ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แก้วจรัสแสง ตอน วังวนแห่งรัก

    ลำดับตอนที่ #20 : แก้วจรัสแสง ตอน วังวนแห่งรัก

    • อัปเดตล่าสุด 30 ก.ย. 55


                                                                             บทที่ 20


         พจน์ถึงกับน้ำตาร่วงอย่างไม่อายผู้บังเกิดเกล้าอีกต่อไป พร้อมๆกับทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ก้มหน้าเสียงสะอื้นดังขึ้นปานใจจะขาด สร้อยยังคงนิ่งเงียบด้วยอาการตะลึงกับสิ่งที่ผู้เป็นพ่อเล่าด้วยเสียงอันเยือกเย็น
         
           
    จักกฤษยังคงนิ่งเงียบหากแต่น้ำตายังคงไหลรินอยู่ตลอดเมื่อนึกถึงอดีตที่ร้าวรานระหว่างความรักที่ต้องแลกกับหน้าที่การงานและความต้องการของพ่อแม่  ก่อนจักกฤษจะพูดต่อไปว่า
     

    "แล้ว... พ่อก็ได้เข้าพิธีแต่งงานกับคนที่พ่อไม่เคยคิดจะรัก ถึงแม้ทุกวันนี้จะอยู่กับพ่อมาตลอดก็ตาม ....แต่พ่อก็ยังไม่ลืมบุญคุณที่ทำให้พ่ออยู่ได้จนทุกวันนี้" 
    จักกฤษพูดพร้อมกับหันไปที่พิจิตราที่ร้องให้โฮออกมาอีกครั้ง
     

    "ฮือ..ฮือ...พี่ค่ะ...อย่าพูดอีกเลย...พอแล้ว...แค่นี้พิจิตราก็บาปมากแล้ว..พอที....พอ..ฮือ..ฮือ.." เสียงร้องพิจิตราดังขึ้น ก่อนจะรีบวิ่งเข้ามากอดขาจักกฤษด้วยน้ำตานองหน้า
     

    "..อย่าพูดอีกเลย...อย่าพูด..อีกเลย...ฮือ...ฮือ.."
    จักกฤษยังคงยืนนิ่งมองมายังพิจิตราด้วยความสงสาร 


    "พิจิตราอย่าร้องเลย..คนเราหนีความจริงไม่พ้น.... ไม่ช้าหรือเร็วมันก็จะต้องเจอ.."
    จักกฤษพูดพลางก่อนจะก้มลงนั่งใกล้ๆ เป็นเวลาเดียวกันที่พิจิตราโผเข้ากอดแล้วร้องไห้ปานใจจะขาด คงทิ้งให้สร้อยนั่งนิ่งเงียบตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างตะลึงงัน พจน์ยังคงนั่งก้มหน้าน้ำตาร่วงเผาะ


       "คุณผู้ชายครับ หมอเดินทางมาถึงแล้วครับ"   

    นายชิดเดินเข้ามาพร้อมรีบบอก ก่อนจะนิ่งเงียบเมื่อเห็นเหตุการณ์และสภาพที่ทุกคนกำลังนั่งเครียดพร้อมกับน้ำตา   ก่อนจะรีบหันไปทางนุชที่ยังคงนั่งร้องและแก้วซึ่งอยู่ในสภาพที่หมดสติ พจน์รีบลุกขึ้นเดินไปอุ้มแก้วแต่ต้องหยุดทันทีเมื่อผู้เป็นพ่อเอ่ยขึ้น


    "ไม่ต้องลูกพจน์ .......วันนี้ขอพ่อขอพูดเป็นครั้งสุดท้ายนะลูก ....อยู่ฟังให้จบ" 
    จักกฤษพูดพลางหันไปทางชิดที่ยืนรับฟังอย่างเข้าใจก่อนจะรีบอุ้มแก้วเดินไปทันที นุชรีบเดินตามไปด้วยความห่วงใย คงทิ้งไว้ให้สี่พ่อแม่ลูกอยู่กันตามลำพังต่อไป

    ...................................................



