คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : แก้วจรัสแสง ตอน วังวนแห่งรัก
บทที่ 19
�“แก้ว....”
�นุชหวีดร้องด้วยความตกใจเมื่อเห็นแก้วสลบอยู่ในอ้อมกอดของจักกฤษ ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปหาร่างของแก้วที่หมดสติอยู่ทันที พจน์ซึ่งเดินมาพร้อมกับนุชถึงกับตะลึงเมื่อเห็นภาพที่ปรากฎอยู่ตรงหน้า สร้อยยังคงยืนแข็งทื่อด้วยอาการตะลึงในสิ่งที่ตนทำ พิจิตรายังคงร้องให้ในสภาพที่ฟุบอยู่กับพื้นห้อง จักกฤษยังคงก้มกอดแก้วด้วยอาการนิ่งเงียบก่อนนุชจะเดินเข้าไปใกล้
“แก้ว...ลูกแม่เป็นอะไรลูก..”
นุชร้องไห้น้ำตาไหลรินเมื่อเห็นลูกอันเป็นที่รักนอนสลบมีเลือดไหลติดอยู่ที่แขนของจักกฤษก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองทุกคน
�
“คุณจักกฤษคะ...ฮือ..ฮือ..แก้วเป็นอะไรไปคะ ...”
�นุชร้องถามด้วยความเจ็บปวดเมื่อเห็นลูกนอนนิ่ง ไม่มีคำตอบจากจักกฤษ ก่อนนุชจะหันไปมองพิจิตราที่ มีแต่เสียงร้องไห้
�
“คุณพิจิตราคะ...ฮือ...ฮือ...บอกฉันหน่อย..ทำไมต้องทำกับลูกแก้วอย่างนี้...ฮือ..ฮือ..”�
ไม่มีเสียบตอบจากพิจิตรา �นุชหันมามองสร้อยเป็นคนสุดท้าย ก่อนจะยกมือขึ้นไหว้ด้วยน้ำตานองหน้า
“คุณสร้อยคะ...ทำไม..ต้องทำกับ..แก้วอย่างนี้คะ...ลูกแก้วไม่เคยคิดว่าร้ายใคร...ฮือ..ฮือ..”� ก่อนจะก้มหน้าลงมองหน้าแก้วที่ยังคงแน่นิ่ง
�
“ดิฉันเคยบอกแล้ว..ฮือๆๆ..คุณสร้อย..ว่าไม่นานดิฉันกับลูกจะกลับไปอยู่บ้าน..ตามที่พวกคุณต้องการ...แล้วทำไมวันนี้ต้องทำร้ายแก้วอีกคะ...ฮือ..ฮือ..”
นุชพูดความในใจที่เคยมีมาตลอด ก่อนจะฟุบหน้าลงร้องไห้บนร่างของแก้วที่ยังคงนอนนิ่ง�
���������� สร้อยยังคงยืนนิ่งเหมือนไม่สนใจอะไรหากแต่สีหน้าไม่สู้จะดีนัก พจน์ซึ่งยืนนิ่งอยู่นานเดินเข้ามา ก่อนจะยื่นมือมาจับมือสร้อยไว้ แต่พลาด เมื่อสร้อยหันขวับมองหน้าพจน์ด้วยสีหน้ารังเกียจเป็นที่สุด....
�� “น้องสร้อย...”�
พจน์เรียกชื่อไม่ทันขาดคำหากแต่ต้องหยุดทันที เมื่อเสียงของจักกฤษที่เงียบอยู่นานดังขึ้น
�
“..เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว....พ่อจะขอพูดบ้างและพ่อหวังว่าทุกคน..คนจะรู้จักตัวเองดีขึ้น..”
