คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : เงื่อนไขข้อที่ 15 : ความฝัน
เงื่อนไขข้อที่ 15 : ความฝัน
...ที่นี่...ที่ไหน...
ยามเมื่อรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง
รอบกายกลับมีแต่สีดำปกคลุมอยู่ทั่วไปหมด
ตัวเขาที่เป็นสีขาวจึงดูโดดเด่นกว่าสถานที่แห่งนี้ขึ้นมาในพริบตา
ทว่าความสนใจของชายหนุ่มไม่ได้อยู่ในเรื่องเหล่านั้นเลย
สิ่งที่เขาสนใจคงเป็นเหตุผลที่เขามาอยู่ที่นี่เสียมากกว่า
“จำได้ว่าข้าอยู่ในสภาวะหลับใหล”
ความทรงจำล่าสุดคือตัวเขาที่ตัดสินใจหลับใหลเพื่อรักษาผนึกให้คงอยู่ต่อไป
ทำให้ตัวเองอยู่ในสภาพนิทราจนไม่รู้เรื่องราวอะไรเลยแม้แต่น้อยมาโดยตลอด
ยิ่งกับเรื่องมารู้สึกตัวจนมาเดินเล่นอยู่ในความมืดแบบนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
“หรือว่าผนึกคลายแล้ว”
ความเป็นไปได้เพียงหนึ่งที่ทำให้เขารู้สึกตัวขึ้นมา ก็คงจะเป็นข้อนี้นั่นแหละ
ทันทีที่คิดได้ ชายหนุ่มเริ่มเกิดอาการแตกตื่นขึ้นมาในทันที
“ตอนนี้ลูเซ่เป็นยังไงบ้าง”
คำถามที่ไร้ซึ่งคำตอบ ต่อให้ใจรู้ดีแต่ก็ยังคิดถามออกไป สายตาเริ่มกวาดมองไปทั่ว
หวังหาทางออกไปจากสถานที่แห่งนี้ ทว่าหูกลับแว่วได้ยินเสียงของใครบางคนแสนคุ้นเคยเข้าเสียก่อน
ชายหนุ่มถึงได้เลิกกวาดสายตามองหาอย่างไล่จุดหมาย แล้วมองย้อนกลับไปทางด้านหลัง
“ลูคัส...”
เสียงหวานที่จำได้ไม่มีวันลืมกับภาพของหญิงสาวที่อยู่ในห้วงความคิดเสมอมาปรากฏอยู่ตรงหน้า
มองดูแล้วราวกับภาพวาดที่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างไรอย่างนั้น
เพราะเหตุการณ์ที่เห็นอยู่ในตอนนี้คือภาพความทรงจำในอดีตของเขานั่นเอง
เธอที่ก้มลงมองเด็กน้อยที่หลับใหลไปแล้วด้วยความเป็นกังวล
เอ่ยเรียกเขาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรง สภาพร่างกายทรุดโทรมลงไปมากเพราะโรคร้ายที่เป็นอยู่จนแทบลุกจากเตียงนอนไม่ขึ้น
ทว่าในค่ำคืนนั่นเธอกลับฝืนตัวเองมาที่ห้องนอนของลูเซ่
“ผนึกจะถูกทำลาย ฉันคงไม่อาจอยู่ช่วยอะไรคุณได้
ตัวคุณเองก็คงไม่สามารถช่วยเหลือลูกอะไรได้มากเช่นกัน
