คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : รักนี้..มีไว้เพียงเธอ ตอน รับขวัญ
��������������������������������������������������������������
������������������������������������������������������� ��� บทที่ 1
�� ท้องฟ้าสดใส สายลมพัดพริ้วใบไม้เคลื่อนไหวไปมา ท่ามกลางสนามหญ้าริมแม่น้ำเจ้าพระยา นุชและน้ำพร้อมกับหญิงสาวอีกสามคน กำลังกุลีกุจอจัดแจงโต๊ะอาหารพร้อมๆกับคุณนีรนุชเจ้าของร้านเสื้อผ้าชั้นนำต่างประเทศ นั่งแกะสลักผลไม้บนศาลาริมน้ำอย่างมีความสุข�
�
����� “อืม ....คุณนีรนุชคะ วางมือบ้างก็ได้นะคะไม่ต้องรีบ”�
นุชพูดด้วยรอยยิ้มพลางเดินมานั่งใกล้ๆถาดแกะสลักผลที่เรียบร้อยแล้ว
�
“ไม่เป็นไรค่ะ สมัยยังสาว คุณย่าให้นั่งเป็นวันๆเลย แค่นี้ไม่พอมือหรอกค่ะ”�
นีรนุชพูดด้วยรอยยิ้มหวาน เมื่อนึกถึงอดีต
“อืม น่าอิจฉาชีวิตคุณพี่มากนะคะ”�
นุชพูดด้วยรอยยิ้ม
�
“แหม นุช จะอิจฉาทำไม นั่งเมื่อยจะตายไม่ว่า อยู่แบบน้องดีแล้ว”�
นีรนุชพูดพลางวางมีดแกะสลักลงเบา ๆ
�
“อืม ว่าแต่นี่ก็จะสายแล้ว ยังไม่เห็นใครมาเลย หวังว่าไม่รอเก้อนะ”�
นีรนุชพูดพร้อมกับมองดูนาฬิกา
�
“ตี๊ด ตี๊ดๆ”�
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น นุชหันมามองหน้านีรนุช�
“สงสัยมากันแล้วหละค่ะ”�
นุชพูดเบาๆ พลางกดสายรับทันที�
“สวัสดีค่ะ...ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วค่ะ พี่จักกฤษ ไม่ต้องรีบก็ได้ค่ะ เพราะงานนี้นุชมีพี่นีรนุชมาช่วยด้วยค่ะ..... ค่ะ........เดี่ยวจะบอกให้นะคะ ค่ะ สวัสดีค่ะ”�
นุชวางสายด้วยรอยยิ้ม นีรนุชหันมามามองด้วยรอยยิ้มหวาน
�
“แหม คุยกันอย่างกับคนรักกันเลยนะน้องนุช”�
นีรนุชพูดแซวขึ้น ทำเอานุชหน้าแดงด้วยความเขินอาย
�
“แหม พี่นุช คิดมากอีกแล้ว พี่จักกฤษเปรียบเสมือนพี่ชายแท้ และเปรียบเสมือนพ่อของลูกแก้ว นุชเป็นหนี้บุญคุณพี่จักกฤษทั้งสองแม่ลูกเลยค่ะ นุชเคารพและรักพี่จักกฤษเหมือนพี่ชายแท้ๆค่ะ”
�นุชพูดอธิบายเมื่อนึกถึงวันที่ผ่านมาด้วยใบหน้าอิ่มเอิบใจยิ่งนัก
�
“�ตั้งแต่วันแรกที่พี่เห็น พี่ก็รู้แล้วว่า คุณจักกฤษเป็นคนดี แต่พี่ยังสงสัยว่า ทำไมต้องทนอยู่กับคนที่ไม่ได้รักนานถึงขนาดนี้ “
�นีรนุชพูดด้วยสีหน้าจริงจังเมื่อนึกถึงอดีตของจักกฤษกับพิจิตรา
�
“นุชว่าพี่จักกฤษอาจรอใครบางคนอยู่ก็ได้นะคะ”
