดขึ้นก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งใกล้ๆสร้อยที่ยังหน้าบึ้งตึง

    "เปล่าหรอก จินนี่..ฉันไม่ได้อิจฉา นางแบบไร้เดียงสาคนนั้นหรอก" สร้อยพูดเลี่ยงความจริงก่อนจะยกแก้วเบียร์ขึ้นมาดื่ม

    "และฉันคิดว่า..ไม่มีใครจะมาแย่งตำแหน่งนางแบบเซ็กซี่ที่จะมีการประกวดขึ้นเร็วๆนี้แน่นอน..ฉันมั่นใจ" สร้อยพูดขึ้นด้วยแววตาอันดุดัน มือจับแก้วเบียร์ไว้แน่น ก่อนจะหันมามองเพื่อนสาวที่นั่งมองสร้อยด้วยความเข้าใจ

    "นีนนี่ การประกวดอีกไม่กี่วันข้างหน้านี่ เธอจะลงประกวดจริงๆเหรอ" เพื่อนอีกคนตะโกนขึ้นมาด้วยความสนใจ ก่อนที่เพื่อนๆอีกสามคนที่นั่งใกล้ๆต่างบ่นกันพึมพำด้วยความไม่มั่นใจนัก

    "ช่าย...ฉันไปลงสมัครเรียบร้อยแล้ว และฉันมั่นใจว่า...ฉันต้องเป็นสุดยอดนางแบบแน่นอน"สร้อยพูดด้วยความมั่นใจ ก่อนจะลุกขึ้นเดินด้วยท่านางแบบมืออาชีพไปยังเพื่อนๆที่นั่งอยู่ พลางก้มลงกระชากหนังสือดาราเล่มนั้นขึ้นมา มองเจ้าของภาพซึ่งโพสอยู่หน้าปก ด้วยสีหน้าดูถูก ก่อนพูดว่า

    "เธอจะได้เห็นความเซ็กซี่ของฉัน อีเด็กบ้านนอกไร้สมอง" สร้อยพูดพลางโยนหนังสือดาราลงในถังขยะทันที พร้อมๆกับหัวเราะเสียงดังชอบใจ ก่อนจะรีบเดินเข้าห้องไปทันที ปล่อยให้เพื่อนๆตาค้างมองการกระทำของสร้อยด้วยสีหน้าแปลกๆ ก่อนจะมองหน้ากันด้วยความคิดไม่ถึง

    "นี่ๆพี่จินนี่"
    �เพื่อนสาวอีกคนของสร้อย ลุกขึ้นเดินไปยังจินนี่ที่นั่งอยู่อีกที่ในทันทีเมื่อเห็นสร้อยเดินเข้าไปในห้อง

    "พี่จินนี่..สงสัยงานนี้ พี่นินนี่ เอาจริงแล้ว..สงสัยจะมันแน่เลย" จินนี่หันมายิ้มให้ ก่อนพูดว่า

    "อย่ารู้เลย...ค่อยดูกันวันประกวดแล้วกัน..พี่ไม่อยากพูดอะไรแล้วหละ..."
    จินนี่พูดขึ้นเหมือนจะเข้าใจในนิสัยของสร้อยดี ก่อนจะมองทุกคนด้วยสีหน้าไม่สู้จะดีนัก เมื่อนึกถึงการประกวดที่จะมีขึ้นอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้

    ..................................


    �����"สวัสดีค่ะ..ไม่ทราบว่าที่นี่คือบริษัทโมเดลลิ่งจัดหานางแบบหรือเปล่าคะ"
    พิจิตรายกหูโทรศัพท์พูดด้วยความไม่มั่นใจนัก

    "สวัสดีค่ะ..ใช่ค่ะ ที่นี่คือบริษัทโมเดลิ่งจัดหานางแบบค่ะ" เสียงหวานดังผ่านสายโทรศัพท์มาทำให้พิจิตรามีสีหน้าดีขึ้นมาก ก่อนจะพูดต่อไปว่า

    "เอ่อ..ดิฉันชื่อพิจิตราค่ะ..เป็นแม่ของสร้อย ที่เป็นนางแบบในปกนิตยาสารค่ะ"พิจิตราพูดขึ้นด้วยสีหน้าไม่สู้จะดีนัก เพราะกลัวคำตอบจะเหมือนทุกครั้งที่ตนได้โทรไปหาตามบริษัทต่างๆ เสียงหายไปพักใหญ่

    "ค่ะ...ดารานางแบบของบริษัทเราไม่มีชื่อสร้อยนะคะ.." เสียงตามสายพูดดังฟังชัด พิจิตราถึงกับหน้าถอดสีด้วยความหมดหวังอีกครั้ง ก่อนจะหันไปมองรูปภาพของสร้อยที่โพสอยู่หน้าหนังสือเล่มหนึ่ง พร้อมกับเห็นชื่อที่เขียนอยู่ ก่อนจะถอนหายใจอีกครั้ง พร้อมกับพูดว่า

