ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แก้วจรัสแสง ตอน วังวนแห่งรัก

    ลำดับตอนที่ #23 : แก้วจรัสแสง ตอน วังวนแห่งรัก

    • อัปเดตล่าสุด 3 ต.ค. 55



    บทที่ 23

    ณ บ้านฟ้าใส

    ��������
    �หลังจากเรื่องเลวร้ายได้พัดผ่านไป บ้านฟ้าใสกลับหม่นหมองและเงียบสงัดเหมือนไม่มีใครอยู่เลย จักกฤษเองหลังจากที่กลับมาจากพักผ่อน ก็อยู่กับความเงียบมาโดยตลอด แม้ข้างกายยังคงมีลูกรักและคนรับใช้ที่สนิท หากแต่พิจิตรายังคงเสียใจและบ่อยครั้งที่ออกจากบ้านเพื่อตามหาลูกสาวผู้เป็นที่รัก ที่หายตัวไป คงมีแต่ภาพที่ปรากฏอยู่ตามหน้าหนังสือต่างๆ


    � �"พี่พจน์คะ..ทำไมบ้านเงียบเหมือนไม่มีคนอยู่เลยนะคะ"
    เสียงหวานจากสาวสวยที่นั่งมากับรถเก๋งคันงามของพจน์ พูดขึ้นเมื่อนายชิดคนขับรถมาจอดอยู่หน้าประตูใหญ่ พจน์หันมายิ้มเหมือนจะรับความจริง ก่อนจะมองไปยังภายในรั้วบ้านที่เงียบสงัดด้วยสีหน้าเศร้าหมอง

    "ครับ..ทุกวันนี้บ้านมีแต่ความเงียบ และว่างเปล่า" พจน์พูดด้วยสีหน้าเศร้าๆ ไม่มีเสียงจากจีน่านอกจากสายตาที่มองมายังพจน์อย่างเข้าใจ ทันใดนั้นประตูบานใหญ่ถูกเปิดออก ก่อนที่นายชิดจะขับรถเข้าบ้านไปอย่างช้าๆ


    ���� พจน์ยังคงนั่งเงียบทอดสายตามองผ่านกระจกไปยังบริเวณบ้าน ที่มีแต่ความเงียบเหงา ภาพวันวานสมัยเด็กผุดขึ้นมาให้เห็นเด่นชัดอีกครั้ง

    ".พี่จะไปเมืองนอกจริงหรือคะ" เสียงใสๆของเด็กสาวน้อยน่ารักพูดขึ้นพร้อมๆกับจ้องมองพี่ชายอย่างน่าเอ็นดู ดวงตายังคงจ้องรอคำตอบจากพี่ชาย ที่นั่งอยู่กลางสนาม

    "พี่ต้องเรียนหนังสือ..และเมื่อพี่ไปแล้วพี่จะเขียนจดหมายมาหาน้องแก้ว"พจน์พูดด้วยร้อยยิ้ม

    "จริงนะคะพี่..แก้วจะรอจดหมายจากพี่และจะตอบกลับเลยค่ะ" เสียงใสจริงใจออกมาจากแก้วผู้เป็นน้องสาวด้วยรอยยิ้มหวาน

    "พี่พจน์..อยู่นี่เอง" เสียงของสร้อยน้องสาวตัวดีพูดด้วยเสียงอันดังเมื่อเห็นพจน์นั่งคุยอยู่กับแก้ว

    "น้องสร้อยมานี่.." พจน์เรียกเมื่อเห็นสร้อยเดินเข้ามาด้วยสีหน้างอนๆ

    "ไม่เอาหรอก..ไม่อยากอยู่กับเด็กขอทาน" สร้อยพูดพลางรีบเดินสะบัดหน้าไปทันที พจน์หันมามองแก้วที่นั่งก้มหน้าด้วยความกลัวสร้อย�

    "น้องแก้ว..ไม่ต้องกลัว..พี่อยู่กับน้องเสมอ.." พจน์พูดก่อนจะยื่นมือมาจับแก้วเอาไว้

    "พี่เป็นห่วงแก้วมาก" พจน์พูดด้วยรอยยิ้ม แก้วรับยิ้มด้วยสีหน้ามีความสุข แต่กระนั้นดวงตาคู่นั้นยังคงฉายแววเศร้าอย่างน่าสงสาร
    .....................

