คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : แก้วจรัสแสง ตอน วังวนแห่งรัก
บทที่ 14
"แก้ว..แก้ว.."
พจน์เรียกแก้วทันทีเมื่อมาถึงหน้าบ้าน หากแต่บ้านยังคงเงียบเหมือนไม่มีคนอยู่ พจน์มีสีหน้าไม่สู้จะดีนัก
"แม่นุชครับ..แม่นุช"
พจน์เรียกผู้เป็นแม่อีกครั้งหากแต่ต้องหยุดชะงักลงทันทีเมื่อ
"คุณพจน์คะ..คุณนุชไม่อยู่ค่ะ" สำลีพูดขึ้นในขณะที่วิ่งมาจากหลังบ้าน
"แล้วแก้วหละ"
พจน์ถามด้วยเสียงอันดังซึ่งสำลีไม่เคยเห็นพจน์ในลักษณะนี้มาก่อน ก่อนต้องตอบด้วยความกลัว
"คุณ..คุณแก้วยังไม่กลับค่ะ"
เมื่อฟังคำตอบจากสำลี พจน์ถึงกับหน้าซีดเผือดลงทันที ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้หินอ่อนอย่างหมดเรี่ยวแรง
"คุณพจน์คะ..เป็นอะไรหรือเปล่าค่ะ"
สำลีร้องถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นพจน์มีสีหน้าไม่ค่อยจะดีนัก
"ไม่เป็นไร..ปวดหัวนิดหน่อย"
พูดพลางชะเง้อมองไปยังห้องนอนแก้วชั้นบน มีเพียงเสื้อที่แก้วใส่อยู่เป็นประจำตากอยู่ ความรู้สึกเบาหวิวทั้งรักและคิดถึงเต็มหัวใจ เหมือนอยากจะบอกว่ารัก สำลีสังเกตุพจน์มองดูเสื้อที่ตากอยู่ ก่อนจะก้มหน้าแล้วเดินออกไปทันที คงยังทิ้งให้พจน์มองเสื้อนั้นด้วยแววตาอันเศร้าเพียงคนเดียวต่อไป
......................
"อ้าว ลูกพจน์ยังไม่นอนอีกหรือลูก ..ดึกแล้ว"
ผู้เป็นพ่อเอ่ยขึ้นมา เมื่อเห็นพจน์นั่งอยู่ในชุดนอนสีขาว ใต้ต้นไม้ หน้าตึกใหญ่เพียงลำพัง พจน์ถึงกับตกใจก่อนจะมองมายังพ่อ
"ยังครับพ่อ ..ยังไม่ง่วงครับ"
พูดพลางยังคงนิ่งเงียบ จักกฤษสังเกตุพจน์เหมือนจะมีอะไรบางอย่าง ก่อนจะนั่งลงใกล้ๆ
"ลูกพจน์.."
จักกฤษเรียก ก่อนชายหนุ่มจะหันมามองเจ้าของเสียงด้วยความเงียบเหงา สายตาที่แฝงไว้ด้วยความทุกข์ใจ ส่อแววให้เห็นเด่นชัด จักกฤษยิ้มก่อนจะเอื้อมมือมาโอบไหล่ลูกรัก
"ลูก..ปลดปล่อยในสิ่งที่อยากทำบ้างลูก การเก็บเอาไว้ทำให้เสียหลายๆอย่าง"
ผู้เป็นพ่อพูดเหมือนจะรับรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับพจน์ พจน์มองผู้เป็นพ่อเหมือนจะอธิบายหากแต่ยังไม่มั่นใจในตัวเองนัก ก่อนจะก้มหน้า ไม่มีคำพูดใด จักกฤษถอนหายใจก่อนพูดต่อไปว่า
"เรื่องบางเรื่อง หากเก็บเอาไว้เพียงลำพัง โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ บางทีต้องเสียใจไปตลอดชีวิตได้เช่นกันนะลูก"
พจน์ยังคงเงียบไม่มีเสียงตอบ
"งั้นพ่อขอตัวไปก่อนนะ..อย่านอนดึก"
พูดจบจักกฤษก็เดินจากไปทันที คงทิ้งให้ลูกชายวัยหนุ่มนั่งก้มหน้าเพียงลำพังต่อไป
พิจิตรายังคงจ้องมองสองพ่อลูกอยู่ระเบียงหน้าบ้านด้วยความสับสน กลัวความลับที่เคยปกปิดมาจะเปิดเผยขึ้น
"อืม..ถ้าถึงวันนั้นขึ้นมาฉันจะทำอย่างไรดี.."
พิจิตตราพูดขึ้นในใจเพียงลำพังก่อนจะต้องผละสายตาไปยังรั้วบ้านซึ่งมีรถเก๋งคันงามจอดอยู่พร้อมๆกับสำลีวิ่งไปเปิดประตู
"ใครกันกลับบ้านดึกๆ คงไม่ใช่รถลูกสร้อย" พูดพลางชะเง้อด้วยความสงสัย
..................................
