คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : แก้วจรัสแสง ตอน วังวนแห่งรัก
บทที่ 20
พจน์ถึงกับน้ำตาร่วงอย่างไม่อายผู้บังเกิดเกล้าอีกต่อไป พร้อมๆกับทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ก้มหน้าเสียงสะอื้นดังขึ้นปานใจจะขาด สร้อยยังคงนิ่งเงียบด้วยอาการตะลึงกับสิ่งที่ผู้เป็นพ่อเล่าด้วยเสียงอันเยือกเย็น
จักกฤษยังคงนิ่งเงียบหากแต่น้ำตายังคงไหลรินอยู่ตลอดเมื่อนึกถึงอดีตที่ร้าวรานระหว่างความรักที่ต้องแลกกับหน้าที่การงานและความต้องการของพ่อแม่ ก่อนจักกฤษจะพูดต่อไปว่า
"แล้ว... พ่อก็ได้เข้าพิธีแต่งงานกับคนที่พ่อไม่เคยคิดจะรัก ถึงแม้ทุกวันนี้จะอยู่กับพ่อมาตลอดก็ตาม ....แต่พ่อก็ยังไม่ลืมบุญคุณที่ทำให้พ่ออยู่ได้จนทุกวันนี้"
จักกฤษพูดพร้อมกับหันไปที่พิจิตราที่ร้องให้โฮออกมาอีกครั้ง
"ฮือ..ฮือ...พี่ค่ะ...อย่าพูดอีกเลย...พอแล้ว...แค่นี้พิจิตราก็บาปมากแล้ว..พอที....พอ..ฮือ..ฮือ.." เสียงร้องพิจิตราดังขึ้น ก่อนจะรีบวิ่งเข้ามากอดขาจักกฤษด้วยน้ำตานองหน้า
"..อย่าพูดอีกเลย...อย่าพูด..อีกเลย...ฮือ...ฮือ.."
จักกฤษยังคงยืนนิ่งมองมายังพิจิตราด้วยความสงสาร
"พิจิตราอย่าร้องเลย..คนเราหนีความจริงไม่พ้น.... ไม่ช้าหรือเร็วมันก็จะต้องเจอ.."
จักกฤษพูดพลางก่อนจะก้มลงนั่งใกล้ๆ เป็นเวลาเดียวกันที่พิจิตราโผเข้ากอดแล้วร้องไห้ปานใจจะขาด คงทิ้งให้สร้อยนั่งนิ่งเงียบตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างตะลึงงัน พจน์ยังคงนั่งก้มหน้าน้ำตาร่วงเผาะ
"คุณผู้ชายครับ หมอเดินทางมาถึงแล้วครับ"
นายชิดเดินเข้ามาพร้อมรีบบอก ก่อนจะนิ่งเงียบเมื่อเห็นเหตุการณ์และสภาพที่ทุกคนกำลังนั่งเครียดพร้อมกับน้ำตา ก่อนจะรีบหันไปทางนุชที่ยังคงนั่งร้องและแก้วซึ่งอยู่ในสภาพที่หมดสติ พจน์รีบลุกขึ้นเดินไปอุ้มแก้วแต่ต้องหยุดทันทีเมื่อผู้เป็นพ่อเอ่ยขึ้น
"ไม่ต้องลูกพจน์ .......วันนี้ขอพ่อขอพูดเป็นครั้งสุดท้ายนะลูก ....อยู่ฟังให้จบ"
จักกฤษพูดพลางหันไปทางชิดที่ยืนรับฟังอย่างเข้าใจก่อนจะรีบอุ้มแก้วเดินไปทันที นุชรีบเดินตามไปด้วยความห่วงใย คงทิ้งไว้ให้สี่พ่อแม่ลูกอยู่กันตามลำพังต่อไป
...................................................
"พิจิตรา...อภัยให้พี่ด้วย..ให้พี่ได้พูดให้ลูกเราสองคนได้รับรู้ความจริง...เพื่อความสบายใจของเรา ซึ่งอีกไม่นานไม่รู้ว่าฉันหรือเธอจะจากโลกนี้ไปก่อนกัน...ขอใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับสิ่งขาดหายไปบ้าง.."
จักกฤษพูดด้วยความรู้สึกที่มาจากส่วนลึกของความรู้สึกจริงๆ พิจิตรานิ่งเงียบเหมือนจะเข้าใจในความต้องการของจักกฤษดี ก่อนจะเงียบไป หากแต่ยังคงกอดจักกฤษไว้แน่
"จนทุกวันนี้.... ความรักของพ่อกับอรผู้ซึ่งเป็นภรรยาของพ่อคนแรกและคนเดียวในชาตินี้ พ่อก็ยังไม่เคยลืม ....พ่อยังรัก... และยังหวงหา ....ถึงแม้พ่อมีคนเคียงข้างมาโดยตลอดก็ตาม และอรทัย ก็คือ..."
