หัด...วิจารณ์

ลำดับตอนที่ #2 : Pirares Of The Caribbean : At World’s End

Pirares   Of   The  Caribbean ::  At World’s  End

ผู้อำนวยการสร้าง     เจอร์รี่ บลัคไฮเมอร์    

ผู้กำกับภาพยนตร์     กอร์  เวอร์บินสกี้    

สปเชียลเอฟเฟ็กต์ซูเปอร์ไวเซอร์   จอห์น  เฟรเซียร์

นักแสดง

Johnny  Depp        ::  รับบท กัปตันแจ็ค  สแปร์โรว์    

Orlando  Bloom     ::  รับบท วิลล์ เทอร์เนอร์

Keira  Knightley    :: สาวน้อยชาวอังกฤษ ที่เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสก้าร์ จากหนัง  Pride  and  Prejudice  มาแล้ว  รับบท เอลิซาเบธ สวอนน์

Chow  Yun – Fat    ::  พระเอกรุ่นใหญ่ชาวเอเชีย ที่แจ้งเกิดในวงการฮอลลีวู้ดอย่างสวยงามจากภาพยนตร์เรื่อง Crouching Tiger, Hidden Dragon  รับบท โจรสลัดเส้าเฟย

Geoffrey  Rush      :: รับบท กัปตันบาร์บอสซ่า  และ

Jack Dawanport      ::  รับบทพลเรือเอกนอร์ริงตัน

วันนี้  (23/5/50) ได้ไปดูหนังเรื่องนี้มาฮะ  หนังโจรสลัดที่แว่วข่าวมาว่า เป็นภาคปิดท้าย ในหนังไตรภาค ที่ส่ง Pirares   Of   The  Caribbean :: Dead  Mzn’s Chest  หนังภาคสองกวาดรายได้ทั่วโลกไปแบบชิลๆ กว่าพันล้านบาท ก้าวขึ้นสู่อันดับหนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลในอันดับที่ 3  ในขณะนี้ 

สำหรับ  Pirares   Of   The  Caribbean ::  At World’s  End  หนังเปิดเรื่องกับบรรยากาศหดหู่ ของการประหารชีวิต ชาวบ้านที่ทำอะไรสักอย่างขัดกับข้อกำหนดของบริษัทอีสต์อินเดียกระมัง แต่แล้วการเริ่มต้นร้องเพลงของเด็กน้อยที่รอการแขวนเชือก กลับกลายเป็นสัญญาณเริ่มต้นเรื่องราว ..... ทั้งหมด

การนัดรวมพลของเหล่าโจรสลัดทั้งหลาย จึงบังเกิดขึ้น มันก็คงจะเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ถ้าไม่ติดตรงที่ว่า กัปตันเรือ แบล็กเพิล ติดเกาะอยู่!!   การเดินทางไปยังสุดขอบโลกเพื่อช่วยเหลือกัปตันเมายา (ด้วยเหตุผลต่างกัน) ของบรรดาตัวละครฝ่ายดีจากภาคสอง จึงเริ่มต้นขึ้น   เริ่มต้นจากการเปิดตัว โจวเหวินฟะ  และหมดหน้าที่ลงในระยะเวลาไม่นาน ในบทกัปตันเส้าเฟย หนึ่งในโจรสลัดที่ต้องเข้าร่วมการชุมนุม ผู้มีคดีกับกัปตันแจ็คอยุ่ไม่น้อย เส้าเฟยถูกขอให้ช่วยเหลือโดยการถูกขอยืมเรือโดยเอลิซาเบธ และกับตันบาร์บอสซ่า  (และการย่องขโมยแผนที่ที่ดันถูกจับได้ ของวิลล์ เทอร์เนอร์!)   

ระหว่างการเดินทางไปยังสุดขอบโลก  หนังเปิดเผยความรู้สึกส่วนลึกของตัวละครหลายตัว วิลล์ กับการไปช่วยพ่อตามที่ประกาศไว้ , เอลิซาเบธ กับความต้องการช่วยแจ็ค จากการรู้สึกผิดจากตอนท้ายในภาคที่แล้ว ,เดวี่ โจน์ กับความรู้สึกด้านงดงาม และเทีย ดัลม่า กับความจริงที่ว่าเธอคือคาลิปโซ่  ผู้ที่มีความสำคัญที่สุดในการช่วยเหลือเหล่าหัวหน้าโจรท่ำลังจะประชุมกันทันทีที่ช่วยแจ็คให้เดินทางไปด้วยได้ .... ในขณะที่ แจ็ค ต้องต่อสู้กับตัวเองที่หลอน หลอนได้ใจมากๆ  จนกระทั่งทั้งหมดมาเจอกัน และเดินหน้าสู่การเข้าร่วมประชุม

 ในการประชุมของเหล่าหัวหน้าโจรสลัดจากทั่วสารทิศ ที่สรุปโดยราชาโจรสลัดที่กลายเป็นหน้าที่ของ เอลิซาเบท สวอน ที่ได้รับหน้าที่นั้น (แทนกัปตันเส้าเฟยที่ตายไปแล้ว) ยืนคำขาดว่าจะต่อสู้กับเดวี่ โจน ที่บัดนี้กลายเป็นพนักงานคนหนึ่งในบริษัทอีสต์อินเดีย ของลอร์ด คัทเลอร์ เบ็คเก็ตต์ไปซะแล้ว

แล้วการต่อสู้ก็เริ่มขึ้น  

(ย่อเรื่องได้ห่วยมากเลยเรา ^^!)

