ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ด้วยสองมือแม่ผู้สร้างโลก

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 น้ำตาร่วงบนหลุมศพ

    • อัปเดตล่าสุด 27 มี.ค. 51


                                                                  
                                                                        บทที่ 1
      

     

        เสียงไก่แข่งกันขันหลายสิบตัว ดังมาจากท้องทุ่งนา ในขณะที่ท้องฟ้าเริ่มมีแสงสว่าง น้ำค้างหยดลงบนพื้นสร้างความชุ่มฉ่ำให้กับพื้นดิน กลิ่นอายควันไฟที่สุมให้วัวควายตามคอก ค่อยๆจางลง หมอกอายความหนาวเริ่มจาง  เมื่อมีแสงทองริมขอบฟ้าค่อยๆชัดเจนขึ้นทีละนิด

              เสียงนกกาเริ้มร้องและออกบินว่อนออกจากรังเพื่อพบกับวันใหม่ เสียงวัวความเริ่มร้องและออกเดินนำเจ้าของไปตามท้องทุ่งนาที่เขียวขจีอยู่เบื้อหน้าชัดเจน

     

              ณ หมู่บ้าน ม่วงทวน

                       เสียงอาซาน (เสียงเรียกร้องให้ผู้นับถือศาสนาอิสลามทำการละหมาด) ดังมาจากมัสยิดของหมู่บ้าน ในเช้าตรู่ของวันสำคัญอิสลิลาม  วันฮารีรายอ   (หลังจากที่ได้ถือศิลอดมาหนึ่งเดือนเต็ม) วันนี้ทุกบ้านจะทำอาหารมารับประทานรวมกันที่มัสยิด ซึ่งเป็นที่ทุกคนมารวมตัวกันเพื่อรับฟังคำสั่งสอนตักเตือนจาก โต๊ะอีหม่าม (ผู้นำในศาสนา) หลังจากนั้นจะมีการเยี่ยมเยียนกุโบร์ (หลุมศพ) ของผู้ที่ได้ล่วงลับไปแล้ว

                        ในขณะที่ทุกคนกำลังกุลีกุจอทำอาหารกันอยู่นั้น ณ บ้านหลังเล็กๆ ซึ่งตั้งอยู่ในสวนยางพาราห่างจากถนนทางเข้าหมู่บ้านและผู้คนมากนัก มีเด็กน้อยอายุประมาณ 7 ขวบแต่งชุดโต๊บ (ชุดเสื้อลึกถึงตาตุ่มของชาวอาหรับ)สีขาวเก่าๆพร้อมหมวกสีขาวหม่นๆตั้งอยู่บนศีรษะ ยืนชะเง้อไปมา หูก็ได้ยินเสียงตามสายเป็นระยะๆ

     
    แม่ทำไรอยู่นะ...ยังไม่กลับมาอีก ช้าจังเลย
     เด็กชายบ่นพึมพำเพียงลำพังสีหน้าเริ่มไม่มีรอยยิ้มให้เห็นอีกเมื่อได้ยินเสียง กอมัด (เสียงเรียกร้องเพื่อให้รู้ว่าได้เวลาละหมาด) ดังมาจากมัสยิด หนูน้อยหันมองไปยังสวนยางอีกครั้งด้วยสีหน้าเศร้า  ยิ่งนัก พลางถอนหายใจ
     
    แม่ครับผมไปมัสยิดก่อนนะแม่
     เด็กน้อยพูดขึ้นด้วยสีหน้าหงอยๆ แล้วรีบเดินออกจากบ้านซึ่งไม่เหมาะที่จะใช้กับคำว่าบ้านเลย จากที่เดินช้าๆ ค่อยๆสาวเท้าเร็วขึ้น และกลายเป็นวิ่งในที่สุด 

     อับดุลเลาะห์ เร็วๆเดี๋ยวไม่ทันนะ 
    เสียงเพื่อนร่วมรุ่นดูท่าที่อายุจะไล่เลี่ยกันเรียกในขณะที่ อับดุลเลาะห์เด็กน้อยในชุดขาววิ่งออกมาสู่ถนนใหญ่ในหมู่บ้านพอดี อับดุลเลาะห์ยิ้มให้เพื่อน
     
    เอ้าเลาะห์ มาขึ้นรถมาเดี๋ยวไม่ทันนะ 
    เสียงหนุ่มวัยกลางคนเรียกอับดุลเลาะห์ดังขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มหยุดรถมอเตอร์ไซค์คันเก่าๆทันที เลาะห์ยิ้มพร้อมกับรีบวิ่งขึ้นนั่งซ้อนท้ายทันที 

