ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แก้วจรัสแสง ตอน วังวนแห่งรัก

    ลำดับตอนที่ #22 : แก้วจรัสแสง ตอน วังวนแห่งรัก

    • อัปเดตล่าสุด 3 ต.ค. 55



    บทที่ 21


    �����������ขวัญนั่งมองลูกชายสุดที่รักด้วยน้ำตาไหลอาบแก้มด้วยความภาคภูมิใจ ก่อนจะหันมามองลูกชายคนเล็กที่นั่งยิ้มมองพี่ชายตัวเอง

    พี่วัฒน์หล่อนะแม่..คิดถึงพี่วัฒน์จังเลย เมื่อไหร่จะซื้อจักรยานมาให้ผม
    จุกผู้เป็นน้องชายพูดขึ้นด้วยความฉลาดก่อนจะเข้ามากอดผู้เป็นแม่ด้วยความรัก พร้อมจ้องมองผู้เป็นแม่

    แม่ครับ

    นุชหันมาตามเสียงเรียกของลูกน้อย

    อะไรหรือลูก
    พร้อมกับโอบกอดใช้มือลูบศีรษะลูกรักเบาๆ


    ทำไม แม่ต้องร้องไห้ด้วยครับ
    จุกถามด้วยความสงสัย พร้อมกับเงยหน้ามองผู้เป็นแม่อีกครั้ง ขวัญยิ้มก่อนพูดว่า


    แม่ดีใจลูก..พี่ชายลูกเป็นเด็กดี..ไม่เคยทำให้แม่เสียใจเลย..
    ขวัญพูดก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา

    ผมก็ไม่เคยทำให้แม่เสียใจใช่ไหมครับ
    จุกพูดด้วยสีหน้าเศร้าๆ ผู้เป็นแม่ลูบศีรษะลูกน้อยเบาๆ ก่อนพูดว่า

    จุกก็เป็นเด็กดีเหมือนพี่ชายมาก..ลูกต้องตั้งใจเรียนหนังสือนะลูก
    ขวัญพูดพลางลุบศีรษะลูกรักอีกทีอย่างทะนุถนอม

    ครับแม่..ผมสัญญาจะเป็นเด็กดีและตั้งใจเรียนครับ
    จุกพูดก่อนจะใช้แขนอันเรียวเล็กกอดผู้เป็นแม่อย่างเข้าใจ สองแม่ลูกนั่งดูลูกชายให้สัมภาษณ์รายการทางโทรทัศน์ด้วยความสุขใจ

    ...........................


    �������� �ต่อไปก็เป็นตอนที่เราต้องมาเจาะใจกันบ้างแล้วหละ
    พิธีกรพูดขึ้นหลังจากที่วัฒน์ร้องหลายเพลงติดต่อกัน

    �ผมเองก็อยากรู้เหลือเกินว่า ชีวิตนักร้องผู้นี้เป็นมาอย่างไร ถึงได้มีวันนี้ วันที่ไม่มีใครนึกว่าคนอย่างเขาจะมีวันนี้ได้
    พิธีกรคู่พูดเหมือนจะมีข้อมูลอะไรที่มากกว่านั้น พร้อมๆกับสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ชมเป็นอย่างมาก

    วินาทีต่อไปนี้ขอหยุดเสียงเพลงหวานไว้สักครู่ รายการลูกทุ่งคนเด่นจะ นำท่านผู้ชมไปรู้จักกับหนุ่มผู้นี้ให้มากกว่าเสียงหวานกันดีกว่าครับ.... ขอต้อนรับ คุณ วัฒน์ พัฒนษร ครับ

    ������� เสียงประกาศของพิธีกรจบลง วัฒน์เดินยิ้มออกมาในชุดสูทสีขาวเรียบร้อย ก่อนจะยกมือไหว้พิธีกรและท่านผู้ชมในห้องส่ง

    อืม..ผมเองก็เริ่มจะตื่นเต้นครับ
    �พิธีกรพูดขึ้นเรียกเสียงหัวเราะเสียกรี๊ดของผู้ชมสร้างอารมณ์ในการสัมภาษณ์�

    แล้วตื่นเต้นทำไมละครับ..คนที่น่าตื่นเต้นคือน้องวัฒน์ต่างหาก
    พิธีกรอีกคนพูดขึ้นก่อนทั้งคู่จะหัวเราะชอบใจ

    ......................��


    ��������ณ ร้านส้มตำย่านาง


    นก..อิ่มจังเลย..เผ็ดอีกต่างหาก
    �แก้วพูดขึ้นเมื่อวางแก้วน้ำส้มลง นกยังคงมองโทรทัศน์ด้วยความสุข หากแต่ปากกยังคงเคี้ยวไก่ย่างอย่างเอร็ดอร่อย�

    เหรอ..ก็ฉันบอกแล้วไงว่า แซ่บๆนะ
    นกพูดพลางก่อนจะยกน้ำขึ้นดื่ม

    นี่แก้ว..เธอไม่เชื่อฉันเหรอ นกพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

    นก..คนในโลกนี้หน้าตาเหมือนกันเป็นล้านๆคนนะ ฉันไม่เชื่อหรอก..
    แก้วพูดก่อนจะยกน้ำขึ้นมาดื่มอีกที

    แต่ฉันว่าใช่..แล้วเธอเคยมีเพื่อนสมัยเรียนที่บ้านนอกหรือเปล่า
    นกถามขึ้นก่อนจะตักส้มตำซึ่งมีพริกแดงๆติดอยู่เข้าปากทันที แก้วเงียบไปก่อนพูดว่า

    แก้วมีนะ..เป็นเพื่อนต่างโรงเรียนของแก้วเอง แต่เราสนิทกันมาก
    แก้วพูดด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อนึกถึงวันนั้น


    ����������� ภาพวันวานของวัฒน์เห็นเด่นชัด ท่ามกลางทุ่งนาที่เขียวขจี สายลมในยามบ่ายพัดพริ้วต้นข้าวไหวเอนไปตามแรงลม เด็กน้อยสองคนกำลังนั่งคุยถึงเรื่องการร้องเพลงที่จะมีขึ้นอีกไม่นาน แก้ว..ถ้าเธอเป็นนักร้องเธออย่าลืมฉันนะ เสียงเด็กชายพูดขึ้นในขณะที่ใช้เท้าแช่อยู่ในน้ำ�วัฒน์..เธอเองก็เหมือนกันนะ..เธออย่าลืมฉันนะ..ฉันสัญญาฉันไม่ลืมเธอหรอก แก้วพูดขึ้นก่อนจะยิ้มให้กันอย่างมีความสุข


    แก้ว...แก้ว..

    �����
    นกเรียกเมื่อเห็นแก้วเงียบไป แก้วตกใจตื่นจากความคิดในอดีต หันมายิ้มให้นก ที่จ้องมองหน้าอย่างแปลกใจ


    �ฉันถามว่าเธอมีเพื่อนบ้างไหมตอนเด็กๆ แก้วยิ้มก่อนตอบว่า

    มี..มีหลายคนด้วย
    แก้วพูดก่อนจะใช้ช้อนจิ้มไก่เป็นชิ้นเล็กๆเข้าปาก พร้อมตามด้วยน้ำทันที


    อืม..แต่ฉันว่าใช่นายคนนี้แหละ..ที่สำคัญนายคนนี้แหละยังบอกอีกว่า เป็นเพื่อนเก่าเธอ
    นกพูดขึ้นเหมือนจะยังยึดอยู่กับความคิดของตัวเอง ก่อนจะหันไปมองรายการโทรทัศน์ต่อไป

    ........................


    ��������� ณ บ้านฟ้าใส


    “ป้า แพรว....พจน์ยังไม่กลับมาอีกหรือ
    เสียงจักกฤษพูดขึ้นด้วยความเหนื่อย ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ในห้องรับแขก

    ยังเลยค่ะ..ก็ยังไม่ถึงเวลากลับนี่คะ

    ป้าแพรวคนใช้สนิทพูดขึ้นก่อนจะหันไปมองนาฬิกา จักกฤษทำหน้างง ก่อนหันมามองป้าแพรวที่นั่งยิ้ม

    ไม่ต้องแปลกใจค่ะท่าน.. ดิฉันรู้เวลาคุณพจน์กลับดีค่ะ
    พูดพลางยิ้ม จักกฤษถึงกับยิ้มตอบรับด้วยความดีใจ


    อืม..ไม่เสียแรงเลยนะ..ที่มีคนดีอย่างป้าแพรวไว้ในบ้าน
    จักกฤษพูดพร้อมกับเอนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ พร้อมถอนหายใจ

    ทุกวันนี้บ้านเราก็เงียบเหมือนไม่มีคนอยู่... บ้านหลังโต มีครบทุกอย่าง หากแต่...หาความสุขใจไม่ได้เลยจริงๆ
    จักกฤษพูดระบายสิ่งที่อยู่ในใจออกมาให้แม่บ้านฟัง ด้วยสีหน้าเศร้าๆ

    ..ดิฉันว่า...ความสุขมันไม่ได้อยู่ที่วัตถุค่ะ ท่าน
    จักกฤษหันมามองป้าแพรวก่อนยิ้ม

