คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : แก้วจรัสแสง ตอน วังวนแห่งรัก
��������������������������������������������������������������������
����������������������������������������������������������� บทที่13
� ณ ห้องทำงานของพจน์��
�“สวัสดีค่ะ..ไม่ทราบว่าห้องทำงานของคุณพจน์อยู่ชั้นไหนคะ”
แก้วในชุดกระโปรงยาวเลยเข่า เสื้อแขนกุดสีฟ้าอ่อน �สอบถามพนักงาน ด้วยรอยยิ้ม พนักงานยิ้มต้อนรับ ก่อนที่นายชิดคนขับรถเดินตามมาถึงพอดี
�
“คุณแก้วครับ..เชิญทางนี้เลยครับ”
�พนักงานยิ้มเมื่อเห็นนายชิดคนขับรถของคุณจักกฤษแก้วยิ้มให้พนักงานต้อนรับก่อนพูดว่า
“ขอบคุณนะคะ”� แล้วเดินตามนายชิดไปทันที
�
“เธอว่า.. คุ้นๆ....เคยเห็นผู้หญิงคนนี้ที่ไหนไหม”
พนักงานพูดกับเพื่อนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ก่อนจะมองไปยังแก้วที่กำลังเดินตามนายชิดไป
�
“อืม..ฉันก็ว่างั้นแหละ” เพื่อสาวตอบในขณะที่หันมาต้อนรับแขกที่เข้ามาสอบถามทันที
�
� “ห้องนี้แหละครับคุณแก้ว..”
นายชิดพูดในขณะที่ยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตูห้องใหญ่ แก้วมองไปข้างในเห็นพนักงานเดินกันวุ่นวาย ก่อนจะหันมมองนายชิด
�
“ค่ะ..แล้วไม่เข้าไปกับแก้วหรือจ๊ะ”
นายชิดสั่นศีรษะเป็นเชิงปฎิเสธ ก่อนพูดว่า
“เดี๋ยวผมขอไปรอที่ห้องรับแขกชั้นล่างแล้วกันนะครับ” นายชิดพูดก่อนจะรีบเดินไปทันที
แก้วหันกลับมามองยังห้องทำงาน เป็นห้องใหญ่ มีพนักงานใส่ชุดเดียวกันหมดทุกคนแก้ว ตัดสินใจเดินเข้าไปทันที ทุกคนต่างมองมายังแก้ว ด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะรีบทำงานกันต่อไป และต้องหยุดทันทีเมื่อ
“เอ่อ สวัสดีค่ะ”
�เสียงหวานพูดขึ้น...แก้วหันกลับไปมองเจ้าของเสียง ก่อนจะจะยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะ คือดิฉันจะมาหาคุณพจน์ค่ะ”
แก้วพูดทันที พนักงานสาวในตำแหน่งเลขาที่เขียนป้ายเล็กๆบอกตำแหน่งที่หน้าอกด้านซ้าย
�
“อ๋อ ค่ะ..ฉันรู้สึกว่าเคยเห็นน้องที่ไหนสักแห่งนะคะ” เลขาพูดก่อนจะมองไปทั่ว แก้วยิ้มอายๆ ก่อนพูดว่า
�
“พี่คะ แก้วมาที่นี่เป็นครั้งแรกค่ะ”
แก้วพูดหากแต่เลขาคนนี้ดูท่าทางอารมณ ์ดี ก่อนจะเดินไปยังโต๊ะทำงานก่อนจะพูดเสียงดังฟังชัด ว่า
“คุณแก้วคือนางงามที่ลงหนังสือวันก่อนใช่ไหมคะ”�
สิ้นเสียงเลขาพนักงานทุกคนต่างหันมามองแก้วเป็นตาเดียวกัน แก้วไม่ได้ตอบ หากแต่ยิ้มด้วยความเขินอาย
“อืมนี่ไง พี่มีหลักฐาน” พูดพลางหยิบหนังสือที่เก็บไว้ออกมาให้แก้วดู พนักงานอีกกว่าสิบคนเข้ามาห้อมล้อมดูแก้ว
“อืม..ตัวจริงน่ารักกว่าในรูปอีกนะ” เสียงพูดของพนักงานดังออกมา และทุกคนก็ต้องเงียบเมื่อหนึ่งในนั้นพูดขึ้นว่า
�
“น้องชื่อแก้วใช่ไหมคะ” พนักงานสาวหน้าตาดีคนหนึ่งพูดทักขึ้น ทุกคนต่างหันมาที่แก้ว
�
“ค่ะ..หนูชื่อแก้ว”� พนักงานสาวคนดังกล่าวเดินเข้ามามอง ก่อนพูดว่า
“นี่คุณเลขา..ฉันมีดีให้เธอดู ดีกว่าของเธออีกนะ” พูดพลางหยิบหนังสือนิตยสารที่พวกสาวๆชอบอ่านกันออกมาโชว์แก้วถึงกับหน้าแดงด้วยความเขินอาย
“จริงๆด้วย..” พนักงานทุกคนต่างดีใจ
“นี่คือคุณแก้วใช่ไหมคะ” เลขาถามขึ้นด้วยความอยากรู้ แก้วยังคงหน้าแดงด้วยความอาย ก่อนตอบว่า
“ค่ะ..แก้วเอง” ทุกคนมองหน้ากัน ก่อนที่จะต้องเงียบ
�
“พวกคุณทำอะไรกันอยู่”
�เสียงนุ่มดังมากหากแต่ทำเอาพนักงานนิ่งพลางแยกกันออกไปทันที สิ้นเสียง แก้วถึงกับยิ้มออก
�
“คุณพ่อ”
�แก้วเรียกผู้เป็นพ่อก่อนเดินเข้าไปหา จักกฤษยิ้มรับก่อนเข้ามาโอบกอดแก้ว
�
“อืม.... เลขา มีอะไรกันหรือครับ ว่างงานกันมากนักหรือวันนี้”
จักกฤษหันมาพูดเป็นเชิงดุ เลขาก้มหน้าเงียบ แก้วยิ้ม ก่อนพูดแก้ตัวให้ว่า
�
“เปล่าค่ะพ่อ..พี่เลขาและทุกคนน่ารักนะคะ เข้ามาคุยกับแก้ว ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าแก้วเป็นใคร” แก้วพูดก่อนจะแอบส่งยิ้มให้เลขาเป็นเชิงเข้าใจ เลขาหันมายิ้ม
“อ๋อ..งั้นไม่เป็นไร ดีแล้วรู้จักไว้ก็ดีแล้ว งั้นพ่อขอตัวก่อนนะลูก” จักกฤษพูดก่อนจะยิ้มให้แก้ว พลางหันมาที่เลขา
“ดูแล ลูกแก้วด้วยนะ ” พูดพลางเดินตรงไปยังห้องทำงานทันที
ร่างหนุ่มใหญ่เดินเข้าประตูห้องไปแล้ว เลขาเดินตรงมายังแก้วทันที
�
“ขอบคุณมากค่ะ คุณแก้ว..แล้วไม่ยอมบอกว่าเป็นลูกสาวเจ้าของบริษัท” แก้วยิ้มก่อนพูดว่า
�
“ไม่ใช่หรอกค่ะ..แก้วเป็นแค่ลูกเลี้ยงท่านเอง”
แก้วพูดตรงไปตรงมาก่อนหันมายิ้มให้กับทุกคนที่มองมายังแก้วอย่างชื่นชม
“อืม ว่าแต่ว่า คุณแก้วมาหาคุณพจน์หรือคะ” เลขาถามเหมือนจะเข้าใจ
“ค่ะ..หลายวันพี่พจน์ไม่กลับบ้านแก้วกลัวว่าจะไม่สบายค่ะ”
�� เลขาสังเกตุแก้วก็รู้ว่า เด็กคนนี้เป็นเด็กผู้หญิงที่ตรงไปตรงมาซื่อบริสุทธิ์ก่อนยิ้มให้ มองไปยังประตูห้องที่ยังคงปิดอยู่ แก้วมองตาม ด้วยสีหน้าตื่นเต้นนัก
“แต่พี่ว่า ..คงไม่เครียดหรอกค่ะ”
เลขาพูด รอยยิ้มแก้วหายไปทันที่เมื่อเลขาพูดต่อไปว่า
“มีคุณจีน่าอยู่เป็นเลขาส่วนตัวแล้วนี่คะ คนนี้ทั้งเก่งทั้งสวยค่ะ ทุกคนรักเธอทั้งนั้นเลย”
เลขาพูดขึ้นเหมือนรู้จักจีน่าเป็นอย่างดีแก้วก้มหน้านิ่งเงียบ และรู้สึกดีใจที่พี่พจน์มีคนดูแลอย่างใกล้ชิด หากส่วนลึกแล้วเจ็บปวดเกินจะพูดออกมา แต่ต้องแสร้งยิ้มเอาไว้
�
“อ๋อค่ะ..พี่จีน่าทั้งสวยและเก่งค่ะ”
แก้วพูดเสริมเป็นเชิงเห็นด้วย
�
“�เดี๋ยวดิฉันจะเคาะประตูให้นะคะ”
พูดพลางรีบเดินไปยังประตูบานใหญ่ทันที แก้วยืนนิ่งก่อนจะเปิดประตูเข้าไปทันที
.........................................