จักกฤษนิ่งเงียบก่อนหันมามองพจน์ที่ยังคงก้มหน้านิ่งเหมือนจะรู้ตัวมาก่อน
" คือ .......แม่แท้ๆของลูกพจน์นั่นเอง"
เสียงสะอึกสะอื้นดังออกมาจากพจน์เหมือนใจจะขาดเป็นเสี่ยงๆออกมา ความรักความคิดถึง และความเจ็บปวดอดีตวันวานของแม่เข้าถึงความรู้สึกของพจน์ ก่อนจะเงยหน้ามองมายังผู้เป็นพ่อด้วยดวงตาอันแดงกล่ำ
"พ่อ..."
เสียงเรียกของลูกชายอันเป็นที่รักดังขึ้นเหมือนจะขาดใจไปต่อหน้า จักกฤษน้ำตาเอ่อนองก่อนพูดต่อไปว่า
"ลูกพจน์..พ่อขอโทษ...พ่อขอโทษที่ปิดบังกับลูกตลอดมา..."
น้ำตายังคงไหล ก่อนพูดต่อไป
"พ่อตามหาแม่ของเจ้าตลอดเวลา...แต่ไม่รู้แม่ของลูกหายไปไหน"
จักกฤษพูดก่อนจะนิ่งไปนาน สร้อยถึงกับตะลึงตาค้าง ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนได้ยิน ก่อนจะลุกขึ้น
"ไม่ค่ะ...พ่อโกหก..ให้หนูฟังใช่ไหมคะ...ใช่ไหมคะพ่อ.."
สร้อยพูดตะโกนด้วยเสียงอันดัง พิจิตราปล่อยแขนจากการโอบกอดของจักกฤษ พลางหันมามองผู้เป็นลูก สร้อยพูดด้วยเสียงอันสั่นเทาน้ำตาเต็มเบ้าตา มือกำไว้แน่น ก่อนพูดว่า
"แม่คะ...แล้วสร้อย...สร้อย..เป็นลูกใครคะแม่"
สร้อยพูดพลางตบอกตัวเองเหมือนคนบ้าคลั่ง พิจิตราลุกขึ้นเข้าไปกอดสร้อยด้วยความสงสารลูก
"สร้อย..สร้อย ฟังแม่ก่อนนะลูก"
พิจิตราน้ำตาไหลไม่หยุดก่อนจะเดินเข้าไปหาสร้อย
"ไม่ค่ะแม่...สร้อยอยากรู้..ว่าสร้อยเป็นลูกใคร..ตอบมาสิแม่"
สร้อยเดินเข้าไปจับไหล่พิจิตราก่อนจะเขย่าอย่างแรง พิจิตราน้ำตาไหลพรากไม่มีคำตอบให้กับลูกตัวเอง ก่อนจะใช้แขนโอบรัดลูกเอาไว้ พร้อมๆกับปล่อยโฮออกมาทันที
" อย่าไปปรักปรำแม่เลยลูกสร้อย....ก็ลูกเองไม่ใช่เหรอที่ทำให้มีวันนี้ขึ้นมา"
จักกฤษพูดย้อนถามสร้อย ด้วยความนิ่งเงียบ
"ทุกอย่างที่พ่อให้กับลูกมา แม้การศึกษาหรือทุกอย่าง...แต่ก็ไม่ดีในสายตาลูกเสมอ.."
จักกฤษพูดก่อนจะลุกขึ้นเดินมาที่สร้อย
"เอาละ..เมื่อลูกต้องการทราบความเป็นจริงพ่อก็จะบอกให้..แต่ขอให้ลูกรู้ไว้ด้วยว่า บ้านหลังนี้ก็ยังเป็นบ้านของลูกอยู่เสมอและเช่นกันกับทุกคนในบ้านหลังนี้ ยังเหมือนเดิมสำหรับลูกเสมอ" จักกฤษพูด สร้อยยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาตัวเอง ก่อนจะหันมาจ้องผู้เป็นพ่อนิ่งเงียบ
"พ่อคะ...บอกหนูมาเถอะค่ะพ่อ...หนูรับได้..."