          "พิจิตรา...อภัยให้พี่ด้วย..ให้พี่ได้พูดให้ลูกเราสองคนได้รับรู้ความจริง...เพื่อความสบายใจของเรา ซึ่งอีกไม่นานไม่รู้ว่าฉันหรือเธอจะจากโลกนี้ไปก่อนกัน...ขอใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับสิ่งขาดหายไปบ้าง.."

     จักกฤษพูดด้วยความรู้สึกที่มาจากส่วนลึกของความรู้สึกจริงๆ  พิจิตรานิ่งเงียบเหมือนจะเข้าใจในความต้องการของจักกฤษดี ก่อนจะเงียบไป หากแต่ยังคงกอดจักกฤษไว้แน่


           "จนทุกวันนี้.... ความรักของพ่อกับอรผู้ซึ่งเป็นภรรยาของพ่อคนแรกและคนเดียวในชาตินี้ พ่อก็ยังไม่เคยลืม ....พ่อยังรัก... และยังหวงหา ....ถึงแม้พ่อมีคนเคียงข้างมาโดยตลอดก็ตาม และอรทัย ก็คือ..."
          
     จักกฤษนิ่งเงียบก่อนหันมามองพจน์ที่ยังคงก้มหน้านิ่งเหมือนจะรู้ตัวมาก่อน

     
    " คือ .......แม่แท้ๆของลูกพจน์นั่นเอง" 

            เสียงสะอึกสะอื้นดังออกมาจากพจน์เหมือนใจจะขาดเป็นเสี่ยงๆออกมา ความรักความคิดถึง และความเจ็บปวดอดีตวันวานของแม่เข้าถึงความรู้สึกของพจน์ ก่อนจะเงยหน้ามองมายังผู้เป็นพ่อด้วยดวงตาอันแดงกล่ำ 


    "พ่อ..." 
    เสียงเรียกของลูกชายอันเป็นที่รักดังขึ้นเหมือนจะขาดใจไปต่อหน้า จักกฤษน้ำตาเอ่อนองก่อนพูดต่อไปว่า


    "ลูกพจน์..พ่อขอโทษ...พ่อขอโทษที่ปิดบังกับลูกตลอดมา..."
     น้ำตายังคงไหล ก่อนพูดต่อไป
     

    "พ่อตามหาแม่ของเจ้าตลอดเวลา...แต่ไม่รู้แม่ของลูกหายไปไหน" 
    จักกฤษพูดก่อนจะนิ่งไปนาน สร้อยถึงกับตะลึงตาค้าง ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนได้ยิน ก่อนจะลุกขึ้น
     

    "ไม่ค่ะ...พ่อโกหก..ให้หนูฟังใช่ไหมคะ...ใช่ไหมคะพ่อ.."
    สร้อยพูดตะโกนด้วยเสียงอันดัง  พิจิตราปล่อยแขนจากการโอบกอดของจักกฤษ พลางหันมามองผู้เป็นลูก   สร้อยพูดด้วยเสียงอันสั่นเทาน้ำตาเต็มเบ้าตา มือกำไว้แน่น ก่อนพูดว่า
     

    "แม่คะ...แล้วสร้อย...สร้อย..เป็นลูกใครคะแม่"
    สร้อยพูดพลางตบอกตัวเองเหมือนคนบ้าคลั่ง พิจิตราลุกขึ้นเข้าไปกอดสร้อยด้วยความสงสารลูก 

    "สร้อย..สร้อย ฟังแม่ก่อนนะลูก"
    พิจิตราน้ำตาไหลไม่หยุดก่อนจะเดินเข้าไปหาสร้อย


    "ไม่ค่ะแม่...สร้อยอยากรู้..ว่าสร้อยเป็นลูกใคร..ตอบมาสิแม่"
    สร้อยเดินเข้าไปจับไหล่พิจิตราก่อนจะเขย่าอย่างแรง พิจิตราน้ำตาไหลพรากไม่มีคำตอบให้กับลูกตัวเอง ก่อนจะใช้แขนโอบรัดลูกเอาไว้ พร้อมๆกับปล่อยโฮออกมาทันที 