ตามเรื่องเล่าขานที่สืบทอดกันมาในตระกูล ทางเดียวที่ช่วยเหลือเขาได้
จำเป็นต้องหาผู้กล้าให้พบ นี่ถือเป็นคำขอสุดท้าย
คุณช่วยตามหาผู้กล้าให้เด็กคนนี้ที” ราวกับเป็นคำทำนายแต่ในขณะเดียวกันมันก็คือคำขอร้องสุดท้ายอีกด้วย
เพราะหลังจากนั้นเพียงสองวัน ภรรยาแสนรักของเขาก็ได้จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ
หลังการตายของภรรยา
เขาถึงได้เดินทางมายังโลกมนุษย์เพื่อตั้งใจออกตามหาตัวผู้กล้ามาโดยตลอด เบาะแสในการตามหาก็อาศัยเพียงคำใบ้จากเซร่า
“คู่รักที่จะช่วยเหลือคุณในยามยากโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน”
ด้วยคำใบ้นี้
เขาออกค้นหาไปเสียทั่วแต่กลับไม่พบเลย จนเวลาไม่รู้เลยผ่านมาเนิ่นนานเท่าไร
เขาเริ่มหมดกำลังใจแต่แล้วในขณะที่เขาได้รับบาดเจ็บมาด้วยความบังเอิญ เขากลับพบคู่รักคู่หนึ่งมาช่วยรักษาบาดแผลและช่วยเหลือทุกอย่างโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน
ในตอนนั้นเองเขาถึงได้รู้ตัวแล้วว่าได้พบสิ่งที่ตามหาแล้ว
ทว่าในตอนนั้นเขารู้ตัวดีว่าผนึกอ่อนแรงลงไปมาก
หากไม่ทำอะไรสักอย่าง ผนึกคงคลายในเร็ววัน ถึงได้ตัดสินใจเดินทางไปหาเพื่อนสนิทอย่างแอสเทอร์เพื่อขอคำแนะนำ
“เตรียมการเอาไว้ขนาดนี้
ลูเซ่คงไม่เป็นอะไร” หลังนึกย้อนไปถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ตัวเองเคยทำมา
ลูคัสถึงกับรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาเล็กน้อย
ความกังวลใจเมื่อครู่เริ่มเบาบางลงแต่ก็ยังคงมีอยู่ดี
ถึงอย่างนั้นสภาพจิตใจเขาก็ดีกว่าตอนแรกมากนัก ทำให้สามารถเรียกเอาความเยือกเย็นของตัวเองคืนกลับมาได้บ้างแล้ว
“แล้วจะออกไปจากที่นี่ยังไงล่ะ”
สิ่งที่ต้องคิดหาคำตอบเป็นการด่วน
ต่อให้ตัวเองเตรียมการเพื่อลูกชายตัวเองไว้หลายอย่างแล้วก็ตาม
ใจมันก็ยังอดนึกเป็นกังวลไม่ได้อยู่ดี สายตาก็เริ่มกวาดมองสำรวจสถานที่แห่งนี้อีกครั้ง
“ก็แค่ตื่นยังไงล่ะค่ะ”
เสียงหวานดังบอกมาจากทางเบื้องหลัง
ลูคัสหันไปมองด้วยความตกใจอยู่ไม่น้อยกับเสียงที่ได้ยิน
แล้วยิ่งต้องตกใจมากขึ้นไปอีก เมื่อได้เห็นว่าใครกันที่มาปรากฏร่างอยู่ต่อหน้าเขา
“เซร่า...”
