คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : แก้วจรัสแสง ตอน วังวนแห่งรัก
����������������������������������������������������������
��������������������������������������������������������� บทที่ 15
�������� นุชในชุดสบายๆสีขาวทั้งชุดนั่งขัดสมาธิอยู่ใต้ต้นไม้ เพียงลำพังในยามเช้าเหมือนทุกวันที่ปฎิบัติมา� ก่อนจะลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ พลางหันไปมองรอบๆบริเวณบ้านที่ยังคงเงียบสงัด ไม่เหมือนทุกวันที่ผ่านมา
"วันนี้ไม่ใช่วันหยุด..ทำไมลูกแก้วยังไม่ตื่นอีก"
นุชนึกเอะใจขึ้นมาเมื่อไม่เห็นแก้วเหมือนทุกวัน ก่อนจะลุกขึ้นจากการนั่งขัดสมาธิทันที บ้านยังคงเงียบเหมือนไม่มีคนอยู่
"สำลี"
�นุชเรียกเมื่อเห็นสำลีกำลังรดน้ำกล้วยไม้อย่างมีความสุข
".สำลีอยู่นี่ค่ะ" สำลีพูดพลางรีบเดินเข้ามาหาทันที
�
"มีอะไรให้สำลีรับใช้หรือคะ"
�สำลีพูดขึ้น ก่อนที่จะยิ้มอายๆเมื่อนุชมองมายังสำลีอย่างจะเอาเรื่อง
�
"ขอโทษค่ะ..สำลีชอบลืม"
สำลีกล่าวขอโทษเพราะนุชไม่ชอบคำพูดนี้ ก่อนจะพูดใหม่ว่า�
"มีอะไรหรือคะ"� ครั้งนี้เป็นผล เมื่อนุชยิ้มและพูดว่า
�
"ดีมาก"� ก่อนจะชะเง้อมองอะไรสักอย่าง สำลีมองก็รู้ว่านุชต้องการอะไรก่อนพูดขึ้นว่า
"คุณแก้ว เพิ่งจะเข้านอนเมื่อเช้าเองค่ะ"�
สำลีพูดขึ้น นุชถึงกับหน้าซีดไปทันที
"เพิ่งนอนเมื่อตอนเช้า"
ก่อนจะอุทานเบาๆ พลางหันไปมองสำลีเหมือนรู้ดีว่าสำลีต้องรู้รายละเอียด
"เปล่าค่ะ..สำลีไม่รู้อะไรค่ะ รู้แต่เพียงว่า ตอนที่สำลีลุกขึ้น เห็นห้องคุณแก้วยังเปิดไฟสว่างจ้าอยู่ และเห็น.."� สำลีพูดพลางก้มหน้าไม่กล้าพูด
�
"อ้าว..พูดให้จบสิ.." นุชพูดขึ้นเมื่อเห็นสำลีหยุดพูด
"เห็นคุณแก้ว..เช็ดน้ำตาด้วยค่ะ"
�คำพูดคำหลังนี้เบาหวิวมาจากสำลี นุชถึงกับสะอึกขึ้นมาทันที ความร้อนรุ่มเคล้าความเจ็บปวดเข้ามารุมเร้าผู้เป็นแม่อีกครั้ง เพราะเข้าใจความรู้สึกนี้ดี ก่อนจะหันมายิ้มกับสำลี
�
"งั้นสำลีขอรดน้ำต้นกล้วยไม้ก่อนนะคะ"
พูดพลางรีบเดินออกไปทันที� คงทิ้งให้นุช ยื่นนิ่งอยู่คนเดียว ก่อนนุชจะรีบเดินออกไปทันที
������ ............................................
