คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : แก้วจรัสแสง ตอน วังวนแห่งรัก
������������������������������������������������������������������������บทที่ 18
������ “ ไม่ต้องตกใจ..”
จักกฤษพูดขึ้นด้วยสีหน้าราบเรียบไม่มีแม้ความทุกข์ใจหรือโมโหให้เห็น หากแต่จ้องมองภาพถ่ายของตัวเองที่ตกอยู่บนพื้นห้องอย่างเข้าใจในความรู้สึกของลูกสาวตัวเองดี ก่อนจะเงยหน้าจากรูปหันมายังพิจิตรา
�
“คุณเห็นสิ่งที่ผมเคยเตือนคุณหรือยัง..และนี่คือสิ่งที่ผมย้ำกับคุณอยู่เสมอ”
จักกฤษพูดด้วยเสียงอันราบเรียบหากแต่ฝังไว้ด้วยความหนักแน่นและจริงจัง สร้อยหันมามองผู้เป็นแม่ซึ่งยังคงก้มหน้าร้องไห้ด้วยการยอมรับผิด
�
“แม่คะ..แม่เป็นอะไรไปคะ”
สร้อยถามขึ้นเมื่อเห็นผู้เป็นแม่ร้องไห้โดยปราศจากคำพูดใดๆ ก่อนจะหันไปมองผู้เป็นพ่อที่ยังคงยืนนิ่งอยู่หน้าประตู
“พี่ไม่อยากพูดอะไรมากไปกว่านี้ หวังว่าพิจิตราคงเข้าใจพี่ดี”
จักกฤษพูดก่อนจะเดินหันหลังออกไปทันที แต่ต้องหยุดชะงักเมื่อ
“พ่อคะ..”�
สร้อยเรียกผู้เป็นพ่อด้วยเสียงอันดัง ดังพอที่จักกฤษถึงกับหยุดในทันที
พิจิตรายังคงก้มหน้าร้องไห้ก่อนจะรีบดึงแขนสร้อยทันที� แต่ช้าไปเสียแล้ว �เมื่อสร้อยพูดในสิ่งที่ตัวเองค้างคาใจมานาน�
�� “ทำไม พ่อต้องพูดอย่างนี้กับแม่คะ..พ่อรู้หรือเปล่าว่าพ่อกำลังทำอะไรอยู่”
�สร้อยพูดขึ้นด้วยเสียงอันดัง จักกฤษยังคงนิ่งเงียบ ก่อนจะเดินออกไปโดยไม่สนใจคำถามแม้แต่น้อย�� �สร้อยวิ่งเข้าไปหาผู้เป็นพ่อและยืนตรงหน้าอย่างไม่สะทกสะท้านใด ๆ�
�
“ทำไมพ่อถึงเป็นแบบนี้คะ... สร้อยไม่เข้าใจ”��
จักกฤษยังคงเงียบ ก่อนจะพูดว่า
“ลูกสร้อย..ถึงแม้ว่าลูกคิดว่าตัวเองจะโตแล้วก็ตาม แต่สำหรับพ่อแม่แล้วลูกยังเป็นเด็กอยู่เสมอ”
�จักกฤษพูดจบไม่มีแม้แต่รอยยิ้ม สร้างความโกรธแค้นให้สร้อย
�
“พ่อคะ..ถึงแม้พ่อจะเห็นว่าหนูยังเป็นเด็กในสายตาพ่อ แต่หนูก็อยากจะบอกพ่อว่า บางทีความคิดของหนูก็รู้ทันผู้ใหญ่อย่างพ่อเช่นกัน”
�สร้อยพูดกับผู้เป็นพ่อด้วยความโกรธ
“หยุดทีเถอะน้องสร้อย”
เสียงพูดของพจน์ดังออกมาจากห้องที่อยู่ไม่ไกลกันนัก สร้อยและจักกฤษหันไปตามเสียงที่ดังมา
�
“ถึงแม้จะตามความคิดคนอื่นทัน แต่ความคิดของน้องก็ไม่ทันโลกอยู่ดี..ลดความบ้าเงาของตัวเองได้แล้ว”�
พจน์พูดเสียงดังเป็นครั้งแรกในชีวิตนี้ ที่สร้อยได้เห็น ก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ที่ผู้เป็นพ่อ