     " อย่าไปปรักปรำแม่เลยลูกสร้อย....ก็ลูกเองไม่ใช่เหรอที่ทำให้มีวันนี้ขึ้นมา" 
    จักกฤษพูดย้อนถามสร้อย ด้วยความนิ่งเงียบ


    "ทุกอย่างที่พ่อให้กับลูกมา แม้การศึกษาหรือทุกอย่าง...แต่ก็ไม่ดีในสายตาลูกเสมอ.."
    จักกฤษพูดก่อนจะลุกขึ้นเดินมาที่สร้อย
     

    "เอาละ..เมื่อลูกต้องการทราบความเป็นจริงพ่อก็จะบอกให้..แต่ขอให้ลูกรู้ไว้ด้วยว่า บ้านหลังนี้ก็ยังเป็นบ้านของลูกอยู่เสมอและเช่นกันกับทุกคนในบ้านหลังนี้ ยังเหมือนเดิมสำหรับลูกเสมอ"  จักกฤษพูด สร้อยยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาตัวเอง ก่อนจะหันมาจ้องผู้เป็นพ่อนิ่งเงียบ

    "พ่อคะ...บอกหนูมาเถอะค่ะพ่อ...หนูรับได้..."

    สร้อยพูดพลางกำมือตัวเองไว้แน่น สีหน้าและแววตาอ่อนไหวลงทันที น้ำตายังคงไหล อาบแก้ม จักกฤษจ้องมองลูกสาวด้วยแววตารักและสงสารลูกเหลือเกินที่ต้องทำอย่างนี้ แต่เพราะลูกเองเป็นผู้เลือกทางเดิน คงไม่มีประโยชน์อีกต่ อไปที่จะรั้งและปิดบังความจริงเอาไว้  ก่อนจะเข้ามาโอบกอดสร้อย น้ำตาไหลอาบแก้มพร้อมกับเสียงสะอื้นเมื่อซบลงบนหน้าอกของผู้เป็นพ่ออีกครั้ง


    "ลูกสร้อย..พ่อรักลูกมาก..และรักเหมือนที่พ่อรักพี่ชายของลูก หรืออาจมากกว่านั้น..เพราะลูกเป็นผู้หญิง..และเป็นเพศที่เสียเปรียบอยู่เสมอ..ลูกเข้าใจไหม" 

    .........................


       "นี่ไงว่าทีเจ้าสาวของลูก"

           ผู้เป็นแม่จักกฤษพูดขึ้นพร้อมกับร่างหญิงสาวสวยเพรียบพร้อมไปด้วยความเป็นผู้ดี ยืนมองจักกฤษนิ่ง หากแต่จักกฤษยังคงนิ่งเฉยเหมือนไม่มีความรู้สึกใดๆ

    "น้องเค้าชื่อพิจิตรานะจักกฤษ" 
    ผู้เป็นแม่แนะนำก่อนที่พิจิตราจะยกมือไหว้ หากแต่พิจิตราน้ำตาไหลอาบแก้มเหมือนมีเรื่องทุกข์ใจมาเหมือนกัน และแล้วเราสองคนก็ได้เข้าพิธีวิวาห์อย่างสมเกียรติ


     " ความจริงถูกเปิดขึ้นเมื่อ วันหนึ่งมีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาหาพ่อ ที่บริษัทแล้วพูดว่า"
    จักกฤษเล่าต่ออดีตวันวานที่ยังฝังใจมาตลอด และวันที่ต้องพูดความจริงก็เพราะคำสบประมาทคำนี้ที่ยังดังก้องหูอยู่ตลอดมา

    "
    มึงใช่ไหม..ที่ชื่อจักกฤษผัวอีจิตรา..." 
    จักกฤษนิ่งเงียบเพราะไม่เคยรู้จักผู้ชายคนนี้ ก่อนจะรีบขึ้นรถทันที แต่ก่อนประตูจะปิด ผู้ชายคนนี้ก็พูดขึ้นว่า.