���������������
�������� "ก๊อกๆๆ"�
�����������เลขาเคาะประตูห้อง ก่อนที่แก้วจะเปิดประตูด้วยความตื่นเต้น�แล้วเดินเข้าไปทันที
���� เป็นเวลาเดียวกันกับที่ จีน่าหันมามองแก้วด้วยอาการมีพิรุธ
“แก้ว..”
พลางเรียกด้วยสีหน้าตกใจ ก่อนจะรีบใส่กระดุมเสื้อที่โผล่ให้เห็นร่องอกอันอวบอั๋นเต็งตึง แก้วยืนนิ่งไม่พูดจาคงมีแต่ความสับสนเสียใจและนึกไม่ถึงเกิดขึ้นบนสีหน้า
�
“ขอ...ขอโทษค่ะ” แก้วพูดด้วยเสียงอันสั่น
�
“แก้ว..ขอโทษค่ะพี่จีน่า งั้นแก้วขอตัวก่อนนะค่ะ”
แก้วรีบเดินหันหลังกลับทันที แต่ต้องหยุดชะงักเมื่อ
�
“ใครมาหรือจีน่า”
พจน์เดินออกมาจากห้องน้ำ ก่อนจะมองมายังแก้วด้วยความตกใจนึกไม่ถึง
�
“แก้ว..”
แก้วมองหน้าพจน์ซึ่งยืนมองมายังแก้วด้วยสีหน้าไม่สู้จะดีนัก
�
“ค่ะ..ไว้แก้วมาเยี่ยมใหม่นะคะ แก้วลาค่ะ”
�แก้วพูดก่อนหันมามองเจ้าของเสียง �พจน์ยืนหน้าซีดไม่ต่างกับจีน่าที่ยืนยิ้มก่อนจะเดินเข้ามา
�
“แก้ว ทำไมไม่โทรมาบอกพี่ก่อนละคะ จะได้เตรียมตัวถูก”
แก้วหันมาส่งยิ้มให้จีน่าอย่างเข้าใจ� ถึงแม้ภายในจะสับสนและเสียใจเป็นที่สุดก่อนจะพูดด้วยเสียงปกติ
“ไม่เป็นไรค่ะพี่จีน่า แก้วแค่ผ่านมาทางนี้ เลยแวะมาเยี่ยม”
แก้วพูดด้วยความขมขื่นยิ่งนักก่อนหันไปมองพจน์ที่ยังคงยืนนิ่ง ไม่มีแม้คำพูด
�
“พี่พจน์ พี่จีน่าแก้วขอตัวก่อนนะคะ” พูดพลางรีบเดินออกไปทันที
...............................................
������� ตลอดระยะทาง แก้วนั่งน้ำตาไหลอาบแก้มตลอดเวลา ก่อนจะยกมือขึ้นเช็ด พลางมองไปยังสองข้างทางหากแต่น้ำตาก็ยังไหล นายชิดถึงกับนั่งเงียบไปอีกคน
ก่อนจะพูดขึ้นเมื่อได้ยินเสียงแก้วสะอึกสะอื้นอย่างเจ็บปวดขึ้นมา
�
“คุณแก้ว ถ้ามีอะไรไม่สบายใจ บอกผมได้นะครับ”
นายชิดพูดก่อนจะมองมายังแก้วที่ร้องไห้หนักขึ้นไปอีก
� “ผมเองก็เคยรู้สึกแบบนี้ คุณแก้ว..คำว่าเสียใจ มันก็เกิดขึ้นกับทุกคนครับ อย่าร้องเลยครับ”
นายชิดพูดก่อน จะยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเองอีกคน ไม่มีคำตอบไม่มีเสียงหัวเราะรอยยิ้มของเด็กคนนี้ซึ่งเคยอยู่กับตนมาโดยตลอด นายชิดถึงกับเศร้าด้วยความเข้าใจ ก่อนจะขับรถไปอีกทางทันที
...................................