    .พูดถูกแล้วหละ..ฉันก็อยากมีความสุขเหมือนป้าแพรว...แต่พระเจ้าให้มาเป็นแบบนี้ ฉันเองก็เลือกเกิดไม่ได้แล้ว จักกฤษพูดพลางยิ้มให้กับตัวเอง

    .คุณจักกฤษคะ..ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ
    ป้า แพรวพูดขึ้นก่อนจะรีบเดินจากไป

    อ้าว..ป้าแพรวก็จะทิ้งฉันไปอีกคนแล้ว
    จักกฤษพูดขึ้นอย่างน่าสงสารทำเอาป้าแพรวหยุดกึกไม่ไหวติงทันที สีหน้าเศร้าสลดสงสารผู้เป็นเจ้านาย�

    “ป่าวค่ะ..ดิฉันยอมเป็นคนรับใช้ท่านตลอดชีวิตค่ะ..
    ป้าแพรวพูดด้วยความจริงใจ ก่อนจะมองหน้าจักกฤษที่ยังคงนิ่งแววตาอันเศร้ายังคงฉายแววให้เห็น


    ขอให้จริงเถอะ..แล้วทำไมต้องรีบไปด้วย..ไม่อยู่คุยกันก่อน
    จักกฤษถาม ป้าแพรวถึงกับนิ่ง ก่อนจ้องไปยังโทรทัศน์ที่ยังคงปิดอยู่ จักกฤษหันไปตามสายตาของป้าแพรวอย่างสงสัย ก่อนพูดว่า

    จะรีบกลับไปดูโทรทัศน์
    จักกฤษถามเหมือนจะเข้าใจดี ป้าแพรวยิ้มอายๆก่อนพูดเบาๆว่า

    ค่ะ..คืนนี้เป็นคืนนักร้องลูกทุ่งที่ไม่เคยเห็นตัวตน ได้ยินแต่เสียงมาตลอดให้สัมภาษณ์ค่ะ
    ป้าแพรวพูด จักกฤษรีบหยิบรีโมทขึ้นมากดทันที

    ...........................................


    �� น่าสงสารชีวิตก่อนมีวันนี้นะครับ ผมคิดว่า เพราะความกตัญญู ที่ทำให้น้องวัฒน์มีวันนี้ขึ้นมาได้
    พิธีกรสรุป วัฒน์ยังคงนั่งนิ่ง เมื่อพิธีกรพูดถึงผู้เป็นมารดา

    นั่นซิครับ... สังคมเราทุกวันนี้ มีแต่จ้องจะฉวยโอกาส..หาโอกาสกันมาก มากกว่าจะสร้างความดีและสร้างพลังให้ตัวเองเพื่อวันข้างหน้า นักร้องและดาราจึงดังได้ไม่นาน นี่ก็เป็นอุธาหรณ์สอนใจน้องๆที่จะก้าวขึ้นมาสู่วงการมายาหรือนักร้องนะครับ
    พิธีกรพูดเสนอและสอนในแง่ความคิด ก่อนจะยิ้มให้กัน

    .ผมลืมถามไปเลยพิธีกรอีกคนพูดขึ้นก่อนจะหันมามองหน้าวัฒน์ที่ยังคงนั่งยิ้ม

    บ้านเกิดจริงๆอยู่ที่ไหนหรือครับพิธีกรยิงคำถามที่ไม่น่าลืมจะถาม วัฒน์ยิ้มก่อนพูดว่า

    ผมเป็นคนบ้านนอกครับ อยู่หมู่บ้านทุ่งหว้า

    ���� ......................


    �������������� คำพูดที่ออกมาจากปากวัฒน์ด้วยดวงตาอันเศร้าๆ ทำเอาแก้วถึงกับวางแก้วน้ำลงทันที ก่อนจะหันไปมองจอโทรทัศน์ทันที

    หมู่บ้านทุ่งหว้า
    ยังคงก้องอยู่ในหูอย่างไม่เชื่อตัวเองนัก

    แก้ว..แก้ว.. นกรีบร้องบอก

    บ้านทุ่งหว้า ที่เธอเคยเล่าให้ฉันฟัง
    นกพูดด้วยความตื่นเต้น หากแต่ต้องหยุดทันทีเมื่อหันไปมองแก้วที่จ้องมองไปยังจอโทรทัศน์ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ก่อนนกจะเงียบไปและหันไปดูรายการต่อไปด้วยความสนใจ

    ........................