�นุชพูดในฐานะที่อยู่ใกล้ชิดกับจักกฤษมาตลอด นีรนุชนิ่งเงียบมองไปยังนุชซึ่งมองออกไปยังแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยแววตาเศร้าๆ�
“พี่เชื่อไหมคะ ว่าการรอใครสักคน บางครั้งก็มีความสุขนะคะ”
�นุชพูดหากแต่ไม่มีคำตอบจากนีรนุช นุชรีบผละสายตามายังนีรนุชซึ่งจ้องมองมาที่ตนอย่างสงสัย
�
“นั่นแน่ แอบรอใครอยู่หรือเปล่าน้องนุช”
�นีรนุชพูด ทำเอานุชหน้าแดง
�
“แหม๋ พี่พูดเข้า� นุชจะรอใครคะ ไม่มีใครให้รอแล้ว”
�พูดพลางหัวเราะพร้อมๆกัน�
“อ๋อ ลืมไปค่ะ พี่จักกฤษฝากความระลึกถึงพี่ด้วยนะเมื่อสักครู่ เดี๋ยวก็คงมาแล้ว”�
นุชพูดด้วยรอยยิ้ม นีรนุชหันมายิ้มตอบ
�“พี่คะเดี๋ยวนุชขอตัวไปดูอาหารในครัวแป้บนะคะ เดี๋ยวมาค่ะ”
�นุชพูดพลางรีบเดินออกจากศาลาริมน้ำไปทันที �คงทิ้งให้นีรนุชมองนุชด้วยแววตาสงสัยในนุชมากยิ่งขึ้น พลางแกะสลักผลไม้ต่อไป
...............................
�
�������� “ปิ๊นๆ ปี๊น”�
เสียงบีบแตรรถดังมาจากรั้วบ้าน น้ำรีบวิ่งออกไปทันที
�
“สวัสดีค่ะ เชิญค่ะ”
�น้ำรีบเชิญทันทีเมื่อรถคันใหญ่หรูสีครีม �จอดรออยู่ พร้อมกับค่อยขับเข้ามาจอดไว้ริมทางเดิน ประตูรถถูกเปิดออกเบาๆ จักกฤษเดินลงมาด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับรับไหว้น้ำซึ่งยืนมองด้วยความทึ่งในความหล่อแม้จะอายุมากแล้วก็ตาม
�
“อืม น้ำวันนี้น้าซื้อของมาฝากด้วยนะ”�
จักกฤษพูดพร้อมกับรีบเดินไปยังด้านหลังรถโดยมีน้ำเดินตามไปติดๆ
�
“นี่ไง ใส่คืนนี้ก็ได้ น้าคิดว่าเหมาะกับน้ำ สวยดี”
�จักกฤษพูดด้วยรอยยิ้ม
�
“ขอบคุณมากค่ะ ดีใจจังเลย”
น้ำสีหน้าสดชื่นมองมายังจักกฤษด้วยรอยยิ้มพร้อมกับยกมือไหว้
�
“อืม รีบไปลองก่อนก็ได้ะ ถ้าไม่สวยก็ไปเปลี่ยนใหม่ได้”�
จักกฤษด้วยรอยยิ้ม
“อ้าว สวัสดีค่ะพี่จักกฤษ”�
นุชเดินเข้ามาเมื่อสังเกตุรถจอดอยู่หากแต่ไม่เห็นเจ้าของ
�
“สวัสดี นุชเป็นไงบ้าง”�
จักกฤษหันมามองนุช
�
“สบายดีค่ะ� อ้าวน้ำนั่นอะไร”�
นุชเอ่ยถามเมื่อเห็นน้ำยืนกอดถุงกระดาษมียี่ห้อเสื้อราคาแพง น้ำยิ้มดีใจ�
“ก็คุณจักกฤษซื้อเสื้อให้น้ำค่ะ สวยด้วยค่ะ”
น้ำพูดด้วยสีหน้าดีใจพลางยื่นให้นุชดู
�
“อืม ขอบคุณน้าหรือยัง”�
นุชพูด จักกฤษยิ้ม
“ไม่เป็นไร ของเล็กๆน้อยๆ”�
จักกฤษพูดพร้อมกับมองไปยังบริเวณสนามใกล้ริมแม่น้ำด้วยสีหน้าสดชื่น�
“ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วค่ะ รอทุกคนมาเท่านั้นเอง”�
นุชพูดด้วยรอยยิ้ม
