ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักนี้...มีไว้เพียงเธอ

    ลำดับตอนที่ #4 : รักนี้..มีไว้เพียงเธอ ตอน แด่คนที่รอคอย

    • อัปเดตล่าสุด 8 ม.ค. 56


    ������������� �������������������������������������������������� บทที่ 4

    ��������� �ระยะทางจากริมแม่น้ำมายังอาคารบ้านไม้หลังเล็กไกลเกินกว่าจะมองเห็นภาพหนุ่มหล่อวัยกลางคนๆนี้ได้อย่างชัดเจน จักกฤษเดินออกมาจากรถคันงามอย่างช้าๆ ตรงไปยังเปียโนซึ่งวางไว้อย่างพอเหมาะ�


    จักกฤษนั่งลงช้าๆพลางใช้มือเคาะไมค์ตัวเล็กเบาๆ� สายตามองไปยังผู้คนอีกฟากด้วยแววตาอันเต็มไปด้วยรอยยิ้มพร้อมกับพูดขึ้น�

    สวัสดีทุกคนด้วยความรัก และขอต้อนรับลูกสร้อยด้วยความคิดถึง
    จักกฤษพูดเสียงดังฟังชัด ทุกคนถึงกับนิ่ง�

    ���������� หากแต่อร รู้สึกใจสั่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เพียงเพราะเสียงที่ดังมา มือที่เคยวางไว้กับโต๊ะกลับต้องย้ายมากุมไว้ซึ่งหน้าอก สีหน้าซีดขึ้นมาทันที

    คุณอร เป็นอะไรหรือเปล่าคะ
    �นีรนุชซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆถามขึ้น เมื่อสังเกตุอรหน้าซีดไปทันตา ทุกคนหันมามองเป็นตาเดียวกัน อรยิ้มให้ทุกคน

    “คุณอร..เป็นอะไรหรือเปล่า
    กาญจน์ร้องถามขึ้นด้วยความห่วงใยเมื่อสังเกตุเห็นสีหน้าที่ซีดลง


    ไม่เป็นไรค่ะ รู้สึกเย็นๆ
    อรพูดพร้อมกับมองหน้าทุกคนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พจน์ถอดเสื้อชั้นนอกที่ใส่อยู่ สวมให้อรไว้ทันที

    อุ้ย ..ไม่เป็นไรค่ะ คุณพจน์
    �อรตกใจด้วยความคาดไม่ถึงกับการสุภาพของเด็กหนุ่มคนนี้�

    ไม่เป็นไรครับ ผมรู้สึกร้อนแล้ว ไม่นึกว่าพ่อจะมีเซอไพรส์ในงานนี้ด้วย��
    พจน์พูดทุกคนถึงกับส่งเสียงเห็นด้วย สร้อยนั่งยิ้มด้วยความตึ้นตันใจ

    ���� “ พ่อเคยร้องเพลงให้ลูกฟังเสมอ ตั้งแต่เล็กจนโต วันนี้ ลูกโตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันแล้ว พ่อก็จะร้องให้ฟัง เพลงนี้ขอมอบให้กับทุกๆคนที่มาร่วมงาน โดยเฉพาะลูกสร้อย
    จักกฤษพูดจบพลางใช้มือกดเปียโนด้วยความรู้สึกอินไปกับเนื้อเพลงรักที่มอบให้แก่ลูกน้อย สร้อยถึงกับนิ่งเงียบน้ำตาคลอเบ้าตาด้วยความรู้สึกดีใจ�

    ���������� จีน่ากุมมือสร้อยไว้แน่นด้วยความเป็นห่วง ทุกคนนั่งร้องคลอไปพร้อมๆกับเพลง คงมีแต่อรทัยเท่านั้น ที่พยายามจ้องมองไปยังคนร้องด้วยความอยากรู้ ว่าเขาคนนี้คือใคร หากแต่อีกใจหนึ่งพยายามคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ในสิ่งที่ตัวเองกำลังคิดอยู่

    .............................