พจน์ใจเต้นระรัวไม่เป็นส่ำ เมื่อไฟหน้ารถส่องแสงมา พจน์มองไปยังรถซึ่งจำได้ว่าเป็นรถที่นายชิดขับ ก่อนจะลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้นระคนกับความคิดถึงอยากจะบอกอะไรอีกมากมายกับแก้ว รถวิ่งมาจอดที่หน้าตึกใหญ่ด้วยความเงียบ นายชิดลงมาเปิดประตูรถให้แก้วในขณะที่แก้วกำลังเปิดด้วยตัวเอง
"ขอบใจมากจ๊ะ ลุงชิด"
แก้วพูดด้วยเสียงเบาๆไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้าให้เห็นพจน์ยังคงจ้องดูอยู่ในมุมมืด โดยที่แก้วไม่เห็น
พิจิตรานึกผิดสังเกตุเมื่อเห็นพจน์แอบหลบทันทีเมื่อเห็นแก้วลงจากรถ
"เป็นอะไรของลูกพจน์ แปลกๆจริงลูกคนนี้ ไม่เคยเห็นมาก่อน"
ก่อนจะยืนดูต่อไปด้วยความอยากรู้
"หนูแก้ว..อย่าเสียใจไปเลยนะ..มีอะไรก็บอกลุงได้..."
นายชิดพูดด้วยความสนิทสนมกับแก้วเป็นอย่างดี แก้วยิ้ม ก่อนเดินเข้ามายกมือไหว้อีกครั้ง
"ขอบคุณลุงมากนะคะ สำหรับบรรยากาศดีๆ ทำให้แก้วรู้สึกดีขึ้นค่ะ"
พูดพลางยกมือไหว้ลงบนไหล่ของลุงชิดด้วยความเคารพ ลุงชิดไม่กล้าแตะ ก่อนจะมองแก้ว พลางพูดว่า
"ถ้าลุงมีลูกสาวสักคนเหมือนหนู ลุงคงดีใจมากหนูแก้ว"
ลุงชิดกล่าวชม แก้วยิ้มก่อนทำหน้าด้วยความสงสัย
"ทำไมละคะแก้วก็เหมือนพี่สำลีหรือคนอื่นๆ"
แก้วตอบด้วยนเสียงธรรมดา ลุงชิดยิ้มก่อนพูดว่า
"เพราะหนูแก้วเป็นเด็กดี บริสุทธิ์และที่สำคัญ เป็นเด็กที่มีความอดทน"
นายชิดพูดพลางยิ้ม ก่อนพูดว่า
"อืม..ดึกแล้วกลับเข้าบ้านเถอะ เดี๋ยวคุณแม่เป็นห่วง"
นายชิดพูดก่อนจะยิ้มให้แล้วเข้าไปในรถก่อนจะขับไปจอดในโรงรถทันที คงทิ้งให้แก้วยืนมองลุงชิดด้วยความเคารพ ก่อนจะพูดขึ้นว่า
"แก้วไม่ได้เข้มแข็งค่ะ...แก้วนี่แหละค่ะลุงเป็นคนที่อ่อนแอที่สุด"
แก้วพูดพลางก่อนจะรีบเดินไปหลังบ้านซึ่งสองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ทันที
.................................
แก้วเดินทอดน่องเพียงลำพังคนเดียว ก่อนจะหันไปมองห้องนอนของพจน์ซึ่งมืดมิดเหมือนไม่มีคนอยู่ ด้วยความคิดถึง ความรู้สึกที่แก้วไม่อยากให้มีขึ้นเข้ามาในความรู้สึกอีกครั้ง หากแต่แก้วรู้สึกเสมือนหนึ่งว่าอยู่ต่อหน้าคนที่แก้วอยากเก็บภาพรอยยิ้มไว้ให้นานที่สุด
ก่อนจะทอดสายตาลงสู่สนามหน้าบ้าน ทันใดนั้นภาพเมื่อกลางวันในห้องทำงานของพจน์ผุดขึ้นมาแทนที่ทันที แก้วก้มหน้านิ่งไม่อยากคิดไม่อยากเห็น ก่อนจะรีบเดินออกจากที่นี้ไปให้เร็วที่สุด ทันใดนั้น ต้องตกใจหยุดเดินลงทันทีเมื่อได้ยินเสียง
"แก้ว"
แก้วหยุดนิ่งนึกว่าตัวเองหูฝาดไปกับเสียงที่ได้ยิน เพราะเสียงที่ดังมาแก้วจำน้ำเสียงนี้ได้ดี หากแต่ยังคงไม่มั่นใจนักแต่ยังยืนนิ่งไม่ไหวติง
"แก้ว...นี่พี่เองนะ"
แก้วยังคงก้มหน้านิ่ง ภาพวันนี้ยิ่งผุดขึ้นมาความรู้สึกเจ็บมีขึ้นมาอีกครั้ง สองมือกำไว้แน่นกัดฟันด้วยความเจ็บปวด พจน์เดินเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะใช้มือแตะที่ไหล่แก้ว แต่ต้องหยุดชะงักเหมือนไม่กล้า ก่อนจะวางมือลงทันที
"แก้ว..พี่มารอแก้วตั้งนาน.."