สร้อยพูดพลางกำมือตัวเองไว้แน่น สีหน้าและแววตาอ่อนไหวลงทันที น้ำตายังคงไหล อาบแก้ม จักกฤษจ้องมองลูกสาวด้วยแววตารักและสงสารลูกเหลือเกินที่ต้องทำอย่างนี้ แต่เพราะลูกเองเป็นผู้เลือกทางเดิน คงไม่มีประโยชน์อีกต่ อไปที่จะรั้งและปิดบังความจริงเอาไว้ ก่อนจะเข้ามาโอบกอดสร้อย น้ำตาไหลอาบแก้มพร้อมกับเสียงสะอื้นเมื่อซบลงบนหน้าอกของผู้เป็นพ่ออีกครั้ง
"ลูกสร้อย..พ่อรักลูกมาก..และรักเหมือนที่พ่อรักพี่ชายของลูก หรืออาจมากกว่านั้น..เพราะลูกเป็นผู้หญิง..และเป็นเพศที่เสียเปรียบอยู่เสมอ..ลูกเข้าใจไหม"
.........................
"นี่ไงว่าทีเจ้าสาวของลูก"
ผู้เป็นแม่จักกฤษพูดขึ้นพร้อมกับร่างหญิงสาวสวยเพรียบพร้อมไปด้วยความเป็นผู้ดี ยืนมองจักกฤษนิ่ง หากแต่จักกฤษยังคงนิ่งเฉยเหมือนไม่มีความรู้สึกใดๆ
"น้องเค้าชื่อพิจิตรานะจักกฤษ"
ผู้เป็นแม่แนะนำก่อนที่พิจิตราจะยกมือไหว้ หากแต่พิจิตราน้ำตาไหลอาบแก้มเหมือนมีเรื่องทุกข์ใจมาเหมือนกัน และแล้วเราสองคนก็ได้เข้าพิธีวิวาห์อย่างสมเกียรติ
" ความจริงถูกเปิดขึ้นเมื่อ วันหนึ่งมีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาหาพ่อ ที่บริษัทแล้วพูดว่า"
จักกฤษเล่าต่ออดีตวันวานที่ยังฝังใจมาตลอด และวันที่ต้องพูดความจริงก็เพราะคำสบประมาทคำนี้ที่ยังดังก้องหูอยู่ตลอดมา
" มึงใช่ไหม..ที่ชื่อจักกฤษผัวอีจิตรา..."
จักกฤษนิ่งเงียบเพราะไม่เคยรู้จักผู้ชายคนนี้ ก่อนจะรีบขึ้นรถทันที แต่ก่อนประตูจะปิด ผู้ชายคนนี้ก็พูดขึ้นว่า.
"มึงจำเอาไว้นะ ลูกของกูยังไงก็เป็นลูกของกูอยู่วันยังค่ำ"
ก่อนจะปิดประตูรถเสียงดังด้วยความโกรธ
"และต่อมาไม่นานความจริงก็ถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อ......"
จักกฤษพูดด้วยความข่มขื่นใจที่สุด ก่อนจะพูดต่อไปด้วยเสียงแผ่วเบา..... หากแต่ต้องหยุดลงทันทีเมื่อ พิจิตราร้องตะโกนขึ้น
"หยุดเถอะพี่...พิจิตราขอร้อง ฮือ..ฮือ...พิจิตราไม่ดีเอง....ฮือ..ฮือ..."
พิจิตราพูดก่อนจะลุกขึ้นยืน สภาพร่างกายดูทรุดโทรมลงมาก น้ำตาไหลอาบแก้วอยู่ตลอดเวลา ก่อนจะ มองมาที่สร้อยด้วยความเสียใจที่สุด
"ลูกสร้อย....ลูกฟังแม่ละลูก..เรื่องทั้งหมด..แม่เป็นคนผิด...และแม่ผิดเอง...ฮือ..ฮือ..
พิจิตราพูดพร้อมกับเสียงร้องไห้ลั่น....สร้อยยังคงร้องไห้ก่อนเดินเข้ามาหาพิจิตรา สายตาของสร้อยยังคงแข็งกร้าว หากแต่น้ำตายังคงมีให้เห็น
"แม่ค่...อย่าปิดบังเลยค่ะแม่...บอกหนูมานะค่...ใครคือพ่อของหนู...หนูรับได้..เพราะหนูรู้ตัวเองมาตลอด..ทำไมความรู้สึกของหนูถึงไม่เหมือนกับพี่พจน์....หนูเป็นลูกใครกัน..ฮือ...ฮือ...บอกหนูมาเถอค่ะแม่........"
ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งกอดขาผู้เป็นแม่ด้วยความเศร้าใจยิ่งนัก..............พิจิตราค่อยๆนั่งลงใกล้ๆลูกสาวผู้เป็นที่รัก ทั้งสองต่างร้องไห้ปานใจจะขาด และคงไม่ต่างจากพจน์ที่ยังคงนั่งร้องไห้ ก่อนที่จักกฤษจะเดินเข้ามาประคองไหลลูกชายเอาไว้ พจน์เงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นพ่อ น้ำตาไหลพรากด้วยเหตุผลใดไม่อาจรู้ได้
...........................................................................................