“พ่อครับ..ไว้ผมจัดการเอง ผมว่าพ่อไปพักผ่อนดีกว่านะครับ”�
พจน์หันมามองผู้เป็นพ่อด้วยความเคารพและรู้จักผู้เป็นพ่อดี จักกฤษไม่พูดก่อนจะเดินเข้าห้องไปทันที พจน์มองสร้อยด้วยสีหน้าไม่พอใจ
�
“พ่อ..เหนื่อยกับการเลี้ยงดูเรามานานแล้วนะน้องสร้อย..น้องไม่คิดสงสารพ่อแม่บ้างหรือ”� พจน์พูดด้วยเสียงอันราบเรียบแต่แฝงไว้ซึ่งการสอนสั่ง สร้อยยังคงหน้าบึ้งก่อนจะยิ้ม เหยียด
“พี่พจน์ ก็เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่นี่คะ..พ่อแม่ก็ไม่ต้องเหนื่อย และอีกอย่างสร้อยก็ไม่เคยทำให้ใครเหนื่อยด้วย..ทุกวันนี้สร้อยยืนด้วยตัวของสร้อยเอง สร้อยมีทุกอย่าง”
สร้อยพูดยกยอตัวเอง ก่อนจะมองมายังพจน์ที่ยังยืนนิ่ง
�
“หรือพี่คิดว่าไม่จริง..สร้อยคิดว่าพี่เองก็เหมือนกัน เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ผู้ชายซื่อๆอย่างพี่ เด็กวานซืนจะหลอกเอาได้นะคะ”
สร้อยพูดเหมือนผู้ที่ยืนอยู่ต่อหน้าไม่ใช่คนที่รู้จักกันมาก่อน พจน์ยังคงนิ่งถึงแม้จะโดนน้องสาวตัวเองดูถูกเหยียดหยามก็ตาม
“ถึงพี่จะเป็นคนซื่อหรืออะไรก็แล้วแต่ น้องอย่ามาสนใจพี่เลย”�
พจน์พูดด้วยเสียงอันราบเรียบ ก่อนจะเดินเข้ามาหาผู้เป็นน้อง
“แต่พี่ขอบอกอย่างหนึ่งว่า ไม่มีใครรักน้องมากกว่าพ่อแม่และพี่”�
สร้อยยังคงมองหน้าพจน์ ก่อนจะทำท่าเยาะเย้ยพลางพูดขึ้นว่า
�
“พี่ไม่ต้องมาพูดคำนี้เลย..เพราะอีกหน่อยสร้อยก็ไม่ต้องการมันอีก..และสร้อยก็ไม่อยากจะอยู่บ้านนี้แล้วด้วย...น่าเบื่อที่สุด”�
สร้อยพูด ก่อนจะรีบเดินเข้าห้อง พจน์จับแขนไว้ทัน ก่อนพูดว่า
�
“สร้อยทำอะไร....นึกถึงพ่อแม่บ้าง”
พจน์พูดเหมือนรู้ดีทุกอย่าง หากแต่คำพูดนี้ไม่สามารถทำให้สร้อยคิดได้ คงมีแต่รอยยิ้มที่แสดงอวดฉลาดออกมาให้เห็น พจน์ถึงกับนิ่งเงียบก่อนจะเดินลงไปชั้นล่างทันที
......................................
��������� “แก้ว..วันนี้คุณพ่อมาหานะลูก”
นุชพูดขึ้นในขณะที่แก้วเดินมาหยุดหน้าบ้าน
“..พ่อมีธุระอะไรกับหนูหรือคะ”�
แก้วพูดพลางหยุดถอดรองเท้าทันที �นึกแปลกใจขึ้นมา
�
“แม่ก็ไม่ทราบ เห็นบ่นคิดถึงลูก”
นุชพูดก่อนจะเดินมานั่งที่เก้าอี้หินอ่อน
“แม่คะ..เดี๋ยวแก้วมานะ”
พูดพลางรีบเดินตรงไปยังตึกใหญ่ทันที
“อืม..แก้วจะไปไหนหรือลูก”�
เสียงผู้เป็นแม่ร้องถามเมื่อเห็นผู้เป็นลูกรีบเดินจากไป
“ไปหาพ่อค่ะ..แก้วก็คิดถึงพ่อ�”� ก่อนจะรีบเดินไปทันที
....................................