    �������� ณ โรงพยาบาล

    แก้วนั่งนิ่งเงียบอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน เพียงลำพังคนเดียวไม่มีญาติผู้ป่วยและผู้คนเดินพลุกพล่านในยามนี้ เก้าอี้วางเรียงเป็นแถวด้วยความว่างเปล่า แก้วพยายามนึกถึงหน้าผู้ชายคนนี้ หากแต่นึกไม่ออกว่าเคยเจอกันที่ไหน ก่อนจะรีบเดินไปยังโต๊ะซึ่งนางพยาบาลยืนอยู่�

    .. ขอโทษนะคะ คืออยากทราบว่า ผู้ป่วยที่เข้าห้องฉุกเฉินเมื่อสักครู่ชื่ออะไรหรือคะ
    แก้วถาม นางพยาบาลหันมายิ้มมองหน้าแก้ว


    ค่ะ สักครู่นะคะ
    แก้วยืนมองไปยังหน้าห้องฉุกเฉินซึ่งคงอยู่ในความเงียบ

    คุณคะ ผู้ป่วยรายนี้ชื่อ คุณปราโมทค่ะ
    แก้วนิ่งเงียบไปชั่วขณะ


    ปราโมท
    พร้อมกับเอ่ยชื่อขึ้นเบาๆเหมือนจะคุ้นเคย สีหน้าที่เคยสับสนกลับต้องสดใสขึ้นเมื่อ ภาพวันวานเมื่อหลายปีก่อน ณ วันงานประจำปีของหมู่บ้านผุดขึ้นมาอย่างไม่รอช้า


    เรียกว่าน้าปราโมทก็ได้นะ ลูกแก้ว
    ชายหนุ่มหล่อในชุดสุภาพเดินเข้ามาทักทายแก้วกับนุช พร้อมกับส่งยิ้มให้รอยยิ้มนี้แก้วยังจำได้ดี


    น้าปราโมท
    แก้วอุทานออกมา


    ใช่แล้ว...ใช่แล้วจริงๆ...น้าปราโมท คนที่เคยพาแก้วไปซื้อเสื้อผ้า
    �แก้วพูดออกมาเพียงลำพังน้ำตาเอ่อนอง เมื่อนึกถึงบุญคุณในครั้งนั้น นางพยาบาลนิ่งเงียบเมื่อสังเกตุแก้วพูดด้วยน้ำตาไหลริน
    �...........................

    ������������� เสียงประตูห้องฉุกเฉินถูกเปิดออกช้าๆ �แก้วรีบวิ่งเข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง

    คุณหมอคะ น้าหนูเป็นไงบ้างคะ
    �แก้วพูดพร้อมกับใช้มือเช็ดน้ำตา หมอถอนหายใจแรง พลางมองมายังแก้ว เหมือนไม่ยากจะตอบ�

    คุณหมอคะได้โปรดบอกหนูนะคะ น้าหนูเป็นโรคอะไร
    แก้วร้องถามน้ำตาไหลนอง


    อืม น้าของคุณเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย
    นายแพทย์พูดจบพลางรีบเดินจากไปทันที เสียงคำพูดของนายแพทย์ ดังซ้ำอยู่ในโสตประสาทแก้วครั้งแล้วครั้งเล่า แก้วทรุดตัวลงนั่งใช้มือกุมหูทั้งสองข้างไว้ด้วยความเจ็บปวดกับสิ่งที่ได้ยิน

    ไม่....ไม่
    �มีเพียงเสียงที่เล็ดลอกออกมาจากปากเบาๆด้วยความนึกไม่ถึง

    ...............................