    ทำไมออกมาช้าหละ เห็นทุกวันชอบไปมัสยิดก่อนคนอื่นทุกทีนี่ 
    ฮาซัน เพื่อนวัยเดียวกันเอ่ยขึ้นในขณะที่อยู่บนรถ ฮาซันยิ้มเหมือนเคย 

    ฉันรอแม่ฉันนะ แม่บอกฉันว่าจะไปมัสยิดพร้อมฉันในวันนี้ 
    อับดุลเลาะห์ พูดด้วยสีหน้าเศร้าๆ ฮาซันดูท่าที่จะเข้าใจเพื่อนดี ก่อนจะเงียบไปทันที คงปล่อยให้ความเงียบเรียกความร่าเริงกลับคืนมาอีกครั้ง เมื่อเสียงอ่านซูเราะห์ (หนึ่งบทของพระมหาคัมภีร์อัลกุรอ่านในการละหมาด) อับดุลเลาะห์อ่านตามไปเบาๆด้วยสีหน้าสดชื่นขึ้นอีกครั้ง ลืมความเศร้าเมื่อสักครู่ไปอย่างสิ้นเชิง

               เอาละรีบเข้ามัสยิดก่อนเร็วเดี๋ยวไม่ทัน 
    พ่อของฮาซันพูดด้วยรอยยิ้มเมื่อรถมาจอดอยู่ในสนามจอดรถของมัสยิดซึ่งวันนี้ลานสนามที่เคยกว้างกลับแคบลงไปถนัดตา


     
    ฮาซันเร็วๆซิ เดี่ยวไม่ทันนะ
     อับดุลเลาะห์ พูดขึ้นเมื่อรอฮาซันนุ่งผ้าโสร่งให้แน่นขึ้น 

    อืม เดี๋ยวซิผ้าโสร่งหลุดเนียะ
     ฮาซันพูดพลางจัดแจงโสร่งให้เข้าที่แล้วรีบวิ่งไปยังมัสยิดทันที

     

             มัสยิดบ้านม่วงทวน   
     
    เป็นมัสยิดที่รวมผู้คนได้เป็นหนึ่งเดียวในวันสำคัญของศาสนา โดยเฉพาะวันนี้ ผู้คนต่างมาละหมาดตั้งแต่เช้าตรู่ด้วยเสื้อผ้าขาวสะอาดตา กลิ่นน้ำหอมอบอวนไปทั่วมัสยิดผู้คนทั้งหญิงชายหรือแม้แต่เด็กเล็กต่างยืนแถวตรงหน้ากระดาน สภาพมือเกาะอกนิ่งไม่ไหวติง อับดุลเลาะห์เหลือบไปมองอีกฟากซึ่งเป็นผู้หญิงละหมาดอยู่ด้วยสีหน้าเศร้ายิ่งนัก ฮาซันสะกิดเมื่อเห็นอับดุลเลาะห์นิ่งไป อับดุลเลาะห์หันมามองฮาซันอีกครั้ง
     
    อัลลอฮูอักบัร 
    อับดุลเลาะห์ ยกมือขึ้นถึงติ่งหูพร้อมกล่าวตักบีร (การกล่าวเมื่อเริมละหมาดโดยการยกแขนทั้งสองข้างขึ้นถึงติ่งหู) สีหน้าที่เคยเศร้าเปลี่ยนเป็นนิ่งเงียบเหมือนไม่มีเรื่องราวใดๆอีกต่อไป การละหมาดดำเนินไปนานกว่า 10 นาที ทุกอย่างเสร็จสิ้นเรียบร้อย พร้อมกับรอยยิ้มที่แสนสบายใจทุกครั้งที่ได้ทำการละหมาด อับดุละเลาะยังคงหันไปมองผ้าม่านซึ่งกันระหว่างหญิงชายในมัสยิดด้วยความคิดถึงผู้เป็นแม่ยิ่งนัก


     
    อามีน 
    อับดุลเลาะห์พูดด้วยเสียงอันแผ่วเบาหากแต่ส่องแววตาอันเชื่อมันในการขอพรของวันสำคัญวันนี้

    ...........................