“ขอบคุณสำหรับความเหนื่อยยากที่ผ่านมานะคะ”
ใบหน้างดงามประดับรอยยิ้มอ่อนหวานขึ้นพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ลูคัสจนตอนนี้ยืนอยู่ห่างเพียงไม่กี่ก้าวแล้วเท่านั้น
แต่ดูเหมือนฝ่ายชายจะยังอึ้งค้างไม่หาย ถึงได้ไม่มีปฏิกิริยาใดตอบรับกลับมาเลย
“เดี๋ยวลูเซ่จะหัวเสียจนทำลายข้าวของเอาได้นะคะ
ถ้าคุณยังไม่รีบตื่นอีกน่ะ”
ว่าออกมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูดุขึ้นมาเล็กน้อยแต่ใบหน้ากลับยิ้มแย้ม
ความน่ากลัวของมันจึงแทบไม่มีหลงเหลืออยู่เลย และสิ่งที่เซร่าพูดออกมาทั้งหมดเอง
เขาก็แทบที่จะไม่ได้ฟังมัน นอกจากความดีใจที่ได้พบหน้าอีกฝ่ายอีกครั้ง
“ข้าคิดถึงเจ้า” น้ำเสียงนั่นช่างฟังดูโศกเศร้ายิ่งนัก
เต็มไปด้วยความคิดถึงและโหยหา เซร่าถึงกับยิ้มบางด้วยความเหนื่อยใจ ก่อนเดินเข้าไปใกล้และกอดอีกฝ่ายเอาไว้แน่น
“ฉันเองก็คิดถึงคุณค่ะ
แต่ตอนนี้คุณยังมาฝั่งนี้ไม่ได้นะคะ” อ้อมกอดแสนอบอุ่น
ความรู้สึกแบบเดียวกับตอนที่มีชีวิตอยู่ไม่มีผิด ลูคัสแทบไม่อยากจากอ้อมกอดนี้ไปไหนแต่ก็รู้ดีว่าตัวเองคงทำเช่นนั้นไม่ได้
“ข้ารู้...”
ตอบรับเสียงแผ่วอย่างยอมรับพร้อมขยับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นไปอีก
ใบหน้าซุกลงกับเส้นผมสีแดงเป็นประกายงดงามของอีกฝ่ายด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ
“กลับไปได้แล้วนะคะ”
ผละออกห่างจากกัน สายตาสองคู่สบมองกันด้วยความคิดถึง
มือที่กุมเอาไว้อยู่เริ่มคลายออกอย่างเชื่องช้า
ราวกับต้องการยืดช่วงเวลานี้ออกไปให้นานที่สุด
“แล้วฉันจะรอค่ะ” รอยยิ้มอ่อนหวานจะยังคงตราตรึงอยู่ภายในหัวใจเขาไม่มีวันลืม
ลูคัสแย้มรอยยิ้มขึ้นอย่างเศร้าสร้อยพร้อมหลับตาลง ริมฝีปากกระซิบถ้อยคำบอกออกไปแผ่วเบา
“แล้วในสักวันหนึ่ง
ข้าจะตามเจ้าไปอย่างแน่นอน”
เมื่อสติคืนกลับมาอีกครั้ง
เสียงแรกที่ได้ยินหลังจากรู้สึกตัว คือเสียงเอะอะโวยวายของคนที่คุ้นหูดีและไม่คุ้นหู
ดังอยู่ใกล้ๆ เหมือนอยู่แค่ข้างเตียง ลูคัสตัดสินใจพยายามลืมตาขึ้นอย่างยากลำบากแต่พอลืมตาขึ้นแล้ว
เขาต้องหลับตาลงไปใหม่แล้วกระพริบตาอยู่แบบนั้นสักพัก
เพื่อปรับความคุ้นชินของสายตา
พอเริ่มชินกับแสงสว่างภายในห้อง
ภาพที่เห็นก็เล่นทำเอาเขานึกอ้าปากค้างไปด้วยความตกใจอยู่ไม่น้อย
เพราะภาพที่เห็นคือสภาพหนังสือที่น่าจะเก็บอยู่ในชั้นเป็นอย่างดีกำลังลอยข้ามเตียงเขาไปมา
แน่นอนว่าผู้หยิบมาปาเล่นก็ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นลูกชายของเขาเอง