���� จักกฤษพูดขึ้นก่อนจะผละมาจากร่างแก้วที่ยังคงนอนนิ่ง เลือดแดงฉานติดอยู่ที่แขนและเสื้อสีขาวของจักกฤษอย่างเห็นได้ชัด ชายร่างสูงใหญ่ยืนขึ้นด้วยสีหน้าขรึมและเงียบสนิท ทุกคนต่างจ้องมายังจักกฤษเป็นตาเดียวกัน
������� พิจิตราพยุงตัวเองขึ้นนั่ง ก่อนจะมองผู้เป็นสามีอย่างเกรงขาม ความสับสนเริ่มมีเข้ามาในความรู้สึกของพิจิตราพร้อมๆกับหลายเรื่องราวที่ตัวเองไม่อยากให้ลูกรู้ในวันนี้
“พี่จักกฤษคะ..”�
พิจิตราเรียกด้วยเสียงอันสั่นเทา พยายามเรียกความรู้สึกของจักกฤษใหัฟื้นขึ้นมา หากแต่ต้องหยุดทันที เมื่อจักกฤษยกมือขึ้นเป็นเชิงห้ามพูดอะไรทั้งสิ้น ก่อนหันมามองพิจิตราด้วยสีหน้าและแววตาสงสาร ทั้งสองมองหน้ากันนิ่งเหมือนจะเข้าใจและต้องทำใจกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น
......................................
��� “ถ้าหากยังคิดกันอยู่ว่า พ่อยังเป็นพ่อ ก็ขอให้ตั้งใจฟังให้ดี”�
จักกฤษพูดด้วยเสียงอันเบาหากแต่น้ำหนักของความหมายเด่นชัด
� “ลูกสร้อย..”�
จักกฤษยังคงมีสีหน้านิ่งขรึมก่อนจะหันไปมองสร้อยที่ยังคงยืนนิ่ง มองมายังผู้เป็นพ่อ ด้วยอยากรู้กับสิ่งที่ผู้เป็นพ่อจะพูดต่อไปนี้
�� “ตลอดเวลาที่ผ่านมา พ่อเลี้ยงดูลูกมาอย่างดี ให้ทุกอย่างเหมือนที่คนอื่นเขามี แม้พ่อจะต้องเสียสิ่งที่พ่อรักที่สุดไป”�
�������� จักกกฤษพูดความในใจออกมา ความหมายกว้างเกินที่สร้อยและพจน์จะเข้าใจได้ หากแต่พิจิตราถึงกับร้องกระซิกออกมาให้ได้ยินเหมือนคนสิ้นสติ สร้อยหันไปมองผู้เป็นแม่ด้วยความสงสัย ก่อนจะเดินเข้าไปหาพิจจิตราที่ยังคงนั่งอยู่กับพื้นร้องไห้� จักกฤษยังคงพูดต่อด้วยเสียงอันราบเรียบแฝงไว้ซึ่งความเจ็บปวดในอดีต ก่อนจะพูดต่อไปอีกว่า
��� “ แต่พ่อก็ยอม ยอมรับในสิ่งที่พ่อไม่ต้องการรับ หากแต่เพราะเห็นกับลูกที่ยังอยู่ในท้อง...ซึ่งพ่อไม่รู้ว่าลูกจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายหรือแม้แต่หน้าตา..พ่อก็ยังไม่รู้..แต่พ่อก็รับลูกมา...สิ่งเดียวที่พ่อรู้คือ พ่อรักลูกมาก”��
�
������ สร้อยนั่งกอดผู้เป็นแม่นิ่งเหมือนจะสำนึกผิดที่ตัวเองทำ สายตาที่แข็งกร้าวกับอ่อนลง พิจิตราโอบกอดลูกสาวตัวเองไว้แน่น หากแต่เสียงร้องสะอื้นยังคงเล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน จักกฤษหันไปมองสร้อยและพิจิตราที่นั่งโอบกอดกันอยู่ก่อนพูดต่อไปว่า
���� “ตลอดเวลา พ่อไม่เคยพูดด่าว่าลูก..เพราะพ่อกลัวลูกจะเสียใจ แต่พ่อพูดกับแม่ของลูกเสมอให้ดูแลลูกแทนพ่อด้วย.... ดูแลทั้งลูกพจน์และลูกสร้อย...ส่วนพ่อก็มีหน้าที่ทำงานเพื่อนสร้างฐานะให้มั่นคงเพื่อลูกๆจะได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี พร้อมหน้าที่การงานและการศึกษา”�
���� จักกฤษพูดก่อนจะถอนหายใจพักใหญ่ พลางหันมามองยังพจน์ลูกชายซึ่งยังคงยืนนิ่ง รับฟังความรู้สึกของพ่ออย่างตั้งใจ แววตาสงสารผู้เป็นพ่ออย่างจับใจ จักกฤษละสายตามายัง นุชที่ยังคงกอดแก้วนิ่งด้วยความรักความห่วงใย
ก่อนจักกฤษจะพูดต่ออีกว่า
� “นั่นคือความหวังของพ่อทุกวันนี้....แก้วคือเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่น่าสงสาร เป็นเด็กกตัญญูรู้คุณคน....ทั้งๆที่ตัวเองโดนกลั่นแกล้งโดนรังแก แต่ก็ยังอยู่...เพราะแก้วรักพ่อและพี่ชายรวมทั้งรักทุกคนที่ไม่รักแก้ว”�
������� �จักกฤษพูดประโยคนี้ เสียงร้องไห้จากพิจิตราดังลั่นขึ้นเหมือนสำนึกผิด พจน์ถึงกับตาแดงก่ำยิ่งตอกย้ำความสงสารและความรักให้ลึกเข้าในหัวใจยิ่งขึ้น �นุชยังคงร้องไห้กอดลูกสาวคนเดียวไว้อย่างน่าเวทนา��จักกฤษหันไปมองสองแม่ลูกด้วยความเข้าใจ ก่อนพูดต่อไปอีกว่า
“วันนี้ลูกแก้วก็ต้องมารับเคราะห์อีกครั้ง..เพราะใครหรือลูก ลูกสร้อยคิดบ้างไหม..เพราะใคร..” เสียงพูดตอกย้ำก่อนจะหันหน้ามายังสร้อยที่ก้มหน้ากอดแม่ตัวเอง
�“พ่อไม่ได้คิดว่าเพราะลูกสร้อยเป็นต้นเหตุ....ลูกสร้อยอย่าเสียใจและกลัวไปเลยลูก”
� จักกฤษพูดเป็นนัยๆ สร้อยถึงกับนิ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผู้เป็นพ่ออย่างไม่เข้าใจในจุดประสงค์ที่พ่อพูดมากนัก จักกฤษนิ่งเงียบ ก่อนจะหันมามองพจน์ด้วยแววตาที่ตัดสินใจเด็ดขาดแล้วกับสิ่งที่ตัวเองจะพูดต่อไป� พิจิตรายังคงร้องไห้ และยิ่งกลัวถ้าเกิดจักกฤษพูดในสิ่งที่ตัวเองกลัว
���� “ พ่อไม่โทษใคร..แต่พ่อโทษตัวพ่อเอง...ที่ยอมทิ้งคนที่พ่อรัก....เพื่อแลกกับเงินทองและหน้าที่การงาน ผลกรรมก็ตามมาทำลายพ่อจนได้....”�
������ คำพูดจักกฤษค่อยๆเปิดความหลังแห่งอดีตกาลวันวาน ออกมาให้ทุกคนรับรู้อย่างแจ่มแจ้ง พิจิตรายังคงสั่นศีรษะไม่อยากนึกอดีตของตัวเอง หากแต่รั้งความจริงไว้ไม่ได้อีกต่อไป สร้อยถึงกับหน้าซีดเหมือนจะเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง� หากสายตายังคงจ้องมายังผู้เป็นพ่อ.. จักกฤษสบตาสร้อยก่อนจะมองมายังพิจิตราที่ยังคงก้มหน้าร้องไห้
�� “ แต่มีหนึ่งคำ... ที่ยังติดค้างคาอยู่ในหัวใจของพ่อเสมอ....และพ่อคิดเสมอว่า พ่อจะรักษาไม่ให้คำสบประมาทนี้เกิดขึ้นกับสิ่งที่พ่อรับมา� ลูกสร้อยอยากรู้หรือเปล่าว่าสิ่งที่พอรับมาคือใคร..และสิ่งที่เขาตั้งคำสบประมาทไว้คืออะไร”�
���� จักกฤษพูดพร้อมๆกับหันไปมองสร้อยที่ยังคงหน้าซีดและกอดผู้เป็นแม่ไว้แน่น พร้อมกับที่พิจิตราเงยหน้าขึ้นมามองจักกฤษเหมือนจะขอร้องในสิ่งที่จักกฤษจะพูดต่อไป
.....................................................................