���“อืม..บ้านเงียบจังเลย ไปไหนกันหมดนะ”
แก้วก้าวเท้าเข้าประตู หากแต่ความรู้สึกเงียบวังเวงไม่เหมือนปกติของวันหยุด ก่อนจะหันมองซ้ายขวา� ทุกอย่างอยู่ในความเงียบ แต่ต้องหยุดชะงักเมื่อ
“สร้อยอย่าไปลูก อย่าทิ้งแม่ไปลูกสร้อย..ฮือ..ฮือ..”�
เสียงร้องอ้อนวอนของพิจิตราดังขึ้นแก้วถึงกับตะลึงยิ่งกว่านั้นเมื่อเสียงที่แก้วคุ้นเสียเหลือเกินดังขึ้นด้วยเสียงอันดัง
�
“..หนูบอกแม่แล้วไงคะ หนูไม่อยากอยู่บ้านหลังนี้ หนูเกลียดคนที่นี่ค่ะ ไม่มีที่นี่หนูก็อยู่ได้”
สร้อยพูดพลางรีบเดินยกกระเป๋าออกมาทันที แก้วยังคงยืนนิ่ง เป็นเวลาพอดีที่สร้อยหันมามองแก้วซึ่งยืนอยู่ตรงกลางห้องโถงใหญ่ แก้วยกมือไหว้ มาแตไกลหากแต่สร้อยสะบัดหน้าไม่รับรู้ ก่อนจะรีบเดินออกมาจากห้องทันที
�
“สร้อย อย่าทิ้งแม่ไปลูก”
�พิจิตรารีบวิ่งออกมาจากห้องดึงกระเป๋าจากมือสร้อยเอาไว้ หากแต่ไม่เป็นผลเมื่อสร้อยกระชากกระเป๋า
�
“ปล่อยนะแม่..บอกให้ปล่อย”�
แล้วรีบเดินลงบันไดทันที พิจิตราล้มตัวนอนราบลงกับพื้นด้วยความน่าสงสารยิ่งนัก
�
“แม่..”
แก้วร้องด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบขึ้นบันไดไปทันที เป็นช่วงที่สร้อยเดินลงมา สิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเมื่อสร้อย ดึงมือแก้วไว้ พร้อมกับกระชากด้วยความแรง ร่างแก้วเซถลาล้มลง
�
“อย่าลูกสร้อย...อย่าทำแก้วนะลูก..อย่า”
ไม่เป็นผลเมื่อสร้อยเดินปรี่เข้ามาดึงผม พร้อมกับกระชากด้วยความแรง
“อย่าค่ะ..คุณสร้อยอย่าทำแก้ว”�
แก้วยกมือไหว้อ้อนวอนหากแต่ไม่เป็นผล
�
“เผี๊ยะ”�
ฝ่ามือตบลงบนใบหน้าอันบอบบางของแก้วอย่างไม่ยั้งมือ เลือดไหลออกจากริมฝีปากในทันที
“มึงจำไว้ เพราะมึงที่ทำให้กูต้องเป็นแบบนี้และกูก็ไม่มีวันแพ้มึงอีเด็กขอทาน”�
ก่อนจะยกมือหวังจะตบให้ตายคามือ
� “หยุดเดี๋ยวนี้”
“พี่จักกฤษณ”
พิจจิตราร้องครางออกมา ก่อนจะเดินลงมาช้าๆ สร้อยรีบปล่อยแก้วพร้อมกับลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ
�“พ่อ...”
แก้วเรียกจักกฤษทันทีที่เห็น� ผมเผ้ารุงรังหน้าช้ำเห็นแต่ไกล จักกฤษมองดูแก้วด้วยความสงสารก่อนจะหันมามองสร้อยด้วยดวงตาอันดุดัน พลางพูดด้วยเสียงอันดังว่า
�
“พ่อนิ่งก็หาว่าพ่อโง่..คนนิสัยอย่างลูกอยู่ที่ไหนก็ไม่มีใครรักลูกจริงหรอก....ลูกสร้อย”�
จักกฤษเดินเข้ามาใกล้ๆ พร้อมกับพูดต่ออีกว่า
“สันดานของลูก...พ่อคิดว่าการศึกษาน่าจะลบล้างลูกได้ แต่..ไม่เป็นผลจริงๆ”
�สร้อยยังคงนิ่งเงียบมองมายังผู้เป็นพ่อ แก้วลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปประคองพิจิตราที่เดินก้าวลงมาอยู่บันไดขั้นสุดท้าย
�
“นั่นมันแม่ของลูกสร้อย..แม่ที่เลี้ยงลูกมาไม่เคยทิ้ง..แต่วันนี้ลูกที่แม่เคยรัก จะทิ้งแม่ไปง่ายๆเพราะชื่อเสียง พ่อว่าคงไม่คุ้มกับที่แม่รักลูกเลยนะ”
� จักกฤษพูดด้วยเสียงราบเรียบพิจิตราถึงกับร้องไห้โฮออกมาอย่างไม่อายใคร ความเจ็บปวดที่เก็บไว้กลายเป็นแผลเป็นที่ระบมขึ้นมาอีกครั้ง�� ตลอดเวลาที่ผ่านมาบาปที่เคยสร้างไว้สนองให้เห็นในชาตินี้ทันที
“พี่อย่างพูดอีกเลย เท่านี้พิจิตราเองก็ผิดมากแล้ว ขอร้องเถอะพี่..ฮือ..ฮือๆๆ”�
พิจิตราร้องให้ปานใจจะขาดก่อนจะร่วงลงกับพื้น
“แม่.."
