ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แก้วจรัสแสง

    ลำดับตอนที่ #10 : แก้วจรัสแสง

    • อัปเดตล่าสุด 24 พ.ค. 55


      บทที่ 10


       
                
    " คุณพ่อครับ.....ป่านนี้น้องเขาคงรู้สึกตัวแล้วนะครับ "  พจน์พูดขึ้นในขณะที่ผู้เป็นพ่อขับรถมองไปข้างหน้าอย่างกังวลใจ ก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะหันมามองลูกชาย
     
    " พ่อก็ยังไม่มั่นใจอะไรมากหรอกลูก..พ่อรู้แต่เพียงว่า  ยังมีคนที่น่าสงสารอีกเยอะในสังคมเรานะลูก" 
     
      พจน์มองหน้าพ่อก่อนที่จะถอนหายใจ แล้วพูดว่า
    "สงสารน้องเค้าเหลือเกิน " จักกฤษหันมายิ้มกับลูกอีกครั้ง  " การช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก ยามเขาต้องการคือสิ่งที่ดีที่สุดนะลูก...ลมหายใจเท่านั้นที่เราช่วยเขาไม่ได้ แต่เราสามารถช่วยอย่างอื่นแทนเขาได้นะ  

    พจน์มองผู้เป็นพ่อด้วยความรักและเคารพ ทุกครั้งพ่อจะสอนสิ่งนี้แก่ตนอยู่เสมอ     แล้วทั้งคู่ก็มุ่งสู่กรุงเทพฯในทันที

     

    ..................

                 
    ณ โรงพยาบาล


                       
    "  แม่...แม่จ๋า...อย่าทิ้งหนูไปนะคะ"    ส่ายหน้าไปมาอยู่บนเตียงคนไข้

      
    " หนู..หนู..เป็นไงเป็นคะ .. "พยาบาลเรียกแก้วพร้อมกับใช้ผ้าเช็ดเหงื่อที่ขึ้นอยู่เต็มใบหน้าแก้ว..... แก้วลืมตาขึ้นมาแล้วลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจ
     
    "หนูอยู่ที่ไหนคะ " สายตามองไปทั่วบริเวณห้อง  มีพยาบาล ยิ้มให้อยู่ข้างๆ " หนูอยู่ที่โรงพยาบาลคะ หนูสลบไปนะ คุณจักกฤษอุ้มหนูมาอยู่ในห้องนี้นะค่ะ "  แก้วนึกถึงภาพเหตุการณ์ได้ทันที "  แม่..คุณแม่หนู 


          ก่อนที่จะลุกออกจากเตียงคนไข้ไปหาแม่  พยาบาลสาวจับแขนแก้วไว้  
    "หนูจะไปไหนหรือคะ..คุณแม่หนูอยู่อีกห้องคะ.. " แก้วหยุดชงักก่อนหันหน้ามามองพยาบาลสาว  พยาบาลส่งยิ้มให้ ก่อนพูดว่า
     
    " แม่หนู..ไม่เป็นไรมากนะค่ะ ..ตอนนี้นอนพักฟื้นอยู่ แก้วกอดพยาบาลสาวไว้ก่อนพูดว่า " คุณหมอคะ.ช่วยชีวิตแม่หนูด้วยนะคะ ...หนูมีแม่อยู่คนเดียวค่ะ.."

    พยาบาลสาวยิ้มให้แก้ว ด้วยความเอ็นดูที่เด็กน้อยคนนี้กตัญญูต่อแม่เหลือเกิน    
    "หน้าที่ของหมอ คือการช่วยผู้ป่วยอยู่แล้วค่ะ..แม่หนูคงหายแน่ เชื่อหมอนะ"

         แก้วปล่อยมือที่โอบกอดพยาบาล เงยหน้ามองพยาบาลด้วยน้ำตาเอ่อนอง  พลางยกมือไหว้   "ขอบคุณคุณหมอมากค่ะ "  พยาบาลมองแก้วด้วยความเอ็นดู คงมีแต่ความเงียบและเสียงสะอื้นของหนูน้อยเท่านั้นในขณะนี้

     ...................