เห็นท่าทางยังแข็งแรงดีแบบนี้
อีกทั้งบาดแผลตามตัวแทบไม่มีปรากฏให้เห็น
มันทำให้เขารู้สึกว่าไอ้ที่นึกห่วงอยู่ก่อนหน้านี้มันเสียเปล่าพิลึก
แล้วพอหันไปมองคนที่เป็นเป้าหมายแล้ว สภาพของเรอเน่ดูน่าเป็นห่วงมากกว่าอีก
ตามตัวมีหลายจุดที่ใช้ผ้าพันแผลพันปิดไว้
บางส่วนก็ปล่อยเปิดเพราะมันเป็นแค่แผลถลอกเล็กน้อย
ส่วนอีกคนที่ไม่รู้จักแต่มีชะตาเดียวกับพ่อบ้านประจำตัวลูกชายเขา
มีสภาพแทบไม่ได้ต่างกันมากนัก
“มาร้องมี้ๆ อยู่ได้ น่ารำคาญ!” ต่อให้บาดเจ็บกันอยู่ แต่บาดแผลมันคงเล็กน้อยเกินไป
ถึงได้ไม่มีผลอะไรต่อคนทั้งสามเลย
ในทางกลับกันยังมีแรงเหลือมาทะเลาะกันได้อีกต่างหาก
“เรื่องของข้ามี้!” ดูท่าทางแล้วคงจะไม่มีใครสนใจตัวเขาที่ลุกขึ้นมานั่งอยู่เลยสักคน
หลังคิดแบบนั้นไปได้ไม่กี่นาที เสียงของคนที่เขาไม่รู้จักก็ดังขึ้น
หยุดทุกการกระทำที่เกิดขึ้นภายในห้องได้เป็นอย่างดี
“คุณพ่อของลูเซ่ฟื้นแล้ว!” จากเป็นธาตุอากาศอยู่นานก็กลายเป็นจุดสนใจภายในพริบตา
หลังเด็กหนุ่มหน้าหวานพูดขึ้น เพียงเท่านี้ทุกสายตาที่ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาก่อนหน้านี้
ก็เริ่มหันมาให้ความสนใจเขากันแล้ว
“กว่าจะฟื้นได้นะท่านพ่อ”
คำทักทายแรกจากลูกชาย หลังตัวเองหลับมาไม่รู้กี่ปี
ลูคัสถึงกับคิ้วกระตุกไปด้วยความหงุดหงิดแล้วก่อนที่เขาจะได้ว่าโต้ตอบอะไรกลับไป
เรอเน่ที่ยังคงไม่ลืมฐานะตัวเองรีบกล่าวดักขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“ท่านคงจะหิว
เดี๋ยวข้าไปบอกท่านแม่ให้ทำอาหารมาให้นะครับ” ว่าจบก็รีบเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
โดยมีเด็กสาวเดินตามติดออกไปด้วยอีกคน ราวกับต้องการหลบหน้า ไม่อยากพบเจอ
แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้นจริง เขาก็ไม่คิดเก็บมาใส่ใจ
สายตาหันมามองเด็กหนุ่มที่กำลังเดินเข้ามาในห้องด้วยความสนใจ
“นั่นผู้กล้าของเจ้าสินะ”
เป็นมนุษย์เพียงหนึ่งในทีนี้ ทำให้เดาได้ไม่ยาก
ถึงอย่างนั้นก็ยังคิดถามออกไปเพื่อความมั่นใจ
สายตาก็คอยมองตามเด็กหนุ่มที่เดินไปหยุดยืนอยู่ข้างลูกชายเขา
“ผมอลิซ เนียร์ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
พอรู้ตัวว่าเป็นที่สนใจอยู่
อลิซแย้มรอยยิ้มขึ้นอย่างงดงามพร้อมเอ่ยแนะนำตัวออกไปอย่างสุภาพ
ลูคัสพยักหน้ารับเป็นการรับรู้ก่อนหันมามองหน้าลูกชายที่ไม่ได้เอ่ยตอบคำถามอะไรเขาสักคำ
แล้วจึงหันกลับมามองเด็กหนุ่มอีกครั้งเพื่อพูดคุยต่อ
“ลูกชายข้าคงสร้างความลำบากให้แก่เจ้าไว้มากเลยสินะ