    ������������ ณ บ้านฟ้าใส


    ���� นั่นไงคะ..เสียงรถคุณพจน์มาแล้วค่ะ

    �ป้าแพรวพูดขึ้นพร้อมๆกับรีบเดินออกไปรับทันทีจักกฤษหันไปมองก่อนจะเบนสายตาดูรายการสัมภาษณ์สดต่อไป

    สวัสีดครับ คุณพ่อ..ยังไม่นอนอีกหรือครับ
    พจน์ถามเมื่อก้าวเท้าเข้ามาในคฤหาสถ์ใหญ่ เห็นผู้เป็นพ่อนั่งอยู่ห้องโถงใหญ่ด้วยรอยยิ้ม


    ยังไม่ง่วงเลยลูก เลยมานั่งดูรายการโทรทัศน์กับป้าแพรว จักกฤษพูดด้วยรอยยิ้ม

    สวัสดีค่ะพ่อเสียงหวานใสของจีน่าดังขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มหวาน

    “อ้าวลูกจีน่า..ไม่เห็นบอกพ่อก่อนเลย..นั่งก่อนลูก
    จักกฤษหนุ่มใหญ่พูดขึ้นด้วยความเป็นกันเองก่อนจะรีบนั่งตัวตรงบนเก้าอี้ตัวโต จีน่าหันมายิ้มให้พจน์ ก่อนจะรีบเดินเข้าไปหาจักกฤษทันที


    คิดถึงพ่อนานแล้วค่ะ แต่งานที่บริษัทยุ่งเหลือเกิน เลยไม่ค่อยได้มีโอกาส วันนี้ว่างเลยมาหาพ่อเลยค่ะ จีน่าพูดด้วยรอยยิ้มน่ารัก ป้าแพรวยกน้ำมาวางไว้บนโต๊ะ

    เชิญดื่มน้ำก่อนค่ะ คุณจีน่า�ป้าแพรวพูดก่อนจะส่งยิ้มให้

    ขอบคุณป้าแพวนะคะ
    จีน่ากล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้มพลางหันไปมองพจน์ซึ่งยังคงยืนคุยโทรศัพท์อยู่ข้างนอก


    พ่อดูรายการอะไรอยู่คะ
    จีน่าถามเมื่อวางแก้วน้ำลงค่อยๆ จักกฤษเบนสายตาจากโทรทัศน์หันมายิ้ม พลางพูดว่า

    ดูรายการสัมภาษณ์นักร้อง น่าสงสารลูก จักกฤษพูดก่อนจะหันไปดูโทรทัศน์ต่อไป จีน่ารู้สึกซาบซึ้งในความมีเมตตาของจักกฤษ

    นักร้องคนนี้ เสียงเพราะมาก ป้าฟังเพลงทางรายการวิทยุทุกคืนค่ะ แต่ไม่เคยมีใครเห็นตัวตน วันนี้แหละค่ะ เพิ่งเห็นตัวนักร้อง
    ป้าแพรวอธิบายอย่างชัดเจน จีน่าหันตามมามองรายการอย่างสนใจเช่นกัน

    อ้าว..นั่งนิ่งกันหมดเลย พจน์พูดขึ้นก่อนจะเดินมาที่เก้าอี้ตัวโต
    จักกฤษยิ้มก่อนพูดว่า

    พจน์..ลูกจำได้ไหมลูก เมื่อหลายปีก่อน
    จักกฤษพูดขึ้นเมื่อพจน์เดินเข้ามา

    ทำไมหรือครับพ่อ พจน์ถามด้วยความงง เมื่อถูกผู้เป็นพ่อถามขึ้น

    นี่ไง นักร้องที่เราเคยไปเชียร์ลูกแก้วนะลูก.. เป็นคนเดียวกันหรือเปล่า พ่อจำไม่ได้นะ
    จักกฤษพูดขึ้นด้วยความสงสัย พจน์ถึงกับนั่งลงทันที ก่อนจะจ้องมองไปยังรายการสัมภาษณ์อย่างตั้งใจ

    ไม่ทราบครับพ่อ เมื่อก่อนเด็กนะครับ ผมจำไม่ได้แล้วหละ
    พจน์พูดตอบก่อนจะยกน้ำขึ้นดื่ม

    แต่เมื่อตะกี้เขาบอกว่าเป็นคนหมู่บ้านอะไระ พ่อจำได้ว่า ทุ่งอะไรสักอย่างนี้แหละ
    จักกฤษทำท่าคิดก่อนจะเงียบไป

    ทุ่งหว้าค่ะป้าแพรวรีบเสริมขึ้นทันที

    อืม..ใช่แล้วลูก ทุ่งหว้า

    จักกฤษพูดด้วยเสียงดังเมื่อนึกขึ้นได้ พจน์ถึงกับหน้าซีดเผือดวางเสื้อสูทลงบนเก้าอี้ทันที ก่อนจะตั้งใจดูรายการอีกคน จีน่ารู้สึกแปลกใจและไม่รู้เรื่องราวเมื่ออดีตดีนักก่อนจะมองทุกคนด้วยสีหน้าไม่เข้าใจในสิ่งที่ทุกคนพูดกัน

    .................................