     
    ณ โรงเรียนบ้านทุ่งขี้ไก่


                
    "ผมว่าเห็นทีเราต้องเลือกนักเรียนตัวแทนคนใหม่จะดีกว่านะ .."   เสียงอาจารย์พิรุณ พูดดังลั่นในห้องประชุม ตอนพักกลางวัน
     
    "แต่ก็ยังพอมีเวลาเหลืออีกหนึ่งอาทิตย์นะค่ะ..อีกอย่างแก้วเอง ก็มีความสามารถในด้านการร้องเพลงอยู่แล้ว..ไม่ต้องฝึกฝนนานนี่ค่ะ "  ครูลดาพูดเสนอความคิดเห็น  อาจารย์พิรุณหันมามอง ครูลดา ด้วยความไว้วางใจ เพราะรู้ดีว่า ครูลดาคือคนที่รู้จักแก้วดีที่สุด....แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งสีหน้าไม่ค่อยมั่นใจมากนัก

     
    " แล้วถ้าหากแก้วยังไม่กลับมาหล่ะ ...โรงเรียนเราจะส่งใครไป ..สิ่งที่ผมกังวลคือ จะส่งใครไป...ถ้าแก้วยังไม่กลับมา  " ครูลดาและอาจารย์ในที่ประชุมต่างเงียบไปชั่วขณะ........ก่อนที่ครูลดาจะเอ่ยขึ้น......

    .
    " อาจารย์พิรุณค่ะ...ลดาขอจัดการเรื่องนี้และรับผิดชอบเองค่ะ....ลดามั่นใจแก้วต้องกลับมาค่ะ" อาจารย์ลดา พูดกลางที่ประชุมด้วยความมั่นใจ แววตาจ้องที่อาจารย์พิรุณอย่างไม่เกรงกลัว.....

    "ได้..ครูลดาผมมั่นใจคุณนะ และเชื่อว่า คุณคงทำได้..แต่ถ้าทำไม่ได้ ผมมั่นใจเช่นเดียวกันว่า...คุณคงมีทางแก้.....
    " อาจารย์พิรุณพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะมั่นใจสักเท่าไหร่....แต่ก็สุดจะห้าม ความคิดของครูลดาได้......

     

     .................


          
    ฉันได้ข่าวเมื่อวานเองนะ  ว่าแม่ของแก้วถูกรถชน ...ฉันสงสารแก้วจังเลย
    " มะลิ พูดด้วยสีหน้าเศร้าๆ


    "
    ฉัน...ก็ได้ข่าวเหมือนกันนะว่า คนที่ขับรถชน เป็นผู้ดีเมืองกรุง เห็นว่ารถคันโตเลยแหละ " ติโหน่งพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
     
    " เจ้าประคู้น...ขอให้คนที่มันชนแม่แก้วได้รับเคราะห์เหมือนแม่ของแก้วบ้างเถอะ.." เสลายกมือไหว้เหนือหัว สาปแช่งคนที่ก่อเหตุ


            
    "นี่..พูดก็พูดเหอะ ฉันอยากไปเยี่ยมแม่ของแก้วนะ.." ติโหน่งพูดด้วยเสียงดังฟังชัด มะลิและเสลา ต่างมองหน้ากัน เหมือนมีอะไรบางอย่างที่ไม่สามารถเป็นจริงได้..

    " จริงดิ..ฉันลืมไปนะ ว่าโรงพยาบาลอยู่ในตัวเมือง คงไปลำบาก " ติโหน่งมีสีหน้าเศร้าลงทันตาเห็น ..เพราะความจริงคือ ตัวเมืองและหมู่บ้านอยู่ไกลกันหลายกิโล

          "อาทิตย์หน้าก็จะมีการแข่งขันแล้วดิ " มะลิพูดด้วยเสียงเศร้าๆ " แต่ฉันมั่นใจในการร้องเพลงของแก้วนะ "  เสลา พูดแซงขึ้นมา ในขณะที่ติโหน่ง นั่งใช้คางยันกับพื้นโต๊ะหินอ่อน ใต้ต้นไม้ยามบ่าย..