    "เอ่อ ...ขอโทษนะคะ..นางแบบที่ชื่อนินนี่..ช่วยดิฉันด้วยนะคะ...เพราะลูกสาวหายไปนานเหลือเกินค่ะ" พิจิตราพูดอ้อนวอนพนักงานรับโทรศัพท์ของบริษัท

    "ค่ะ..ด้วยความยินดีค่ะ สักครู่นะคะ" พิจิตราปิดตาตัวเองรอฟังเสียงตอบมาอย่างใจจดใจจ่อ

    "..ค่ะ..คุณนินนี่เป็นนางแบบในสังกัดของบริษัทเราจริงๆค่ะ ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าคะ" เสียงพนักงานรับสายด้วยไมตรีจิตที่ดี พิจิตรามีสีหน้าดีขึ้นรอยยิ้มมีความหวังปรากฎบนใบหน้าชัดเจน

    .............................................


    ���� "เอ่อ..คุณผู้หญิงครับ ผมว่าที่อยู่นี้ ...คุณผู้หญิงเขียนถูกหรือเปล่าครับ"

    นายชิดถามขึ้นเมื่อมาหยุดอยู่หน้าบริษัทใหญ่ด้วยความไม่แน่ใจ

    "เขียนถูกซินายชิด"
    พิจิตรามองผ่านกระจกใสไปยังหน้าบริษัทซึ่งมียามยืนอยู่สองคน หากแต่นายชิดสั่นศีรษะเหมือนไม่มั่นใจในบริษัทนี้นักเพราะอยู่ในที่ไม่น่าจะเป็นบริษัทได้เลย พิจิตรารีบเดินลงจากรถไปทันที นายชิดรีบวิ่งไปเปิดประตูแต่ช้าไปเสียแล้ว ร่างพิจิตราเดินไปยังยามที่เฝ้าอยู่หน้าบริษัท

    "สวัสดีค่ะ..นี่คือที่อยู่ของบริษัทนี้หรือเปล่าคะ"
    พิจิตราพูดพร้อมกับยื่นที่อยู่ที่ตัวเองเขียนให้กับยาม ซึ่งทั้งคู่มองมายังพิจิตราด้วยสีหน้าแปลกๆ


    "ทำไมหรือคะ..ที่นี่หรือเปล่าคะ"
    พิจิตราถามซ้ำ แต่ทันใดนั้นยามสองคนถึงกับเบิกตาค้างสีหน้าตื่นทันที พิจิตราหันไปมองตามยามทั้งสองคน ด้วยความงง


    ��� นายด่างในชุดยีนแจ็คเก็ตสีดำเดินลงจากรถพร้อมๆกับสาวสวยๆในชุดนุ่งสั้นกว่าสิบคนลงจากรถตู้พร้อมๆกัน พร้อมกับเสียงพูดดังเจี้ยวจ้าว พิจิตราถึงกับยืนนิ่งอึ้งพูดอะไม่ออก ก่อนที่ชายคนดังกล่าวรีบเดินมายังหน้าประตู ...ยามทั้งสองคนก้มหน้า

    "สวัสดีครับพี่ใหญ่"
    ยามพูดด้วยความเกรงกลัว ก่อนจะรีบเดินเข้าไปยังบริษัททันที พิจิตรารู้สึกเย็นวาบเข้ามาในความรู้สึก เริ่มคิดถึงและเป็นห่วงสร้อยผู้เป็นลูกสาวขึ้นทวีคูณเมื่อทุกคนเดินเข้าบริษัทไปหมดแล้ว ยามหันมายิ้มด้วยสีหน้าโล่งอก ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าดุดันในหน้าที่อีกครั้ง


    "ใช่ครับ..นี่คือบริษัทที่คุณถาม..แต่ที่นี้เขาต้องการแต่เด็กๆเอ๊าะๆนะครับ"
    ยามพูดพร้อมกับสังเกตุมายังพิจิตราก่อนจะหันไปยิ้มให้กัน พิจิตราเข้าใจในสายตาที่มองมายังตนดี ก่อนจะพูดว่า

    "ขอบคุณมากค่ะ" พูดพลางรีบเดินออกจากที่แห่งนี้ไปในทันที

    "คุณนายครับ..คุณนายครับเป็นอะไรหรือเปล่าครับ"
    นายชิดร้องถามเมื่อเห็นสีหน้าพิจิตราดูซีดเซียวผิดปกติก่อนจะร่วงหล่นลงกับพื้น นายชิดรีบประคองขึ้นรถทันที

    ...................................................