"อืม..พรุ่งนี้มีการสัมภาษณ์ออกทีวีนะ อย่าลืมตามที่พี่บอกนะนีนนี่"
เสียงนายด่างพูดขึ้นทางโทรศัพท์ก่อนวางลงทันที
"ว่าแต่เด็กคนนี้ ก็ไม่เบานะคะ ฉันมองว่าเป็นเด็กที่ฉลาดน่าดู"�
เมียเก็บนายด่างพูดขึ้นอย่างรู้ทันเพราะเคยเจอกับสร้อยในงานแฟชั่นงานหนึ่ง นายด่างยิ้มก่อนจะมองแก้วเบียร์ด้วยสีหน้าดุดัน พลางยกดื่มทันที �ก่อนจะพูดว่า
�
"หึๆๆ...ฉลาดแต่ไม่มีสมอง"�
พูดพลางหันไปมองสาวเมียเก็บด้วยสายตารู้ทัน�
"พี่ด่าง...อย่าเอามันมาเป็นแบบฉันอีกหละ..ไม่ยอมด้วย" เมียเก็บนายด่างพูดขึ้นเหมือนรู้นิสัยนายด่างดี นายด่างยิ้มตาหวานก่อนพูดว่า
�
"อืม..สาวสมัยนี้ มีสมองไม่กี่คนหรอก แหละอีคนนี้ เป็นแค่ตัวเรียกเงินเอง.."�
นายด่างพูดพลางหัวเราะในลำคออย่างผู้ชนะ ก่อนจะกอดรัดเมียเก็บอย่างเมามันทันที
......................................�
���� ณ ห้องจัดรายการผู้หญิงแนวหน้า
� �"สวัสดีค่ะ..วันนี้ตุ๊กตามีเรื่องจะมาเล่าให้ฟังนะคะ"
พิธีกรรายการชื่อดังพูดขึ้นในขณะที่ออนแอร์สดทางโทรทัศน์
"และวันนี้ตุ๊กตา มีเรื่องเด็ดมาฝากซึ่งเป็นที่ฮือฮากันอยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์ นิตยาสารและที่สำคัญวงการนางแบบระดับอินเตอร์กันเลยค่ะ"
พิธีกรสาวร่างอวบอั๋นพูดเรียกน้ำย่อยให้รายการน่าดูมากขึ้น พูดพลางยกหนังสือนิตยาสารฉบับหนึ่งซึ่งโพสรูปสวยของสร้อยเต็มตัว
�
"แหละ ต่อไปนี้ ขอเชิญพบกับสาวแนวหน้าคนใหม่ที่จะมาพูดคุยกับเราในคำคืนนี้กันดีกว่านะคะ.." พิธีกรสาวยิ้ม ก่อนพูดด้วยเสียงดัง
"รายการผู้หญิงแนวหน้าขอต้อนรับ น้องนีนนี่ หรือคุณ สร้อยสุดา จันทร์เกษม ได้เลยค่ะ"
พิธีกรสาวพูดจบเสียงปรบมือของผู้ชมดังขึ้น พร้อมๆกับสาวร่างสูงในชุดกางเกงยีนส์รัดรูปเสื้อยืดธรรมดา เดินออกมาด้วยรอยยิ้มหวานน่ารัก
........................................
������������ "แม่คะ..คุณสร้อยออกมาแล้วค่ะแม่ สวยจังเลยแม่" แก้วพูดในขณะที่นั่งดูรายการที่สร้อยกำลังให้สัมภาษณ์สดอยู่อย่างตื่นเต้น �นุชยิ้มดีใจไปกับแก้วที่มีสีหน้ามีความสุข หากแต่สำลียังคงมองด้วยสีหน้าไม่ชอบเอาเสียเลย
�
"ไม่เห็นตื่นเต้นเลยค่ะ คุณแก้ว"�
สำลีพูดออกมาจากความรู้สึกที่เป็นจริงก่อนจะหลบหน้าทันทีเมื่อนุชและแก้วหันมามองเป็นตาเดียวกัน ก่อนจะยิ้มอย่างเข้าใจ
"อืม..สังคมนี้เป็นสังคมที่ไร้ตัวตนจริงๆ นะลูก เขาเรียกกันอีกอย่างว่าสังคมมายา" นุชพูดขึ้นในขณะที่โทรทัศน์กำลังถ่ายโฆษณาขั้นรายการ แก้วหันมามองผู้เป็นแม่พูดด้วยรอยยิ้มน่ารัก
"งั้นก็สังคมนี้เป็นสังคมที่ไว้ใจใครไม่ได้ใช่ไหมคะแม่"
แก้วพูดถามด้วยความอยากรู้ ผู้เป็นแม่ยิ้ม ก่อนพูดเสริมว่า
�
"ธุรกิจ เป็นเรื่องที่ไม่มีคำว่าเพื่อนและพี่น้อง จะมีแต่กำไรและผลประโยชน์ บางคนมีเงินมีทุกอย่างแต่ขาดชื่อเสียงและหน้าตา� ดังนั้นจึงต้องมีเรื่องหน้าตาและชื่อเสียงเข้ามาช่วยด้วยเพื่อเพิ่มผลประโยชน์หลายๆอย่างไง"� นุชอธิบายเหมือนจะรู้เรื่องนี้ดี แก้วยังคงนิ่งเงียบ
"คุณนุชไม่เคยออกไปไหน ทำไมถึงรู้เรื่องพวกนี้ดีคะ สำลีงงค่ะ"�
สำลีอดที่จะถามไม่ได้เมื่อสังเกตุนุชพูดตรงกับความเป็นจริงของยุคปัจจุบัน นุชหันมายิ้มหากแต่ไม่มีคำพูดใดๆ คงยิ่งทำให้แก้วสงสัยผู้เป็นแม่ยิ่งนัก ก่อนจะหันมายังโทรทัศน์ที่เข้าสู่รายการพอดี
..............................