ก็เล่นนิสัยเป็นคนขี้ใจร้อน ชอบใช้กำลัง ขี้หงุดหงิดง่าย”
รับรู้ได้ถึงสายตาแสดงความไม่พอใจจากลูกชายได้ในทันที
ดูเหมือนไม่พอใจที่เขาพูดจาเสียๆ หายๆ ต่อหน้าคนอื่น ทว่าพอได้ยินในสิ่งที่อลิซพูด
ท่าทางอารมณ์ของลูเซ่จะดีขึ้นมาจนน่าตกใจ
“ไม่หรอกครับ
เป็นผมเองต่างหากที่สร้างความเดือดร้อนให้
ต้องขอบคุณลูเซ่ที่คอยช่วยเหลือผมมาโดยตลอด” ดูจากท่าทางของอลิซแล้ว
คงจะพูดออกมาจากใจจริงไม่ได้เสแสร้ง แถมใบหน้าแสดงความรู้สึกผิดออกมาอีกต่างหาก
“เรื่องทักทายเอาไว้ที่หลัง
ท่านพ่อข้ามีเรื่องข้อร้อง” จบการทำความรู้จักกันเพียงเท่านี้
เมื่อลูกชายคนสำคัญเขาต้องการเปลี่ยนเรื่อง ลูคัสเพียงนิ่งเงียบไม่ได้พูดอะไรออกไป
นอกจากรอให้ลูเซ่เป็นฝ่ายเปิดปากพูดขอถึงสิ่งที่ต้องการออกมาก่อน
แล้วดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ว่าเขาคิดยังไงถึงได้พูดออกมาเลย
“ข้าอยากไปผจญภัยกับอลิซ
อนุญาตข้าได้ไหม” น้ำเสียงแสดงความจริงจัง หมายบอกให้รู้ว่าเรื่องที่เอ่ยขอออกไป
เจ้าตัวจริงจังกับมันมากขนาดไหน ลูคัสนิ่งคิดไปเล็กน้อยว่าควรให้ดีหรือไม่
แต่พอสายตาหันไปเห็นใบหน้าแลดูเป็นกังวลของอลิซเข้าแล้ว
“ก็เอาสิ”
ยอมอนุญาตออกไปอย่างง่ายดาย เพราะคิดว่าหลังจากนี้ โอกาสที่จะได้เจอกันคงยากขึ้น
ให้ไปเที่ยวเล่นด้วยกันสักพักก่อนจากกันคงเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย
แล้วเหมือนลูกชายเขาจะไม่เชื่อว่าเขายอมอนุญาตให้ไปจริง
ถึงได้เอ่ยถามย้ำอย่างไม่แน่ใจ
“ท่านพ่อแน่ใจแล้วนะครับ”
ถามย้ำราวกับไม่แน่ใจถึงสิ่งที่เขาได้เอ่ยบอกออกไปว่ามันเป็นความจริง
ลูคัสถึงกับเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความสงสัย แต่ก็ยอมเอ่ยยืนยันถึงสิ่งที่ตัวเองได้กล่าวออกไปแล้วอีกครั้งหนึ่ง
อย่างพยายามไม่คิดมากอะไร
“แน่ใจสิ” ยืนยันออกไปขนาดนี้ก็สมควรเชื่อได้แล้ว
ว่าเขายอมอนุญาตให้ไปแล้วอย่างแน่นอน แต่ดูเหมือนลูเซ่จะยังต้องการความมั่นใจอยู่อีก
ถึงได้เอ่ยอ้างไปถึงตำแหน่งที่ปัจจุบันมันก็แค่ในนาม
“ราชาพูดแล้วไม่คืนคำนะครับ” มาถึงตรงนี้จากพยายามไม่คิดมากอะไรก็เริ่มขึ้นขึ้นมาบ้างแล้ว
ว่าลูเซ่มีจุดประสงค์อะไรแอบแฝงอยู่หรือเปล่า
สายตาเริ่มมองใบหน้าของลูกชายตัวเองที่ยังคงดูจริงจังเช่นเก่า
ก่อนเลื่อนมามองหน้าอลิซแทน
ก็พบว่าแทนที่สีหน้าจะเปลี่ยนเป็นโล่งใจเพราะเขาได้เอ่ยคำอนุญาตออกไปตั้งแต่ต้น
กลับกลายเป็นสีหน้าที่แลดูหนักใจก็ไม่ใช่ รู้สึกผิดก็ไม่เชิง
...ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้น...