    ����� "คุณผู้หญิงอ่อนเพลียและพักผ่อนน้อยไปหน่อยนะครับ ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงมาก" นายแพทย์พูดขึ้นหลังจากที่ทำการตรวจเสร็จแล้ว

    "ขอบคุณมากครับคุณหมอ"
    จักกฤษกล่าวขอบคุณด้วยความสุภาพ ก่อนจะหันมามองพิจิตราที่ยังคงนอนหน้าซีดเซียวอย่างน่าสงสารยิ่งนัก

    "อืม...งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ หากมีอะไรด่วนก็โทรหาผมได้ะครับ" นายแพทย์พูดด้วยรอยยิ้มก่อนจะรีบเดินออกจากคฤหาสน์ใหญ่ไปทันที


    ��������� จักกฤษนั่งลงบนเตียงนอนพร้อมกับมองมายังร่างที่นอนนิ่งไม่รู้สึกตัวด้วยความสงสาร ก่อนจะเอื้อมมือมาวางลงบนมืออันเย็นเฉียบของพิจิตรา ด้วยความหดหู่และความรู้สึกผิด พร้อมเสียงอันเศร้าๆกระท่อนแท่นดังผ่านลำคอออกมา

    "พิจิตรา...ผม...ขอโทษ...ผมขอ..โทษ.."
    น้ำตาหยดลงบนมืออันเรียวงามของพิจิตราอย่างไม่ตั้งใจ ความดีที่พิจิตรามอบให้ตนมากว่ายี่สิบปี ไม่สามารถทลายความรักในอดีตของตัวเองได้เลย ภาพวันวานแห่งอดีตของพิจิตราผุดขึ้นมาให้เห็นอีกครั้ง


    "พี่คะ...พิจิตรารู้ว่าพี่ไม่สามารถรักพิจิตราได้...แต่พิจิตราสัญญาว่าจะรักและดูแลพี่ให้เท่าชีวิตพิจิตราเอง...เพราะพิจิตรารักพี่ค่ะ"

    เสียงร้องและคำพูดคำนี้ยังคงมีให้ได้ยินอยู่เสมอ เมื่อตอนที่จักกฤษล้มป่วยลง พิจิตราคือพยาบาลที่ดีที่สุดในตอนนั้น หากแต่พิจิตราไม่รู้หรอกว่า คำพูดจากความในใจของพิจิตราวันนั้น จักกฤษรับรู้และได้ยินชัดเจน จนมาถึงวินาทีนี้ ที่นั่งอยู่ต่อหน้าของพิจิตราเอง น้ำตาไหลด้วยความซาบซึ้งในความดีและความรักของพิจิตรา

    ������ จักกฤษยกมืออันเย็นเฉียบขึ้นมากอดไว้ที่แก้มของตัวเองด้วยความรักและความเข้าใจในความรู้สึกของพิจิตราในตอนนี้ดี ความเงียบในตอนนี้ ปลุกความรู้สึกห้วงอดีตแห่งความดีของพิจิตราให้จักกฤษเห็นทีละเรื่องอย่างละเอียด และทุกเรื่องราวนั้นคือหยดน้ำตาที่ไหลอย่างไม่หยุดเช่นกัน

    ....................................................

    ���
    ��
    "ติดต่อไม่ได้เลยครับพ่อ"

    เสียงของพจน์ดังขึ้นเมื่อมาถึงคฤหาสน์ใหญ่ ก่อนจะปิดโทรศัพท์ทันที วันนี้มีแม่บ้านวิ่งกันพลุกพล่านไม่เหมือนทุกวันที่มีแต่ความเงียบ สำลีรีบวิ่งลงมาจากบันไดด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก จักกฤษเอ่ยถามทันที

    "สำลี ..แม่เป็นไงบ้าง"
    พจน์เอ่ยถามด้วยความสุภาพ สำลีหยุดก่อนตอบว่า


    "ตอนนี้คุณผู้หญิงไม่เป็นไรแล้วค่ะ..นอนพักผ่อนอยู่ในห้องค่ะ เดี๋ยวสำลีขอตัวก่อนนะคะ"
    สำลีพูดพลางรีบวิ่งออกไปทันที จักกฤษมองสำลีวิ่งไปแล้ว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองไปบนห้องนอนของผู้เป็นแม่พร้อมๆกับรีบเดินขึ้นไปด้วยความเป็นห่วง�

    ������������������������������������������������������������การจะรักใครสักคน รู้ได้ดีเมื่อตอนจากกัน
    ������������������������������������������������������������� �จงหมั่นดูแล ก่อนวันสุดท้ายจะมาถึง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×