หนึ่งปีต่อมา
"พี่ไม่สิทธิ์ที่จะห้ามใครได้......แม้แต่ตัวพี่เอง..."
เสียงพูดอันเศร้าดังออกมาจากหนุ่มร่างสูงด้วยใบหน้าอันทุกข์ใจ หากแต่สาวน้อยยังคงก้มหน้านิ่งไม่มีเสียงตอบรับใดๆ
" แก้ว...น้องคิดดีแล้วใช่ไหม...ที่จะจากที่นี่ไป...."
สิ้นเสียงคำพูดจักกฤษหันหน้ากลับมายังแก้วที่ยังคงยืนหันหลังให้ มีความเงียบและสายลมเย็นๆยามค่ำคืนพัดผ่านกระทบผิวหนังเรียกความรู้สึกจากห้วงความเศร้าลงได้บ้าง
"พี่คงไม่รบกวน แก้วมากไปกว่านี้แล้ว...ขอให้แก้วโชคดีในการเดินทางวันพรุ่งนี้นะ...."
ก่อนจะรีบเดินจากแก้วที่ยังคงยืนนิ่งไปทันที... เสียงก้าวเท้าของพจน์เดินจากไป ยิ่งบีบหัวใจของสาวน้อยให้อึดอัดมากยิ่งขึ้น น้ำตาคลอเต็มเบ้าตา ก่อนจะหันมามองผู้เป็นพี่ชายที่เดินจากไป
"พี่คะ......"
ก่อนจะรีบวิ่งไปยังร่างที่ยังคงเดินมุ่งกลับไปยังตึกใหญ่ พลางรวบแขนกอดรัดซบใบหน้าอันขาวนวลลงบนแผ่นหลังอันกว้างของพจน์ด้วยความรัก ............พจน์หยุดนิ่ง
ความรู้สึกของหัวใจ และทุกส่วนของสายเลือดแห่งรัก สัมผัสผ่านความรู้สึกด้วยการโอบกอด แทนคำพูดใดๆ ที่อยากจะเอ่ย ทั้งสองอยู่ในความเงียบมีเพียงเสียงร้องกระซิกจากแก้วเบาๆอยู่ตลอดเวลา
ก่อนพจน์จะยกมือขึ้นจับแขนแก้วที่ยังคงรัดแน่นด้วยความรัก ความรู้สึกเบาหวิวเกิดขึ้นกับพจน์เกินกว่าที่จะรั้งน้ำตาไว้ได้อีกต่อไป น้ำตาอันใสสะอาดหยดลงบนแขนแก้วอย่างไม่เจตนา
เสียงร้องกระซิกของแก้วหายไปชั่วขณะเมื่อรับรู้ถึงน้ำตาที่หยดลงบนแขน ก่อนจะยิ่งรัดผู้เป็นพี่ชายพร้อมกับเสียงร้องปานใจจะขาด
"พี่คะ...แก้ว..แก้ว"
ก่อนจะพูดอะไรมากไปกว่านั้น พจน์รีบหันตัวเองกลับมารัดกอดแก้วไว้ในอ้อมอกอย่างสุดจะห้ามใจ
...................................................
"ก๊อกๆ"
เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมๆกับร่างพยาบาลสาวเดินเข้ามาหา แก้ว
"มีอะไรหรือคะ"
แก้วเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะปิดแฟ้มเอกสารลงเบาๆ
"คุณหมอคะ..มีคนไข้รายใหม่เข้ามาค่ะ...ดูท่าทางอาการหนัก.."
ผู้เป็นพยาบาลสาวกล่าวรายงาน
"ค่ะ..งั้นรอสักครู่นะคะ..เดี๋ยวจะตามไปค่ะ"
แก้วพูดด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่พยาบาลสาวจะรีบเดินออกไปทันที เสียงประตูปิด พร้อมกับแก้วเปิดแฟ้มเอกสารขึ้นมา ก่อนจะยิ้มเศร้าๆ
"พี่คะ....ป่านนี้พี่เป็นไงบ้างคะ..."
แก้วมองรูปของหนุ่มหล่อในชุดสบายๆอยู่กับบ้านลงในลิ้นชักทันที พลางถอนหายใจ
"ไม่ว่ากี่ปี..แก้วก็ยังรักและเคารพพี่อยู่เสมอ"
แก้วพูดกับตัวเองก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดพร้อมๆกำลังใจที่มีทุกครั้ง หากได้ดูรูปของพจน์ พี่ชายที่จากกันมาแรมปี ก่อนจะเดินออกจากห้องไปทันที
ความรักยังคงอยู่ในใจเสมอและตลอดไป
หากเยื่อใยในรักยังคงแน่นแฟ้นด้วยความเข้าใจ
ความคิดเห็น