***********************

          โดยส่วนตัวแล้ว ภาพยนตร์ไตรภาคเรื่องนี้ ในภาคแรก  (Pirares   Of   The  Caribbean :: The Durse of the Black Pearl ) เป็นเรื่องที่แต่แรกผมไม่ได้ตั้งใจไปดูเพราะจอนห์นี่ เด็ป ...แต่ตอนนี้ เพราะหมอนี่คนเดียวเลย ให้ตาย......

                แน่นอนว่านอกจากนักแสดงและความอลังการงานสร้างแล้ว ชื่อของผู้อำนวยการสร้าง อย่าง เจอร์รี่ บลัคไฮเมอร์ ที่โชวกึ๋นให้เห็นในการเป็นผู้อำนวยการสร้างหนังทำเงิน หนังเอาใจคนดู และได้ใจคนดูไปอย่างท่วมท้นอย่าง อามาเก็ตด้อน  เพิลฮาร์เบอร์ แบล็กฮอกดาวน์หรือแม้แต่ แบดบอย  และล่าสุดกับ ทรานฟอร์เมอร์ (ยังไม่ลงโรงฉาย) ก็มีส่วนสำคัญในการเรียกคนดูให้เข้าไปชื่นชม และหาความสำราญกับผลงานของเขาได้ไม่น้อย (เราละหนึ่ง - -!)หนังโจรสลัดที่ไม่ค่อยมีคนสร้างนักเรื่องนี้ จึงได้ใจและได้เงินไปไม่น้อย (เฉพาะภาคสอง ก็พันกว่าล้านเหรียญเข้าไปแล้วครับ)

                ว่ากันด้วยเรื่องของฉาก ....

ฉากที่ดูน่าสนใจ (และมีข้อมูล) ที่จะพูดถึง คือฉากแรกๆ ฉากที่เกิดขึ้นในประเทศสิงคโปร์ หรือก็คือฉากเปิดตัวกัปตันเส้าเฟย (โจวเหวนฟะ) นั่นเอง   ฉากเคเบิ้ลในเรือเอ็มเพรสของเส้าเฟยนี้สร้างขึ้นในโรงถ่าย ของดิสนีย์ และฉากสภาพแวดล้อมต่างๆ ของสิงคโปร์ในศตวรรษที่ 18  ถ่ายทำที่โรงถ่ายของ ยูนิเวอร์แซลสตูดิโอ  ที่ประกอบด้วย อาคาร 40 หลัง ท่าเรือ กระท่อม และย้านที่สร้างบนเสาสูง รวมถึงถนนและตลาดที่สร้างขึ้นเหนือแทงค์น้ำขนาด 80 x 130 ฟุต..... สำหรับฉากนี้ ผู้อำนวยการสร้างบรัคไฮเมอร์ ได้ค้นคว้าหาข้อมูลมาอย่างดี
                สำหรับฉากน้ำวนขนาดยักษ์ ที่เกิดขึ้นท่ามกลางพายุลูกโตนั้น ได้ใช้อาคาร 703  ของสถานที่ที่พวกเขาเรียกกันว่า “ไซต์ 9” โรงเก็บเครื่องบินขนาด 300 x 600 สูง 70 ฟุต ที่อยู่ในย่านทะเลทรายของปาล์เดล (เคยใช้ถ่ายเรื่อง The Terminal ด้วยละครับ)  ความอลังการงานสร้างของภาพฉากดังกล่าวที่เกิดขึ้นในหนัง ...เป็นฝีมือของ สเปเชียลเอฟเฟ็กต์ ซูเปอร์ไวเซอร์ จอห์น เฟรเชีย (เคยฝากฝีมือไว้กับ Spider – Man2) 

                แค่สองฉากที่ว่า ก็ทำเอาละลานตาไปด้วยความสมจริงสมจังไม่น้อยแล้ว ไม่นับรวมกับอีกหลายๆฉากและฉากที่ธรรมดามากๆ แต่ดันโดนใจซะงั้น ก็คือ ....ท่าเดินตากัปตันเมายา นั่นเอง เหอๆๆ

ขอขอบคุณ  ข้อมูลจากหนังสือ เอ็นเตอร์เทน ฉบับ 931   (ภาพปก Keira  Knightley)

อินทีวร