����������� "� ขอถามก่อนเลยนะคะว่า ก่อนที่จะมีวันนี้ได้ น้องนีนนี่ก้าวเข้ามาวงการนี้ได้อย่างไร ดิฉันคิดว่าทุกคนคนอยากรู้"
พิธีกรสาวยิงคำถามแรกด้วยรอยยิ้มเป็นกันเอง สร้อยแสร้งยิ้มพร้อมทำสีหน้าไร้เดียงสาก่อนตอบด้วยเสียงพูดที่หวานเรียกความน่ารักได้อีกมากโข
�
"เอ่อ..ยังตื่นเต้นไม่หายเลยค่ะ..เมื่อนึกถึงตอนก้าวเข้ามาใหม่ๆ.."
พูดพลางยกมือประกอบถึงความไม่นึกไม่ฝันในการเข้ามาเป็นดาวในวันนี้
"คือตอนนั้นนะคะ นีนนี่...ไปเดินที่ศูนย์การค้ากับเพื่อนๆค่ะ พอดีมีแมวมองให้นามบัตรซึ่งทีแรกก็ไม่รับนะคะ..เพราะนีนนี่ไม่ชอบวงการนี้"
พูดด้วยสีหน้าอ่อนหวานเรียบร้อย พิธีกรยังคงนั่งยิ้มให้กำลังใจต่อไป
"นีนนี่.... ยื่นนามบัตรให้เพื่อนไปค่ะ เพราะคุณแม่บอกว่าเป็นวงการที่ไม่มั่นคงในอนาคต... คือแบบว่า..ไม่สวยจริงก็ไม่ดังประมาณนี้นะคะ"�
นีนนี่พูดแสดงอาการเหมือนเด็กไร้เดียงสาที่บริสุทธิ์ยิ่งนัก
่
"โอ้..ได้ฟังน้องนีนนี่ เล่าแล้วนึกชมผู้เป็นแม่เหลือเกินนะคะ ที่สอนลูกดีทีเดียว"
�พิธีกรกล่าวชมผู้เป็นแม่ด้วยความจริงใจ ก่อนจะมองมายังสร้อยที่นั่งยิ้มหวานเรียบร้อย
�
"ค่ะ..แต่เพราะฟ้าลิขิตให้นีนนี่ มั้งคะ..เลยไปเป็นเพื่อนของเพื่อนที่อยากเป็นดารา แต่ว่า ช่างภาพขอถ่ายรูปนีนนี่เก็บไว้ ซึ่งนีนนี่ไม่ถนัดในเรื่องนี้เลยค่ะ..พออยู่มาไม่นาน� ก็โทรมาตามให้ไปถ่ายชุดที่กำลังดังอยู่นะคะ"
สร้อยพูดก่อนจะส่งยิ้มหวานเรียบร้อยให้กับพีธีกร
....................................
������� พิจิตรานั่งร้องไห้อยู่หน้าโทรทัศน์ในขณะที่นั่งดูลูกสาวในไส้ของตัวเองพูดในสิ่งที่ไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย การแสดงตบตาและมารยา พิจิตราถึงกับรู้สึกเสียใจและละอายตัวเองเป็นที่สุด
"ทำไมลูกสร้อยของแม่ถึงเปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้...."
�ผู้เป็นแม่พูดขึ้นด้วยความรู้สึกสงสารและละอายใจลูกของตัวเอง ก่อนจะปิดโทรทัศน์ลงทันที เป็นเวลาเดียวกันที่จักกฤษเดินเข้ามา
"อืม..พิจิตรา ดูรายการโทรทัศน์หรือยัง เพื่อนพี่โทรมาบอกว่าลูกสร้อยออกรายการสัมภาษณ์"
�������� เหมือนฟ้าฟาดลงตรงกลางหัวใจ เมื่อเสียงคนที่ตนรัก พูดขึ้นกับเรื่องที่ตัวเองไม่อยากรับรู้ ความรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาทันที เมื่อคำพูดที่จักกฤษเคยพร่ำกับตัวเองมาตลอดถึงการดูแลสร้อย พิจิตรานิ่งเงียบ ไม่มีแม้คำพูด
���� จักกฤษทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวใหญ่หน้าโทรทัศน์ห้องรับแขกทันที ไม่มีเสียงตอบจากพิจิตรา ก่อนจะยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตา�� เป็นช่วงที่จักกฤษเปิดโทรทัศน์พลางหันมายิ้มให้
"เป็นอะไรไป ไม่สบายหรือเปล่า" จักกฤษเอ่ยถาม ในขณะที่พิจิตราหันมามองจักกฤษด้วยแววตาไม่สู้จะดีนัก� หากแต่จักกฤษยังคงจ้องดูรายการทันที
�
"นั่นไง..ลูกสร้อย พี่นึกว่าเพื่อนที่ทำงานจะล้อเล่นเสียอีก"
พูดพลางนั่งดูการสัมภาษณ์ทันที ก่อนที่พิจิตราจะพูดว่า
�
"พี่คะ...พิจิตราขอตัวขึ้นไปพักผ่อนก่อนนะคะ"
พิจิตราพูดขึ้นด้วยเสียงราบเรียบไม่ได้สนใจรายการที่ลูกของตัวเองออกอากาศแม้แต่น้อย จักกฤษมองด้วยความสงสัยก่อนพูดว่า
�
"นี่คุณ..ไม่ดูลูกสาวคุณออกรายการหรือไง.."