    �������

    ���������� เสียงปรบมือ พร้อมๆกับเสียงเฮ ดังขึ้นด้วยความไพเราะเมื่อเพลงจบไป�

    �พ่อร้องเพลงมอบให้กับทุกคนไปแล้ว นี่ก็ดึกแล้วพ่อก็จะร้องเพลงนี้เป็นเพลงสุดท้าย และมอบให้กับตัวของพ่อเอง..และ........คนที่พ่อรักอยู่เสมอ

    �������� จักกฤษพูด พยายามเปล่งเสียงให้ออกมาเป็นปกติ ทุกครั้งที่จะเอ่ยเพลงนี้ความรู้สึกเหงาบั่นทอนหัวใจทุกทีไป ��ทุกคนนิ่งเงียบ นุชลุกขึ้นช้าๆ พร้อมกับมองมายังทุกคนด้วยความรู้สึกเดียวกัน ก่อนที่ทุกคนจะลุกขึ้นเดินไปยังจักกฤษพร้อมๆกัน

    วันนี้พ่อไม่รู้ว่า คนที่พ่อรักอยู่ที่ไหน..เป็นอยู่อย่างไร....หรือ...อยู่กับใคร..
    �คำพูดทุกคำพูดมันซึ้งและเจ็บปวดเกินกว่าที่คนมีความรู้สึกนี้จะทนต่อไปได้ อรถึงกับร้องให้อยู่กับที่ไม่ยอมเดินไปด้วย ทั้งๆที่พจน์พยายามเดินเข้ามาหา

    ไปเถอะคุณพจน์ ขอน้าอยู่คนเดียวนะลูก
    อรพูดพลางนั่งกุมหัวใจตัวเองอย่างไม่เข้าใจตัวเองมากนัก กับความรู้สึกในค่ำคืนนี้

    ฉัน รัก เธอ...รัก..เธอ...ด้วยความ..ไหวหวั่น
    �� เสียงร้องเพลงดังขึ้น พร้อมกับเสียงร้องของอรทัยสุดจะรั้งไว้ได้อีกต่อไป ทุกคนที่เดินต่างหันมายังอรทัยซึ่งนั่งก้มหน้าร้องไห้ไม่หยุด�

    ���� กาญจน์มีสีหน้าตกใจ หากแต่ไม่เข้าใจอรในความรู้สึกของอรที่เกิดขึ้น พลางมองทุกคนก่อนจะพูดออกมา�

    ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณอรเอง
    กาญจน์พูดพร้อมกับรีบเดินไปยังอร แต่ช้าไปเสียแล้ว เมื่อพจน์เดินสวนมาพร้อมกับจับมือกาญจน์ไว้

    ปล่อยให้น้าอรอยู่เพียงลำพังจะดีกว่าครับ
    � พจน์พูดด้วยสีหน้าเข้าใจความรู้สึกของอรดี ในขณะนี้ถึงแม้ไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงก็ตามกาญจน์นิ่งเงียบพร้อมกับมองไปยังอรซึ่งนั่งก้มหน้าร้องไห้ประหนึ่งคนเจ็บปวดเหลือเกิน�

    แม้ มีปีก โผบิน ได้เหมือนนก....อกจะต้อง..ธนู เจ็บปวดยิ่งนัก.......ฉันจะบิน.......มาตาย ตรงหน้าตัก...ให้ยอดรัก...เช็ดเลือดและน้ำตา.....
    � �จักกฤษร้องเพลงด้วยสีหน้าเศร้า ทุกคนเดินมายังเปียโน พอที่จะมองเห็นสีหน้าคนร้องได้อย่างเข้าใจ นุชแอบเช็ดน้ำตากับความหมายเพลงนี้เบาๆ พลางมองมายังทุกคนก็มีน้ำตาคลออยู่เช่นกัน�

    ��� แม้ มีปีก โผบิน ได้เหมือนนก....อก....จะต้อง..ธนู เจ็บปวดยิ่งนัก.......ฉันจะบิน.......มาตาย ตรงหน้าตัก...ให้ยอดรัก...เช็ดเลือดและน้ำตา.....