เสียงแก้วร้องด้วยความตกใจ
�
“แก้ว..ช่วยแม่ด้วยลูก..ช่วยแม่ด้วย..ฮือ..ฮือ”
พิจิตราร้องให้แก้วช่วยอย่างน่าสงสาร ยิ่งสร้างความโกรธเคืองให้สร้อยเป็นทวีคูณ ก่อนจะเดินเข้ามา ผลักแก้วให้ออกห่างจากผู้เป็นแม่ของตัวเองทันที
�
“มึงออกไปเลย..นี่มันแม่กู..ไปอีเด็กขอทาน..ไป้...”
�สร้อยตะโกนด่าแก้วด้วยความโกรธแค้น แก้วถึงกับถอยห่างออกไปทันที ไม่มีเสียงพูดจากแก้วอีกเลย
�
“พอทีเถอะลูกสร้อย..พ่อไม่ชอบที่ลูกชอบดูถูกคนอื่นอย่างนี้ ทำไมขอทานเป็นคนดีไม่ได้หรือลูก..ทำไมคนขอทานไม่มีความเป็นคนอย่างนั้นหรือลูก”�
แก้วร้องไห้ด้วยความซาบซึ้งในคำพูดของผู้เป็นพ่อ จักกฤษเดินเข้ามาประคองแก้วให้ลุกขึ้นก่อนจะเช็ดเลือดที่ยังคงไหลที่มุมปากออก
�
“เจ็บไหมแก้ว”�
จักกฤษพูดถามด้วยความเป็นห่วง แก้วสบตาผู้เป็นพ่อด้วยความรักและความเคารพที่สุด ก่อนน้ำตาจะไหลอาบแก้มเมื่อเห็นใบหน้าผู้เป็นพ่ออย่างชัดเจน พ่อเปลี่ยนไปมากหากวันใดที่แก้วจากไปพ่อจะเป็นอย่างไร แก้วนึกเศร้าเสียใจก่อนจะโผเข้ากอดแล้วร้องไห้
�
สร้อยมองแก้วด้วยความแค้นก่อนจะรีบเดินเข้าไปที่กระถางดอกไม้� และรีบวิ่งตรงไปยังแก้ว
“อย่า......”
เสียงพิจิตราร้องห้ามขึ้น หากแต่ช้าไปเสียแล้ว�
����“เพล้ง”�
เสียงกระถากดอกไม้ใบใหญ่ ฟาดลงบนศรีษะแก้ว แตกกระจาย
�
“พ่อ..”
แก้วอุทานออกมาหากแววตายังคงค้างจับอยู่ที่ดวงตาผู้เป็นพ่อ...
“ลูกแก้ว”
�เสียงจักกกฤษร้องด้วยความตกใจ ตาอันกลมโตค่อยๆปิดลงพร้อมกับร่างอันบอบบางของแก้วซึ่งอยู่ในอ้อมกอดของจักกฤษร่วงลงกับพื้นทันที
������ พิจิตราฟุบหน้าลงร้องไห้กับพื้นห้อง แก้วในอ้อมกอดจักกฤษล้มลงกับพื้น น้ำตาไหลรินจากผู้ชายคนนี้ก่อนก้มลงจูบที่ศีรษะแก้ว ด้วยความทะนุถนอม �หากแต่สร้อยยังคงยืนตะลึงกับการกระทำของตัวเอง�
���������������������������������������� ��������� ��� บอดรัก ยังพอมีหนทางสว่าง�
��������������������������������������������� ����� บอดริษยา หมดสิ้นหนทางเดิน
ความคิดเห็น