    "มึงจำเอาไว้นะ ลูกของกูยังไงก็เป็นลูกของกูอยู่วันยังค่ำ"
    ก่อนจะปิดประตูรถเสียงดังด้วยความโกรธ  


    "และต่อมาไม่นานความจริงก็ถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อ......"   
    จักกฤษพูดด้วยความข่มขื่นใจที่สุด ก่อนจะพูดต่อไปด้วยเสียงแผ่วเบา..... หากแต่ต้องหยุดลงทันทีเมื่อ พิจิตราร้องตะโกนขึ้น
     

    "หยุดเถอะพี่...พิจิตราขอร้อง ฮือ..ฮือ...พิจิตราไม่ดีเอง....ฮือ..ฮือ..."
    พิจิตราพูดก่อนจะลุกขึ้นยืน สภาพร่างกายดูทรุดโทรมลงมาก น้ำตาไหลอาบแก้วอยู่ตลอดเวลา ก่อนจะ มองมาที่สร้อยด้วยความเสียใจที่สุด
     

    "ลูกสร้อย....ลูกฟังแม่ละลูก..เรื่องทั้งหมด..แม่เป็นคนผิด...และแม่ผิดเอง...ฮือ..ฮือ..
     
    พิจิตราพูดพร้อมกับเสียงร้องไห้ลั่น....สร้อยยังคงร้องไห้ก่อนเดินเข้ามาหาพิจิตรา สายตาของสร้อยยังคงแข็งกร้าว หากแต่น้ำตายังคงมีให้เห็น
     

    "แม่ค่...อย่าปิดบังเลยค่ะแม่...บอกหนูมานะค่...ใครคือพ่อของหนู...หนูรับได้..เพราะหนูรู้ตัวเองมาตลอด..ทำไมความรู้สึกของหนูถึงไม่เหมือนกับพี่พจน์....หนูเป็นลูกใครกัน..ฮือ...ฮือ...บอกหนูมาเถอค่ะแม่........"

           ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งกอดขาผู้เป็นแม่ด้วยความเศร้าใจยิ่งนัก..............พิจิตราค่อยๆนั่งลงใกล้ๆลูกสาวผู้เป็นที่รัก ทั้งสองต่างร้องไห้ปานใจจะขาด และคงไม่ต่างจากพจน์ที่ยังคงนั่งร้องไห้ ก่อนที่จักกฤษจะเดินเข้ามาประคองไหลลูกชายเอาไว้ พจน์เงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นพ่อ น้ำตาไหลพรากด้วยเหตุผลใดไม่อาจรู้ได้

    ...........................................................................................

                                                    

                                                           หนึ่งปีต่อมา 

        
    "พี่ไม่สิทธิ์ที่จะห้ามใครได้......แม้แต่ตัวพี่เอง..." 

    เสียงพูดอันเศร้าดังออกมาจากหนุ่มร่างสูงด้วยใบหน้าอันทุกข์ใจ หากแต่สาวน้อยยังคงก้มหน้านิ่งไม่มีเสียงตอบรับใดๆ 


    " แก้ว...น้องคิดดีแล้วใช่ไหม...ที่จะจากที่นี่ไป...."
     

     สิ้นเสียงคำพูดจักกฤษหันหน้ากลับมายังแก้วที่ยังคงยืนหันหลังให้   มีความเงียบและสายลมเย็นๆยามค่ำคืนพัดผ่านกระทบผิวหนังเรียกความรู้สึกจากห้วงความเศร้าลงได้บ้าง
     

    "พี่คงไม่รบกวน แก้วมากไปกว่านี้แล้ว...ขอให้แก้วโชคดีในการเดินทางวันพรุ่งนี้นะ...." 