    จักกฤษซ้ำท่อนสุดท้าย พร้อมกับมองมายังทุกคนด้วยแววตาอันเศร้าพร้อมกับจบเพลงด้วยการกดเปียโนลงช้าๆ

    ให้ยอด.....รัก...เช็ดเลือด....และน้ำตา.....
    เสียงเพลงจบลงอย่างสมบูรณ์เสียงปรบมือดังขึ้น จักกฤษยิ้มให้กับทุกคน สร้อยเดินไปยังผู้เป็นพ่อ พลางกอดไว้เบาๆน้ำตาแห่งความดีใจไหลอาบแก้ม�

    ������ สร้อยซึ้งถึงความรักที่พ่อมีให้กับลูก และยังซึ้งไปกว่านั้นคือ ความรักที่พ่อมีให้กับคนที่พ่อรัก ซึ่งไม่ใช่แม่ของตัวเอง

    ลูกสร้อย เพราะไหมลูก
    จักกฤษพูดเบาๆ สร้อยยังคงร้องกอดผู้เป็นพ่อไว้ เกินกว่าที่ทุกคนจะหยุดน้ำตาไว้ได้สร้อยผละออกมาจากอ้อมกอดผู้เป็นพ่อ พลางมองผู้เป็นพ่อ

    พ่อคะ สร้อยรักพ่อค่ะ
    สร้อยพูดพร้อมกับหอมแก้มผู้เป็นพ่อเบาๆ


    เพราะมากค่ะ เพราะจนน้ำตาไหล
    นีรนุชพูดชมพร้อมๆกับแอบเช็ดน้ำตาตัวเอง ก่อนที่ทุกคนจะหันมาหัวเราะกันเบาๆ


    ขอบคุณมากนะครับ
    จักกฤษพูด พร้อมกับยืนขึ้น

    อืม ขอบคุณนะครับ ที่มาร่วมงานวันนี้
    จักกฤษพูดขึ้น กาญจน์เดินเข้ามาหาจักกฤษ


    สวัสดีครับ
    พร้อมกับยกมือไหว้ชายหนุ่มวัยเดียวกัน


    ครับ ... สวัสดีครับ เอ่อ ถ้าเดาไม่ผิดคือ คุณกาญจน์ใช่ไหมครับ
    จักกฤษทักทาย กาญจน์หัวเราะเบาๆ


    ครับผม ไม่ผิดหรอกครับ

    จักกฤษยิ้ม�

    �"อืม แล้วมาคนเดียวหรือครับ"

    จักกฤษมองไปยังผู้หญิงซึ่งนั่งนิ่งมองออกไปยังแม่น้ำ�

    แล้วทำไมทิ้งให้คุณอร นั่งอยู่คนเดียวละครับ
    �จักกฤษถามด้วยความสงสัย และเรียกชื่ออย่างคนคุ้นเคย�

    อืม ไม่ทราบค่ะ ตั้งแต่คุณจักกฤษเริ่มพูดแล้ว คุณอรเค้าดูเศร้าลงทันที แปลกๆ
    นีรนุชพูดขึ้น จักกฤษอึ้งไปชั่วขณะ


    เศร้าหรือครับ
    จักกฤษพูดขึ้นเบาๆด้วยสีหน้างง พลางมองหน้านรีนุชอย่างไม่มั่นใจในคำพูดนัก

    ค่ะ..เศร้า และพอได้ยินเพลงที่คุณร้อง คุณอรร้องไห้เลย สงสัยคงอินกับเพลงค่ะ
    นีรนุชพูดกับสิ่งที่ได้เห็นมา

    เห็นทีต้องขอตัวกลับก่อนนะคะ ดึกแล้ว
    �นีรนุชพูดขึ้นทันที�เมื่อสังเกตุเห็นจักกฤษมองไปยังอรซึ่งนั่งนิ่งเงียบอยู่ริมแม่น้ำเพียงลำพัง


    ครับ งั้นก็เชิญตามสบายนะครับ ขอบคุณที่มาร่วมงานครับ
    จักกฤษพูดในขณะที่ทุกคนต่างเดินไปส่งนีรนุช


    คุณพ่อครับ
    พจน์เรียก จักกฤษผละสายตาจากหญิงผู้ซึ่งนั่งอยู่เพียงลำพังทันที


    � ผมสงสารน้าอรนะครับ”��พจน์พูด

    พี่พจน์คะ น้านุชเรียกค่ะ
    �จีน่าตะโกน พจน์รีบหันไปยังจีน่าทันที ก่อนจะมองมายังจักกฤษด้วยแววตาเศร้า

    ...........................