    ��� "..พี่พจน์คะ"
    �เสียงเรียกดังขึ้นเมื่อรถมาจอดยังหน้าคฤหาสน์ใหญ่ พจน์สะดุ้งตื่นจากภวังค์ของความหลัง รอยยิ้มที่มีอยู่หายไปทันที ก่อนจะมองมายังเจ้าของเสียงซึ่งยิ้มหวานอยู่นอกรถ

    ".ขอโทษครับ นั่งคิดอะไรเพลินๆไปหน่อย" พจน์พูดด้วยสีหน้าอายๆ เมื่อเห็นจีน่ายิ้มอย่างเข้าใจ ก่อนจะรีบลงจากรถและเดินเข้าบ้านไปทันที


    ".คุณพจน์ ผมเข้าใจความรู้สึกคุณพจน์ดี....หนูแก้วก็คงจะเหมือนกับคุณพจน์แหละ...อนาถจริงๆความรัก" นายชิดคนขับรถพูดขึ้นเบาๆอย่างเข้าใจ ความรู้สึกของทั้งสองดี ก่อนจะขับรถไปยังที่จอดที่โรงรถทันที

    ........................


    "ใครมาบ้านเหรอ ยายแพรว" เสียงสำลีดังขึ้นเมื่อสังเกตุเห็นยายแพรวกำลังวุ่นอยู่ในครัว

    "ทำไมเอ็งรู้..รู้เร็วจริงๆเลยนักข่าวตัวดี" เสียงป้าแพรวพูดขึ้นหากแต่สายตายังคงจ้องอยู่ที่โต๊ะกับข้าวเหมือนกำลังใช้ความคิดในการเลือกทำอาหาร

    "แหม...สำลี รู้ทุกอย่างแหละ แม้กระทั่ง..." สำลีพูดก่อนจะหยุดไป ยายแพรวหันขวับมาทันที เหมือนอยากจะรู้ว่าสำลีหมายถึงอะไร

    "นี่..สำลี พูดมาเลย อย่าอ้ำอึ้ง ฉันไม่ชอบ" พูดด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนเดินเข้ามาหา

    "บอกมาซิ มีข่าวคุณหนูสร้อยเหรอ" ยายแพรวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง สำลีถึงกับยิ้มก่อนพูดว่า

    "ยายแพรวก็เป็นพวกปากไม่สุขเหมือนกันนะ" พูดพลางรีบวิ่งออกไปทันที แต่ช้าไปเสียแล้วเมื่อนายชิดเดินเข้ามาขวางอยู่ที่ประตูพอดี

    "อ้าว..ที่นี่ไม่ใช่สนามกีฬานะ สำลี จะมาวิ่งแข่งกัน" นายชิดพูดพลางหันไปมองยายแพรวที่เดินเข้ามาพอดี

    "จะบอกหรือไม่บอก..อีสำลี" พูดพลางยกมีดขึ้นเหมือนจะเอาจริงเอาจัง สำลีถึงกับหน้าถอดสี

    "...ยายแพรวคนสวย บอก ก็ได้" พูดพลางมองมายังมีดที่ยังคงอยู่เหนือศีรษะ ยายแพรวจึงค่อยๆเอาลงช้าๆ

    "บอกมา��ถ้าไม่อยากเป็นสำลีสีแดง" ยายแพรวดุ พร้อมกับหันมายิ้มให้นายชิดเมื่อสำลีเดินกลับไปยังหน้าเตาแก๊ส นายชิดสั่นศีรษะกับแม่บ้านคู่นี้

    ...................................