    ����������
    ได้ข่าวว่า น้องวัฒน์เป็นตัวแทนประกวดร้องเพลงของโรงเรียนระดับประถมมาก่อนใช่ไหมครับ พิธีกรพูดถามด้วยรอยยิ้ม

    ครับผม ..ผมได้เป็นตัวแทนของโรงเรียนบ้านทุ่งหว้าและได้ไปซ้อมร้องเพลงกับโรงเรียนบ้านทุ่งขี้ไก่ครับ
    วัฒน์ตอบด้วยสีหน้าเศร้าๆ เมื่อเอ่ยถึงหมู่บ้านของคนที่จากวัฒน์ไปนานเหลือเกิน

    ................................


    ��� แก้วถึงกับน้ำตาไหลพราก ความเศร้าในอดีตเข้ามาปกคลุมความรู้สึกอีกครั้ง
    บ้านทุ่งขี้ไก่
    อดีตวันวานของบ้านเกิดเมืองนอนผุดขึ้นมาอีกครั้ง อย่างห้ามไว้ไม่ได้

    .............................


    ���������� ผมมีรูปที่ทุกคนจะได้รับรู้ว่า เป็นรูปที่น้องวัฒน์รักมาก
    พิธีกรเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม��วัฒน์ถึงกับนิ่งอึ้งไปพักใหญ่สีหน้าเปลี่ยนเป็นแดงทันทีเมื่อโดนลูกเล่นของพิธีกรพูดขึ้น


    จริงซิครับ..น้องวัฒน์มีของที่รักและเป็นกำลังใจด้วย
    พิธีกรอีกคนพูดก่อนจะหันมามองวัฒน์วัฒน์ยิ้มสีหน้าแห้งๆด้วยความงง ไม่คิดว่าจะมีการนำสิ่งที่ตัวเองเก็บไว้ออกมาโชว์ทันใดนั้นพิธีกรลุกขึ้นยืนก่อนพูดว่า

    ผมแอบไปถามผู้ที่ผลักดันให้น้องวัฒน์มีวันนี้ขึ้นมา ท่านบอกว่า
    พิธีกรพูดก่อนจะหันไปมองวัฒน์ที่ยังคงนั่งตะลึงทำสีหน้าไม่ถูกว่าพีธีกรหมายถึงอะไร


    และนี่คือสิ่งที่น้องวัฒน์หวงที่สุดในชีวิตครับ
    พูดพลางโชว์รูปถ่ายสมัยเด็กของวัฒน์และเด็กผู้หญิงอีกคนที่ยืนอยู่ในชุดสีครีมน่ารัก

    �� .............................


    ��������� แก้ว...

    พจน์เอ่ยขึ้นด้วยความตะลึงงัน มือไม้เย็นเฉียบ�

    แก้ว..
    เสียงอุทานดังขึ้นอีก ก่อนจะหันไปมองผู้เป็นพ่อด้วยสีหน้าเศร้าๆ สองพ่อลูกมองหน้ากันด้วยความเข้าใจ

    .....................


    ���������� วัฒน์

    แก้วอุทานออกมาเบาๆน้ำตาไหลอาบแก้ม มือไม้สั่นเทาหากแต่สายตายังคงจับจ้องหน้าวัฒน์อย่างไม่กระพริบตา

    แก้ว..นั่นรูปเธอตอนเด็กใช่ไหม
    นกถามขึ้นด้วยเสียงเศร้าๆเมื่อเห็นแก้วนั่งน้ำตานองหน้าด้วยความคิดถึง ไม่มีคำตอบจากแก้ว นอกจากหันมามองนกด้วยดวงตาอันเศร้า

    แก้ว..ทำใจดีๆ.." นกรีบเดินมานั่งใกล้แก้วอย่างเข้าใจ

    แก้ว..ฉันเข้าใจเธอ..”�
    �...........................................................................................................................................................................
    ��������������������������������������
    ������������������������������������� �����การรอคอย แม้เป็นสิ่งทรมาน หากแต่ยังหวานสำรับผู้ที่รอ
    ����������������������������������������������� แม้บางครั้งผลการรอ คือความว่างเปล่าจากผู้ที่เฝ้ารอ

    �����������������������������������������

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×