              เพียงครู่ใหญ่ต่อมาเมื่อเสร็จสิ้นการขอพรหลังละหมาดแล้ว ทุกคนต่างเดินทางออกจากมัสยิดมุ่งหน้าไปยังกุโบร์ (หลุมศพ) ทันที อับดุลเลาะลุกขึ้นเดินตามผู้คนซึ่งมีสีหน้าสดชื่นทักทายสลาม(การจับมือ และบางครั้งอาจเป็นการกอดกัน) 

    อัลดุลเลาะห์ มานี่ซิ 
    ฮาซันพูดเอ่ยทุกทายเมื่อสังเกตเห็นเพื่อนรักยืนมองผู้คนซึ่งกำลังเดินออกจากมัสยิดไป อับดุลเลาะห์หันมายิ้ม 

    ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวเจอกันนะ 
    อับดุลเลาะห์พูดด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่ฮาซันและพ่อเดินออกจากมัสยิดไปทันที อับดุลเล๊าะยืนนิ่งเงียบมองผู้คนก่อนจะเดินออมายังประตูห้องมัสยิดซึ่งมีอีกห้องเพื่อรอผู้ที่จะเดินเข้ามัสยิด พลางเหลือบไปเห็นที่อาบน้ำศพก่อนจะนำไปฝังซึ่งวางอยู่อีกมุมหนึ่งด้วยสีหน้าเศร้าอย่างจับใจ

             ลูกรัก การละหมาดและการขอพรจากพระเจ้าเป็นสิ่งที่ผู้ล่วงลับไปจะได้รับผลบุญโดยเฉพาะลูกที่ดีขอพรให้กับพ่อแม่นะลูก 

    เสียงของผู้เป็นพ่อยังคงเหมือนเสียงกระซิบอยู่เสมอตั้งแต่ที่ได้จากอับดุลเลาะห์ไปด้วยโรคมะเร็ง เมื่อสองปีที่แล้ว น้ำตาเออนองด้วยความเหงา พลางใช้มือสั่นเทาแตะที่อาบน้ำศพอย่างช้าๆ
     
    ลูก....สักวันพ่อก็คงต้องได้นอนบนที่อาบน้ำศพแบบนี้แหละ 
    เสียงผู้เป็นพ่อพูดขึ้นในขณะที่อีกใช้มือโอบกอดไหล่ลูกรักไว้ด้วยความรู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก หากแต่อับดุลเลาะห์ยังคงเงียบอาจเพราะยังไม่รู้สึกอะไรมากในตอนนั้น 

    และทุกคนก็คงหนีไม่พ้นเรื่องความตายนะลูก 
    ผู้เป็นพ่อยังคงพูดต่อไปอีก พลางนั่งลงช้าๆ สองมือของผู้เป็นพ่อจับอยู่ที่ไหล มองลูกรักซึ่งอยู่ในชุดเสื้อสีขาวผ้าโสร่งด้วยแววตาอันสงบนิ่ง มองมายังผู้เป็นพ่อ


    ดังนั้นคนเราต้องทำความดีอยู่เสมอนะลูก ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพไหน ความดีและความบริสุทธิใจต้องอยู่ในหัวใจตลอดเวลา เพราะความตายไม่ได้บอกวันเวลา จำไว้นะลูก 
    อับดุลเลาะห์ก้มหน้านิ่งเงียบน้ำตาเอ่อนองมือยังคงจับที่อาบน้ำศพด้วยความรู้สึกคิดถึงผู้เป็นพ่อยิ่งนัก

            อ้าวอัลดุลเลาะห์ ร้องให้ทำไมลูก

    เสียงดังมาจากด้านหลัง เมื่อสังเกตเห็นเด็กน้อยยืนร้องไห้เพียงลำพัง อับดุลเลาะห์รีบเช็ดน้ำตา แต่ยังคงนิ่งเงียบ
     
    อย่าร้องเลยลูก วันนี้วันสำคัญวันแห่งรอยยิ้มนะ ป่านนี้พ่อของลูกคงดีใจที่ลูกมาละหมาดขอพรให้พ่อแล้วหละ เสียงผู้ใหญ่ในชุดโต๊บสีขาวมีผ้าสะรอบัน (ผ้าซึ่งผู้ชายอิสลามจะผูกอยู่บนศีรษะ) พูดด้วยแววตาสงสารหนูน้อยยิ่งนัก อับดุลเลาะห์หยุดร้องไห้เงยหน้ามองโต๊ะอีหม่ามด้วยคราบน้ำตา
     
    ไปลูก ไปเยี่ยมเยียนพ่อของลูกนะ 
    โต๊ะอีหม่ามพูด พร้อมกับลุกขึ้นไปทันที เด็กน้อยใช้มือเช็ดน้ำตา มองไปยังที่อาบน้ำศพครั้งสุดท้ายแล้วค่อยๆเดินออกจากมัสยิดเพียงลำพังด้วยแววตาอันเศร้ายิ่งนัก

     ...........................