    ����� "อ้าวจีน่า..มานานหรือยังลูก"
    จักกฤษในชุดกีฬา เดินเข้ามาในบ้านอย่างเงียบๆ และเอ่ยทักจีน่าด้วยความเป็นกันเอง จีน่าเงยหน้าจากหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่บนโต๊ะ มาตามเสียงทุ้มนุ่มหู ก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนทันที

    "สวัสดีค่ะ คุณพ่อ....จีน่าถึงมาสักครู่แล้วค่ะ"จีน่าพูดด้วยรอยยิ้ม

    "อืม..แล้วมากับพี่พจน์หรือลูก" จักกฤษมองไปรอบๆห้องก่อนจะเอ่ยถามขึ้น

    "ค่ะ..พอดีวันนี้พี่พจน์ว่าง..และที่บริษัทจีน่าเองก็ไม่มีงานค่ะ จีน่าคิดถึงพ่อนะคะ เลยแวะมาเยี่ยมค่ะ" จีน่าพูดด้วยรอยยิ้ม จักกฤษเดินมายังเก้าอี้รับแขกก่อนนั่งลง

    "อืม นั่งซิลูก ขอบใจนะที่แวะมาเยี่ยมพ่อ"จักกฤษพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มหากแต่จีน่าสังเกตุแววตาผู้เป็นพ่อแล้วยังคงเก็บความทุกข์ไว้อย่างเงียบๆก่อนจะยิ้มให้ผู้เป็นพ่ออีกที

    "แล้วพ่อ ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง เรื่องงาน..ยังงัยก็พักผ่อนบ้างค่ะพ่อ" จีน่าพูดด้วยความห่วงใย พร้อมกับร้อยยิ้ม

    "ขอบใจนะลูก พ่อก็ไม่ได้ทำอะไรตอนนี้ ทุกอย่างให้ลูกพจน์จัดการหมดแล้ว" จักกฤษพูดก่อนจะยกน้ำขึ้นมาดื่ม

    "ค่ะ..คุณพ่อโชคดีนะคะ มีลูกชายเก่งและจริงจังกับงาน ช่วยพ่อได้เยอะเลยค่ะ" จีน่าพูดเหมือนรู้จักพจน์ดีจักกฤษยิ้มก่อนพูดว่า

    "อื
    ม..พ่อก็ว่าอย่างนั้นแหละ ดีที่มีลูกพจน์มาช่วย พ่อเลยวางมือแล้ว ปล่อยให้เค้าทำของเค้าเอง" ผู้เป็นพ่อพูดด้วยรอยยิ้ม

    "อืม..แล้ววันนี้ไม่ออกไปไหนกันต่อหรือลูก" จักกฤษถามก่อนจะหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาเปิดอ่าน

    "อ๋อ ..คงไม่ค่ะพ่อ พี่พจน์บอกว่า ช่วงหลังๆนี้ไม่อยากออกไปไหน อยากอยู่บ้านและอยากทานข้าวร่วมกับพ่อค่ะ" จีน่าพูดด้วยรอยยิ้มหวาน จักกฤษถึงกับอึ้งเมื่อจีน่าพูดถึงความรู้สึกของพจน์ให้ตัวเองฟัง แต่ทั้งสองต้องเงียบเมื่อ

    "สวัสดีครับพ่อ" พจน์ยกมือไหว้เมื่อเห็นผู้เป็นพ่อนั่งอยู่ในห้องรับแขก

    "สวัดดีพจน์" จักกฤษพูดด้วยรอยยิ้ม และความรัก พจน์เดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้อีกคน

    "อืม..จีน่าไปคุยโม้อะไรกับพ่ออีก" พจน์พูดล้อเล่นเมื่อเห็นจีน่านั่งมองผู้เป็นพ่ออยู่�

    ".พี่ก็ชอบมองจีน่าผิดอยู่เรื่อยเลย" จีน่าพูดด้วยสีหน้างอน ก่อนจะมองมายังผู้เป็นพ่อที่นั่งยิ้มอย่างเข้าใจ

    ".หนูจีน่าเขาเป็นห่วงลูก" ผู้เป็นพ่อพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม จีน่าเขินหน้าแดง

    "พ่อคะ.." จีน่าพูดขึ้นแก้เขิน พจน์ถึงกับหยุดนิ่งมองมายังพ่อด้วยสีหน้าไม่เข้าใจก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มรับมุข

    "คนสนิทกันมีอะไรก็บอกกันก็ได้นะลูก อีกอย่างการที่มีคนเข้าใจเรา ดีกว่าอีกหลายร้อยคนที่รักเราแต่ไม่เข้าใจเรา" ผู้เป็นพ่อพูดขึ้นก่อนจะหันมามองทั้งสองคนอย่างเข้าใจ พจน์ถึงกับอึดอัดขึ้นมาทันที แต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป

    "อืม. ตามสบายนะลูกเดี๋ยวพ่อขอไปอาบน้ำและพักผ่อนสักครู่ เจอกันที่โต๊ะอาหารแล้วกัน" จักกฤษพูดพลางเดินลุกขึ้นจากเก้าอี้ไปทันที

    .............................


    ��� "พี่พจน์คะ.."
    จีน่าเรียกพจน์ในขณะที่ เดินมายังสวนดอกไม้หลังบ้าน พจน์ในชุดสบายๆหันมาตามเสียงหวาน พร้อมยิ้มรับ


    "อืม..ทำไมหรือครับ" ก่อนจะมองหน้าจีน่าด้วยรอยยิ้ม

    "จีน่า สังเกตุพ่อแล้ว เหมือนกับว่าพ่อมีเรื่องไม่สบายใจนะคะ" จีน่าพูดในสิ่งที่ตัวเองรู้สึก พจน์หยุดกึกทันที ก่อนหันมามองจีน่าด้วยความไม่เข้าใจจุดประสงค์ที่จีน่าพูด�

    "พี่พจน์คะ..จีน่าบอกตามตรงๆนะคะว่า จีน่าเป็นห่วงพ่อและพี่มากค่ะ" จีน่าพูดก่อนจะเดินมองดอกไม้ในสวนด้วยความสุข พจน์มองจีน่าเดินนำไปอย่างไม่เข้าใจดีนัก ก่อนจะเดินตามไปติด

    "อืม..ขอบใจนะ ที่จีน่าเป็นห่วงพ่อพี่และพี่"
    พจน์เดินเข้ามาอยู่ด้านหลัง จีน่าหันกลับมา ทั้งสองมองหน้ากันอย่างจัง แววตาทั้งคู่จ้องมองกันอยู่นาน

    "พี่ขอบใจ ที่เป็นห่วงครอบครัวพี่"
    พจน์พูดขึ้นด้วยสีหน้าแววตาที่จริงจัง จีน่าถึงกับอายหน้าแดงก่อนจะหลบสายตาของพจน์มองไปยังสวนดอกไม้ด้วยความเขินอาย

    "ค่ะ จีน่าเองก็ทำได้แค่ความเป็นห่วงเท่านั้นเอง"
    จีน่าพูดก่อนจะถอนหายใจ และเม้มปากเหมือนคนน้อยใจ พลางเดินผละจากไป พจน์ยังคงมองตามร่างบางที่ได้สัดส่วน ก่อนจะไปหยุดนั่งอยู่บนเก้าอี้หินอ่อนกลางสวนดอกไม้

    .......................