    .
    " การแข่งขันครั้งนี้สำคัญมากนะ " มะลิพูดพลางหันหน้าไปยังสนามหญ้าของโรงเรียน ด้วยความเสียดาย
     
    " จริงดิ..สำคัญมากเลยเหรอ มะลิ" ติโหน่ง ทำสีหน้าขึงขังเพราะอยากรู้ เสลามองมะลิด้วยความสงสัย
     
    " จ๊ะ..มะลิได้ยินครูพิรุณพูดว่า ..การแข่งขันครั้งนี้เท่ากับการเปิดตัวโรงเรียนของเรา เพราะมีการถ่ายทอดทางทีวีด้วยนะ "  ติโหน่งทำตาโต
     
    "โห ..ออกทีวี " เสลาหยุดก่อนจะพูดต่อไปว่า " งานนี้ ก็คล้ายงานระดับชาติน่ะดิ...แล้วแก้วจะซ้อมทันหรือเปล่า"  เสลาทำหน้ากังวล
     
    "นั่นคือสิ่งที่มะลิกังวลนะ...คิดถึงแก้วจังเลย ป่านนี้จะเป็นงัยบ้างไม่รู้นะ"  มะลิพูดด้วยน้ำตาเต็มเบ้าตา
     
    " แก้วคงเสียใจมาก เพราะแก้วรักแม่แก้วมาก..และอีกอย่างแก้วมีแม่อยู่คนเดียว  "   ติโหน่งออกความคิดเห็น ก่อนที่ทั้งสามจะมองหน้ากันด้วยความสลดใจและเป็นห่วงแก้วที่สุด

     

            .........................

                        

                ณ ห้องพักครู


                        
    ห้องพักครูยามนี้มีแต่ความเงียบ  ลมพัดเบาๆมีใบไม้ พลิ้วไหวไปตามแรงลม ครูลดา ยืนทอดสายตาเหม่อลอยออกไปทางหน้าต่างลำพังเงียบๆคนเดียว  เห็นนักเรียนกำลังเดินกลับบ้านกันเป็นแถวยาว บ้างก็รดน้ำผักที่ปลูกไว้....

         ครูลดา ถอนหายใจชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะเดินมาที่โต๊ะทำงาน หยิบอัลบั้มรูปที่ตั้งอยู่มาดูด้วย สีหน้าเศร้าหมอง ก่อนบรรจงเปิดรูปกิจกรรมที่ผ่านๆมามองด้วยความชื่นชม


                      
    " แก้ว.....ครูมั่นใจเหลือเกินว่า เธอต้องชนะในการแข่งขัน และแก้วต้องกลับมาด้วยความมั่นใจอีกครั้ง" ก่อนที่จะใช้มือลูบรูปหนูน้อยที่ชื่อแก้วในรูปด้วยความมั่นใจ......

         ครูลดาคือครูผู้หญิงตัวเล็กๆที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจ ในทุกกิจกรรม และทุกครั้งในการแข่งขันต่างๆ โรงเรียนบ้านทุ่งขี้ไก่มีชื่อติดอยู่อันดับต้นๆตลอดมา โดยเฉพาะการร้องเพลงลูกทุ่งซึ่งเป็นหัวใจของการแข่งขันในครั้งนี้นั่นเอง 

     เพียงแต่ครั้งนี้เป็นการแข่งขัน ครั้งสำคัญ และเป็นการเดิมพันความสามารถของโรงเรียนบ้านทุ่งขี้ไก่...แต่เหตุการณ์ที่ทุกคนไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น....

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×