            ณ กุโบร์

      ใต้ร่มไม้ต้นใหญ่อยู่กลางพื้นที่ๆ ซึ่งได้เรียกว่าถิ่นอันสงบสุข พื้นดินขาวสะอาดอันกว้างใหญ่ มีเพียงดอกไม้และต้นหญ้ารอบๆเขตรั้วหากแต่ไม่มีแม้ต้นหญ้าสักตนบนหลุมศพกว่าหมื่นชีวิต มีเพียงตันนอ (ไม้หรือหินซึ่งทำเป็นสัญลักษณ์ไว้ที่หลุมศพ) โผล่ให้เห็นด้วยสีสันต่างๆนาๆบางหลุมก็มีขอบปูก่อสร้างไว้ตามแล้วแต่ฐานะของญาติที่ทำให้ไว้กับผู้จากโลกนี้ไป วันนี้ผู้คนต่างใส่ชุดสีขาวสะอาดตานั่งรวมกันอยู่ ในศาลากลางหลุมศพด้วยความนิ่งเงียบ โต๊ะอีหม่านเป็นคนเริ่มนำในบทพิธีกรรมทางศาสนา เสียงเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ

                 อับดุลเลาะห์เดินถึงขอบรั้วหลุมศพ มองเข้าไปด้านในซึ่งมีผู้คนต่างนั่งนิ่งเงียบ มีเพียงบางครั้งที่ได้ยินเสียงผู้คนกล่าวขอรับพรอย่างพร้อมเพรียงกัน 

    อามีน 
    อับดุลเลาะยกมือขึ้นพร้อมกล่าวขอพร หากแต่สายตายังคงจับจ้องไปยังหลุมศพของพ่อตัวเองด้วยหัวใจแทบสลาย ทุกครั้งที่ได้เดินผ่านมายังสถานที่แห่งนี้


    อ้าว อับดุลเลาะห์ เข้าไปด้านในสิ 
    เสียงชาวบ้านซึ่งยกสำหรับเข้ามาในกุโบร์เพื่อทำบุญในครั้งนี้พูดขึ้น อับดุลเลาะห์มองมาด้วยแววตาอันเศร้าน้ำตายังคงเต็มเบ้าตา 

    ครับ 
    ก่อนตอบรับเบาๆ

     .........................

       

           พ่อจ๋า..วันนี้ผมมาเยี่ยมพ่อคนเดียว ....คิดถึงพ่อมากครับ 
    อับดุลเลาะห์พูดขึ้นเบาๆสายตาจ้องมองหลุมศพพ่อ น้ำตาไหลหยดลงบนเนินดินซึ่งก่อเป็นเครื่องหมายหลุมศพ อับดุลเลาะห์แน่นิ่งไปชั่วขณะ พร้อมๆกับเสียงสะอื้นดังแรงขึ้น
     
    “อับดลเลาะห์
     เสียงเรียกของฮาซันดังขึ้นมาพร้อมกับนั่งลงใกล้ๆร่างที่สั่นระริกเพียงลำพัง 

    วันนี้วันดีนะ  อับดุลเลาะห์อย่าร้องนะเลาะห์ เดี๋ยวพ่อเลาะห์ก็เสียใจหรอก
     เสียงพูดของเพื่อนรักดังขึ้น อับดุลเลาะห์ยังคงก้มหน้านิ่งเงียบไม่มีแม้เสียงร้องอีกเลย ฮาซันเองน้ำตาเออนองเหมือนกันเมื่อมองเห็นเลาะห์ เพื่อนที่โตมาด้วยกันนิ่งเงียบ
     
    “อับดุลเลาะห์..อับดุลเลาะห์ 
    ฮาซันเรียกเลาะห์เบาๆ เลาะห์ผละสายตาจากหลุมศพผู้เป็นพ่อเบาๆพลางหันมายังฮาซัน
     
    โน้นแม่นายมามาแล้วนะ 
    ฮาซันพูดในขณะที่มองผู้เป็นแม่ซึ่งเดินอยู่บนถนนลูกรังสีแดงอย่างเร่งรีบ


     
    แม่ 
    อับดุลเลาะห์พูดออกมาเบาๆเมื่อสังเกตเห็นแม่ในชุดเสื้อผ้าที่เคยสวมใส่เมื่อปีที่แล้ว เดินตรงมาด้วยรอยยิ้ม   เด็กน้อยก้มหน้ามองหลุมศพผู้เป็นพ่อ
     
    พ่อครับ...เดี๋ยวแม่คงมาหาพ่อครับ
     เด็กน้อยพูดด้วยเสียงแหบแห้งน้ำตาไหลรินลงสู่หลุมศพอีกครั้ง ปากสั่นระริกหากแต่มีรอยยิ้มผุดขึ้นมาเมื่อเห็นผู้เป็นแม่รีบเดินมาแต่ไกล


                                                                                         ทุกศาสนาย่อมมีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ
                                                                          พุทธ มุสลิม คริสต์ ต่างก็มีความรู้สึกที่เป็นคนเหมือนๆกัน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×