��������� “ทุกครั้งยามที่ผมไม่สบายใจ สมัยตอนที่พ่อยังอยู่ ผมก็จะมานั่งที่สะพานใกล้แม่น้ำที่นี่แหละครับ”
นายชิดพูดเหมือนรู้จักที่นี่ดี แก้วยังคงนิ่งเงียบก่อนจะเปิดหน้าต่างแล้วมองออกมาจากรถเก๋งคันงาม อีกฟากเป็นบ้านคนที่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา ฟากทีแก้วยืนอยู่เป็นเหมือนสวน ก่อนจะเปิดประตูลงมาทันที
“คนเราก็แปลกนะคะ..ดีใจก็ร้อง เสียใจก็ร้อง..”
แก้วพูดในขณะที่มองไปยังแสงทองที่อยู่บนขอบฟ้าเวลาบ่ายใกล้พลบค่ำยามนี้ เรือบรรทุกผู้คนแล่นไปมา นายชิดยังคงนิ่งมองแก้วซึ่งเดินไปริมแม่น้ำก่อนจะนั่งลงเงียบๆเพียงคนเดียวอย่างน่าสงสาร
“อืม..ลุงขอให้แก้วสมหวังนะลูก”
นายชิดเอ่ยขึ้นเหมือนรู้จักแก้วดี โดยเฉพาะความรักและใกล้ชิดระหว่างพจน์ ก่อนนายชิดจะเดินไปที่รถทันที คงทิ้งให้แก้วนั่งปล่อยอารมณ์อยู่คนเดียวท่ามกลางบรรยากาสดีๆในช่วงบ่ายยามนี้
.................................
������ “อืม..วันนี้นึกยังไงลับบ้านพร้อมพ่อ”
จักกฤษเอ่ยถามพจน์เมื่อเห็นพจน์ขอติดรถไปด้วย พจน์หันมายิ้มก่อนพูดว่า
�
“ก็คิดถึงบ้านครับพ่อ อยากกลับบ้านบ้าง” พจน์พูดยิ้มๆ ในขณะที่คนขับรถเข้ามานั่งประจำที่ แล้วขับออกจากบริษัทไปทันที
�
“อืม..ว่าแต่ว่าวันนี้เป็นไงบ้าง ลูกแก้วถามถึงลูกเมื่อคืนสงสัยจะคิดถึงเลย มาเยี่ยมลูกวันนี้”
สิ้นคำพูดของผู้เป็นพ่อ พจน์เหงื่อไหลซึมบนใบหน้าทันที ความรู้สึกเจ็บเริ่มมีขึ้นมาอีกแล้ว ยิ่งเมื่อรู้ว่า แก้วเป็นห่วง
�
“ลูกพจน์..ลูกพจน์”
จักกฤษเงียบไปก่อนจะหันมามองพจน์ที่ยังคงนั่งนิ่ง
�
“ครับพ่อ..มีอะไรหรือครับ” จักกฤษยิ้มก่อนถามอีกครั้งว่า
�
“วันนี้เป็นไงบ้าง คุยกับน้องเค้าหรือเปล่าลูก” คำถามที่ไม่มีคำตอบ พจน์นิ่งเงียบ ก่อนพูดว่า
�
“ยังไม่ได้คุยเลยครับพ่อ” พูดพลางก้มหน้าทันที
“อะไรนะ..แก้วอุตส่าห์มาเยี่ยมลูกไม่ได้ต้อนรับอะไรน้องเลยหรอ..อืม..เป็นพี่ประสาอะไรกัน”
จักกฤษพูดก่อนจะเงียบไปทันที คงทิ้งให้พจน์ยังคงนั่งเศร้าและรู้สึกผิดขึ้นมาอย่างมหันต์ ภาพในช่วงบ่ายวันนี้ผุดขึ้นมา พจน์ยิ่งรู้สึกเจ็บยิ่งรู้สึกรัก มันทรมานเกินกว่าจะอยู่นิ่งได้อีกต่อไป
“พ่อครับ....ยังอีกไกลหรือครับ กว่าจะถึงบ้าน”
พจน์พูดขึ้นมาก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะหันมายิ้ม
“ร้อนใจถึงขนาดนั้นเลยหรือลูก”
พูดพลางยิ้ม คงปล่อยให้พจน์รู้สึกตัวเองขึ้นมาอีกที ก่อนจะยิ้มอย่างอายๆเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อแอบมองมาหาตนในกระจกหน้ารถ�
������������� ���� �ความห่วงใย ไม่อาจเกิดขึ้นได้....หากไม่รัก
�������������������ความรักคือเรื่องของความรู้สึกที่ยากจะเข้าถึง
�������������������������
ความคิดเห็น