    ����������� ทุกคนกำลังยืนอำลากันอยู่หน้ารั้วบ้านด้วยรอยยิ้ม��จักกฤษรีบเดินมายังโต๊ะริมน้ำทันที ยิ่งเดินใกล้เข้ามาจักกฤษยิ่งรู้สึกสับสนและแปลกใจกับคำพูดนีรนุชเมื่อสักครู่ และยังคงดังอยู่ตลอดเวลา��

    ““อืม ไม่ทราบค่ะ ตั้งแต่คุณจักกฤษเริ่มพูดแล้ว คุณ อรเค้าดูเศร้าลงทันที
    คำพูดนีรนุชยังคงดังอยู่ด้วยความสงสัย จนกระทั่งเดินมายังโต๊ะซึ่งอรนั่งอยู่ เพียงลำพัง�

    ขอเวลาให้อรสักครู่นะ คะ��� คุณกาญจน์
    �เสียงพูดของอรดังขึ้นช้าๆ หากแต่ยังคงมีเสียงสะอื้นอยู่เบาๆ จักกฤษนิ่งเงียบไปไม่กล้าขยับเท้าเข้ามาอีกเลย พลางถอนหายใจก่อนจะพูดขึ้นว่า

    ขอโทษนะครับ ผมไม่ทราบว่าคุณต้องการอยู่เพียงลำพัง
    จักกฤษพูดเบาๆก่อนจะหันกลับทันที อรยังคงหันหน้าสู่แม่น้ำ ไม่มีคำพูดใดๆออกจากอร


    และต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่ไม่นึกว่าเพลงที่ร้องจะเป็นเพลงที่ทำให้คุณอรรู้สึกเศร้า
    �จักกฤษพูดพร้อมกับก้าวเท้าเดินออกไปทันที�

    ฉันแปลกใจค่ะ
    เสียงของอรดังขึ้น ครั้งนี้ชัดเจน ชัดเกินกว่าที่จักกฤษจะพลาด เมื่อเสียงพูดนี้เหมือนเสียงคนที่ตัวเองถวิลหาอยู่ตลอดเวลา

    ������ �
    อรลุกขึ้นยืนช้าๆ พร้อมๆกับหันหน้าซึ่งยังคงเปื้อนรอยน้ำตา และแล้วทั้งสองถึงกับยืนนิ่งเงียบมองหน้ากันด้วยแววตาอันเศร้าๆยิ่งนัก น้ำตาอรถึงกับไหลรินสุดเกินจะห้ามมือยกขึ้นมาเกาะอกตัวเองเอาไว้เบาๆ ก่อนจะถอยหลังเซไปหนึ่งก้าว ปากสั่นเหมือนจะพูดอะไรออกมา�

    ��������� สภาพความรู้สึกนี้ก็ไม่ต่างจากจักกฤษน้ำตาลูกผู้ชายระยิบระยับเต็มสองเบ้าตาด้วยความรักความคิดถึงสองขาอ่อนล้าหมดเรี่ยวแรงหากแต่ยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติง�


    อร... ทัย ใช่...ไหม
    หนึ่งประโยคที่พูดออกไปพร้อมกับน้ำตาไหลรินด้วยความเจ็บปวดเหลือเกิน อรทัยก้มหน้าร้องไห้แทบใจจะขาด ไม่มีคำพูดใดๆ ก่อนร่างจะร่วงลงบนพื้นหญ้าทันที

    อรทัย
    จักกฤษตะโกนเสียงดังลั่นด้วยความตกใจเมื่อคนที่ตนรักหมดสติอยู่ตรงหน้า ทุกคนต่างมองมายังจักกฤษเป็นตาเดียวกันเด้วยความตกใจ