�“คุณนุชคะ คุณจักกฤษ น้ำขอตัวก่อนนะคะ”
�น้ำพูดพลางรีบเดินจากไปทันที คงทั้งให้นุชและจักกฤษมองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม
�
“นุชคิดว่าลูกพจน์เสียอีกขับรถใหม่คันนี้มา”�
นุชพูดเมื่อหันมายังรถคันงามซึ่งนุชไม่เคยเห็นจักกฤษขับมาก่อน
�
“อืม พี่เพิ่งจะซื้อมาเอง เพราะระยะทางไกล พี่คิดว่าเหมาะกว่าจะมารถเก๋ง �เลยซื้อเอาไว้มาบ้านเกาะเรียนโดยเฉพาะ”
�จักกฤษพูดด้วยรอยยิ้ม นุชแอบยิ้มด้วยความขี้เล่นของพี่ชายคนนี้
�
“แหมพี่ หรือว่า แอบรักใครในรีสอร์ทไว้หรือเปล่าคะ ผู้ชายเนี่ยะ ร้ายทุกคนเลย”�
นุชพูดด้วยรอยยิ้ม�
“อืม พี่คะเชิญด้านนี้ดีกว่าค่ะ”
�นุชพูดพร้อมกับเดินนำจักกฤษไปยังศาลาน้ำทันที
.....................................
�
�������� “สวัสดีค่ะ คุณจักกฤษ”�
นีรนุชยกมือขึ้นไหว้ชายหนุ่มวัยสูงอายุกว่า
�
“ครับสวัสดีครับ”�
จักกฤษยกมือรับไหว้พลางเดินเข้ามาใต้ร่มศาลาริมแม่น้ำเจ้าพระยา
�
“โอ้โห นี่แกะเองเลยหรือครับ สวยจริงๆ สวยมากครับ”�
จักกฤษตะลึงในความสวยงามของผลไม้ที่แกะสลักสดๆอย่างไม่น่าเชื่อ นีรนุชถึงกับยิ้มหันมองมายังนุชซึ่งยิ้มรับ
�
“แหม พี่จักกฤษค่ะ พี่ก็ลองดูคนแกะสิคะ สวยแค่ไหน ผลงานก็ออกมาสวยสิคะ”�
นุชพูดชม จักกฤษเงยหน้าจากผลไม้มองมายังนรีนุชด้วยแววตายิ้ม
�
“อืม นั่นซิ คนแกะสวยกว่าผลไม้อีกะ”
�จักกฤษหยอดคำหวาน ทำเอานีรนุชยิ้มด้วยความเขินอาย
�
“อืม เสร็จพอดีเลยค่ะ น้องนุช”
�นีรนุชบอกเมื่อผลไม้ชิ้นสุดท้ายวางลงบนตะกร้า
�
“ค่ะ เดี๋ยวนุชจะยกไปจัดวางไว้ที่โต๊ะเลยดีกว่านะคะนี่ก็ได้เวลาแล้ว”�
นุชพูดพลางรีบกุลีกุจอจัดแจงของทันที
“อืม เดี๋ยวพี่ช่วยยกนะ”
�จักกฤษพูดพลางช่วยยกของออกจากศาลาเดินตามนุชและนีรนุชไปทันที
�
“ปี้นๆ ปี้นๆ”�
เสียงแตรรถดังขึ้น
“อืม พี่จักกฤษค่ะ สงสัยลูกพจน์และลูกสร้อยมาแล้วนะคะ”�
นุชพูดในขณะที่เดินถือของออกมาวางไว้บนโต๊ะ น้ำรีบวิ่งไปเปิดประตูรั้วบ้านด้วยรอยยิ้มดีใจ
“อืม นั่นซิ สงสัยมากันพร้อมเลยวันนี้”�
จักกฤษพูดด้วยรอยยิ้ม พลางวางของลงบนโต๊ะริมน้ำทันที�
“อืม พี่ไม่เห็นลูกแก้วเลยนะตั้งแต่เข้าบ้านมาเนี่ยะ”�
จักกฤษพูดเมื่อของทุกอย่างถูกจัดเข้าที่เข้าทาง นุชหันมามอง�
�
�“ค่ะ ลูกแก้วโทรมาบอก ลาพักร้อนและขอไปดูแลพี่วิวัฒน์นะค่ะ”�
นุชพูดด้วยรอยยิ้มหากแต่สีหน้าสลดลงทันที�
“วิวัฒน์”�
จักกฤษเอ่ยชื่อขึ้นเบาๆตามที่นุชบอก เพราะไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน
�
“อะไรนะ”
�นุชร้องถามเมื่อได้ยินไม่ชัด พลางยกถาดเพื่อจัดผลไม้�
“น้องพูดว่า พี่วิวัฒน์.. นี่ใครเหรอ พี่ไม่เคยได้ยิน”�
จักกฤษถามขึ้น ถาดผลไม้ซึ่งในมือของนุชตกลงพื้นทันที�
“โอ๊ะ”
�เสียงร้องตกใจดังออกมาสีหน้าที่เคยสลดกลับซีดขึ้นไปอีก
�
“อ๋อ...นุชขอโทษค่ะ พอดีกำลังนึกถึงลูกวัฒน์ เลยบอกชื่อผิดไป”
�นุชพูดตะกุกตะกัก พลางปรับสีหน้าด้วยรอยยิ้มไม่สดชื่นนัก
�
“ลูกแก้วไปดูแลคุณ..จรัลค่ะ”
�นุชพูดพลางก้มลงจัดแจงกับถาดผลไม้ทันที คงทิ้งให้จักกฤษรู้สึกแปลกใจกับท่าทีลับลมคมในของนุชขึ้นมาทุกที
.
�� “สวัดสีค่ะ คุณพ่อ สวัสดีค่ะน้านุช”�
เสียงหวานใสของจีน่า พร้อมๆกับเดินเข้ามาหาทั้งสองซึ่งกำลังยืนช่วยกันจัดโต๊ะอย่างสนิทสนม
�
“สวัสดีลูก”
�จักกฤษยกมือรับไหว้พร้อมๆกับนุชซึ่งยืนยิ้ม
�
“เป็นไงบ้างลูกเหนื่อยไหม นั่งรถมาตั้งไกล”
�นุชเอ่ยถาม จีน่ายิ้มเห็นไรฟันพองาม
�
“ไม่เลยค่ะ นั่งชมวิวมาตลอดทาง สวยดีนะคะ ไม่มาเพียงไม่กี่ปี ที่นี่เปลี่ยนไปมากเลยค่ะ”
�จีน่าพูด พร้อมจ้องมองมายังโต๊ะอาหารซึ่งจัดได้สวยงามมาก
�
“น้านุชคะ”
�จีน่าเอ่ยปากเรียกนุชอยางสงสัย นุชผละจากการจัดโต๊ะหันมามองจีน่าด้วยรอยยิ้ม�
“มีอะไรหรือคะ”�
พร้อมกับมองหน้าจีน่าด้วยรอยยิ้ม
�“คือจีน่า สงสัยค่ะ ว่าน้าเรียนการจัดโต๊ะอาหารมาจากที่ไหนคะ เพราะการจัดอย่างนี้คือ ไม่ใช่การจัดธรรมดานะคะ”�
จีน่าพูดตรงไปตรงมา นุชนิ่งเงียบชำเลืองมองไปยังจักกฤษซึ่งยืนนิ่งเห็นด้วยกับคำถามของจีน่า นุชนิ่งไปชั่วขณะ พลางตอบว่า
�
“อืม ไม่เห็นมีอะไรนี่คะ ก็ดูเอาในรายการทีวี��ไม่ได้เรียนที่ไหนหรอกค่ะ”�
นุชพูดพลางเช็ดมือตัวเอง เป็นอันเสร็จสิ้น
�
“เสร็จแล้วหละค่ะ”�
นุชพูดขึ้น พร้อมกับชะเง้อมองไปยังตัวอาคารบ้าน
�
“อืมหนูจีน่าตามสบายนะ น้าขอตัวก่อน เดี๋ยวเจอกัน”�
นุชพูด พร้อมกับหันมายังจักกฤษด้วยรอยยิ้ม นุชรีบเดินจากคนทั้งสองไปทันที
�
“พ่อคะ น้านุชนี่ดูๆ แล้วไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดานะคะ จีน่าสงสัยมานานแล้วค่ะ”�
จีน่าพูดด้วยสีหน้าสงสัยเมื่อนุชเดินจากไปแล้ว จักกฤษนิ่งเงียบ พร้อมกับมองไปยังโต๊ะอาหารซึ่งถูกจัดเข้าที่อย่างดีสวยงามไม่มีที่ติ เป็นไปได้หรือที่ชาวบ้านธรรมดาอย่างที่นุชพูดจะจัดได้สวยงามอย่างนี้
�
“คุณพ่อ คะ...”