จักกฤษพูดก่อนจะหันไปดูต่อไป ไม่มีคำพูดจากพิจิตราแม้สักคำเดียว พลางรีบเดินขึ้นห้องนอนไปทันที คงทิ้งให้จักกฤษมองพิจิตราด้วยความไม่เข้าใจนัก
�������"อืมค่ะ..พอดีว่าพ่อกับแม่ไม่ได้สนับสนุนเรื่องเป็นนางแบบ แต่นินนี่อธิบายให้ท่านฟังและรับเรื่องนี้ได้ ท่านเลยอนุญาตให้ถ่ายได้ค่ะ"
สร้อยพูดด้วยรอยยิ้มหวาน จักกฤษถึงกับอึ้งไม่นึกว่าสร้อยผู้เป็นลูกแสดงอาการตบตาผู้คนได้ขนาดนี้
".แล้วเรื่องการถ่ายนู้ดซึ่งเป็นเรื่องที่สังคมบ้านเราไม่ยอมรับสักเท่าไหร่ ตรงนี้น้องนีนนี่ไม่กลัวว่าจะโดนวิจารณ์ไปในทางไม่ดีหรือคะ"�
พิธีกรถามด้วยรอยยิ้มเช่นเคย สร้อยถึงกับ ยิ้มเหมือนเตรียมตัวมาอย่างดีก่อนพูดว่า
"บังเอิญว่าสร้อยไปอยู่เมืองนอกมานานค่ะ และได้รับรู้เรื่องความแตกต่างของสังคมบ้านเรา ..จะพูดไงดีละคะ นีนนี่คิดว่า เป็นคนรุ่นใหม่ ทุกอย่างต้องทันโลก ถ้าจะให้นีนนี่ไปแต่งตัวเหมือนผู้หญิงสมัยเก่า คงกระไรอยู่นะคะ"�
จักกฤษถึงกับอึ้งด้วยความนึกไม่ถึง ในสิ่งที่สร้อยพูดออกไป ก่อนจะทิ้งตัวลงพิงเก้าอี้ตัวโตในห้องรับแขกอย่างไม่สบอารมณ์
�
"ฮืม...ลูกสร้อยเป็นไปได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ .." จักกฤษพูดพลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน
...................................
���������จักกฤษปิดโทรทัศน์ลงทันที ก่อนจะนั่งในห้องรับแขกเงียบๆเพียงคนเดียวอยู่ในความสลัวของห้องรับแขกเหมือนโลกทั้งโลกไม่มีที่ไป
"อืม..ทำไม..ทำไมต้องเป็นอย่างนี้...."ภาพวันวานผุดขึ้นมาอีกทีอย่างเห็นได้ชัด
"มึงจำเอาไว้นะ ลูกของกูยังไงก็เป็นลูกของกูอยู่วันยังค่ำ"
�เสียงพูดของชายหนุ่มดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงหัวเราะเยาะอย่างผู้มีชัย จักกฤษถึงกับลุกจากเก้าอี้ ไม่อยากนึกถึงอดีตอันโหดร้ายอีกต่อไป �ก่อนจะนั่งลงเอามือกุมขมับ
�
"อืม....นายเจียง ฉันจะทำอย่างไรกับลูกนายดี"
จักกฤษเอ่ยชื่อนาย เจียงผู้เป็นพ่อของสร้อยในอดีตด้วยความสับสน��ก่อนจะลุกขึ้นหยิบกระเป๋าและเดินขึ้นห้องไปทันที
���������������������������������� � อดีตที่ผ่านมา ลบให้หายไปไม่ได้จากความเป็นจริง
��������������������������������� ซ้ำยังเป็นรอยมลทินอยู่เสมอ...หากไม่คิดทำดีเสียแต่วันนี้
ความคิดเห็น