    ..............................................�

    �� �����ตะวันทอแสง แดงขึ้นมาอีกครั้ง เสียงนกกาบินออกจากรังเหมือนทุกวัน ซึ่งได้ยินในยามเช้าตรู่เช่นนี้ อรทัยลืมตาขึ้นช้าๆ สอดสายตาไปรอบ ด้วยความแปลกใจกับสถานที่แห่งนี้ ก่อนจะพยุงตัวขึ้นช้าๆ

    โอ๊ะ
    �พร้อมกับร้องออกมาเมื่อรู้สึกปวดศีรษะอย่างรุนแรง�

    คุณอรเป็นอะไรหรือเปล่า
    �เสียงกาญจน์ดังขึ้นด้วยสีหน้าตกใจ สีหน้าเหมือนคนนอนไม่หลับทั้งคืน ยิ้มเห็นไรฟันขาวด้วยความดีใจ

    ไม่ต้องตกใจนะ พักผ่อนเถอะ
    กาญจน์พูดด้วยรอยยิ้ม พลางดึงผ้าห่มขึ้นมายังอกอรเบาๆ


    นี่ที่ไหนคะ แล้วทำไมอรมานอนอยู่ที่นี่คะ
    �อรรีบร้องถามในขณะที่มือยังกุมอยู่ที่ศีรษะ กาญจน์โน้มตัวลงเบาๆ พลางใช้มือวางบนศีรษะอรเบาๆ อรนิ่งเอามือออกจากศีราษะหันมาสบตากาญจน์ช้าๆ

    คุณอร ไม่สบาย พักผ่อนสักครู่ แล้วค่อยคุยกัน
    กาญจน์พูดด้วยสีหน้าอบอุ่น อรนิ่งเงียบก่อนจะหลับตาลงเบาๆ ด้วยความอ่อนเพลีย

    ..........................

    ����� เอ่อ ไม่ทราบว่าคุณอรทัยเป็นอย่างไรบ้างครับ
    จักกฤษ กระวนกระวายใจเมื่อลงมาจากรถ พร้อมกับเปิดประตูรถให้นุชซึ่งนั่งมาด้วยกัน

    อ๋อ...ไม่เป็นไรครับเมื่อเช้ารู้สึกตัวมาครั้งนึ่ง แล้วก็หลับไปอีกครับ
    กาญจน์พูดหากแต่สีหน้ายังคงแสดงถึงความกังวล

    ตื่นแล้วใช่ไหมครับ ...ฮือ..
    จักกฤษพูดย้ำด้วยความดีใจ สีหน้าที่เคยทุกข์ใจกลับมีรอยยิ้ม พลางหันมายังนุช ซึ่งยืนมองอยู่ใกล้ๆ


    น้องนุชคุณอรทัย ฟื้นแล้ว
    �จักกฤษพูดพร้อมกับรีบเดินเข้าบ้านไปทันทีกาญจน์งงในท่าทีและการกระทำของจักกฤษที่มีต่ออรอย่างไม่เข้าใจ นุชนิ่งเงียบมองจักกฤษเดินเข้าบ้านไปจนลับตา�

    คุณกาญจน์คะ ทางนี้ดีกว่าค่ะ
    �นุชเอ่ยขึ้นเมื่อสังเกตุเห็นกาญจน์มีสีหน้าเปลี่ยนไปหากแต่ยังคงจ้องมองไปยังจักกฤษด้วยสีหน้าแปลกๆ

    ครับๆ
    �ก่อนจะขานรับ พลางหันมายังนุช ซึ่งมองดูอยู่ด้วยรอยยิ้ม สีหน้าสงสัยยังคงมีแสดงอยู่บนใบหน้าขอกาญจน์ อย่างไม่มีคำตอบ

    ������������������������������������� การอคอยคนที่เรารัก แม้จะนานเนิ่นนาน��
    ������������������������������������กาลเวลาก็ไม่สามารถลบล้างความรักลงได้
    เลย�������������������������������������������������

    ������������������������������������������������� ……………………..

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×