พจน์พูดขึ้นด้วยเสียงอันเศร้า ปากสั่นอยากจะอธิบายอะไรที่มากกว่านี้ แก้วยังคงนิ่งพยายามไม่ร้องให้ พยายามข่มความรู้สึก พยายามไม่คิดในสิ่งที่เกิดขึ้น และพยายามนึกเสมอว่า คนที่ยืนอยู่ข้างหลังนี้คือพี่ชาย หากแต่ ในส่วนลึกของหัวใจอันบอบบางทำไม่ได้ เสียงร้องกระซิกดังออกมาจากแก้วพร้อมน้ำตาไหลอย่างผู้ยอมพ่ายแพ้ในรัก
"แก้ว..แก้วร้องไห้ทำไม"
พจน์พูดด้วยความเป็นห่วงก่อนเดินมายืนตรงหน้าแก้วทันที แก้วยังคงก้มหน้ายืนร้องไห้น้ำตาไหล ก่อนพจน์จะเอื้อมมือทั้งสองมาแตะที่ไหล่ แต่ต้องหยุดอีกครั้ง เมื่อแก้วถอยห่างออกไป พลางพูดว่า
"พี่พจน์..อย่ามายุ่งกับแก้วได้ไหมคะ "
ก่อนจะรีบวิ่งผ่านสองมือพจน์ที่ยังคงอ้าค้างไว้ พจน์ถึงกับสั่นไปทั่วร่างไม่คิดว่าแก้วจะกล้าทำแบบนี้ ก่อนจะรีบวิ่งตามไปทันที
"แก้ว..รอพี่ก่อน"
หากแต่ไม่เป็นผลเมื่อแก้ววิ่งผ่านไปโดยเร็ว สองเท้าของพจน์รีบก้าวตามไปทันที เมื่อใกล้ถึงแก้วพจน์รีบเอื้อมมือจับแขนของแก้วไว้ทันที หากแต่โดนแก้วสบัดอย่างไม่สนใจ พจน์หยุดนิ่ง ก่อนจะพูดว่า
"จะวิ่งหนีความจริงทำไม...พี่เองก็เจ็บนะแก้ว"
สายตายังคงยืนมองร่างสาวน้อยที่วิ่งห่างออกไปไม่ไกล สิ้นคำพูดของพจน์แก้วหยุดวิ่งในทันที แต่ยังคงยืนนิ่งไม่หันมาแม้แต่น้อย
.......................................
ทั้งสองยังคงยืนนิ่งต่างคนต่างไม่มีปฎิกิริยาใดๆไปชั่วขณะ ความเงียบมีเพียงสายลมที่พัดพาความเย็นเข้ามากระทบผิวกายเป็นระยะ หากแต่ทว่าความเย็นภายนอกไม่สามรถทำลายความร้อนรุ่มที่สุมอยู่ในหัวใจของคนทั้งสองได้เลย
"แก้ว...ทำไมต้องวิ่งหนี..แล้วจะวิ่งหนีไปอีกนานแค่ไหน"
พจน์พูดด้วยเสียงอันเศร้าในขณะที่มองมายังแก้ว ซึ่งยังคงยืนนิ่ง พจน์เดินเข้าไปหาช้าๆ แต่ต้องหยุดก้าวเท้าในทันที
"พี่พจน์คะ...แก้วไม่ได้หนีความจริง"
แก้วพูดด้วยเสียงสั่นเครือ ก่อนจะก้มหน้าหันมามองชายหนุ่มซึ่งยืนนิ่งเหมือนคนไม่มีความรู้สึกใดๆเกิดขึ้น
และแล้ว ทั้งสองสบตากันอีกครั้ง แก้วน้ำตาไหลอาบแก้ม ก่อนตัดสินใจพูดในสิ่งที่ตัวเองต้องเจ็บไปตลอดชีวิต พจน์ส่งสายตาเหมือนจะรอฟังคำพูดจากแก้ว แก้วยังคงมีน้ำตาไหลอยู่ตลอดเวลา ก่อนพูดว่า
"พี่พจน์คะ..แก้วไม่ได้คิดอะไรกับพี่แล้วแก้วจะหนีทำไมคะ อีกอย่างแก้ว.."