�จีน่าร้องทัก เมื่อสังเกตเห็นผู้เป็นพ่อเงียบไป�
“อืม �ว่าไงลูก”
�พร้อมกับหันมายิ้ม
�
“ไปดูน้องสร้อยกันดีกว่าค่ะ ป่านนี้คงนั่งอยู่ในบ้านแล้ว”
�จีน่าพูดด้วยสีหน้ายิ้มๆ จักกฤษทำตาโต�
“อืม นั่นซิ ลืมนึกถึงลูกสร้อยไปเลย คิดถึงแทบแย่”�
พูดพลางรีบเดินไปพร้อมๆกับจีน่าทันที
.....................................................
��� “สวัสดีค่ะ คุณพ่อ”�
สร้อยยกมือไหว้เคารพผู้เป็นพ่อ เมื่อจักกฤษเดินเข้ามาในบ้านซึ่งเป็นมุมห้องรับแขก จักกฤษยิ้มสดชื่นดีใจเมื่อเห็นลูกสาวซึ่งจากไปนาน พร้อมเดินเข้ามาหาแล้วกอดไว้ด้วยความรัก สร้อยนิ่งเงียบไม่มีคำพูดและไม่มีแม้รอยน้ำตา
�
“เป็นไงบ้างลูก� คิดถึงพ่อบ้างไหม”
�จักกฤษพูด สร้อยผละออกมาจากอ้อมกอดเบาๆ เงยมองผู้เป็นพ่อด้วยแววตานิ่งเงียบมีรอยยิ้มเป็นเพียงคำตอบเล็กน้อย�
“สวัสดีครับพ่อ”
�เสียงพจน์ดังขึ้นมา ทำลายความเงียบระหว่างสองพ่อลูกไปในทันที
�
“อืม สวัสดีลูกพจน์ ทำไมมาช้าะลูก”
�จักกฤษพูดทักทาย พจน์มองนาฬิกาตัวเองด้วยสีหน้างง
�
“ไม่ได้สายนะครับ มาก่อนเวลาด้วยซ้ำ”�
พจน์อธิบาย
�“จริงเหรอ สงสัยพ่อคิดถึงลูกสร้อย เลยใจร้อนไปหน่อย”
�จักกฤษณ์พูดพร้อมกับหันมามองสร้อยด้วยรอยยิ้มดีใจ พจน์ถึงกับยื้มในคำพูดของผู้เป็นพ่อ หากแต่สร้อยยังคงนิ่ง
�
“มัวคุยอะไรกันอยู่ ครอบครัวบ้านฟ้าใส”
�นุชเดินเข้ามาเมื่อเห็นทั้งครอบครัวยืนคุยกันอยู่�
“หิวกันหรือยังคะ ตอนนี้ก็ได้เวลาแล้ว อากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยากำลังสบายค่ะ”�
นุชพูดด้วยรอยยิ้ม
�
“�ผมชักจะหิวแล้วหละ “�
จักกฤษพูด พลางรีบเดินนำไปทันที พจน์มองสังเกตสร้อยเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
�
“น้องสร้อย”�
พจน์พูดพร้อมกับสะกิดสร้อยให้เดินตามมาไปทันที
���������������������������������������������� เมื่อถึงวันที่ต้องยอมรับความจริง
���������������������������������������������� ทุกสิ่งก็ต้องเป็นไปตามกฎเกณฑ์
��������������������������������������������������������� ......................................
�
ความคิดเห็น