“ไม่คืนคำแน่นอน” ปากบอกออกไปแบบนั้น
แต่ด้วยสีหน้าของอลิซ มันก็ทำให้เขาเกิดคำถามขึ้นในใจทันที
ทว่ายังไม่ทันต้องนึกหาคำตอบให้ปวดหัวเล่นไปมากกว่านี้
คำตอบถึงสิ่งที่เขาสงสัยอยู่ก็ได้หลุดออกจากปากของลูกชายตัวเอง
“งั้น...
เรื่องซ่อมบ้านก็ฝากท่านพ่อด้วยนะครับ” ฟังแล้วถึงกับนิ่งเงียบไปสักพัก
ปากก็หลุดถามออกไปคล้ายไม่เข้าใจถึงสิ่งที่ลูเซ่พูด
“หมายความว่าไง”
ต้องการคำอธิบายเป็นการด่วน แต่สายตาไม่ได้มองไปที่ลูเซ่ เขาเลือกหันไปมองที่อลิซแทน
ราวกับล่วงรู้ได้ว่าคนที่จะตอบคำถามเขาได้คือเด็กหนุ่มผู้นี้แทนที่จะเป็นลูกชายของเขา
“เอ่อคือ... เรื่องเป็นอย่างนี้ครับ”
เรื่องราวการต่อสู้ระหว่างมังกรดำถูกเล่าออกมาให้รับฟัง
ทำให้เขารู้ว่าพื้นด้านล่างของเกาะลอยฟ้าทั้งหมด
รวมไปถึงสวนหลายส่วนเสียหายในชนิดที่ว่าย้ายบ้านยังง่ายกว่าซ่อม
แต่พอได้ยินว่าร่างของมังกรดำสลายหายไปหลังจากอุปกรณ์เวทที่ได้มาจากผู้กล้ารุ่นแรกทำงาน
เรื่องนี้ถือเป็นข่าวดีเพียงหนึ่งจากข่าวร้ายทั้งหมด
หลังรับฟังเรื่องราวทั้งหมดมาจากอลิซ
มาตอนนี้เขาเข้าใจได้แล้วว่าทำไมลูเซ่ถึงได้ถามย้ำอะไรเขาหลายรอบแบบนั้น
แต่กว่าจะมารู้ตัวมันก็หลังจากที่เขาโดนลูกชายหลอกตอบให้ตกลงไปเสียแล้ว
“...”
ลูคัสถึงกับนิ่งแข็งเป็นหินไปพักใหญ่
ปากปิดเงียบราวกับลืมเสียงพูดของตัวเองไปชั่วขณะ
เมื่อค้นพบแล้วว่าปัญหาที่เขาต้องรับมือหลังลืมตาตื่นขึ้นมามันเยอะกว่าที่คาดไว้นัก
ภายในใจก็ได้แต่กรีดร้องกับตัวเองด้วยความรู้สึกอยากหนีออกไปจากความจริงนี้เสียเหลือเกิน
...ให้ข้าอยู่ในสภาพนิทราต่อเถอะ!...
มุมน้ำชา
ในตอนหน้าก็เป็นบทส่งท้ายแล้วค่ะ ในที่สุดเรื่องราวของหนุ่มน้อยอลิซ ผู้กล้าที่เหมือนจะไม่ใช่ผู้กล้าสักเท่าไรก็จะได้จบลงเสียทีเนอะ ขอบคุณคนที่ติดตามอ่านผลงานเรานะคะ
ความคิดเห็น