          ก่อนจะรีบเดินจากแก้วที่ยังคงยืนนิ่งไปทันที... เสียงก้าวเท้าของพจน์เดินจากไป ยิ่งบีบหัวใจของสาวน้อยให้อึดอัดมากยิ่งขึ้น น้ำตาคลอเต็มเบ้าตา ก่อนจะหันมามองผู้เป็นพี่ชายที่เดินจากไป


    "พี่คะ......" 

    ก่อนจะรีบวิ่งไปยังร่างที่ยังคงเดินมุ่งกลับไปยังตึกใหญ่ พลางรวบแขนกอดรัดซบใบหน้าอันขาวนวลลงบนแผ่นหลังอันกว้างของพจน์ด้วยความรัก ............พจน์หยุดนิ่ง


           ความรู้สึกของหัวใจ และทุกส่วนของสายเลือดแห่งรัก สัมผัสผ่านความรู้สึกด้วยการโอบกอด แทนคำพูดใดๆ ที่อยากจะเอ่ย ทั้งสองอยู่ในความเงียบมีเพียงเสียงร้องกระซิกจากแก้วเบาๆอยู่ตลอดเวลา 
     
         ก่อนพจน์จะยกมือขึ้นจับแขนแก้วที่ยังคงรัดแน่นด้วยความรัก ความรู้สึกเบาหวิวเกิดขึ้นกับพจน์เกินกว่าที่จะรั้งน้ำตาไว้ได้อีกต่อไป น้ำตาอันใสสะอาดหยดลงบนแขนแก้วอย่างไม่เจตนา

          เสียงร้องกระซิกของแก้วหายไปชั่วขณะเมื่อรับรู้ถึงน้ำตาที่หยดลงบนแขน ก่อนจะยิ่งรัดผู้เป็นพี่ชายพร้อมกับเสียงร้องปานใจจะขาด
     

    "พี่คะ...แก้ว..แก้ว" 
    ก่อนจะพูดอะไรมากไปกว่านั้น พจน์รีบหันตัวเองกลับมารัดกอดแก้วไว้ในอ้อมอกอย่างสุดจะห้ามใจ

     ...................................................

    "ก๊อกๆ"

        เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมๆกับร่างพยาบาลสาวเดินเข้ามาหา แก้ว
     

    "มีอะไรหรือคะ" 

         แก้วเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะปิดแฟ้มเอกสารลงเบาๆ
     

    "คุณหมอคะ..มีคนไข้รายใหม่เข้ามาค่ะ...ดูท่าทางอาการหนัก.." 
    ผู้เป็นพยาบาลสาวกล่าวรายงาน
     

    "ค่ะ..งั้นรอสักครู่นะคะ..เดี๋ยวจะตามไปค่ะ"

          แก้วพูดด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่พยาบาลสาวจะรีบเดินออกไปทันที เสียงประตูปิด พร้อมกับแก้วเปิดแฟ้มเอกสารขึ้นมา ก่อนจะยิ้มเศร้าๆ

     

     "พี่คะ....ป่านนี้พี่เป็นไงบ้างคะ..." 

          แก้วมองรูปของหนุ่มหล่อในชุดสบายๆอยู่กับบ้านลงในลิ้นชักทันที พลางถอนหายใจ


    "ไม่ว่ากี่ปี..แก้วก็ยังรักและเคารพพี่อยู่เสมอ" 

        
    แก้วพูดกับตัวเองก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดพร้อมๆกำลังใจที่มีทุกครั้ง หากได้ดูรูปของพจน์ พี่ชายที่จากกันมาแรมปี ก่อนจะเดินออกจากห้องไปทันที

                                                        ความรักยังคงอยู่ในใจเสมอและตลอดไป
                                                    หากเยื่อใยในรักยังคงแน่นแฟ้นด้วยความเข้าใจ





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×