    ��� "พี่เองก็มีเรื่องที่จะต้องทำอีกหลายอย่าง..พี่สงสารพ่อและสงสารแม่โดยเฉพาะน้องสร้อย..."
    ����พจน์พูดด้วยสีหน้าเศร้าๆเมื่อมานั่งอยู่ตรงกลางสวนดอกไม้ บรรยากาศยามบ่ายท่ามกลางสวนดอกไม้นานาๆพันธ์�ลมพัดเบาๆผ่านมากระทบผิวกายให้รู้สึกตื่นจากภวังค์ �จีน่าจับอยู่ที่แววตาของพจน์อย่างเข้าใจ ก่อนจะพูดว่า

    "พี่พจน์คะ..จีน่าอยู่กับพี่เสมอนะคะ" พจน์หันมามองหน้าก่อนยิ้มที่มุมปากรับทราบความในใจของจีน่า

    "ขอบใจจีน่ามาก ที่อยู่เป็นเพื่อนพี่มาโดยตลอด"จีน่ายิ้ม ก่อนพูดว่า

    ".จีน่ามาวันนี้ จีน่ามีเรื่องจะบอกพี่ค่ะ"
    จีน่าพูดขึ้น พจน์หัน มามองจีน่าด้วยความสงสัยทันที

    "มีเรื่องจะบอก" พจน์ทบทวนคำพูดของจีน่าอีกครั้งอย่างไม่เข้าใจดีนัก

    "ค่ะ..จีน่ามีเรื่องจะบอกพี่พจน์ค่ะ"
    จีน่าพูดด้วยสีดังชัดเจน หากแต่สีหน้าเศร้าไปถนัดตา พจน์จ้องมองแววตาจีน่าด้วยความสงสัย เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจีน่าไม่เคยเลยที่จะมีคำพูดแบบนี้ให้ได้ยิน แต่ครั้งนี้พจน์เองก็คงหลอกตัวเองไม่ได้เช่นกัน เพราะพจน์ก็ระวังตัวมาโดยตลอดเวลา


    "..จีน่ากลัวเหลือเกิน กลัวในหลายๆเรื่องที่จะเกิดขึ้นกับจีน่า"
    จีน่าพูดด้วยสีหน้าอันเศร้าไม่มีรอยยิ้มให้เห็นบนใบหน้าอีกเลย


    "แต่จีน่า..ก็ขอให้พี่พจน์รู้ไว้นะคะ ไม่ว่าเหตุการณ์ในอนาคตจะเป็นเช่นไร" จีน่าพูดก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือพจน์ที่วางอยู่บนโต๊ะสีขาวด้วยความนิ่มนวล พจน์มองมายังแขนอันขาวของจีน่าและนิ้วมืออันเรียวงามที่วางอยู่บนมือตัวเองอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่จีน่าหมายถึง ก่อนจะมองมายังวงหน้ารูปไข คิ้วดกดำ ขนตางอนอย่างสังเกตุ

    "จีน่า ขอให้พี่จำไว้ว่า จีน่ารักและรอพี่อยู่เสมอนะคะ"
    จีน่าพูดเหมือนเข้าใจในความรู้สึกของพจน์ดี พจน์นิ่งเงียบ ก่อนพูดว่า


    "จีน่า..จีน่าจะไปไหนหรือ" พจน์เอ่ยถามด้วยเสียงอันเศร้า ก่อนจะขยับมือมาวางทับมือจีน่าไว้อย่างทะนุถนอม จีน่ายิ้มด้วยความเจ็บปวดเมื่อพจน์แตะมือตัวเองเป็นครั้งแรกพร้อมกับสายตาอันห่วงใยยิ่งนัก

    "ค่ะ...จีน่า ต้องกลับไปอเมริกา" จีน่าพูดพลางถอนหายใจ เหมือนไม่อยากพูดอะไรมากกว่านี้ก่อนจะดึงมือพจน์ขึ้นมาจับไว้แน่น ปากสั่นเหมือนไม่อยากจะเอ่ยคำต่อไปนี้

    ���������������������������������������� ���� จะรู้ว่าคนใกล้ตัวสำคัญกับเราแค่ไหน
    ����������������������������������������������� มักจะรู้ได้ดี....เมื่อตอนที่จากกัน



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×