��������ภาพวันวานแห่งอดีตรักอันเศร้าสลดแจ่มชัดขึ้นทันที
� “ลูกต้องเชื่อแม่นะลูก...ถ้าไม่อย่างนั้นพ่อแม่และพี่ๆน้องเราจะพลอยลำบาก..ถือว่าแม่ขอร้องนะลูก”
����� เสียงคุณนายอ้อมจิต ผู้เป็นแม่ของจักกฤษพูดขึ้นด้วยน้ำตานองหน้า เพื่อความอยู่รอดของครอบครัว จักกฤษยังคงนิ่งด้วยมรสุมชีวิตที่ต้องเลือกทางเดิน ก่อนจะหันมาตอบผู้เป็นแม่ภายในห้องทำงาน
�
�� “คุณแม่ครับ..แล้วลูกเมียผม....แม่ไม่สงสารบ้างหรือครับแม่”�
จักกฤษพูดขึ้นด้วยน้ำตาอันเอ่อนองเมื่อพูดถึงภรรยาสาวอรทัยที่ต้องมารับเคราะห์กรรมในครั้งนี้� ผู้เป็นแม่ยังคงร้องไห้ก่อนเดินเข้ามาหาจักกฤษ
�
“แม่เข้าใจซิลูก..ผู้หญิงด้วยกันแม่เข้าใจดี..แต่แม่คิดว่าอรทัยมีเหตุผลนะลูกและคงรับได้ทุกอย่าง เพื่อความสุขสบายของสามีและลูกที่จะคลอดออกมาในไม่ช้านี้นะลูก” �
........................................
���������จักกฤษเล่าเรื่องอดีตด้วยความขมขื่น น้ำตาเต็มเบ้าตา ก่อนหันมามองพจน์ที่ยังคงยืนนิ่งนัยน์ตาแห่งความเศร้าส่อน้ำตาเห็นแสงแพรวพราว เมื่อเริ่มเข้าใจอะไรดีขึ้น หากแต่ยังคงนิ่งนึกถึงความรู้สึกของบุคคลที่ผู้เป็นพ่อลำดับเรื่องราวให้ฟังอย่างตั้งใจ ก่อนจักกฤษจะเล่าต่อไปว่า
...............................................
�� “ไม่เป็นไรค่ะพี่......อรทัยรับได้...อรทัยรับได้ค่ะ..”
เสียงพูดจากหญิงสาวสวยในชุดคลุมท้อง พูดด้วยน้ำตานองหน้ามือยังคงลูบท้องตัวเองเบาๆอย่างทะนุถนอมลูกซึ่งอยู่ในท้อง น้ำตายังคงร่วงเผาะลงบนมือด้วยความเจ็บปวดกับสิ่งที่จำใจต้องพูดออกไป�
������ จักกกฤษยังคงนั่งนิ่ง ก่อนหันหน้ามายังภรรยาสุดที่รักเกินกว่าจะห้ามน้ำตาไว้ได้ เช่นกันกับอรทัยที่ยังคงนั่งก้มหน้าร้องไห้ ก่อนที่ทั้งสองจะร้องไห้โผเข้ากอดกัน
�
“อร..พี่รักน้องอรมากนะ...พี่ไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไรดี..พี่สัญญาเมื่อกิจการดีกว่านี้..พี่จะไปรับน้องอรกลับมาอยู่กับพี่เหมือนเดิม”�
�� �เสียงพูดที่ออกมาอย่างกระท่อนกระแท่นด้วยความสงสารภรรยา �พร้อมกับน้ำตาที่รดลงบนไหล่ของอรทัยอย่างผู้หมดหนทางไป
�
��� “...อรเข้าใจพี่จักกฤษดีค่ะ..อรพร้อมเสมอ..เมื่อเป็นสิ่งที่พี่ต้องการ...ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่อรไม่ต้องการก็ตาม..พี่คะ...อย่าทุกข์ใจนะคะ...อรมีพี่อยู่ในใจเสมอ..ถึงแม้วันนี้เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน..แต่ความรู้สึกของอร...พี่อยู่กับอรเสมอค่ะ......”
อรทัยพูดด้วยความรู้สึกจากหัวใจ น้ำตาร่วงเหมือนเม็ดฝนร่วงหล่นจากฟากฟ้า ก่อนจะกอดผู้เป็นสามีอย่างเข้าใจกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันนี้..........หากแต่เพื่อความสบายใจของทุกฝ่ายที่มีบุณคุณกับคนที่อรรัก..ถึงแม้ตัวเองจะเจ็บอรก็ยอม..ยอมด้วยความจำเป็น
������������������������������������������� ความรัก อีกหนึ่งความหมายคือการให้
������������������������������������ �������� ถึงแม้จะต้องแลกกับน้ำตาตัวเอง
�
ความคิดเห็น