น้ำตาหยดลงด้วยความเจ็บปวดที่สุด พจน์ยังคงมองสบตาอย่างไม่กระพริบ แต่ทว่าในหัวใจเจ็บปวดไปหมดแล้ว
"แก้วเป็นได้แค่เพียงน้องสาวของพี่นะคะ....กลับไปเถอะค่ะพี่พจน์"
พจน์ยืนนิ่งด้วยความเจ็บปวดไปทั่วร่าง ความอ่อนแอ ท้อแท้และ ความรู้สึกที่อยากจะพูดหมดไปสิ้นเชิง เหลือเพียงความว่างเปล่าในความรู้สึกตอนนี้
ก่อนตัดสินใจเดินเข้ามา....ในขณะที่แก้วก้มหน้าร้องให้กับสิ่งที่ได้พูดออกไป พจน์เอื้อมมือมาแตะไหล่แก้วอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นผลแก้วยืนนิ่ง ก่อนจะใช้มือจับคางแก้วเบาๆอย่างทะนุถนอมที่สุด ใบหน้าที่เคยมีรอยยิ้ม บัดนี้ไม่มีให้เห็นอีกแล้ว ดวงตาอันกลมใส หม่นหมองด้วยความรู้สึกที่บอบช้ำไม่แพ้กัน พจน์เอื้อมมือหมายจะเช็ดน้ำตาให้ แต่ต้องหยุดชะงักเมื่อแก้วจับมืออันสั่นเทาของพจน์
"พี่พจน์คะ..อย่าเช็ดมันเลยค่ะ"
แก้วพูดด้วยเสียงชัดเจนไม่มีแม้เสียงสะอื้นถึงจะมีน้ำตาไหลอยู่ก็ตาม พจน์ยังคงมองใบหน้าอันงดงามของแก้ว ก่อนพูดว่า
"ทำไมละ..ทำไมพี่.....พี่ชาย.....จะดูแลแก้วไม่ได้"
พจน์พูดด้วยความเจ็บปวด กับคำว่าพี่ชาย หากแต่ต้องพูดออกไปเมื่อผู้ที่อยู่ตรงหน้าต้องการให้เป็นแบบนั้น ปากผู้ชายที่แข็งแกร่งกลับสั่นอย่างเห็นได้ชัด แก้วยิ้มพยายามสร้างบรรยากาศใหม่ ก่อนพูดว่า
"อย่างน้อยแก้วจะได้ล้างในสิ่งที่แก้วไม่อยากจะจดจำมันไปอีกแล้ว ปล่อยให้มันไหลไปเถอค่ะ
"พี่คะ..แก้วตัดสินใจ จะกลับไปยังบ้านเกิดของแก้วแล้วค่ะ ขอบคุณพี่มากนะคะ..และขอให้พี่มีความสุขกับพี่จีน่าตลอดไปนะคะ"
แก้วพูดด้วยความจริงใจ แม้ความรู้สึกภายในจะร้าวระบมไปหมดแล้วก็ตาม ก่อนจะมองหน้าพี่ชายคนดีที่เคยรักมาโดยตลอด
ความรู้สึกที่มีให้กันตอนนี้เหมือนมีแก้วบางๆมากั้นกลางอย่างเข้าไม่ถึง ก่อนแก้วจะยิ้มให้เหมือนเดิม แต่น้ำตายังคงไหลรินอย่างแสนเจ็บปวดพลางหันหลังเดินจากไปทันที
พจน์ยืนก้มหน้านิ่ง มือทั้งสองข้างกำไว้แน่น ก่อนน้ำตาจะไหลออกมา ความจริงที่อยากจะบอกและอยากอธิบายกลับต้องฝังอยู่ในความรู้สึก แก้วเองแม้จะมีรอยยิ้มให้หากแต่เมื่อพ้นสายตาของพจน์แล้วน้ำตาและความรู้สึกสับสนเจ็บปวดยิ่งทวีคูณขึ้น
หากแต่ต้องพูดเพื่อปัญหาจะได้ไม่มีมากไปกว่านี้ และทั้งสองก็แยกทางกันเดินไปคนละทาง พิจิตราเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างด้วยความเข้าใจ ก่อนจะถอนหายใจผ่อนคลายจากความรู้สึกที่เด็กทั้งสองมีให้แก่กัน
"นึกแล้ว ว่าสักวัน...จะต้องเป็นแบบนี้..ลูกแก้ว..เป็นผู้หญิงที่เด็ดเดี่ยวจริงๆ."
พิจิตราพูดก่อนจะยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาตัวเองด้วยความสงสารแก้ว
เมื่อเธอจาก ความเหงาทุกอย่างก็มาแทนที
แม้สิ่งดีที่ผ่านมายังคงอยู่ แต่สู้มีเธออยู่ใกล้ๆไม่ได้
ความคิดเห็น